มาแชร์ประสบการณ์ครับ
การรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อเอาชื่อผู้กู้ร่วมออก
Q1 : ทำไมต้องเอาชื่อผู้กู้ร่วมออก
A1 : ผมกู้ร่วมกับพี่ชายมา 8 ปี ช่วยกันผ่อน แต่มาประสบปัญหาตอนโควิด ผมทำราชการไม่ได้รับผลกระทบ แต่พี่ชายทำเอกชนตกงาน นอกเหนือจากบ้านที่ช่วยกันผ่อน พี่ชายยังมีภาระผ่อนคอนโดอีก ทำให้พอตกงาน ก็ไม่มีรายได้
ในส่วนของบ้าน ผมรับหน้าที่ผ่อนคนเดียวได้ แต่คอนโดของพี่ชายก็เริ่มผ่อนไม่ไหว ขอแบงค์ผ่อนแต่ดอก ประวัติแย่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากโควิด 3 ปี ก็ยังตกงานอยู่
แน่นอนว่าผมยังผ่อนบ้านคนเดียวไหว แต่พี่ชายซึ่งเป็นผู้กู้ร่วม จะไม่ไหวแล้ว มีโอกาสยื้อต่อไม่ไหว และถ้าถึงจุดที่ต้องโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ มีแนวโน้มจะลามมาถึงบ้านที่กู้ร่วมด้วยกัน ทางครอบครัวเลยคุยกันว่าต้องเอาชื่อออก โดยการรีไฟแนนซ์ โดยของแถมที่ได้ก็คือดอกเบี้ยที่ลดลงของแบงค์ใหม่
Q2 : รีจากแบงค์ไหน ไปแบงค์ไหน มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ใช้เวลานานแค่ไหน
A2 : รีจากแบงค์ม่วง ไป ธอส. เพราะผมเป็นราชการ รีไป ธอส. จะง่ายที่สุด เนื่องจากหักจากเงินเดือนได้เลย
ค่าใช้จ่าย เนื่องจากอยู่แบงค์ม่วงมา 8 ปี จึงไม่โดนค่าปรับใดๆ ส่วนค่าใช้จ่ายจะมี 2 ส่วน คือ
1. ค่าใช้จ่ายฝั่ง ธอส. เนื่องจากโปรที่ได้จาก ธอส. ไม่มีฟรีค่าจดจำนอง ค่าประเมิน ค่าประกันอัคคีภัย ต้องออกเองหมด คำนวณที่จ่ายจริงจะมี
- ค่าจดจำนอง 1% จากวงเงินกู้ ผมกู้ 2.473 ล้าน ก็โดนไป 24,730 บาท
- ค่าอากรแสตมป์อีกเล็กน้อย
- ค่าธรรมเนียมแคชเชียร์เชคส่วนเกินวงเงินกู้ที่จ่ายให้แบงค์เดิม 25 บาท
- ค่าประเมิน 2,800 บาท
- ค่าอัคคีภัย รวมไปอยู่ในวงเงินกู้แล้ว เลยไม่นับว่าเป็นค่าใช้จ่าย
- รวมแล้วตีกลมๆประมาณ 28,000
2. ค่าใช้จ่ายส่วนของการเอาชื่อออก 1 คน ที่ต้องจ่ายให้ที่ดิน
จนท. ที่ดินจะคำนวณให้ ซึ่งจะต้องทำเรื่องเป็นการซื้อขายกรรมสิทธิ์กันเอง โดยคิดค่าธรรมเนียมจากราคาซื้อขาย ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่าราคาประเมินของที่ดิน เลยตกลงว่าจะซื้อขายกันที่ 1.2 ล้าน (ตรงนี้ไม่ได้ซื้อขายกันจริงๆ แต่ต้องทำเหมือนว่าซื้อขายกันจริงๆ ตัวเลขที่ซื้อขายจึงควรเป็นตัวเลขที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป) พอคำนวณแล้วค่าธรรมเนียมการเอาชื่อออกที่ต้องจ่ายให้ที่ดินประมาณ 40,000 บาท
พอรวม 2 ส่วนแล้วคือ 28,000+40,000 = 68,000 บาท ที่ต้องจ่ายทั้งหมด และใช้เวลาในกระบวนการรีไฟแนนซ์ทั้งหมด 45 วัน
Q3 : ค่าใช้จ่าย 68,000 คุ้มมั้ยกับการรีไฟแนนซ์เพื่อเอาชื่อออก
A3 : จากการคำนวณ วงเงิน 2.473 ล้าน การรีไฟแนนซ์ จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้ประมาณ 100,000 แม้หักค่าใช้จ่ายไป 68,000 ก็ยังช่วยประหยัดได้ 32,000 บาทอยู่ดี
เคสผมถือว่าไม่ยาก เพราะผู้กู้ร่วมเป็นพี่น้องกัน แถมไม่มีใครสมรสหรือมีลูก ซึ่งจะทำให้เรื่องซับซ้อนขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่ต้องเตรียมคือเงินก้อนจำนวนหนึ่ง ตรงนี้สำคัญมาก เพราะการเอาชื่อออก ไม่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือของรัฐใดๆ ต้องจ่ายปกติ
นอกจากนี้ ก่อนรีไฟแนนซ์ ต้องถามแบงค์ใหม่ก่อนว่าสามารถเอาชื่อออกได้มั้ย บางแบงค์ทำได้ แต่ต้องมีสัญญาซื้อขายกรรมสิทธิ์ตอนยื่นขอสินเชื่อเลย และต้องมีหลักฐานซื้อขายกันจริงๆ มาทำแบบผมไม่ได้ (ที่ไปทำเรื่องวันจดจำนอง ณ สนง.ที่ดิน)
ทิ้งท้ายอีกนิด ถ้าใครกู้คนเดียวไหว กู้คนเดียวเถอะ หรือไม่ก็รอให้มีรายได้พอสำหรับกู้คนเดียว แล้วค่อยกู้ ไม่งั้นต้องมาเสียเงินจำนวนไม่น้อย (อย่างน้อยๆก็หลักหมื่น) ในการเอาชื่อออก เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเราหรือคนกู้ร่วม การกู้คนเดียวจึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด
แชร์การรีไฟแนนซ์ และเอาชื่อผู้กู้ร่วมออก
การรีไฟแนนซ์บ้าน เพื่อเอาชื่อผู้กู้ร่วมออก
Q1 : ทำไมต้องเอาชื่อผู้กู้ร่วมออก
A1 : ผมกู้ร่วมกับพี่ชายมา 8 ปี ช่วยกันผ่อน แต่มาประสบปัญหาตอนโควิด ผมทำราชการไม่ได้รับผลกระทบ แต่พี่ชายทำเอกชนตกงาน นอกเหนือจากบ้านที่ช่วยกันผ่อน พี่ชายยังมีภาระผ่อนคอนโดอีก ทำให้พอตกงาน ก็ไม่มีรายได้
ในส่วนของบ้าน ผมรับหน้าที่ผ่อนคนเดียวได้ แต่คอนโดของพี่ชายก็เริ่มผ่อนไม่ไหว ขอแบงค์ผ่อนแต่ดอก ประวัติแย่ขึ้นเรื่อยๆ หลังจากโควิด 3 ปี ก็ยังตกงานอยู่
แน่นอนว่าผมยังผ่อนบ้านคนเดียวไหว แต่พี่ชายซึ่งเป็นผู้กู้ร่วม จะไม่ไหวแล้ว มีโอกาสยื้อต่อไม่ไหว และถ้าถึงจุดที่ต้องโดนยึดทรัพย์ขายทอดตลาดเพื่อชำระหนี้ มีแนวโน้มจะลามมาถึงบ้านที่กู้ร่วมด้วยกัน ทางครอบครัวเลยคุยกันว่าต้องเอาชื่อออก โดยการรีไฟแนนซ์ โดยของแถมที่ได้ก็คือดอกเบี้ยที่ลดลงของแบงค์ใหม่
Q2 : รีจากแบงค์ไหน ไปแบงค์ไหน มีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ใช้เวลานานแค่ไหน
A2 : รีจากแบงค์ม่วง ไป ธอส. เพราะผมเป็นราชการ รีไป ธอส. จะง่ายที่สุด เนื่องจากหักจากเงินเดือนได้เลย
ค่าใช้จ่าย เนื่องจากอยู่แบงค์ม่วงมา 8 ปี จึงไม่โดนค่าปรับใดๆ ส่วนค่าใช้จ่ายจะมี 2 ส่วน คือ
1. ค่าใช้จ่ายฝั่ง ธอส. เนื่องจากโปรที่ได้จาก ธอส. ไม่มีฟรีค่าจดจำนอง ค่าประเมิน ค่าประกันอัคคีภัย ต้องออกเองหมด คำนวณที่จ่ายจริงจะมี
- ค่าจดจำนอง 1% จากวงเงินกู้ ผมกู้ 2.473 ล้าน ก็โดนไป 24,730 บาท
- ค่าอากรแสตมป์อีกเล็กน้อย
- ค่าธรรมเนียมแคชเชียร์เชคส่วนเกินวงเงินกู้ที่จ่ายให้แบงค์เดิม 25 บาท
- ค่าประเมิน 2,800 บาท
- ค่าอัคคีภัย รวมไปอยู่ในวงเงินกู้แล้ว เลยไม่นับว่าเป็นค่าใช้จ่าย
- รวมแล้วตีกลมๆประมาณ 28,000
2. ค่าใช้จ่ายส่วนของการเอาชื่อออก 1 คน ที่ต้องจ่ายให้ที่ดิน
จนท. ที่ดินจะคำนวณให้ ซึ่งจะต้องทำเรื่องเป็นการซื้อขายกรรมสิทธิ์กันเอง โดยคิดค่าธรรมเนียมจากราคาซื้อขาย ซึ่งจะต้องไม่น้อยกว่าราคาประเมินของที่ดิน เลยตกลงว่าจะซื้อขายกันที่ 1.2 ล้าน (ตรงนี้ไม่ได้ซื้อขายกันจริงๆ แต่ต้องทำเหมือนว่าซื้อขายกันจริงๆ ตัวเลขที่ซื้อขายจึงควรเป็นตัวเลขที่เหมาะสม ไม่มากหรือน้อยจนเกินไป) พอคำนวณแล้วค่าธรรมเนียมการเอาชื่อออกที่ต้องจ่ายให้ที่ดินประมาณ 40,000 บาท
พอรวม 2 ส่วนแล้วคือ 28,000+40,000 = 68,000 บาท ที่ต้องจ่ายทั้งหมด และใช้เวลาในกระบวนการรีไฟแนนซ์ทั้งหมด 45 วัน
Q3 : ค่าใช้จ่าย 68,000 คุ้มมั้ยกับการรีไฟแนนซ์เพื่อเอาชื่อออก
A3 : จากการคำนวณ วงเงิน 2.473 ล้าน การรีไฟแนนซ์ จะช่วยประหยัดดอกเบี้ยได้ประมาณ 100,000 แม้หักค่าใช้จ่ายไป 68,000 ก็ยังช่วยประหยัดได้ 32,000 บาทอยู่ดี
เคสผมถือว่าไม่ยาก เพราะผู้กู้ร่วมเป็นพี่น้องกัน แถมไม่มีใครสมรสหรือมีลูก ซึ่งจะทำให้เรื่องซับซ้อนขึ้นไปอีก แต่สิ่งที่ต้องเตรียมคือเงินก้อนจำนวนหนึ่ง ตรงนี้สำคัญมาก เพราะการเอาชื่อออก ไม่ได้เข้าร่วมมาตรการช่วยเหลือของรัฐใดๆ ต้องจ่ายปกติ
นอกจากนี้ ก่อนรีไฟแนนซ์ ต้องถามแบงค์ใหม่ก่อนว่าสามารถเอาชื่อออกได้มั้ย บางแบงค์ทำได้ แต่ต้องมีสัญญาซื้อขายกรรมสิทธิ์ตอนยื่นขอสินเชื่อเลย และต้องมีหลักฐานซื้อขายกันจริงๆ มาทำแบบผมไม่ได้ (ที่ไปทำเรื่องวันจดจำนอง ณ สนง.ที่ดิน)
ทิ้งท้ายอีกนิด ถ้าใครกู้คนเดียวไหว กู้คนเดียวเถอะ หรือไม่ก็รอให้มีรายได้พอสำหรับกู้คนเดียว แล้วค่อยกู้ ไม่งั้นต้องมาเสียเงินจำนวนไม่น้อย (อย่างน้อยๆก็หลักหมื่น) ในการเอาชื่อออก เราไม่รู้ว่าอนาคตจะเกิดอะไรขึ้นกับเราหรือคนกู้ร่วม การกู้คนเดียวจึงเป็นตัวเลือกที่ปลอดภัยที่สุด