พี่คะ...หนูควรทำยังไงดีคะ ? เฮ้ย...เพื่อนมีเรื่องขอปรึกษา

เราคิดว่า ทุกคนเคยเจอคำถามทำนองนี้มาแน่ ๆ  เพื่อน รุ่นพี่ รุ่นน้อง เวลามีปัญหา (ถ้ายังสาว ๆ อายุไม่เกิน 50 ล่ะก้อ ปัญหาร้อยละ 90 วนเวียนกับเรื่องความรัก จะเป็นความรัก stage ไหนเท่านั้นเอง) จะมาขอปรึกษาทำนองว่า “ควรทำไงดี”

นานาสงสัยนานาเหงื่อตก

    วันนี้ เลยจะมารีวิวให้ฟัง ในฐานะผู้ให้คำปรึกษา (advisor) และผู้รับคำปรึกษา (advisee) แหม้...วันนี้ ป้าใช้ศัพท์ยังกะอาจารย์ที่ปรึกษาเลย
    เอา FAQ ไปก่อนเลยแล้วกัน คำถามที่เจอบ่อยคือ
       1.    เค้า เปลี่ยนไป หนูควรทำไงดีคะ ?
       2.    เค้าบอกว่าไม่พร้อมค่ะ หนูควรรอ หรือควรทำใจดี
       3.    เค้ายังรักหนูไหมคะ ?
       4.    พี่ว่าเค้าเป็นคนยังไง ?
       5.    ควรกลับไปง้อไหม ?
       6.    ทำไงถึงจะมีแฟน ? อยากมีแฟนอ่ะ ?
       7.    ให้โอกาสเค้าดีไหมคะ ?
       8.    เค้ามีอีกคน  เค้าจะทรยศซ้ำอีกไหม ? เราควรให้โอกาสเค้าดีไหม ?


         คุณจะตอบว่าไงล่ะจ๊ะ ? นี่คือ หนึ่งในหลากหลายคำตอบที่เคยได้ยินและเคยใช้คือ

         1.    หนูควรเลิกค่ะ (พูดไปแล้ว ก็ตบปากตัวเองในใจ ธาราสินธุ์เอ๊ย... แน่ใจแล้วเหรอไปแนะนำอย่างนี้ เดี๋ยวเค้าเลิกกันจริง ๆ ล่ะก้อ ...
                บาปติดปาก ป้าแน่ แต่อีกใจหนึ่งก็แย้ง ... อ้าว...แล้วจะให้เค้ามีกิ๊กแบบนี้ไปเรื่อย ๆ เหรอ ?)
         2.    หนูควรรอนะ รักกับเค้ามาตั้งหลายปี เสียดายเวลาแย่  
         3.    เค้ารักหนูนะ ... แล้วอีผู้พูดก็ต้องสาละวนใช้งาน CPU ในสมองอย่างหนักหน่วง หาเหตุการณ์มาพิสูจน์ว่า อีตาผู้ชายยังร้ากกก
                รักคุณน้องที่กำลังร้องไห้ขี้มูกโป่งต่อหน้าคุณนี่
         4.    เค้าเป็นคนดีนะ ... แต่ (ดีมา 99 อย่าง มาเจอคำว่า “แต่” แค่อย่างเดียวอาจหมดเลยก็ได้)
         5.    อืม... จะตอบว่าไงดี
         6.    อยากมีแฟนจริง ๆ หรือชอบความรู้สึกของการมีคนไปเป็นเพื่อนทำอะไร ๆ กันแน่

          ที่ฮากว่านั้นคือ ไม่ใช่เฉพาะผู้หญิงนะจ๊ะ ผู้ชายบางทีเวลาปรึกษากันเอง หรือมีเรื่องจะปรึกษา   ก็มีคำถามทำนองนี้เหมือนกัน
      แต่ผู้ชายฟอร์มเย้ออออออ  มีปัญหาอะไรเค้าไม่บอกหรอกว่าจะมาขอคุย ขอปรึกษา เค้าจะบอกว่า
      “เออ...เดี๋ยวไปกินข้าว กินเหล้ากันหน่อยดิ” (แต่อิชั้นไม่กินเหล้านะคะ แอลกอฮอล์ไม่ล่วงลำคอมาหลายปีแล้ว) หรือไม่ก็ “กินกาแฟกันหน่อย   ไหม ?”   แล้วเวลาเล่าปัญหาก็มักจะ tone down ให้มันเบา ๆ เล่าเหมือน   เป็นเรื่องไม่ซีเรียส (แต่ข้างในไหม้เป็นจุณไปแล้ว)

เพี้ยนไฟลุก

        หลังจากวนเวียนเล่าและฟังเรื่องพวกนี้มาหลายปี  ดิฉันก็ได้ข้อสรุปสั้น ๆ สองข้อคือ

      1.    หลายกรณี ผู้มาขอคำปรึกษาไม่ได้อยากได้คำแนะนำจริง ๆ จัง ๆ หรอก  เค้าแค่ต้องการคนที่ต้องฟังเค้าด้วย “หัวใจ” ด้วยความ “เห็นใจ” ด้วยความ “การุณย์” เป็นที่ระบายให้เค้าได้พูด ได้สารภาพความคิด ความดี ความชั่ว (ซึ่งบางทีต้องใช้คำว่า “โคตรดาร์ค” เลย) ความห่าม ความโง่ของตัวเองออกไปบ้าง
                 อะ...เล่าแล้วต้องมีตัวอย่าง

                “xxx (ชื่อเรา) ... ไม่มีใครอยากเป็นเมียน้อยหรอก “ (อ้าวเฮ้ย... เราอุทานในใจ ตกลงนี่เป็นเมียน้อยจริง ๆ ใช่ไหมเนี่ย)

                “พี่... เนี่ย หนูไปเจอพี่คนนี้ ... แล้วเค้าดีมากเลยนะ” (แล้วก็บรรยายสรรพคุณความน่ารักล้านอย่างของอีพี่คนนี้)
                  แล้วลงเอยด้วยการบอกว่า “หนูเผลอไป *** มันดีมากเลยนะ  แล้วหนูจะทำยังไงกับ *** (แฟนปัจจุบัน) ดี”

เม่าบาดเจ็บ


            2.    ผู้มาขอคำปรึกษาส่วนใหญ่ “มีธง” ในใจอยู่แล้ว  การให้คำปรึกษาในลักษณะย้อนศรหักธงเค้า ดีในแง่ของการเรียกสติให้เค้าหันกลับมามองอีกมุมบ้าง ในกรณีที่เค้ายังรู้คิด รู้อยู่ อยู่บ้างนะ แต่ถ้าเค้ายึดมั่นในธงของเค้าอยู่แล้ว  เราก็อย่าไปเสียใจเลยที่เค้าไม่ฟังคำแนะนำเราเลย ถือว่าได้เตือนแล้ว  ได้บอกแล้ว  ได้ทำหน้าที่เพื่อนที่ดีที่สุดแล้วก็แล้วกัน ท้ายสุด ถ้าเค้าเสียใจกลับมา มีเรี่ยว มีแรง มีใจเอ็นดู เราก็นั่งฟัง  ถ้าไม่มี ก็ปลีกออกมา

    ถ้าเจอในกรณีแรก ... ส่วนใหญ่ ดิฉันก็จะไม่ได้ทำอะไรมาก นอกจากนั่งฟังอย่างตั้งใจ จับใจความ (บังเอิญเป็นคนสนใจเรื่องชาวบ้านเป็นปกติวิสัย   ใส่ใจอย่างเป็นธรรมชาติจริง ๆ 555 ) แล้วคอยค่อย ๆ ถามในประเด็นที่เค้าเล่าไม่ละเอียด หรือ ย้อนทวนเนื้อเรื่องที่เค้าเล่ามาเพื่อฉีกไปถามในประเด็นที่เค้าอาจหลงลืม

นานาชอบ


    ตอนดิฉันอายุน้อย ๆ อาจเผลอแสดงกริยาที่หยาบคายไปบ้าง เช่น ทำหน้าตกใจสยองขวัญเวลาอีกฝ่ายซึ่งอุตส่าห์ใช้ความกล้าและให้เกียรติเราในการแชร์ความลับบางอย่างให้ฟัง เช่น ถามเพื่อนกลับไปว่า

    “เฮ้ย... ตกลงเธอสูบทั้งกัญชาและเล่นทั้ง LSD เลยเหรอ แล้วเมาจนเห็นภาพหลอนเลยเหรอ ? ว้าย...ตั่ยล้าววววว...ทำไปได้ยังไง”

เม่าเป็นลมเม่าตกใจ

    นึกย้อนกลับไป ก็นึกเสียใจที่ความอ่อนด้อยต่อโลกของเรา ทำให้เราเผลอแสดงกิริยาเดียดฉันท์ ตัดสินเพื่อนรักที่อุตส่าห์ไว้ใจมาเล่าเรื่องให้เราฟัง
นานาเสียใจ

    การค่อย ๆ ถามคำถาม และฟังอย่างตั้งใจ  แสดงความคิดเห็นประกอบบ้างตามความเหมาะสม  หรืออาจจะเล่าเรื่องของตัวเองแชร์กลับไปบ้าง  (ประเด็นนี้ก็สำคัญนะคะ  บางคนฟังอย่างเดียวไม่พูดเลย  ไม่แชร์อะไรเลย  ท้ายสุด  ผู้ที่เป็นฝ่ายพูดจะรู้สึกกระอักกระอ่วนเหมือนตัวเอง “พล่าม” อยู่คนเดียว” บางคน อาจจะเกิดการสะดุดกึก  ปิดปากสนิทแล้วไม่พูดอีกเลย)     ทำแบบนี้ จะเป็นการช่วยทบทวนและเรียบเรียงความคิดของผู้เล่า ... แล้วท้ายสุด ตอนผู้เล่าหมดเรื่องระบายแล้ว  หลายครั้งเค้าจะรู้สึกเบาขึ้น คลายทุกข์ลง  แล้วก็ “พลันคิดได้” เองว่า ตัวเองควรจะทำอย่างไร

    แต่ถ้าเจอในกรณีที่สอง ที่ผู้เล่า “มีธง” ในใจมาอยู่แล้ว  เราก็จะไม่ทำอะไรมาก นอกจากฟังเค้าเล่าไปเรื่อย ๆ แล้วก็ปล่อยวาง  เช่น บางคน ยังไงก็จะเลิกแน่นอน คนใหม่มารออยู่หน้าประตูโน่นแล้ว  มิใยที่เราจะโน้มน้าวอะไรยังไง ก็ฉุดเธอไม่อยู่หรอก  แต่เธอก็ยังมาขอความเห็น ... เพื่อ ?
อมยิ้ม19อมยิ้ม20

    หรือ บางคน เจอคนเจ้าชู้จัด ๆ โดนหลอก โดนอะไรมาสารพัด แล้วก็ด่า ด่า ด่า ด่า ผู้ชาย / ผู้หญิงให้ฟังเสียเละเทะ พอเราพูดไปว่า “เลิกเหอะ” เท่านั้น เธอพลันคิดได้ว่า “เฮ้ย...ไม่เลิกอ่ะ”
    เหตุการณ์จะยิ่งแย่คือ ถ้าคุณในฐานะคนฟัง รู้เรื่องแค่เสี้ยวเดียว ไม่ได้รู้ทั้งหมด แต่แส่ไปช่วยด่า “ผู้ชาย” หรือ “ผู้หญิง”   ด้วยอย่างเมามัน  พอเค้าดีกัน คุณเป็น เซนต์เบอร์นาร์ด   ทันที
    กรณีแบบนี้  ถ้าคุณแนะนำด้วยความหวังดีอย่างแท้จริงแล้ว  ก็ปล่อยวางเถิด อย่าไปเสียใจว่า “แหม...บอกว่ามาขอคำแนะนำ  แนะไปแล้ว ไม่เห็นฟังอะไรสักอย่าง”

    คนที่ไม่ตั้งใจฟัง ถึงฟังก็จะไม่ได้ยิน หรือถ้าเค้าจะฟังบ้าง  เค้าก็จะเลือกฟังแต่สิ่งที่ต้องการจะได้ยินเท่านั้น
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่