สวัสดีเพื่อนๆครับ วันนี้ MC มาแบบง่ายๆไม่ได้เตรียมอะไรมาก อยากจะเล่าเรื่องเล่นๆเกี่ยวกับ "คืนหมาหอน" ที่เป็นเนื้อร้ายในระบอบประชาธิปไตยชนิดหนึ่ง เป็นจุดอ่อนของระบอบแต่เป็นวิชามารของนักการเมืองชั่วที่โกงตั้งแต่ก่อนเข้ามาทำหน้าที่ผู้แทนประชาชน ในขณะที่หลายคนกำลังร่ำร้องโหยหาประชาธิปไตยกันอยู่นั้น สิ่งหนึ่งที่จะมองข้ามไปไม่ได้นั่นคือเนื้อร้าบของระบอบที่เราๆท่านๆต้องช่วยกันเพื่อกำจัดมันทิ้งไ ไม่ให้มันเกิดข้อครหาและเป็นช่องของผู้ฝักใฝ่เผด็จการเข้ามาโจมตีได้
เราจะมาย้อนรอยถึงคำว่า "คืนหมาหอนกัน"
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คืนหมาหอน หมายถึง คืนสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง มีความสำคัญในแง่ว่าเป็นคืนที่จะมีการทุจริตการเลือกตั้งสูงมาก โดยเฉพาะการตระเวนตามบ้านเรือนทุกหลังคาเรือนเพื่อซื้อเสียงครั้งสุดท้าย อันเป็นการจ่ายเงินที่หวังผลกำไรสูงมาก เพราะหากประเมินแล้วว่าคะแนนตนยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือเสียงที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ถูกซื้อไปด้วยเงินที่สูงกว่า ก็จะต้องรีบซื้อเสียงหรือแจกเงินเพิ่ม นับว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกสถานการณ์ เป็นการวัดดวงหรือทิ้งทวนครั้งสุดท้ายก็ว่าได้ นอกจากนี้ การแจกเงินซื้อเสียงที่จะมีอิทธิพลต่อผู้ไปลงคะแนนนั้น หากทำในวันใกล้เลือกตั้งมากที่สุดก็อาจช่วยให้เป็นที่จดจำได้ง่ายด้วย
เนื่องจากปฏิบัติการดังกล่าวกระทำในเวลากลางคืนด้วยลักษณะหลบ ๆ ซ่อน ๆ และมีพิรุธ สุนัขเฝ้าบ้านจึงพากันเห่าหอนเกรียวกราว คืนนั้นจึงเรียก "คืนหมาหอน"
ราชบัณฑิตยสถานลงคำนี้ไว้ใน พจนานุกรมคำใหม่ ว่า "คืนหมาหอน น. คืนสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งซึ่งหัวคะแนนเดินไปตามบ้านต่าง ๆ เพื่อจ่ายเงินซื้อเสียง เช่น กกต. สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการซื้อเสียงในคืนหมาหอน."
MC จะลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพ แบบเริ่มแรก สมมุติว่า ผู้นำชุมชนหรือหัวคะแนน ก มีเสียงอยู่ในมือ 100 เสียง พรรคไหนจะให้เท่าไหร่ก็แจ้งมา แล้วก็มาวัดราคากันว่าจะให้ต่อหัวเท่าไหร่ แล้วตัดสินใจว่าหัวคะแนนรายนี้จะเป็นหัวคะแนนให้พรรคไหน แล้วนายผู้นำชุมชนหรือหัวคะแนน ก ก็จะนำเงินที่ได้มาจากพรรคการเมืองนี้แหละ หักหัวคิวเข้ากระเป๋าตัวเองไปซะ เช่นรับมาหัวละ 500 ก็จะแจก 300 เป็นต้น จนภายหลังเริ่มมีการกำหนดตายตัวว่าพื้นที่ไหนเป็นเขตคะแนนของพรรคการเมืองใด
การไปเดินแจกเงินในคืนหมาหอน ธนบัตร ก็จะถูกเย็บด้วยเครื่องเย็บกระดาษ นับจำนวนตามลูกบ้านที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในเขตนั้นๆแจกไปแต่ละบ้าน เงินก็จะถูกบรรจุใส่ถุงหรือห่อกระดาษง่ายๆ มีมือปืนคอยตามหลังอยู่ห่างๆในกรณีที่เกิดการปะทะกับกลุ่มหัวคะแนนจากพรรคอื่นที่มาด้อมๆมองๆ เมื่อก่อนก็จะแจกกันตอนกลางคืนก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นโค้งสุดท้าย หัวคะแนนจึงต้องวิ่งอัดฉีดเต็มที่กับชาวบ้าน เพื่อให้พรรคของตนแซงโค้งเข้าเส้นชัย
ต้องเคาะประตูบ้าน เยี่ยมเยียนชาวบ้านพร้อมด้วย" เงินซื้อเสียง" ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งเจ้าของบ้านและแขกที่มาเยือน บ้านไหนมีหมา หมาก็จะเห่าหอนกันทั้งคืน ถึงกลายเป็นสำนวนว่า "คืนหมาหอน" แต่สมัยนี้จะมาในรูปแบบอาสาสมัครมาแอบถามก่อนว่าจะเอาเงินไหม ถ้าเอาเขาก็จะจดชื่อไว้แล้วไปแจ้งจำนวนรวมกับหัวคะแนนในชุมชน
เมื่อเลือกตั้งปี 2544 เป็นปีแรกที่ กกต. มีการจัดการปัญหาคืนหมาหอนด้วยการห้ามให้ธนาคารรับแรกธนบัตรแบงค์ย่อยเกินจำนวนกี่ล้านบาทไม่รู้ อันนี้ MC จำไม่ได้ คืนหมาหอนก็เลยค่อนข้างสะดุดมากพอสมควรในการเลือกตั้งครั้งนั้น แต่หลังจากนั้นนักการเมืองก็มีการปรับตัว เตรียมตัวล่วงหน้า แล้วเปลี่ยนจากการซื้อเสียงในคืนหมาหอนมาเป็นแบบแจกลับๆล่วงหน้าดังเช่นปัจจุบัน
การทุจริตการเลือกตั้งมักจะมีใบแดง ใบเหลืองให้เห็นกันทุกครั้ง แม้ว่าประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและไร้สิ้นหลักประกันว่าเลือกตั้งไปแล้วจะโดนล้มการเลือกตั้งหรือไม่ (ครั้งล่าสุดเมื่อ กพ. 57 เห็นหายๆไปเหมือนกันสำหรับการซื้อเสียง เพราะพรรค ปชป บอยคอต) แต่ยังไงก็ตามแต่ยังมักเห็นได้เสมอในสนามระดับท้องถิ่น
ความเห็นส่วนตัวของ MC คืนหมาหอนหรือแจกเงินซื้อเสียงนั่นหมายถึงการทุจริตการเลือกตั้งโดยตรง เป็นการซื้อเสียงโดยตรงที่ต้องช่วยกันทำให้มันหมดไป ใช้เทคโนโลยีบันทึกภาพให้เป็นประโยชน์และใช้กระแสสังคมตามโลกโซเชียลเป็นเกราะป้องกันตนไว้บ้างก็ดี แต่มันจะมีอีกหนึ่งมุมที่ไม่อยากให้ทุกคนมองข้าม นั่นคือ "การซื้อเสียงทางอ้อม ผ่านนโยบายประชานิยมต่างๆแบบที่เอาเงินภาษีประชาชนไปแจกเอาดื้อๆผ่านนโยบายที่ตั้งชื่อไว้สวยๆ" การบริหารประเทศที่ดีนั้นหากมีความจำเป็นต้องแจกเงินจริงๆ จำนวนเงินนั้นจะต้องนำไปต่อยอดไปเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้ ไม่ใช่แจกๆให้หมดไปเป็นงวดๆ แล้วงวดหน้าก็เอาเงินมาแจกใหม่ ไม่ใช่การส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของประชาชนแต่อย่างใด แต่กลับสร้างค่านิยมผิดๆให้กับประชาชนที่ต้องรอการแจกเงินเสียด้วยซ้ำ MC จึงอยากเห็นการบริหารประเทศแบบที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจฐานรากมากกว่าการรอแจกเงินเป็นงวดๆไป
วันนี้เอาเท่านี้ก่อนครับ MC ยังติดงานช่วงเย็นอยู่โดยเฉพาะเดือนนี้จะยุ่งมาก คงได้มาอีกที 2-3 ทุ่มเป็นอย่างต่ำ ยินดีต้อนรับเพื่อนๆทุกคนและหากยังไม่ได้ทักทายกันก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
แอ๊ด คาราบาว - ล้างบาง (Official Music Video)
ห้องเพลงคนรากหญ้า พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม.มีแต่เสียง 16/03/2018 "คืนหมาหอน"
เราจะมาย้อนรอยถึงคำว่า "คืนหมาหอนกัน"
จากวิกิพีเดีย สารานุกรมเสรี
คืนหมาหอน หมายถึง คืนสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้ง มีความสำคัญในแง่ว่าเป็นคืนที่จะมีการทุจริตการเลือกตั้งสูงมาก โดยเฉพาะการตระเวนตามบ้านเรือนทุกหลังคาเรือนเพื่อซื้อเสียงครั้งสุดท้าย อันเป็นการจ่ายเงินที่หวังผลกำไรสูงมาก เพราะหากประเมินแล้วว่าคะแนนตนยังไม่ถึงเป้าหมายที่ตั้งไว้ หรือเสียงที่ซื้อไปก่อนหน้านี้ถูกซื้อไปด้วยเงินที่สูงกว่า ก็จะต้องรีบซื้อเสียงหรือแจกเงินเพิ่ม นับว่าเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะพลิกสถานการณ์ เป็นการวัดดวงหรือทิ้งทวนครั้งสุดท้ายก็ว่าได้ นอกจากนี้ การแจกเงินซื้อเสียงที่จะมีอิทธิพลต่อผู้ไปลงคะแนนนั้น หากทำในวันใกล้เลือกตั้งมากที่สุดก็อาจช่วยให้เป็นที่จดจำได้ง่ายด้วย
เนื่องจากปฏิบัติการดังกล่าวกระทำในเวลากลางคืนด้วยลักษณะหลบ ๆ ซ่อน ๆ และมีพิรุธ สุนัขเฝ้าบ้านจึงพากันเห่าหอนเกรียวกราว คืนนั้นจึงเรียก "คืนหมาหอน"
ราชบัณฑิตยสถานลงคำนี้ไว้ใน พจนานุกรมคำใหม่ ว่า "คืนหมาหอน น. คืนสุดท้ายก่อนวันเลือกตั้งซึ่งหัวคะแนนเดินไปตามบ้านต่าง ๆ เพื่อจ่ายเงินซื้อเสียง เช่น กกต. สั่งให้เจ้าหน้าที่เฝ้าระวังการซื้อเสียงในคืนหมาหอน."
MC จะลองยกตัวอย่างให้เห็นภาพ แบบเริ่มแรก สมมุติว่า ผู้นำชุมชนหรือหัวคะแนน ก มีเสียงอยู่ในมือ 100 เสียง พรรคไหนจะให้เท่าไหร่ก็แจ้งมา แล้วก็มาวัดราคากันว่าจะให้ต่อหัวเท่าไหร่ แล้วตัดสินใจว่าหัวคะแนนรายนี้จะเป็นหัวคะแนนให้พรรคไหน แล้วนายผู้นำชุมชนหรือหัวคะแนน ก ก็จะนำเงินที่ได้มาจากพรรคการเมืองนี้แหละ หักหัวคิวเข้ากระเป๋าตัวเองไปซะ เช่นรับมาหัวละ 500 ก็จะแจก 300 เป็นต้น จนภายหลังเริ่มมีการกำหนดตายตัวว่าพื้นที่ไหนเป็นเขตคะแนนของพรรคการเมืองใด
การไปเดินแจกเงินในคืนหมาหอน ธนบัตร ก็จะถูกเย็บด้วยเครื่องเย็บกระดาษ นับจำนวนตามลูกบ้านที่มีสิทธิ์ลงคะแนนในเขตนั้นๆแจกไปแต่ละบ้าน เงินก็จะถูกบรรจุใส่ถุงหรือห่อกระดาษง่ายๆ มีมือปืนคอยตามหลังอยู่ห่างๆในกรณีที่เกิดการปะทะกับกลุ่มหัวคะแนนจากพรรคอื่นที่มาด้อมๆมองๆ เมื่อก่อนก็จะแจกกันตอนกลางคืนก่อนวันเลือกตั้ง ซึ่งถือเป็นโค้งสุดท้าย หัวคะแนนจึงต้องวิ่งอัดฉีดเต็มที่กับชาวบ้าน เพื่อให้พรรคของตนแซงโค้งเข้าเส้นชัย
ต้องเคาะประตูบ้าน เยี่ยมเยียนชาวบ้านพร้อมด้วย" เงินซื้อเสียง" ไม่ได้หลับไม่ได้นอนกันทั้งเจ้าของบ้านและแขกที่มาเยือน บ้านไหนมีหมา หมาก็จะเห่าหอนกันทั้งคืน ถึงกลายเป็นสำนวนว่า "คืนหมาหอน" แต่สมัยนี้จะมาในรูปแบบอาสาสมัครมาแอบถามก่อนว่าจะเอาเงินไหม ถ้าเอาเขาก็จะจดชื่อไว้แล้วไปแจ้งจำนวนรวมกับหัวคะแนนในชุมชน
เมื่อเลือกตั้งปี 2544 เป็นปีแรกที่ กกต. มีการจัดการปัญหาคืนหมาหอนด้วยการห้ามให้ธนาคารรับแรกธนบัตรแบงค์ย่อยเกินจำนวนกี่ล้านบาทไม่รู้ อันนี้ MC จำไม่ได้ คืนหมาหอนก็เลยค่อนข้างสะดุดมากพอสมควรในการเลือกตั้งครั้งนั้น แต่หลังจากนั้นนักการเมืองก็มีการปรับตัว เตรียมตัวล่วงหน้า แล้วเปลี่ยนจากการซื้อเสียงในคืนหมาหอนมาเป็นแบบแจกลับๆล่วงหน้าดังเช่นปัจจุบัน
การทุจริตการเลือกตั้งมักจะมีใบแดง ใบเหลืองให้เห็นกันทุกครั้ง แม้ว่าประเทศไทยจะเกิดเหตุการณ์ความวุ่นวายทางการเมืองและไร้สิ้นหลักประกันว่าเลือกตั้งไปแล้วจะโดนล้มการเลือกตั้งหรือไม่ (ครั้งล่าสุดเมื่อ กพ. 57 เห็นหายๆไปเหมือนกันสำหรับการซื้อเสียง เพราะพรรค ปชป บอยคอต) แต่ยังไงก็ตามแต่ยังมักเห็นได้เสมอในสนามระดับท้องถิ่น
ความเห็นส่วนตัวของ MC คืนหมาหอนหรือแจกเงินซื้อเสียงนั่นหมายถึงการทุจริตการเลือกตั้งโดยตรง เป็นการซื้อเสียงโดยตรงที่ต้องช่วยกันทำให้มันหมดไป ใช้เทคโนโลยีบันทึกภาพให้เป็นประโยชน์และใช้กระแสสังคมตามโลกโซเชียลเป็นเกราะป้องกันตนไว้บ้างก็ดี แต่มันจะมีอีกหนึ่งมุมที่ไม่อยากให้ทุกคนมองข้าม นั่นคือ "การซื้อเสียงทางอ้อม ผ่านนโยบายประชานิยมต่างๆแบบที่เอาเงินภาษีประชาชนไปแจกเอาดื้อๆผ่านนโยบายที่ตั้งชื่อไว้สวยๆ" การบริหารประเทศที่ดีนั้นหากมีความจำเป็นต้องแจกเงินจริงๆ จำนวนเงินนั้นจะต้องนำไปต่อยอดไปเป็นอาชีพหลักหรืออาชีพเสริมได้ ไม่ใช่แจกๆให้หมดไปเป็นงวดๆ แล้วงวดหน้าก็เอาเงินมาแจกใหม่ ไม่ใช่การส่งเสริมการดำรงชีวิตอย่างยั่งยืนของประชาชนแต่อย่างใด แต่กลับสร้างค่านิยมผิดๆให้กับประชาชนที่ต้องรอการแจกเงินเสียด้วยซ้ำ MC จึงอยากเห็นการบริหารประเทศแบบที่ยั่งยืนของเศรษฐกิจฐานรากมากกว่าการรอแจกเงินเป็นงวดๆไป
วันนี้เอาเท่านี้ก่อนครับ MC ยังติดงานช่วงเย็นอยู่โดยเฉพาะเดือนนี้จะยุ่งมาก คงได้มาอีกที 2-3 ทุ่มเป็นอย่างต่ำ ยินดีต้อนรับเพื่อนๆทุกคนและหากยังไม่ได้ทักทายกันก็ขออภัยล่วงหน้านะครับ
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
แอ๊ด คาราบาว - ล้างบาง (Official Music Video)