เรื่องของเราเริ่มต้นจาก.....แฟนเรากำลังจะซื้อบ้านหลังแรกให้ครอบครัว
ตอนนี้ครอบครัวเเฟนเราอาศัยอยู่บ้านของญาติ ที่ซื้อไว้ ขายเกร็งกำไร ในต่างจังหวัด ญาติให้อยู่ฟรี ไม่เสียค่าเช่า ต่อเติมอะไร ถ้าจะย้ายออก ก็ถอดไปได้เลย
เหตุผลที่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้ เนื่องจากแฟนเราได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้บ้านหลังนี้ ญาติคนนี้จึงให้มาอยู่ดูแลบ้านให้
โดยครอบครัวแฟนก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันทั้งหมด มีพ่อแม่ น้องสาวและแฟน ส่วนเราก็ไปๆมาๆ เพราะทำงานต่างจังหวัด
พ่อแม่แฟน เมื่อก่อนทำค้าขายก็เช่าอยู่มาตลอด พอลูกเรียนจบมีงานทำก็เลิกกิจการ มาพักผ่อน เพราะอายุมากแล้ว
ตอนที่ครอบครัวแฟนเราย้ายเข้ามาอยู่ ก็ตกลงกันว่า จะอยู่ 1 ปี หลังจากนั้นถ้าไม่ซื้อหลังนี้ ก็จะหาที่อยู่ใหม่
ตอนนี้ใกล้ครบกำหนด 1 ปี จึงต้องวางแผนว่าจะเอายังไงต่อดี
...บ้านหลังนี้ หลังใหญ่มาก ญาติจะขายให้ในราคา 9 ล้าน เป็นบ้าน 2 ชั้นมีด่านฟ้า 4 ห้องนอน
ห้องน้ำในตัวทุกห้อง ชั้นล่างเป็นห้องโถ่ง และ 1 ห้องนั่งเล่น มีห้องน้ำอีก 2 ห้อง คือในบ้านและนอกบ้าน ข้างบ้านและหน้าบ้านเป็นสนามหญ้ากว้าง จัดสวนสวยงาม
ทำเลเป็นโครงการหมู่บ้านจัดสรร ใกล้เมืองเดินทางสะดวก บ้านหลังนี้ญาติเขาผ่อนมาเเล้ว ประมาณ 7 ปี จาก 20 ปี ผ่อนเดือนละ 4 หมื่นกว่าๆ ตั้งใจจะขายแต่ตอนนี้ยังขายไม่ได้ เพราะบ้านราคาสูง น้อยคนจะซื้อได้
แม่แฟนเราบอกว่า อยากได้บ้านหลังนี้ อยากอยู่ที่นี้ ชวนไปซื้อที่อื่น ที่ถูกกว่าก็ไม่เอา บอกว่าเกรงใจที่เขาให้อยู่ฟรีมา บ้านหลังใหญ่โต ได้พื้นที่สวนด้วย อยู่ชุมชนเมืองสะดวก อยู่มาเกือบปีก็มีต่อเดิม ตกแต่ง ปลูกนู้นนี้นั้น ก็เสียดายถ้าจะย้ายออก เลยให้ไปคุยกับญาติว่าจะดาวน์สัก 1 ล้าน และขอผ่อนเดือนละ 3 หมื่นไปก่อนในชื่อของญาติ จนครบสัญญาที่ญาติผ่อนมา
เพราะเครดิตเเฟนเราไม่สามารถกู้เงิน 9 ล้านได้แน่ๆ แล้วพอครบแล้วก็โอนเป็นชื่อแฟนเรา แล้วค่อยกู้ธนาคารเอาเงินที่ญาติผ่อน มาให้ญาติ แล้วทางครอบครัวแฟนก็ผ่อนธนาคารต่ออีกกี่สิบปีก็ว่ากันไป
ด้านแฟนเรา อยากเอาเงินก้อนที่มีอยู่ ไปซื้อที่ดิน และกู้ธนาคารสร้าง งบ 2-3 ล้าน ก็พอแล้ว ได้ออกแบบเองตามวิถีการใช้ชีวิตที่ชอบ ผ่อนสบายๆ มีเงินเหลือกินเหลือใช้
แฟนเรา อายุ 30 ปี เป็น ผู้จัดการบริษัทเอกชน เงินที่ได้ต่อเดือนรวมๆแล้วประมาณ 6-7 หมื่น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งรถ2คัน ก็ 3 หมื่นแล้ว และค่าใช้จ่ายในบ้านที่ต้องรับผิดชอบ ตกเดือนหนึ่งเเทบจะไม่มีเก็บแล้ว
อีกอย่างแฟนเราวางเเผนว่า จะไม่ทำงานเอกชนจนแก่แน่ๆ ต้องมาทำธุรกิจที่สามารถทดแทนรายได้ส่วนนั้นหรือต้องได้มากกว่า หากออกจากงานเอกชน
และะธุรกิจต้องสามารถนำมาดูแลครอบครัวได้ด้วย แต่แฟนเราไม่อยากให้พ่อกับแม่ทำงานหนักแล้ว ด้วยปัญหาสุขภาพ ดั้งนั้น รายได้หลักจึงมาจากแฟนเราซึ่งเป็นลูกชายคนโต น้องสาวแฟนเราก็เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่อยากให้ทำงานราชการ ที่มีความมั่นคง น้ำซึมบ่อทราย ซึ่งเงินเดือนเริ่มต้น ไม่มากพอจะผ่อนบ้านได้แน่ๆ
เรากับแฟนวางแผนกำลังจะแต่งงานอีกไม่นาน และแฟนเราก็ต้องเก็บเงินเเต่งงานช่วยเรา แล้วหลังจากแต่งงานเราคุยกับครอบครัวแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านเรา ซึ่งแสดงว่าแฟนเราก็ไม่ได้อยู่บ้านที่กำลังจะซื้อให้ครอบครัว
แต่เจตนาแฟนเราจะช่วยผ่อนบ้านและเป็นคนดำเนินการ จัดการให้พ่อกับแม่และน้องได้มีบ้านหลังแรกสวยๆอยู่ให้ได้
คือเราสงสารแฟนค่ะ นางเป็นคนรักครอบครัวมาก ทำทุกอย่างแม้จะโดนบ่นโดนว่า แต่ความตั้งใจนางดีมาก
งานเอกชนที่ทำอยู่ บอกเลยว่าเครียดมาก กดดันจากหลายทาง เวลาพักผ่อนเเทบไม่มี สักพักออกประชุม สักพักไปหาลูกค้า นางบ่นให้ฟังตลอด แต่ต้องทนทำไป ออกตอนนี้แย่กันหมดแน่ๆ
เรื่องนี้ทุกคนในบ้านคุยกันบ่อยมาก แต่แม่ก็ยืนยันคำเดิม จะเอา จะเอา แฟนเราพยายามอธิบายเหตุผล ว่ากลัวไม่ไหว ราคามันเกินตัว แต่ท่านก็บอกว่าต้องมีทาง ถ้าไม่หาไม่พยายามก็ไม่ได้ซะที อะไรอย่างนี้ พ่อก็แล้วแต่แม่ น้องสาวก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ แล้วแต่เลย ยังไงก็ได้.. เราก็ได้แต่รับฟังจากแฟนเรา ให้เขาได้ระบาย แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่เยอะ เราเลยอยาก ถามเพื่อนๆพันทิปมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ เราอยากฟังจากหลายๆความคิดเห็น เผื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้แฟนเรา แม่แฟนเราอาจจะคิดถูก คิดการไกลก็ได้ แต่เราก็กลัวว่าจะเป็นการตัดสินใจผิด ที่ทำให้ครอบครัวต้องดิ้นรน หาเงินมาผ่อนบ้าน ไปอีกชั่วชีวิตก็ไม่รู้จะหมดเมื่อไร
ความคิดเรา อยากให้อยู่บ้านหลังไม่ต้องใหญ่มาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ นำเทคโนโลยีใหม่ๆมาตกแต่ง มีเงินเหลือ จ้างแม่บ้าน คนสวน และได้กินได้เที่ยว หาความสุขให้ชีวิต ดีกว่าต้องหาเงินเดือนละครึ่งแสนมาผ่อนบ้านอย่างเดียว ไม่พอใช้ก็ทะเลาะกัน โทษคนนั้นคนนี้ Y_Y
จะซื้อบ้าน 9 ล้าน คิดถูกหรือคิดผิด??
ตอนนี้ครอบครัวเเฟนเราอาศัยอยู่บ้านของญาติ ที่ซื้อไว้ ขายเกร็งกำไร ในต่างจังหวัด ญาติให้อยู่ฟรี ไม่เสียค่าเช่า ต่อเติมอะไร ถ้าจะย้ายออก ก็ถอดไปได้เลย
เหตุผลที่ได้มาอยู่บ้านหลังนี้ เนื่องจากแฟนเราได้ย้ายที่ทำงานมาอยู่ใกล้บ้านหลังนี้ ญาติคนนี้จึงให้มาอยู่ดูแลบ้านให้
โดยครอบครัวแฟนก็ย้ายมาอยู่ด้วยกันทั้งหมด มีพ่อแม่ น้องสาวและแฟน ส่วนเราก็ไปๆมาๆ เพราะทำงานต่างจังหวัด
พ่อแม่แฟน เมื่อก่อนทำค้าขายก็เช่าอยู่มาตลอด พอลูกเรียนจบมีงานทำก็เลิกกิจการ มาพักผ่อน เพราะอายุมากแล้ว
ตอนที่ครอบครัวแฟนเราย้ายเข้ามาอยู่ ก็ตกลงกันว่า จะอยู่ 1 ปี หลังจากนั้นถ้าไม่ซื้อหลังนี้ ก็จะหาที่อยู่ใหม่
ตอนนี้ใกล้ครบกำหนด 1 ปี จึงต้องวางแผนว่าจะเอายังไงต่อดี
...บ้านหลังนี้ หลังใหญ่มาก ญาติจะขายให้ในราคา 9 ล้าน เป็นบ้าน 2 ชั้นมีด่านฟ้า 4 ห้องนอน
ห้องน้ำในตัวทุกห้อง ชั้นล่างเป็นห้องโถ่ง และ 1 ห้องนั่งเล่น มีห้องน้ำอีก 2 ห้อง คือในบ้านและนอกบ้าน ข้างบ้านและหน้าบ้านเป็นสนามหญ้ากว้าง จัดสวนสวยงาม
ทำเลเป็นโครงการหมู่บ้านจัดสรร ใกล้เมืองเดินทางสะดวก บ้านหลังนี้ญาติเขาผ่อนมาเเล้ว ประมาณ 7 ปี จาก 20 ปี ผ่อนเดือนละ 4 หมื่นกว่าๆ ตั้งใจจะขายแต่ตอนนี้ยังขายไม่ได้ เพราะบ้านราคาสูง น้อยคนจะซื้อได้
แม่แฟนเราบอกว่า อยากได้บ้านหลังนี้ อยากอยู่ที่นี้ ชวนไปซื้อที่อื่น ที่ถูกกว่าก็ไม่เอา บอกว่าเกรงใจที่เขาให้อยู่ฟรีมา บ้านหลังใหญ่โต ได้พื้นที่สวนด้วย อยู่ชุมชนเมืองสะดวก อยู่มาเกือบปีก็มีต่อเดิม ตกแต่ง ปลูกนู้นนี้นั้น ก็เสียดายถ้าจะย้ายออก เลยให้ไปคุยกับญาติว่าจะดาวน์สัก 1 ล้าน และขอผ่อนเดือนละ 3 หมื่นไปก่อนในชื่อของญาติ จนครบสัญญาที่ญาติผ่อนมา
เพราะเครดิตเเฟนเราไม่สามารถกู้เงิน 9 ล้านได้แน่ๆ แล้วพอครบแล้วก็โอนเป็นชื่อแฟนเรา แล้วค่อยกู้ธนาคารเอาเงินที่ญาติผ่อน มาให้ญาติ แล้วทางครอบครัวแฟนก็ผ่อนธนาคารต่ออีกกี่สิบปีก็ว่ากันไป
ด้านแฟนเรา อยากเอาเงินก้อนที่มีอยู่ ไปซื้อที่ดิน และกู้ธนาคารสร้าง งบ 2-3 ล้าน ก็พอแล้ว ได้ออกแบบเองตามวิถีการใช้ชีวิตที่ชอบ ผ่อนสบายๆ มีเงินเหลือกินเหลือใช้
แฟนเรา อายุ 30 ปี เป็น ผู้จัดการบริษัทเอกชน เงินที่ได้ต่อเดือนรวมๆแล้วประมาณ 6-7 หมื่น แต่ยังมีค่าใช้จ่ายส่วนตัว ทั้งรถ2คัน ก็ 3 หมื่นแล้ว และค่าใช้จ่ายในบ้านที่ต้องรับผิดชอบ ตกเดือนหนึ่งเเทบจะไม่มีเก็บแล้ว
อีกอย่างแฟนเราวางเเผนว่า จะไม่ทำงานเอกชนจนแก่แน่ๆ ต้องมาทำธุรกิจที่สามารถทดแทนรายได้ส่วนนั้นหรือต้องได้มากกว่า หากออกจากงานเอกชน
และะธุรกิจต้องสามารถนำมาดูแลครอบครัวได้ด้วย แต่แฟนเราไม่อยากให้พ่อกับแม่ทำงานหนักแล้ว ด้วยปัญหาสุขภาพ ดั้งนั้น รายได้หลักจึงมาจากแฟนเราซึ่งเป็นลูกชายคนโต น้องสาวแฟนเราก็เพิ่งเรียนจบมหาวิทยาลัย แม่อยากให้ทำงานราชการ ที่มีความมั่นคง น้ำซึมบ่อทราย ซึ่งเงินเดือนเริ่มต้น ไม่มากพอจะผ่อนบ้านได้แน่ๆ
เรากับแฟนวางแผนกำลังจะแต่งงานอีกไม่นาน และแฟนเราก็ต้องเก็บเงินเเต่งงานช่วยเรา แล้วหลังจากแต่งงานเราคุยกับครอบครัวแล้วว่าจะย้ายไปอยู่บ้านเรา ซึ่งแสดงว่าแฟนเราก็ไม่ได้อยู่บ้านที่กำลังจะซื้อให้ครอบครัว
แต่เจตนาแฟนเราจะช่วยผ่อนบ้านและเป็นคนดำเนินการ จัดการให้พ่อกับแม่และน้องได้มีบ้านหลังแรกสวยๆอยู่ให้ได้
คือเราสงสารแฟนค่ะ นางเป็นคนรักครอบครัวมาก ทำทุกอย่างแม้จะโดนบ่นโดนว่า แต่ความตั้งใจนางดีมาก
งานเอกชนที่ทำอยู่ บอกเลยว่าเครียดมาก กดดันจากหลายทาง เวลาพักผ่อนเเทบไม่มี สักพักออกประชุม สักพักไปหาลูกค้า นางบ่นให้ฟังตลอด แต่ต้องทนทำไป ออกตอนนี้แย่กันหมดแน่ๆ
เรื่องนี้ทุกคนในบ้านคุยกันบ่อยมาก แต่แม่ก็ยืนยันคำเดิม จะเอา จะเอา แฟนเราพยายามอธิบายเหตุผล ว่ากลัวไม่ไหว ราคามันเกินตัว แต่ท่านก็บอกว่าต้องมีทาง ถ้าไม่หาไม่พยายามก็ไม่ได้ซะที อะไรอย่างนี้ พ่อก็แล้วแต่แม่ น้องสาวก็ไม่มีความคิดเห็นใดๆ แล้วแต่เลย ยังไงก็ได้.. เราก็ได้แต่รับฟังจากแฟนเรา ให้เขาได้ระบาย แต่ก็ช่วยอะไรได้ไม่เยอะ เราเลยอยาก ถามเพื่อนๆพันทิปมีความคิดเห็นว่าอย่างไรบ้างคะ เราอยากฟังจากหลายๆความคิดเห็น เผื่อเป็นทางออกที่ดีที่สุดให้แฟนเรา แม่แฟนเราอาจจะคิดถูก คิดการไกลก็ได้ แต่เราก็กลัวว่าจะเป็นการตัดสินใจผิด ที่ทำให้ครอบครัวต้องดิ้นรน หาเงินมาผ่อนบ้าน ไปอีกชั่วชีวิตก็ไม่รู้จะหมดเมื่อไร
ความคิดเรา อยากให้อยู่บ้านหลังไม่ต้องใหญ่มาก แต่สิ่งอำนวยความสะดวกครบ นำเทคโนโลยีใหม่ๆมาตกแต่ง มีเงินเหลือ จ้างแม่บ้าน คนสวน และได้กินได้เที่ยว หาความสุขให้ชีวิต ดีกว่าต้องหาเงินเดือนละครึ่งแสนมาผ่อนบ้านอย่างเดียว ไม่พอใช้ก็ทะเลาะกัน โทษคนนั้นคนนี้ Y_Y