ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ขออภัยด้วยค่ะ วันนี้ MC ทั้งหลายต่างติดธุระโดยพร้อมเพรียงกัน
เลยมาแบบด่วน "จอง" กระทู้ไว้ก่อน ตอนนี้เนื้อหาเสร็จแล้ว
ปล่อยกระทู้เสร็จก็คงขอฝากกระทู้ไว้ก่อน เสร็จธุระแล้วจะมาใหม่ค่ะ
วันก่อนตั้งกระทู้ห้องเพลง เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ใน "บุพเพสันนิวาส"
https://ppantip.com/topic/37446988
วันนี้มาต่อกันเรื่องตัวละครจากเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ไทยกันค่ะ
จะได้ดูละครอย่างสนุกและยังได้สาระความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 4 ของพระราชวงศ์ปราสาททอง ในสมัยอยุธยา
เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญมากมาย
ทั้งด้านการทหาร ทรงสร้างความรุ่งเรือง และความยิ่งใหญ่ให้แก่กรุงศรีอยุธยา
โดยทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองพม่าอีกหลายเมือง เช่น เมืองสิเรียม ย่างกุ้ง แปร ตองอู หงสาวดี เป็นต้น
ด้านวรรณคดีวรรณกรรมในสมัยนั้น มีหนังสือถูกแต่งขึ้นมากมาย
เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ โคลงทศรถสอนพระราม โคลงพาลี-สอนน้อง เป็นต้น
รวมถึงวรรณกรรมชิ้นสำคัญ คือ โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในยุคที่รุ่งเรืองด้านการทูตมากที่สุด
โดยเฉพาะการส่งคณะราชทูตไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔
พระเพทราชา/ออกพระเพทราชา
พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 29 ของอาณาจักรอยุธยา และปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง
ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา
ทรงเป็นพระสหายกับสมเด็จพระนารายณ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์
เนื่องจากพระมารดาของพระองค์เป็นพระนมในสมเด็จพระนารายณ์
1. ขุนศรีวิสารวาจา/ หมื่นสุนทรเทวา
ภายหลังได้อวยยศเป็น ขุนศรีวิสารวาจา ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญทางการทูต
และได้ร่วมอยู่ในคณะทูตที่ไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๒๙
โดยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ณ พระราชวังแวร์ซายส์
๒. เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
เป็นนักผจญภัยชาวกรีก ผู้กลายมาเป็นสมุหนายกในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เมื่อพ.ศ. ๒๒๑๘ เดินทางมายังอยุธยาในฐานะพ่อค้า
ฟอลคอนมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย
เขาจึงเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่กี่ปี และเข้ารับราชการในตำแหน่งล่าม
นับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา เป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส
ฟอลคอนได้กลายมาเป็นสมุหเสนาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในเวลาอันรวดเร็ว
พ.ศ. ๒๒๒๕ ฟอลคอนแต่งงานกับดอญา มารี กีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า)
ความใกล้ชิดระหว่างเจ้าพระยาวิชเยนทร์และสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทำให้เกิดความริษยาขึ้นในหมู่ราชนิกุล
ซึ่งส่งให้เกิดผลเสียต่อตัวเจ้าพระยาวิชเยนทร์เองในเวลาต่อมา
เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรหนักใกล้สวรรคต ก็มีข่าวลือว่าเจ้าพระยาวิชเยนทร์
ต้องการใช้องค์รัชทายาทเป็นหุ่นเชิดและเข้ามาเป็นผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาเสียเอง
ซึ่งแม้เหตุดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็เป็นข้ออ้างให้พระเพทราชาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่
ที่ไม่พอใจกับนโยบายด้านต่างประเทศที่ส่งผลให้มีชาวต่างชาติมาอยู่ในกรุงศรีอยุธยามากมาย
วางแผนให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จไปประทับที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ในลพบุรี
ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเพทราชาทรงขึ้นครองราชย์ ก็ได้สั่งจับกุมและประหารชีวิตเจ้าพระยาวิชเยนทร์
เพราะเชื่อว่าเป็นชาวต่างชาติต้องการฉวยโอกาสใช้อิทธิพลควบคุมราชอาณาจักร
๓. เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
เป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต (บัว) ซึ่งเป็นพระนมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับขุนนางเชื้อสายมอญ
เกิดในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และเป็นพระนัดดาในสมเด็จพระเอกาทศรถ
เป็นเอกอัครราชทูตคนสำคัญ ท่านได้เดินทางไปพร้อมกับเชอวาเลีย เดอ โชมองต์
โดยขณะนั้นยังมีบรรดาศักดิ์เป็นออกพระวิสุทธิสุนทร ท่านได้อยู่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา ๖ เดือน
ท่านจึงกลับสยาม ภายหลังท่านถึงแก่อสัญกรรมในสมัยสมเด็จพระเพทราชา
โกษาปานเดินทางไปกับเรือฝรั่งเศสเมื่อธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔
เมื่อ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๒๒๙ และเดินทางกลับเมื่อ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๒๓๐
โกษาปานเป็นนักการทูตที่สุขุม ไม่พูดมาก ละเอียดลออในการจดบันทึกที่ได้พบเห็นในการเดินทางครั้งนั้น
สำหรับการเข้าเฝ้าในครั้งนี้ ออกพระวิสุทธิ์สุนทร (ปาน) ได้กระทำหน้าที่เป็นผู้แทนของราชสำนัก
อยุธยาอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีการเข้าเฝ้า จนชาวฝรั่งเศสได้กล่าวยกย่องชื่นชมคณะทูตไทย
ซึ่งถือว่าการไปเจริญสัมพันธไมตรีครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก ทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับฝรั่งเศสแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ได้สร้างชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในทวีปยุโรป
เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พระเจ้าแผ่นดินทางด้านตะวันออกแต่งคณะราชทูตไปยังสำนักฝรั่งเศส
พระเจ้าหลุยส์ทรงจัดการรับรองคณะราชทูตจากกรุงศรีอยุธยาอย่างสมเกียรติยศ
และโปรดให้จัดทำเหรียญที่ระลึก และมีการเขียนรูปราชทูตไทยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เป็นที่ระลึกด้วย
ท่านได้รับการยกย่องสรรเสริญในเรื่องความสามารถทำให้ไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ
และจากบุคลิกของท่านที่เฉลียวฉลาด มีมารยาทเรียบร้อย ช่างสังเกต ช่างจดจำ พูดจาหลักแหลมคมคาย
ทำให้ท่านประสบความสำเร็จในการประกาศชื่อเสียง และเกียรติคุณของประเทศชาติ
จากผลงาน การเป็นหัวหน้าคณะราชทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส
ทำให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคามของฮอลันดา
๔. เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก)
เป็นบุตรชายคนโตของเจ้าแม่วัดดุสิต (พระนมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) กับ ขุนนางเชื้อสายมอญ
ท่านเกิดในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีน้องชาย ๑ คน คือ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
และน้องสาว ๑ คน ชื่อ แช่ม หรือ ฉ่ำ ท่านถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. ๒๒๒๖
ท่านและน้องชายต่างเป็นข้าหลวงคนสำคัญของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
กล่าวคือ เมื่อกลุ่มขุนนางอาวุโสซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้การช่วยเหลือให้สมเด็จพระนารายณ์ได้ขึ้นครองราชย์หมดอำนาจลง
กลุ่มขุนนางหนุ่มซึ่งนำโดยท่านและน้องชายจึงขึ้นมามีอำนาจแทน
ท่านได้เป็นแม่ทัพในราชการสงครามหลายครั้งในต้นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
๕. ท้าวทองกีบม้า มีชื่อตัวว่า มารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา (Maria Guyomar de Pinha)
แต่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ มารี กีมาร์ เป็นสุภาพสตรีช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
ภรรยาของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
เธอมีชื่อเสียงจากการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก ตำแหน่ง "ท้าวทองกีบม้า"
ว่ากันว่านางได้ประดิษฐ์ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส อาทิ ทองหยิบ, ทองหยอด,
ฝอยทอง, ทองม้วน และหม้อแกง จนได้สมญาว่าเป็น "ราชินีแห่งขนมไทย"
แต่ก็มีกระแสคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า ขนมโปรตุเกสเหล่านี้แพร่หลายมาพร้อมกับกลุ่มชนเชื้อสายโปรตุเกส
ที่เข้ามาพำนักในกรุงศรีอยุธยามากว่า ๑๕๐ ปีก่อนที่นางจะเกิดเสียอีก
เรื่องที่นางดัดแปลงขนมไทยจากตำรับโปรตุเกสเป็นคนแรกเห็นจะผิดไป
๖. ออกญาโหราธิบดี
บุคคลสำคัญของวงการแต่งหนังสือในสมัยพระนารายณ์มหาราช เป็นผู้นิพนธ์หนังสือ “จินดามณี” ในปี พ.ศ.๒๒๑๕
ซึ่งถือเป็นหนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทย
มีเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง การใช้สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ การแจกลูก การผันอักษร อักษรศัพท์
อักษรเลข การสะกดการันต์ ฯลฯ และจากการที่จินดามณีเป็นแบบเรียนของไทย
ทำให้มีหนังสือแบบเรียนไทยในยุคต่อๆ มาใช้ชื่อ “จินดามณี” เช่นเดียวกัน เช่น จินดามณีฉบับความแปลก
จินดามณีครั้งแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ จินดามณีฉบับกรมหลวงวงษาธิราชสนิท เป็นต้น
๗. ศรีปราชญ์
กวีเอกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นบุตรของพระโหราธิบดี
เข้ารับราชการตั้งแต่อายุ ๙ ขวบ และกลายเป็นกวีเอกของพระนารายณ์มหาราช
แต่สุดท้ายด้วยความสามารถที่เก่งกาจ ทำให้มีผู้คิดปองร้าย ใส่ความศรีปราชญ์
จนถูกสั่งเนรเทศและประหารชีวิตในที่สุด ศรีปราชญ์มีผลงานชิ้นสำคัญ คือ หนังสือกำศรวลศรีปราชญ์
๘. หลวงสรศักดิ์/ ออกหลวงสรศักดิ์
เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับพระสนมพระองค์หนึ่ง
แต่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้พระราชทานพระสนมดังกล่าวให้แก่พระเพทราชา
พระเพทราชาเลี้ยงดูและต่อมาได้นำมาถวายเป็นมหาดเล็กของสมเด็จพระนารายณ์
พระองค์ทรงชุบเลี้ยงและได้ตำแหน่งเป็นหลวงสรศักดิ์
ต่อมาในสมัยของ สมัยสมเด็จพระเพทราชา หลวงสรศักดิ์ให้รับสถาปนาเป็นพระมหาอุปราช
และได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระเพทราชา พระนามว่า “สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8”
และด้วยความที่ทรงมีพระอุปนิสัย เด็ดขาด ชอบการล่าสัตว์ ผู้คนจึงพากันเรียกว่า “พระเจ้าเสือ” เปรียบว่าทรงร้ายเหมือนเสือ
๙. หลวงศรียศ/ ออกญาจุฬาราชมนตรี (แก้ว)
ชาวไทยผู้มีเชื้อสายเปอร์เซีย เริ่มรับราชการโดยถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
จนได้เป็น หลวงศรียศ (แก้ว) ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจุฬาราชมนตรี จนถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.tnews.co.th/index.php/contents/419896
https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/104339.html
....................................................................
ออเจ้าเอย - Ost.บุพเพสันนิวาส | พีท พล | Official MV
https://www.youtube.com/watch?v=oAwGBYdvwW0
ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม...มีแต่เสียง 13/3/2018 (บุคคลสำคัญที่มีจริงในบุพเพสันนิวาส)
ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ
1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม
กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
สวัสดีค่ะเพื่อนๆ ห้องเพลงและเพื่อนสมาชิกทุกท่าน
ขออภัยด้วยค่ะ วันนี้ MC ทั้งหลายต่างติดธุระโดยพร้อมเพรียงกัน
เลยมาแบบด่วน "จอง" กระทู้ไว้ก่อน ตอนนี้เนื้อหาเสร็จแล้ว
ปล่อยกระทู้เสร็จก็คงขอฝากกระทู้ไว้ก่อน เสร็จธุระแล้วจะมาใหม่ค่ะ
วันก่อนตั้งกระทู้ห้องเพลง เกร็ดเล็กๆ น้อยๆ ใน "บุพเพสันนิวาส" https://ppantip.com/topic/37446988
วันนี้มาต่อกันเรื่องตัวละครจากเรื่อง บุพเพสันนิวาส ที่มีตัวตนอยู่จริงในประวัติศาสตร์ไทยกันค่ะ
จะได้ดูละครอย่างสนุกและยังได้สาระความรู้เพิ่มเติมอีกด้วย
สมเด็จพระนารายณ์มหาราช
พระมหากษัตริย์ลำดับที่ 4 ของพระราชวงศ์ปราสาททอง ในสมัยอยุธยา
เป็นพระมหากษัตริย์ผู้ยิ่งใหญ่พระองค์หนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ทรงมีพระราชกรณียกิจที่สำคัญมากมาย
ทั้งด้านการทหาร ทรงสร้างความรุ่งเรือง และความยิ่งใหญ่ให้แก่กรุงศรีอยุธยา
โดยทรงยกทัพไปตีเมืองเชียงใหม่ และหัวเมืองพม่าอีกหลายเมือง เช่น เมืองสิเรียม ย่างกุ้ง แปร ตองอู หงสาวดี เป็นต้น
ด้านวรรณคดีวรรณกรรมในสมัยนั้น มีหนังสือถูกแต่งขึ้นมากมาย
เช่น สมุทรโฆษคำฉันท์ โคลงทศรถสอนพระราม โคลงพาลี-สอนน้อง เป็นต้น
รวมถึงวรรณกรรมชิ้นสำคัญ คือ โคลงเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนารายณ์
นอกจากนี้ยังเป็นหนึ่งในยุคที่รุ่งเรืองด้านการทูตมากที่สุด
โดยเฉพาะการส่งคณะราชทูตไปเชื่อมสัมพันธไมตรีกับฝรั่งเศส ในรัชสมัยพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔
พระเพทราชา/ออกพระเพทราชา
พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 29 ของอาณาจักรอยุธยา และปฐมกษัตริย์ของราชวงศ์บ้านพลูหลวง
ราชวงศ์สุดท้ายของอาณาจักรอยุธยา
ทรงเป็นพระสหายกับสมเด็จพระนารายณ์มาตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงพระเยาว์
เนื่องจากพระมารดาของพระองค์เป็นพระนมในสมเด็จพระนารายณ์
1. ขุนศรีวิสารวาจา/ หมื่นสุนทรเทวา
ภายหลังได้อวยยศเป็น ขุนศรีวิสารวาจา ถือว่าเป็นบุคคลสำคัญทางการทูต
และได้ร่วมอยู่ในคณะทูตที่ไปเจริญสัมพันธ์ไมตรีกับฝรั่งเศส เมื่อปี พ.ศ. ๒๒๒๙
โดยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ ณ พระราชวังแวร์ซายส์
๒. เจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
เป็นนักผจญภัยชาวกรีก ผู้กลายมาเป็นสมุหนายกในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
เมื่อพ.ศ. ๒๒๑๘ เดินทางมายังอยุธยาในฐานะพ่อค้า
ฟอลคอนมีความสามารถพิเศษในการเรียนรู้ภาษาต่างประเทศอย่างง่ายดาย
เขาจึงเรียนรู้การใช้ภาษาไทยอย่างคล่องแคล่วในเวลาไม่กี่ปี และเข้ารับราชการในตำแหน่งล่าม
นับเป็นชาวตะวันตกคนแรกที่เข้ามารับราชการในสมัยอยุธยา เป็นตัวกลางการค้าระหว่างอยุธยากับฝรั่งเศส
ฟอลคอนได้กลายมาเป็นสมุหเสนาในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชในเวลาอันรวดเร็ว
พ.ศ. ๒๒๒๕ ฟอลคอนแต่งงานกับดอญา มารี กีมาร์ (ท้าวทองกีบม้า)
ความใกล้ชิดระหว่างเจ้าพระยาวิชเยนทร์และสมเด็จพระนารายณ์มหาราชทำให้เกิดความริษยาขึ้นในหมู่ราชนิกุล
ซึ่งส่งให้เกิดผลเสียต่อตัวเจ้าพระยาวิชเยนทร์เองในเวลาต่อมา
เมื่อสมเด็จพระนารายณ์ทรงพระประชวรหนักใกล้สวรรคต ก็มีข่าวลือว่าเจ้าพระยาวิชเยนทร์
ต้องการใช้องค์รัชทายาทเป็นหุ่นเชิดและเข้ามาเป็นผู้ปกครองกรุงศรีอยุธยาเสียเอง
ซึ่งแม้เหตุดังกล่าวจะมีความเป็นไปได้น้อย แต่ก็เป็นข้ออ้างให้พระเพทราชาซึ่งเป็นขุนนางชั้นผู้ใหญ่
ที่ไม่พอใจกับนโยบายด้านต่างประเทศที่ส่งผลให้มีชาวต่างชาติมาอยู่ในกรุงศรีอยุธยามากมาย
วางแผนให้สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเสด็จไปประทับที่พระนารายณ์ราชนิเวศน์ในลพบุรี
ต่อมาเมื่อสมเด็จพระเพทราชาทรงขึ้นครองราชย์ ก็ได้สั่งจับกุมและประหารชีวิตเจ้าพระยาวิชเยนทร์
เพราะเชื่อว่าเป็นชาวต่างชาติต้องการฉวยโอกาสใช้อิทธิพลควบคุมราชอาณาจักร
๓. เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
เป็นบุตรของเจ้าแม่วัดดุสิต (บัว) ซึ่งเป็นพระนมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราชกับขุนนางเชื้อสายมอญ
เกิดในรัชสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง และเป็นพระนัดดาในสมเด็จพระเอกาทศรถ
เป็นเอกอัครราชทูตคนสำคัญ ท่านได้เดินทางไปพร้อมกับเชอวาเลีย เดอ โชมองต์
โดยขณะนั้นยังมีบรรดาศักดิ์เป็นออกพระวิสุทธิสุนทร ท่านได้อยู่ประเทศฝรั่งเศสเป็นเวลา ๖ เดือน
ท่านจึงกลับสยาม ภายหลังท่านถึงแก่อสัญกรรมในสมัยสมเด็จพระเพทราชา
โกษาปานเดินทางไปกับเรือฝรั่งเศสเมื่อธันวาคม พ.ศ. ๒๒๒๘ ได้เข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔
เมื่อ ๑ กันยายน พ.ศ. ๒๒๒๙ และเดินทางกลับเมื่อ ๒๗ กันยายน พ.ศ. ๒๒๓๐
โกษาปานเป็นนักการทูตที่สุขุม ไม่พูดมาก ละเอียดลออในการจดบันทึกที่ได้พบเห็นในการเดินทางครั้งนั้น
สำหรับการเข้าเฝ้าในครั้งนี้ ออกพระวิสุทธิ์สุนทร (ปาน) ได้กระทำหน้าที่เป็นผู้แทนของราชสำนัก
อยุธยาอย่างถูกต้องตามขนบธรรมเนียมประเพณีการเข้าเฝ้า จนชาวฝรั่งเศสได้กล่าวยกย่องชื่นชมคณะทูตไทย
ซึ่งถือว่าการไปเจริญสัมพันธไมตรีครั้งนี้ประสบความสำเร็จมาก ทำให้ความสัมพันธ์ไทยกับฝรั่งเศสแน่นแฟ้นยิ่งขึ้น
ได้สร้างชื่อเสียงเป็นที่เลื่องลือในทวีปยุโรป
เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่พระเจ้าแผ่นดินทางด้านตะวันออกแต่งคณะราชทูตไปยังสำนักฝรั่งเศส
พระเจ้าหลุยส์ทรงจัดการรับรองคณะราชทูตจากกรุงศรีอยุธยาอย่างสมเกียรติยศ
และโปรดให้จัดทำเหรียญที่ระลึก และมีการเขียนรูปราชทูตไทยเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ ๑๔ เป็นที่ระลึกด้วย
ท่านได้รับการยกย่องสรรเสริญในเรื่องความสามารถทำให้ไทยเป็นที่รู้จักของชาวต่างชาติ
และจากบุคลิกของท่านที่เฉลียวฉลาด มีมารยาทเรียบร้อย ช่างสังเกต ช่างจดจำ พูดจาหลักแหลมคมคาย
ทำให้ท่านประสบความสำเร็จในการประกาศชื่อเสียง และเกียรติคุณของประเทศชาติ
จากผลงาน การเป็นหัวหน้าคณะราชทูตไทยไปเจริญสัมพันธไมตรีกับประเทศฝรั่งเศส
ทำให้ไทยรอดพ้นจากการคุกคามของฮอลันดา
๔. เจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก)
เป็นบุตรชายคนโตของเจ้าแม่วัดดุสิต (พระนมในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช) กับ ขุนนางเชื้อสายมอญ
ท่านเกิดในรัชสมัย สมเด็จพระเจ้าปราสาททอง มีน้องชาย ๑ คน คือ เจ้าพระยาโกษาธิบดี (ปาน)
และน้องสาว ๑ คน ชื่อ แช่ม หรือ ฉ่ำ ท่านถึงแก่อสัญกรรมในปี พ.ศ. ๒๒๒๖
ท่านและน้องชายต่างเป็นข้าหลวงคนสำคัญของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
กล่าวคือ เมื่อกลุ่มขุนนางอาวุโสซึ่งเป็นกลุ่มที่ให้การช่วยเหลือให้สมเด็จพระนารายณ์ได้ขึ้นครองราชย์หมดอำนาจลง
กลุ่มขุนนางหนุ่มซึ่งนำโดยท่านและน้องชายจึงขึ้นมามีอำนาจแทน
ท่านได้เป็นแม่ทัพในราชการสงครามหลายครั้งในต้นแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
๕. ท้าวทองกีบม้า มีชื่อตัวว่า มารีอา กูโยมาร์ เด ปิญญา (Maria Guyomar de Pinha)
แต่มักเป็นที่รู้จักในชื่อ มารี กีมาร์ เป็นสุภาพสตรีช่วงกรุงศรีอยุธยาตอนปลาย
ภรรยาของเจ้าพระยาวิชเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน)
เธอมีชื่อเสียงจากการปฏิบัติหน้าที่หัวหน้าห้องเครื่องต้นวิเสทในราชสำนัก ตำแหน่ง "ท้าวทองกีบม้า"
ว่ากันว่านางได้ประดิษฐ์ขนมไทยที่ได้รับอิทธิพลจากอาหารโปรตุเกส อาทิ ทองหยิบ, ทองหยอด,
ฝอยทอง, ทองม้วน และหม้อแกง จนได้สมญาว่าเป็น "ราชินีแห่งขนมไทย"
แต่ก็มีกระแสคัดค้าน โดยให้เหตุผลว่า ขนมโปรตุเกสเหล่านี้แพร่หลายมาพร้อมกับกลุ่มชนเชื้อสายโปรตุเกส
ที่เข้ามาพำนักในกรุงศรีอยุธยามากว่า ๑๕๐ ปีก่อนที่นางจะเกิดเสียอีก
เรื่องที่นางดัดแปลงขนมไทยจากตำรับโปรตุเกสเป็นคนแรกเห็นจะผิดไป
๖. ออกญาโหราธิบดี
บุคคลสำคัญของวงการแต่งหนังสือในสมัยพระนารายณ์มหาราช เป็นผู้นิพนธ์หนังสือ “จินดามณี” ในปี พ.ศ.๒๒๑๕
ซึ่งถือเป็นหนังสือแบบเรียนเล่มแรกของไทย
มีเนื้อหาครอบคลุมเรื่อง การใช้สระ พยัญชนะ วรรณยุกต์ การแจกลูก การผันอักษร อักษรศัพท์
อักษรเลข การสะกดการันต์ ฯลฯ และจากการที่จินดามณีเป็นแบบเรียนของไทย
ทำให้มีหนังสือแบบเรียนไทยในยุคต่อๆ มาใช้ชื่อ “จินดามณี” เช่นเดียวกัน เช่น จินดามณีฉบับความแปลก
จินดามณีครั้งแผ่นดินพระเจ้าบรมโกศ จินดามณีฉบับกรมหลวงวงษาธิราชสนิท เป็นต้น
๗. ศรีปราชญ์
กวีเอกคนหนึ่งในประวัติศาสตร์ไทย ในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นบุตรของพระโหราธิบดี
เข้ารับราชการตั้งแต่อายุ ๙ ขวบ และกลายเป็นกวีเอกของพระนารายณ์มหาราช
แต่สุดท้ายด้วยความสามารถที่เก่งกาจ ทำให้มีผู้คิดปองร้าย ใส่ความศรีปราชญ์
จนถูกสั่งเนรเทศและประหารชีวิตในที่สุด ศรีปราชญ์มีผลงานชิ้นสำคัญ คือ หนังสือกำศรวลศรีปราชญ์
๘. หลวงสรศักดิ์/ ออกหลวงสรศักดิ์
เป็นพระราชโอรสในสมเด็จพระนารายณ์มหาราช กับพระสนมพระองค์หนึ่ง
แต่สมเด็จพระนารายณ์มหาราช ได้พระราชทานพระสนมดังกล่าวให้แก่พระเพทราชา
พระเพทราชาเลี้ยงดูและต่อมาได้นำมาถวายเป็นมหาดเล็กของสมเด็จพระนารายณ์
พระองค์ทรงชุบเลี้ยงและได้ตำแหน่งเป็นหลวงสรศักดิ์
ต่อมาในสมัยของ สมัยสมเด็จพระเพทราชา หลวงสรศักดิ์ให้รับสถาปนาเป็นพระมหาอุปราช
และได้ขึ้นครองราชสมบัติต่อจากสมเด็จพระเพทราชา พระนามว่า “สมเด็จพระสรรเพชญ์ที่ 8”
และด้วยความที่ทรงมีพระอุปนิสัย เด็ดขาด ชอบการล่าสัตว์ ผู้คนจึงพากันเรียกว่า “พระเจ้าเสือ” เปรียบว่าทรงร้ายเหมือนเสือ
๙. หลวงศรียศ/ ออกญาจุฬาราชมนตรี (แก้ว)
ชาวไทยผู้มีเชื้อสายเปอร์เซีย เริ่มรับราชการโดยถวายตัวเป็นมหาดเล็กในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช
จนได้เป็น หลวงศรียศ (แก้ว) ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็นจุฬาราชมนตรี จนถึงสมัยสมเด็จพระเพทราชา
ขอบคุณที่มาข้อมูลและภาพประกอบ
http://www.tnews.co.th/index.php/contents/419896
https://lifestyle.campus-star.com/knowledge/104339.html
....................................................................
ออเจ้าเอย - Ost.บุพเพสันนิวาส | พีท พล | Official MV
https://www.youtube.com/watch?v=oAwGBYdvwW0