การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 1
https://ppantip.com/topic/37061562
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 1)
https://ppantip.com/topic/37062561
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 2)
https://ppantip.com/topic/37066188
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 1)
https://ppantip.com/topic/37106353
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 2)
https://ppantip.com/topic/37400761
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 3)
https://ppantip.com/topic/37418945
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 4 , จบตอนที่ 3)
29 พฤศจิกายน 2006, 07.00 น.
เขามาถึงสนามบินอาร์ลันดาร์พร้อมกับสภาพร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทางยาวนานกว่าสิบชั่วโมง เขายังปรับตัวกับเวลาและสภาพอากาศหลังจากที่ออกนอกเครื่องบินไม่ได้ กลิ่นของเฟอร์นิเจอร์ในอาคารผู้โดยสารขาเข้าซึ่งทำจากไม้สนเป็นส่วนใหญ่ดุนจมูกของธเนศ เขาส่ายหัวไปมากับกลิ่นพวกนี้ หลังจากรับประเป๋าเสร็จสิ้น เขาซื้อตั๋วรถไฟอาร์ลันดา เอ็กซ์เพรส มุ่งหน้าไปยังสถานีสต็อคโฮมเซ็นทรัล ขบวนรถไฟความเร็วสูงใช้เวลายี่สิบนาที ไม่ขาดไม่เกิน ธเนศไม่ได้หลับระหว่างทาง เขาหวนนึกถึงคืนวันเก่า ๆ ที่ได้ใช้ชีวิตของเขากับรินะ ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของเมือง สตัดสฮิวเส็ทหรือหอประชุมเมืองจะตั้งตระหง่านอยู่ท้าทายเส้นขอบฟ้าที่แจ่มใสเสมอ
เขาเข็นกระเป๋ายี่ห้อริโมว่าทรงโตเคลื่อนล้อข้ามสถานีรถไฟเพื่อหาโรงแรมสักแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าในเวลาเช้าแบบนี้จะไม่มีโรงแรมใด ๆ ที่เปิดให้เขาเช็คอินและเข้าไปพักผ่อน แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าในช่วงเช้าและบ่ายนี้เขาจะเดินชมรอบ ๆ เมืองสต็อคโฮล์มเสียหน่อย ทั้งที่เขาเองก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน แต่การจากเมืองนี้ไปเป็นเวลาหนึ่งปีก็ทำให้เขาอดคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ของเมืองนี้ไม่ได้ ท่ามกลางอากาศหนาวหนึ่งองศาในตอนเก้าโมงกว่า เขาเดินข้ามไปจองห้องพักที่โรงแรมเทอร์มินัส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟนั้นเอง ธเนศแจ้งแก่พนักงานว่าเขาต้องการจะอยู่ที่นี่ห้าคืน จากนั้น ก็เป็นเวลาที่เขาควรจะพักผ่อน เพราะในอีกสองวันต่อจากนี้ หากคำพูดของนิรุตต์มีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง ธเนศก็คงได้พบกับรินะ หญิงสาวซึ่งถูกฆาตกรรมในปีก่อนนี้เอง และเขาคงจะได้ใช้เครื่องย้อนเวลาที่ว่า การจัดการทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น
หลังจากทำธุระเสร็จสิ้น ธเนศออกเดินและขึ้นรถประจำทางลงไปยังป้ายกัมลา สตันอีกครั้ง แต่ในวันนี้ เขาไม่ได้ต้องการจะไปดูลาดเลาของร้านอาหารที่ว่านั้น กลับกัน ธเนศเดินเท้าเป็นเวลาสิบนาทีเพื่อขึ้นเรือข้ามฟากเกาะยูร์กอเดิน ที่ที่เขาจะพบกับกวางบนอุทยานธรรมชาติ ธเนศเช่าจักรยาน ปั่นเพื่อผ่อนคลายความสับสนในใจจากตนเอง การผจัญภัยของเขาในวันนี้คงหลีกหนีไม่พ้นละแวกนี้ เพราะในตลอดทั้งวัน เขาเพลิดเพลินกับการเดินทอดน่องระหว่างเกาะยูร์กอเดิน เกาะเชพพ์สฮอลเมิน ก่อนที่ตะวันจะคล้อยลง เขาก็หยุดอยู่ที่โรงอาบน้ำใต้ถนนเซอร์เดอร์ เขาผ่อนคลายตัวเองหลังจากเดินเมื่อยล้ามาทั้งวันด้วยการนั่งแช่อยู่ในห้องอบไอน้ำ ห้องอบไอน้ำที่นี่ถือเป็นสวรรค์ของคนที่นี่ท่ามกลางฤดูหนาว ผู้คนคลาคล่ำ เสียงพูดคุย และเสียงของดนตรีริมถนนดึงดูดให้ธเนศรีบชำระล้างร่างกายและแต่งตัวให้เสร็จเร็วไว เขาทอดกายเอนลง จิบเบียร์อุ่น ๆ พลางมองวณิพกเล่นดนตรีเปิดหมวก เมื่ออกออกไปนอกเวิ้งของอ่าว จะเห็นเรือลำน้องใหญ่จอดเรียงราย เรือบางลำก็เป็นเรือจำลองโบราณ ธเนศพยายามนึกถึงชาวไวกิ้งซึ่งปักฐานอยู่ที่นี่ มันคงจะดีไม่น้อยหากเก้าอี้ข้าง ๆ เขาจะมีสาวคนใดสักคนข้างอยู่เคียงข้างเขา นับเป็นเวลาเนิ่นนานที่ธเนศไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิง เขาเหงา และว้าเหว่ บางทีเขาก็คิดในใจว่าเหตุใดดวงอาทิตย์ที่นี่จึงตกเร็วนัก เพราะยังไม่ทันสี่โมงครึ่ง ท้องฟ้าก็มืดมิดหมดเสียแล้ว แต่ความเหงาก็รั้งเขาและแอลกอฮอล์ในเย็นวันนั้นไว้ เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีกิจกรรมใดทำต่อหลังจากนี้ แต่การเดินทางกลับโรงแรมในตอนนี้คงเป็นเรื่องน่าเบื่อกว่าสิ่งใด ๆ ธเนศอยู่ที่ถนนเซอร์เดอร์จนถึงหนึ่งทุ่ม
2 ธันวา 2006, 18.06 น.
ในคืนก่อนหน้า ธเนศนอนไม่หลับทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสาง เขาฝืนหนังตาตนเอง และขยับกายขึ้นจากเตียง ก่อนที่ดวงวิญญาณจะล่องลอยอีกครั้ง ตลอดทั้งวันนี้ธเนศแทบไม่เป็นอันทำอะไร เขาวนเวียนอยู่แต่ละแวกสถานีกลางสต็อกโฮล์ม ธเนศมัวแต่กังวลว่าหากเขาพรากเวลานาทีทองไป สิ่งที่นิรุตต์กับเขาได้เรียนรู้วิธีการย้อนเวลามาจะสูญเปล่า ธเนศหยิบเครื่องย้อนเวลาที่มีหน้าตาคล้ายเพจเจอร์รุ่นพ่อมาจดจ้องอีกครั้ง ทบทวนเงื่อนไขและวิธีใช้ตามคำบอกของนิรุตต์ ทั้งเรื่องการย้อนเวลาทั้งสองครั้งโดยต้องภายใต้เงื่อนไขวัน เดือน ปีเดียวกัน เขาตระหนักเรื่องนี้เป็นสำคัญยิ่ง เพราะเครื่องย้อนเวลาจะทำลายตัวลงด้วยตัวมันเองหากใช้เกินเงื่อนไขที่ว่า
ตลอดวันที่ผ่านมา เขาวนเวียนอยู่กับร้านอาหารใกล้ ๆ สถานี กับกาแฟเพื่อช่วยกระตุ้นร่างกาย หากใช่จิตใจที่ร้อนรนแต่อย่างใด
พระอาทิตย์ในฤดูหนาวของประเทศสวีเดนมีเวลาสั้นกว่าฤดูใด ๆ ในวันนี้ก็เช่นกัน ท้องฟ้าในกรุงสต็อกโฮล์มมืดสนิทตั้งแต่สี่โมงเย็นมาแล้ว อากาศค่อนข้างหนาว แต่ไม่มีหิมะในวันนี้ เพราะลมทะเลได้พัดพาเอาความชื้นเข้ามา ธเนศเดินทางถึงย่านกัมลา สตันแล้ว สืบเท้าอย่างเร็วและมั่นไปยังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ร้านอาหารอีกต่อไปแล้ว เขาสังเกตเห็นว่ามันเป็นห้องแถวร้างเพียงห้องเดียวในละแวกซึ่งถูกปิดตายด้วยแผ่นกระดาษสีดำมืดตรงกระจกบานใหญ่ ดูท่าว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในห้องแถวสูงสามชั้นหลังนี้เลย ธเนศพยายามจดจ้องไปยังสิ่งของที่วางอยู่ข้างใน เขาไม่พบอะไรในนั้น สิ่งของ หรือวี่แววว่าที่แห่งนี้เคยเป็นร้านอาหารหรูมาก่อน ไม่มีจุดสังเกตใด ๆ บนสถานที่แห่งนี้นอกจากดวงไฟนีออนสลัว ๆ ต้นหนึ่งไม่ไกล
“จำไว้นะครับ เวลาเกิดเหตุคือเวลา 19.03 คุณต้องกดเครื่องย้อนเวลาก่อนหน้านี้ประมาณ 15 นาที หลังจากที่กดเครื่องนี้ คุณไม่มีเวลาทึ่งกับสิ่งใด ๆ ทั้งนั้น ทุกอย่างที่คุณเห็นนอกกายคุณเป็นสิ่งที่ย้อนเวลากลับ เมื่อทุกอย่างแน่นิ่งและดำเนินต่อไป คุณรีบเข้าไปช่วยเหลือคุณรินะ ออกจากร้านอาหารนั้นให้เร็วที่สุด จำไว้นะครับ 15 นาที มีค่าอย่างยิ่ง”
ธเนศมองนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ ขณะนี้เวลา 18.45 นาที เขาเตรียมเครื่องย้อนเวลาไว้ที่มือ เปิดเครื่องจนไฟติด กดปุ่มเพื่อตั้งค่าเวลา 2 ธันวา 2006 เขาดูวัน เดือน และปีถึงสองรอบเพื่อให้แน่ใจ
อีกสองนาทีต่อมา หัวใจของธเนศเต้นและสั่นรุนแรง เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้ หากนี่เป็นเรื่องจริง เขาอาจจะเป็นลมล้มพับไปเลยก็ได้ แต่หากเป็นเรื่องแต่ง ทุกอย่างจะกลับไปอยู่ในสถานะเดิม ๆ เขาคงไม่โทษคนอย่างนิรุตต์ที่กุเรื่องบ้าบอขึ้นมา สิ่งที่เขาควรจะโทษ นั้นคือการโทษตัวเอง ที่หลงเชื่อเรื่องไร้สาระเช่นนี้
“เอาวะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาสูดลมหายใจเข้า-ออกสามครั้งลึก ๆ
ปิ๊บ
.
.
.
ปึง!
วูบบบบบบบบ
เครื่องย้อนเวลายอกย้อนทุกสิ่งที่อยู่รอบกายของธเนศให้เคลื่อนไหวย้อนหลังอย่างรวดเร็ว ทั้งแสงตะวันและก้อนเมฆ สีของท้องฟ้า ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่และร้างรา ทุกอย่างย้อนผ่านวันและเวลาไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ทีตัวของเขาเองยืนเฉยอยู่อย่างนั้น เฝ้าดูปรากฏการณ์อัศจรรย์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดและตกใจ ราวกับว่าฉากที่อยู่เบื้องหน้าถูกย้อน กรอกลับเป็นวิดีโอเทป
ทุกอย่างที่เคลื่อนไหวในลักษณะย้อนกลับ หยุดลงเมื่อเวลาผ่านไปราวห้านาที ตอนนี้ เวลาเดินหน้าดั่งเดิม หากแต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเขา มันไม่ใช่ห้องแถวร้างอีกต่อไป ภาพของทรงจำเด่นชัด นั่นคือร้านอาหารที่เขากำลังจะไปหารินะ ไอซาวะ แฟนสาวของเขาในคืนเกิดเหตุ
“เป็นไปได้ อย่างไร” เขาอุทานตนเอง ทึ่ง อึ้ง ตกใจ ทั้งสามความรู้สึกนั้นคล้ายคลึงกับดวงตาของเขาในตอนนี้
"
เมื่อทุกอย่างแน่นิ่งและดำเนินต่อไป คุณรีบเข้าไปช่วยเหลือคุณรินะ ออกจากร้านอาหารนั้นให้เร็วที่สุด"
“ไม่ได้ ๆ” ธเนศตบหน้าตัวเองสองสามครั้ง เขาต้องตื่นจากภวังค์นี้เสีย แล้วรีบเข้าไปช่วยเหลือแฟนสาวโดยเร็วที่สุด ธเนศวิ่งจ้ำไปยังร้านอาหารตรงหน้า เขาผลักประตูเข้าไป
ทว่าเมื่อกวาดสายตามองรอบ ๆ ร้านอาหารนั้น ธเนศกลับไม่พบร่างหรือตัวตนของรินะ ไอซาวะแต่อย่างใด เขาพยายามเดินเข้าไปในร้านอาหารอย่างเร่งรีบและกระ
กระสน ก่อนที่เจ้าหน้าที่และพนักงานร้านอาหารจะเรียกและดึงตัวเขากลับไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้คนในร้านตื่นตระหนก
“เราต้องขอโทษด้วยนะครับ ในวันนี้ไม่มีชื่อของมิส รินะ ไอซาวะ เป็นแขกในร้านนะครับ”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้เธอจะมาที่ร้านนี้” ธเนศโวยวาย
“ผมเกรงว่ามันอาจจะมีข้อผิดพลาดบางอย่าง ทางร้านต้องขออภัยด้วยครับ”
“มันจะผิดพลาดได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้มันเป็นวันที่ 2 ธันวา ปี 2005” เมื่อจบประโยค พนักงานในร้านต่างมองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก พนักงานบางคนก็
หลุดหัวเราะ จนกระทั่งชายพนักงานหนุ่มต้องกับธเนศว่า
“เอ่อ ขอโทษนะครับ วันนี้คือวันที่ 11 พฤศจิกายนนะครับ”
“ห๊ะ” เขาพยายามตรวจสอบความผิดพลาด
“11 พฤศจิกายน ปีอะไร”
“ปี 2005 สิครับ”
“บ้าน่า” เขาเกาหัวตัวเอง “เป็นไปได้อย่างไรวะ” เมื่อธเนศสำรวจตัวเอง เขาพบว่าในตอนนี้ เครื่องย้อนเวลาได้หายไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเหน็บมันกับตัวเองไว้แล้วก็ตาม ธเนศเดินออกไปจากร้านด้วยอารมณ์ปราศจากความเขินอาย สายตาทุกคู่ในร้านจดจ้องเขาด้วยความสมเพช ส่วนเขานั้นไม่คิดอะไร พลางหาเครื่องย้อนเวลา หากไม่มีเครื่องย้อนเวลาแล้วเขาจะย้อนกลับไปโลกในยุคปัจจุบันได้อย่างไร เขาคิด เขาเดินตามหาเครื่องนั้นสวนกับฝีเท้าที่เข้ามา ด้วยความมืดในค่ำนี้ทำให้เขามองอะไรไม่เห็นนัก แม้ว่าเขาจะเดินกลับมาอยู่ตรงจุดเดิมที่เคยกดปุ่มย้อนเวลามา แต่ก็ยังหาเครื่องดังกล่าวไม่เจอ เขาอับจนปัญญา และสับสนในใจเหลือเกิน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น เขาไม่รินะ แฟนสาวของเขาในร้านอาหาร และนี่ก็ไม่ใช่วันที่ 2 ธันวา 2005 อีกทั้งเวลาก็ยังล่วงเกินไปถึงเวลา 19.15 น แล้ว มันเกินเวลาที่ฆาตกรนั่นจะลงมือสังหารเธอ เขากุมขมับตัวเองและก้มหน้า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ทันใดนั้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ธเนศเห็นรินะ ไอซาวะยืนอยู่หน้าร้านอาหารนั้น เขาขยี้ตาอีกครั้ง คราวนี้ ไม่ผิดจริง ๆ หญิงสาวปรากฏกายต่อหน้า เธอสวมชุดเดรสสีขาวรองเท้าส้นสูงสีดำ ยืนชะเง้อจ้องมองไปในกระจกบานใหญ่ของร้าน
ธเนศวิ่งไปหาเธอด้วยความดีใจ เขาไม่คิดอะไรนอกจากอยากจะกอดเธอ เขาคิดถึงเธอมากแค่ไหนไม่มีใครรู้ได้ดีกว่าตัวของเขาเอง
“รินะ!” เขาร้องเรียกชื่อเธอดังลั่น เสียงของธเนศโหยหวนและสั่นเครือ เขากอดเธอแน่นจากด้านหลัง แต่ตัวของรินะสั่นเทิ้ม เธอแข็งกร้าวไม่โอนอ่อน รินะสะบัดตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา และหันหน้ามาหาเขาในทันที
“โรคจิต!” เธอร้องไห้และกลัว
“ไอบ้า” เธอกล่าวย้ำ
“รินะ นี่ผมธเนศเองไง รินะ”
“คุณเป็นใคร ทำไมมากอดคนอื่นซี้ซั้วแบบนี้ น่าเกลียดจริง ๆ” รินะ ไอซาวะเดินหนีเขา
“รินะ คุณจำผมไม่ได้หรือ” ธเนศเดินตามเขาไปติด ๆ
“ตาบ้า อย่าตามฉันมานะ” เธอสะบัดมือที่พยายามจะเงื้อมจับเธอ และแล้ว รินะ ไอซาวะวิ่งหนีเขาไปโดยไม่หันมองเขา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
[จบตอนที่ 3]
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 4 , จบตอนที่ 3)
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 1) https://ppantip.com/topic/37062561
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 2 (part 2) https://ppantip.com/topic/37066188
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 1) https://ppantip.com/topic/37106353
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 2) https://ppantip.com/topic/37400761
การเดินทางของความรู้สึก ตอนที่ 3 (part 3) https://ppantip.com/topic/37418945
29 พฤศจิกายน 2006, 07.00 น.
เขามาถึงสนามบินอาร์ลันดาร์พร้อมกับสภาพร่างกายที่อ่อนล้าจากการเดินทางยาวนานกว่าสิบชั่วโมง เขายังปรับตัวกับเวลาและสภาพอากาศหลังจากที่ออกนอกเครื่องบินไม่ได้ กลิ่นของเฟอร์นิเจอร์ในอาคารผู้โดยสารขาเข้าซึ่งทำจากไม้สนเป็นส่วนใหญ่ดุนจมูกของธเนศ เขาส่ายหัวไปมากับกลิ่นพวกนี้ หลังจากรับประเป๋าเสร็จสิ้น เขาซื้อตั๋วรถไฟอาร์ลันดา เอ็กซ์เพรส มุ่งหน้าไปยังสถานีสต็อคโฮมเซ็นทรัล ขบวนรถไฟความเร็วสูงใช้เวลายี่สิบนาที ไม่ขาดไม่เกิน ธเนศไม่ได้หลับระหว่างทาง เขาหวนนึกถึงคืนวันเก่า ๆ ที่ได้ใช้ชีวิตของเขากับรินะ ไม่ว่าจะอยู่มุมใดของเมือง สตัดสฮิวเส็ทหรือหอประชุมเมืองจะตั้งตระหง่านอยู่ท้าทายเส้นขอบฟ้าที่แจ่มใสเสมอ
เขาเข็นกระเป๋ายี่ห้อริโมว่าทรงโตเคลื่อนล้อข้ามสถานีรถไฟเพื่อหาโรงแรมสักแห่งหนึ่ง ถึงแม้ว่าในเวลาเช้าแบบนี้จะไม่มีโรงแรมใด ๆ ที่เปิดให้เขาเช็คอินและเข้าไปพักผ่อน แต่เขาตั้งใจไว้แล้วว่าในช่วงเช้าและบ่ายนี้เขาจะเดินชมรอบ ๆ เมืองสต็อคโฮล์มเสียหน่อย ทั้งที่เขาเองก็ใช้ชีวิตอยู่ที่นี่มาเนิ่นนาน แต่การจากเมืองนี้ไปเป็นเวลาหนึ่งปีก็ทำให้เขาอดคิดถึงบรรยากาศเก่า ๆ ของเมืองนี้ไม่ได้ ท่ามกลางอากาศหนาวหนึ่งองศาในตอนเก้าโมงกว่า เขาเดินข้ามไปจองห้องพักที่โรงแรมเทอร์มินัส ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับสถานีรถไฟนั้นเอง ธเนศแจ้งแก่พนักงานว่าเขาต้องการจะอยู่ที่นี่ห้าคืน จากนั้น ก็เป็นเวลาที่เขาควรจะพักผ่อน เพราะในอีกสองวันต่อจากนี้ หากคำพูดของนิรุตต์มีความน่าเชื่อถืออยู่บ้าง ธเนศก็คงได้พบกับรินะ หญิงสาวซึ่งถูกฆาตกรรมในปีก่อนนี้เอง และเขาคงจะได้ใช้เครื่องย้อนเวลาที่ว่า การจัดการทำทุกอย่างให้เสร็จสิ้น
หลังจากทำธุระเสร็จสิ้น ธเนศออกเดินและขึ้นรถประจำทางลงไปยังป้ายกัมลา สตันอีกครั้ง แต่ในวันนี้ เขาไม่ได้ต้องการจะไปดูลาดเลาของร้านอาหารที่ว่านั้น กลับกัน ธเนศเดินเท้าเป็นเวลาสิบนาทีเพื่อขึ้นเรือข้ามฟากเกาะยูร์กอเดิน ที่ที่เขาจะพบกับกวางบนอุทยานธรรมชาติ ธเนศเช่าจักรยาน ปั่นเพื่อผ่อนคลายความสับสนในใจจากตนเอง การผจัญภัยของเขาในวันนี้คงหลีกหนีไม่พ้นละแวกนี้ เพราะในตลอดทั้งวัน เขาเพลิดเพลินกับการเดินทอดน่องระหว่างเกาะยูร์กอเดิน เกาะเชพพ์สฮอลเมิน ก่อนที่ตะวันจะคล้อยลง เขาก็หยุดอยู่ที่โรงอาบน้ำใต้ถนนเซอร์เดอร์ เขาผ่อนคลายตัวเองหลังจากเดินเมื่อยล้ามาทั้งวันด้วยการนั่งแช่อยู่ในห้องอบไอน้ำ ห้องอบไอน้ำที่นี่ถือเป็นสวรรค์ของคนที่นี่ท่ามกลางฤดูหนาว ผู้คนคลาคล่ำ เสียงพูดคุย และเสียงของดนตรีริมถนนดึงดูดให้ธเนศรีบชำระล้างร่างกายและแต่งตัวให้เสร็จเร็วไว เขาทอดกายเอนลง จิบเบียร์อุ่น ๆ พลางมองวณิพกเล่นดนตรีเปิดหมวก เมื่ออกออกไปนอกเวิ้งของอ่าว จะเห็นเรือลำน้องใหญ่จอดเรียงราย เรือบางลำก็เป็นเรือจำลองโบราณ ธเนศพยายามนึกถึงชาวไวกิ้งซึ่งปักฐานอยู่ที่นี่ มันคงจะดีไม่น้อยหากเก้าอี้ข้าง ๆ เขาจะมีสาวคนใดสักคนข้างอยู่เคียงข้างเขา นับเป็นเวลาเนิ่นนานที่ธเนศไม่ได้มีอะไรกับผู้หญิง เขาเหงา และว้าเหว่ บางทีเขาก็คิดในใจว่าเหตุใดดวงอาทิตย์ที่นี่จึงตกเร็วนัก เพราะยังไม่ทันสี่โมงครึ่ง ท้องฟ้าก็มืดมิดหมดเสียแล้ว แต่ความเหงาก็รั้งเขาและแอลกอฮอล์ในเย็นวันนั้นไว้ เพราะแม้ว่าเขาจะไม่มีกิจกรรมใดทำต่อหลังจากนี้ แต่การเดินทางกลับโรงแรมในตอนนี้คงเป็นเรื่องน่าเบื่อกว่าสิ่งใด ๆ ธเนศอยู่ที่ถนนเซอร์เดอร์จนถึงหนึ่งทุ่ม
2 ธันวา 2006, 18.06 น.
ในคืนก่อนหน้า ธเนศนอนไม่หลับทั้งคืนจนกระทั่งรุ่งสาง เขาฝืนหนังตาตนเอง และขยับกายขึ้นจากเตียง ก่อนที่ดวงวิญญาณจะล่องลอยอีกครั้ง ตลอดทั้งวันนี้ธเนศแทบไม่เป็นอันทำอะไร เขาวนเวียนอยู่แต่ละแวกสถานีกลางสต็อกโฮล์ม ธเนศมัวแต่กังวลว่าหากเขาพรากเวลานาทีทองไป สิ่งที่นิรุตต์กับเขาได้เรียนรู้วิธีการย้อนเวลามาจะสูญเปล่า ธเนศหยิบเครื่องย้อนเวลาที่มีหน้าตาคล้ายเพจเจอร์รุ่นพ่อมาจดจ้องอีกครั้ง ทบทวนเงื่อนไขและวิธีใช้ตามคำบอกของนิรุตต์ ทั้งเรื่องการย้อนเวลาทั้งสองครั้งโดยต้องภายใต้เงื่อนไขวัน เดือน ปีเดียวกัน เขาตระหนักเรื่องนี้เป็นสำคัญยิ่ง เพราะเครื่องย้อนเวลาจะทำลายตัวลงด้วยตัวมันเองหากใช้เกินเงื่อนไขที่ว่า
ตลอดวันที่ผ่านมา เขาวนเวียนอยู่กับร้านอาหารใกล้ ๆ สถานี กับกาแฟเพื่อช่วยกระตุ้นร่างกาย หากใช่จิตใจที่ร้อนรนแต่อย่างใด
พระอาทิตย์ในฤดูหนาวของประเทศสวีเดนมีเวลาสั้นกว่าฤดูใด ๆ ในวันนี้ก็เช่นกัน ท้องฟ้าในกรุงสต็อกโฮล์มมืดสนิทตั้งแต่สี่โมงเย็นมาแล้ว อากาศค่อนข้างหนาว แต่ไม่มีหิมะในวันนี้ เพราะลมทะเลได้พัดพาเอาความชื้นเข้ามา ธเนศเดินทางถึงย่านกัมลา สตันแล้ว สืบเท้าอย่างเร็วและมั่นไปยังสถานที่เกิดเหตุ ซึ่งตอนนี้ไม่ใช่ร้านอาหารอีกต่อไปแล้ว เขาสังเกตเห็นว่ามันเป็นห้องแถวร้างเพียงห้องเดียวในละแวกซึ่งถูกปิดตายด้วยแผ่นกระดาษสีดำมืดตรงกระจกบานใหญ่ ดูท่าว่าไม่มีผู้คนอาศัยอยู่ในห้องแถวสูงสามชั้นหลังนี้เลย ธเนศพยายามจดจ้องไปยังสิ่งของที่วางอยู่ข้างใน เขาไม่พบอะไรในนั้น สิ่งของ หรือวี่แววว่าที่แห่งนี้เคยเป็นร้านอาหารหรูมาก่อน ไม่มีจุดสังเกตใด ๆ บนสถานที่แห่งนี้นอกจากดวงไฟนีออนสลัว ๆ ต้นหนึ่งไม่ไกล
“จำไว้นะครับ เวลาเกิดเหตุคือเวลา 19.03 คุณต้องกดเครื่องย้อนเวลาก่อนหน้านี้ประมาณ 15 นาที หลังจากที่กดเครื่องนี้ คุณไม่มีเวลาทึ่งกับสิ่งใด ๆ ทั้งนั้น ทุกอย่างที่คุณเห็นนอกกายคุณเป็นสิ่งที่ย้อนเวลากลับ เมื่อทุกอย่างแน่นิ่งและดำเนินต่อไป คุณรีบเข้าไปช่วยเหลือคุณรินะ ออกจากร้านอาหารนั้นให้เร็วที่สุด จำไว้นะครับ 15 นาที มีค่าอย่างยิ่ง”
ธเนศมองนาฬิกาที่อยู่บนข้อมือ ขณะนี้เวลา 18.45 นาที เขาเตรียมเครื่องย้อนเวลาไว้ที่มือ เปิดเครื่องจนไฟติด กดปุ่มเพื่อตั้งค่าเวลา 2 ธันวา 2006 เขาดูวัน เดือน และปีถึงสองรอบเพื่อให้แน่ใจ
อีกสองนาทีต่อมา หัวใจของธเนศเต้นและสั่นรุนแรง เขาไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นต่อไปหลังจากนี้ หากนี่เป็นเรื่องจริง เขาอาจจะเป็นลมล้มพับไปเลยก็ได้ แต่หากเป็นเรื่องแต่ง ทุกอย่างจะกลับไปอยู่ในสถานะเดิม ๆ เขาคงไม่โทษคนอย่างนิรุตต์ที่กุเรื่องบ้าบอขึ้นมา สิ่งที่เขาควรจะโทษ นั้นคือการโทษตัวเอง ที่หลงเชื่อเรื่องไร้สาระเช่นนี้
“เอาวะ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น” เขาสูดลมหายใจเข้า-ออกสามครั้งลึก ๆ
ปิ๊บ
.
.
.
ปึง!
วูบบบบบบบบ
เครื่องย้อนเวลายอกย้อนทุกสิ่งที่อยู่รอบกายของธเนศให้เคลื่อนไหวย้อนหลังอย่างรวดเร็ว ทั้งแสงตะวันและก้อนเมฆ สีของท้องฟ้า ผู้คนที่เดินกันขวักไขว่และร้างรา ทุกอย่างย้อนผ่านวันและเวลาไปเรื่อย ๆ อย่างรวดเร็ว ทั้ง ๆ ทีตัวของเขาเองยืนเฉยอยู่อย่างนั้น เฝ้าดูปรากฏการณ์อัศจรรย์ตรงหน้าด้วยความรู้สึกแปลกประหลาดและตกใจ ราวกับว่าฉากที่อยู่เบื้องหน้าถูกย้อน กรอกลับเป็นวิดีโอเทป
ทุกอย่างที่เคลื่อนไหวในลักษณะย้อนกลับ หยุดลงเมื่อเวลาผ่านไปราวห้านาที ตอนนี้ เวลาเดินหน้าดั่งเดิม หากแต่สิ่งที่ปรากฏตรงหน้าของเขา มันไม่ใช่ห้องแถวร้างอีกต่อไป ภาพของทรงจำเด่นชัด นั่นคือร้านอาหารที่เขากำลังจะไปหารินะ ไอซาวะ แฟนสาวของเขาในคืนเกิดเหตุ
“เป็นไปได้ อย่างไร” เขาอุทานตนเอง ทึ่ง อึ้ง ตกใจ ทั้งสามความรู้สึกนั้นคล้ายคลึงกับดวงตาของเขาในตอนนี้
"เมื่อทุกอย่างแน่นิ่งและดำเนินต่อไป คุณรีบเข้าไปช่วยเหลือคุณรินะ ออกจากร้านอาหารนั้นให้เร็วที่สุด"
“ไม่ได้ ๆ” ธเนศตบหน้าตัวเองสองสามครั้ง เขาต้องตื่นจากภวังค์นี้เสีย แล้วรีบเข้าไปช่วยเหลือแฟนสาวโดยเร็วที่สุด ธเนศวิ่งจ้ำไปยังร้านอาหารตรงหน้า เขาผลักประตูเข้าไป
ทว่าเมื่อกวาดสายตามองรอบ ๆ ร้านอาหารนั้น ธเนศกลับไม่พบร่างหรือตัวตนของรินะ ไอซาวะแต่อย่างใด เขาพยายามเดินเข้าไปในร้านอาหารอย่างเร่งรีบและกระกระสน ก่อนที่เจ้าหน้าที่และพนักงานร้านอาหารจะเรียกและดึงตัวเขากลับไปข้างหน้าเพื่อไม่ให้คนในร้านตื่นตระหนก
“เราต้องขอโทษด้วยนะครับ ในวันนี้ไม่มีชื่อของมิส รินะ ไอซาวะ เป็นแขกในร้านนะครับ”
“มันจะเป็นไปได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้เธอจะมาที่ร้านนี้” ธเนศโวยวาย
“ผมเกรงว่ามันอาจจะมีข้อผิดพลาดบางอย่าง ทางร้านต้องขออภัยด้วยครับ”
“มันจะผิดพลาดได้อย่างไร ในเมื่อวันนี้มันเป็นวันที่ 2 ธันวา ปี 2005” เมื่อจบประโยค พนักงานในร้านต่างมองหน้ากันไปมาเลิ่กลั่ก พนักงานบางคนก็
หลุดหัวเราะ จนกระทั่งชายพนักงานหนุ่มต้องกับธเนศว่า
“เอ่อ ขอโทษนะครับ วันนี้คือวันที่ 11 พฤศจิกายนนะครับ”
“ห๊ะ” เขาพยายามตรวจสอบความผิดพลาด
“11 พฤศจิกายน ปีอะไร”
“ปี 2005 สิครับ”
“บ้าน่า” เขาเกาหัวตัวเอง “เป็นไปได้อย่างไรวะ” เมื่อธเนศสำรวจตัวเอง เขาพบว่าในตอนนี้ เครื่องย้อนเวลาได้หายไปแล้ว แม้ว่าเขาจะเหน็บมันกับตัวเองไว้แล้วก็ตาม ธเนศเดินออกไปจากร้านด้วยอารมณ์ปราศจากความเขินอาย สายตาทุกคู่ในร้านจดจ้องเขาด้วยความสมเพช ส่วนเขานั้นไม่คิดอะไร พลางหาเครื่องย้อนเวลา หากไม่มีเครื่องย้อนเวลาแล้วเขาจะย้อนกลับไปโลกในยุคปัจจุบันได้อย่างไร เขาคิด เขาเดินตามหาเครื่องนั้นสวนกับฝีเท้าที่เข้ามา ด้วยความมืดในค่ำนี้ทำให้เขามองอะไรไม่เห็นนัก แม้ว่าเขาจะเดินกลับมาอยู่ตรงจุดเดิมที่เคยกดปุ่มย้อนเวลามา แต่ก็ยังหาเครื่องดังกล่าวไม่เจอ เขาอับจนปัญญา และสับสนในใจเหลือเกิน นี่มันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น เขาไม่รินะ แฟนสาวของเขาในร้านอาหาร และนี่ก็ไม่ใช่วันที่ 2 ธันวา 2005 อีกทั้งเวลาก็ยังล่วงเกินไปถึงเวลา 19.15 น แล้ว มันเกินเวลาที่ฆาตกรนั่นจะลงมือสังหารเธอ เขากุมขมับตัวเองและก้มหน้า ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร
ทันใดนั้น เมื่อเขาเงยหน้าขึ้น ธเนศเห็นรินะ ไอซาวะยืนอยู่หน้าร้านอาหารนั้น เขาขยี้ตาอีกครั้ง คราวนี้ ไม่ผิดจริง ๆ หญิงสาวปรากฏกายต่อหน้า เธอสวมชุดเดรสสีขาวรองเท้าส้นสูงสีดำ ยืนชะเง้อจ้องมองไปในกระจกบานใหญ่ของร้าน
ธเนศวิ่งไปหาเธอด้วยความดีใจ เขาไม่คิดอะไรนอกจากอยากจะกอดเธอ เขาคิดถึงเธอมากแค่ไหนไม่มีใครรู้ได้ดีกว่าตัวของเขาเอง
“รินะ!” เขาร้องเรียกชื่อเธอดังลั่น เสียงของธเนศโหยหวนและสั่นเครือ เขากอดเธอแน่นจากด้านหลัง แต่ตัวของรินะสั่นเทิ้ม เธอแข็งกร้าวไม่โอนอ่อน รินะสะบัดตัวเองออกจากอ้อมกอดของเขา และหันหน้ามาหาเขาในทันที
“โรคจิต!” เธอร้องไห้และกลัว
“ไอบ้า” เธอกล่าวย้ำ
“รินะ นี่ผมธเนศเองไง รินะ”
“คุณเป็นใคร ทำไมมากอดคนอื่นซี้ซั้วแบบนี้ น่าเกลียดจริง ๆ” รินะ ไอซาวะเดินหนีเขา
“รินะ คุณจำผมไม่ได้หรือ” ธเนศเดินตามเขาไปติด ๆ
“ตาบ้า อย่าตามฉันมานะ” เธอสะบัดมือที่พยายามจะเงื้อมจับเธอ และแล้ว รินะ ไอซาวะวิ่งหนีเขาไปโดยไม่หันมองเขา
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------