"หิมาลายัน" กับทางแอดแวนเจอร์ ที่ไบค์เกอร์สายลุยต้องมา
สวัสดีสมาชิกพันทิปทุกท่าน กับการเดินทางที่ผมชอบ (แนวลุย ๆ ) อีกครั้ง และครั้งนี้ผมมากับเจ้า หิมาลายัน มอเตอร์ไซค์แนวแอดแวนเจอร์ ทัวร์ริ่งจากค่าย Royal Enfield ซึ่งผมติดตาม อ่านรีวิวจากยูทูปบ้างพันทิปบ้าง มีทั้งชอบและไม่ชอบ จนได้มาเจอตัวจริงเป็น ๆ และลองขี่ เฮ้ย !!! เจอตัวจริงสวยนะ แต่จะไหวหราาา
>>> กรุงเทพฯ >>> ยอดเขากระโจม จ.ราชบุรี >>> สวนเพชร รีสรอท์ ท่ายาง จ.เพชรบุรี >>> กรุงเทพฯ
ระยะทางร่วมห้าร้อยกว่ากิโล ไหวไม่ไหวอีกเดี๋ยวรู้กันครับ.....
ไป ๆ ๆ กันเลย
เริ่มออกเดินทางทางศูนย์ทองหล่อ 9.30 น. วิ่งเส้นบรมฯ ออกไปทาง จ.นครปฐม
วิ่งในเมืองตอนแรกคิดว่ามันต้องติดและซ่อกแซกไม่ได้แน่ ๆ พอได้ลองขับขี่จริง กลับทำได้คล่องตัวเหมือนกันเฮะ อาจเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ ช.ม. เร่งด่วน และเป็นวันเสาร์ด้วย....
สักพักก็มาถึง จ.นครปฐม นัดน้องคนนึงขี่ CRF ที่นี่ ช่วงนี้ใช้ความเร็ว 110 /ชม. แต่น้องที่ขี่ตามมาบอกไมค์ผมขึ้น 130/ชม.
คิดว่าไมค์ผมแข็งหรือไมค์ CRF อ่อน...กำลังเครื่องยนต์เหลือ ๆ เลย
ดูภายนอกกันก่อน
ไฟหน้าแบบกลมไม่เลี้ยวตามแฮน ดูย้อนยุคเข้ากับตัวรถที่ดูเพรียวยาว ไม่ใหญ่มาก
มีเบาะแยกสองตอนระหว่างคนขี่ คนซ้อน เวลาเดินทางไกลไม่เมื้อยเท่าไร วัสดุไม่ใช่หนังนุ่มดีครับ
ชิวหน้าปรับได้ สองระดับกันแมลงเข้าหน้าผมยังไม่เคยลองปรับนะ
แล็คหลังสามารถวางของท้ายรถได้ด้วยเยี่ยมจริม ๆ และมีรูยึดกล่องมาด้วยซึ่งตัวท็อปจะมีกล่องมาให้เลยครับ
บังโคลนหน้าให้มาสองชั้นดูยังไม่ลงตัวเท่าไรตัวบนน่าจะใหญ่กว่านี้นิดนึง
ระบบเซพตี้ก็มีเซ็นเซอร์ที่ขาตั้งป้องกันลืมเอาขาตั้งขึ้น
เครื่องยนต์และการวางแนวท่อไอเสียส่วนตัวผมชอบ มันดูไม่เกะกะเป็นแนวเดียวกับโคลงแถมติดกันแคร้งเครื่องมาด้วย
แต่ปลายท่อน่าจะสูงอีกสักหน่อยใว้ลุยน้ำท่วม
หิมาลายัน คันนี้ เป็นรถแนว Adventure ทัวร์ริ่ง ที่มีเครื่องยนต์สูบเดียว ขนาดใหญ่ ถึง 411 cc จ่ายพลังเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ไม่มีหม้อน้ำนะครับ แต่มีออยคูลเลอร์มาให้
การดูแลไม่จุกจิ๊กดีครับส่วนตัวผมชอบ รถมีแค่ 5 เกียร์ แต่ก็เพียงพอกับการวิ่งระยะทางไกล ๆ ได้ ผมขี่ 120 / ชม. ก็ถือว่าไปได้โอเครเลย . . .
ล้อหน้า ขนาด 21" หลังขนาด 17" ของ Pirelli รุ่น MT60 เข้าโค้งอย่างมันส์มาพร้อมเบรค Bybre จากค่าย Brembo ไม่มี ABS
โช๊คหน้าขนาด 41 มม. และหลังแบบเดี่ยว รองรับแรงกระแทกได้ในระดับนึงไม่ถึงกับสมูทนุมนวลเท่าไหร่ก็มันเป็นรถทัวร์ริ่งนิเนอะ
ช่วงใต้ท้องมันดูต่ำตามสไตล์ ทัวร์ริ่งเลย ใครที่จะเอาไปลุยแบบเอ็นดูโร่ แนะนำให้เพิ่มความสูงครับ
ช่วงทางขึ้นเขากระโจมด้วยกำลังเครื่องกับตัวรถที่ไม่ใหญ่มากทำให้ขี่สนุก
เหล็กกันถังน้ำมันตอนแรกคิดว่าเกะกะแต่ลองขี่จริง ไม่เกะกะเท่าไรนะครับ แถมสามารถป้องกันเวลาลุยได้ ซึ่งเป็นข้อดีที่ให้มาโดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ใครว่าเราลุยน้ำไม่ได้ ท่อออกแบบให้อยู่กลาง ๆ สามารถลุยได้ในระดับนึงเท่านั้น เว้นแต่จะได้ตีท่อใหม่ยกให้สูงกว่านี้ครับ
เวลาขึ้นทางชันใส่เกียร์2 -3 ก็ไปได้ แรงทอคต้นดีมาก
การยื่นขี่ก็ทำได้ดีไม่มีปัด เว้นแต่ไปกดเบรกเยอะเกินล้อตายอาจจะล้มได้เพราะตัวนี้ไม่มี ABS มาให้
จุดถ่ายรูประหว่างทาง
และแล้วเราก็มาถึงยอดเขากระโจม(อีกครั้ง)
อ๋อลืมอบอก แผงหน้าปัดก็มี ความเร็ว / วัดรอบ / เวลา / เก็จน้ำมัน / อุณหภูมิเครื่องและเข็มทิศ ขี่ตอนกลางคืนไฟแผงหน้าปัดชัดแจ่มเวอร์
นอกจากตัวจับทริป A / B แล้วยังมี F อีก คือเตือนน้ำมันจะหมดถึง ชอบ ๆ ๆ วิ่งได้อีก ประมาณ 50-60 กิโล
ทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่า เจ้าหิมาลายัน ตัวนี้ เป็นรถ Performance ที่เหมาะกับการทัวร์ริ่งทุกสภาพถนนเลยก็ว่าได้
เพียงแค่เปลี่ยนท่อและเซ๊ทโช๊คดี ๆ ก็ลุยได้อย่างมันส์แล้วครับ และที่น่าสนใจ คือ ราคาค่าตัว ความคุ้มค่าที่ได้ ผมว่าคุ้ม
โดยมี 2 รุ่น ตัวธรรมดา เปิดราคาอยู่ที่ 169,800 บาท
และอีกตัว ที่มีกล่องปีบมาให้ 186,300 บาทเท่านั้นเอง
ซึ่งหลายคนอาจมองว่าแพง แต่ถ้าดูอุปกรณที่ให้ และจุดประสงค์ของรถรุ่นนี้ ที่เกิดมาเป็นรถแอดแวนเจอร์ ทัวร์ริ่ง ขนาดเล็ก ผมว่า สมน้ำสมเนื้อครับ ขนาดผมสูง 178 ซม / นน 74 กิโล นั่งแล้วยังไม่รู้สึกอึดอัดเลย
อารมณ์ในการขับขี่ในเมืองให้ความรู้สึกขี่ง่ายเหมือนกันแฮะ ส่วนเวลาลุยทางฝุ่นก็ให้ความรู้สึกอีกแบบแต่เสียงท่อดูเงียบ ๆ ไม่โหดเท่าไร
เป็นรถที่นั่งสบายใช้เดินทางไกลได้ ขี่ง่าย กำลังเครื่องยนต์ดี ทำให้ไม่รู้สึกหนักและยังถือว่าประหยัดน้ำมันอีกด้วย
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 15 ลิตร ฝาถังน้ำมันเป็นแบบบานพับ อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ราวๆ 30-35 กิโลเมตร/ลิตร
เต็มถังวิ่งได้ยาว ๆ ยืนพื้น 120 K/M ได้สบาย ๆ เลย
ส่วนคุณภาพงานผลิตถือว่าประกอบได้ดีครับไม่มีเสียงสั่นให้รำคาญ ใครว่างานอินเดียห่วยผมว่าไม่จริงครับ เหล็กอินเดียนิ อันดับต้น ๆ ของโลกนะครับ เครื่องยนต์ วิ่งแช่ 110 /Km ระยะทางร้อยกว่ากิโลความร้อนเครื่อง 43 องศา ถือว่าผ่านเลย
ขอบคุณ Royal Enfield Thonglor ที่ให้รถมาทดสอบครับ #RoyalEnfield #Himalayan #EnduroClasicThailand
[SR] Royal Enfield "หิมาลายัน" สู่ เขากระโจม จ.ราชบุรี
สวัสดีสมาชิกพันทิปทุกท่าน กับการเดินทางที่ผมชอบ (แนวลุย ๆ ) อีกครั้ง และครั้งนี้ผมมากับเจ้า หิมาลายัน มอเตอร์ไซค์แนวแอดแวนเจอร์ ทัวร์ริ่งจากค่าย Royal Enfield ซึ่งผมติดตาม อ่านรีวิวจากยูทูปบ้างพันทิปบ้าง มีทั้งชอบและไม่ชอบ จนได้มาเจอตัวจริงเป็น ๆ และลองขี่ เฮ้ย !!! เจอตัวจริงสวยนะ แต่จะไหวหราาา
>>> กรุงเทพฯ >>> ยอดเขากระโจม จ.ราชบุรี >>> สวนเพชร รีสรอท์ ท่ายาง จ.เพชรบุรี >>> กรุงเทพฯ
ระยะทางร่วมห้าร้อยกว่ากิโล ไหวไม่ไหวอีกเดี๋ยวรู้กันครับ.....
ไป ๆ ๆ กันเลย
เริ่มออกเดินทางทางศูนย์ทองหล่อ 9.30 น. วิ่งเส้นบรมฯ ออกไปทาง จ.นครปฐม
วิ่งในเมืองตอนแรกคิดว่ามันต้องติดและซ่อกแซกไม่ได้แน่ ๆ พอได้ลองขับขี่จริง กลับทำได้คล่องตัวเหมือนกันเฮะ อาจเป็นเพราะช่วงนี้ไม่ใช่ ช.ม. เร่งด่วน และเป็นวันเสาร์ด้วย....
สักพักก็มาถึง จ.นครปฐม นัดน้องคนนึงขี่ CRF ที่นี่ ช่วงนี้ใช้ความเร็ว 110 /ชม. แต่น้องที่ขี่ตามมาบอกไมค์ผมขึ้น 130/ชม.
คิดว่าไมค์ผมแข็งหรือไมค์ CRF อ่อน...กำลังเครื่องยนต์เหลือ ๆ เลย
ดูภายนอกกันก่อน
ไฟหน้าแบบกลมไม่เลี้ยวตามแฮน ดูย้อนยุคเข้ากับตัวรถที่ดูเพรียวยาว ไม่ใหญ่มาก
มีเบาะแยกสองตอนระหว่างคนขี่ คนซ้อน เวลาเดินทางไกลไม่เมื้อยเท่าไร วัสดุไม่ใช่หนังนุ่มดีครับ
ชิวหน้าปรับได้ สองระดับกันแมลงเข้าหน้าผมยังไม่เคยลองปรับนะ
แล็คหลังสามารถวางของท้ายรถได้ด้วยเยี่ยมจริม ๆ และมีรูยึดกล่องมาด้วยซึ่งตัวท็อปจะมีกล่องมาให้เลยครับ
บังโคลนหน้าให้มาสองชั้นดูยังไม่ลงตัวเท่าไรตัวบนน่าจะใหญ่กว่านี้นิดนึง
ระบบเซพตี้ก็มีเซ็นเซอร์ที่ขาตั้งป้องกันลืมเอาขาตั้งขึ้น
เครื่องยนต์และการวางแนวท่อไอเสียส่วนตัวผมชอบ มันดูไม่เกะกะเป็นแนวเดียวกับโคลงแถมติดกันแคร้งเครื่องมาด้วย
แต่ปลายท่อน่าจะสูงอีกสักหน่อยใว้ลุยน้ำท่วม
หิมาลายัน คันนี้ เป็นรถแนว Adventure ทัวร์ริ่ง ที่มีเครื่องยนต์สูบเดียว ขนาดใหญ่ ถึง 411 cc จ่ายพลังเชื้อเพลิงด้วยหัวฉีด ไม่มีหม้อน้ำนะครับ แต่มีออยคูลเลอร์มาให้
การดูแลไม่จุกจิ๊กดีครับส่วนตัวผมชอบ รถมีแค่ 5 เกียร์ แต่ก็เพียงพอกับการวิ่งระยะทางไกล ๆ ได้ ผมขี่ 120 / ชม. ก็ถือว่าไปได้โอเครเลย . . .
ล้อหน้า ขนาด 21" หลังขนาด 17" ของ Pirelli รุ่น MT60 เข้าโค้งอย่างมันส์มาพร้อมเบรค Bybre จากค่าย Brembo ไม่มี ABS
โช๊คหน้าขนาด 41 มม. และหลังแบบเดี่ยว รองรับแรงกระแทกได้ในระดับนึงไม่ถึงกับสมูทนุมนวลเท่าไหร่ก็มันเป็นรถทัวร์ริ่งนิเนอะ
ช่วงใต้ท้องมันดูต่ำตามสไตล์ ทัวร์ริ่งเลย ใครที่จะเอาไปลุยแบบเอ็นดูโร่ แนะนำให้เพิ่มความสูงครับ
ช่วงทางขึ้นเขากระโจมด้วยกำลังเครื่องกับตัวรถที่ไม่ใหญ่มากทำให้ขี่สนุก
เหล็กกันถังน้ำมันตอนแรกคิดว่าเกะกะแต่ลองขี่จริง ไม่เกะกะเท่าไรนะครับ แถมสามารถป้องกันเวลาลุยได้ ซึ่งเป็นข้อดีที่ให้มาโดยไม่ต้องซื้อเพิ่ม
ใครว่าเราลุยน้ำไม่ได้ ท่อออกแบบให้อยู่กลาง ๆ สามารถลุยได้ในระดับนึงเท่านั้น เว้นแต่จะได้ตีท่อใหม่ยกให้สูงกว่านี้ครับ
เวลาขึ้นทางชันใส่เกียร์2 -3 ก็ไปได้ แรงทอคต้นดีมาก
การยื่นขี่ก็ทำได้ดีไม่มีปัด เว้นแต่ไปกดเบรกเยอะเกินล้อตายอาจจะล้มได้เพราะตัวนี้ไม่มี ABS มาให้
จุดถ่ายรูประหว่างทาง
และแล้วเราก็มาถึงยอดเขากระโจม(อีกครั้ง)
อ๋อลืมอบอก แผงหน้าปัดก็มี ความเร็ว / วัดรอบ / เวลา / เก็จน้ำมัน / อุณหภูมิเครื่องและเข็มทิศ ขี่ตอนกลางคืนไฟแผงหน้าปัดชัดแจ่มเวอร์
นอกจากตัวจับทริป A / B แล้วยังมี F อีก คือเตือนน้ำมันจะหมดถึง ชอบ ๆ ๆ วิ่งได้อีก ประมาณ 50-60 กิโล
ทั้งหมดนี้ สรุปได้ว่า เจ้าหิมาลายัน ตัวนี้ เป็นรถ Performance ที่เหมาะกับการทัวร์ริ่งทุกสภาพถนนเลยก็ว่าได้
เพียงแค่เปลี่ยนท่อและเซ๊ทโช๊คดี ๆ ก็ลุยได้อย่างมันส์แล้วครับ และที่น่าสนใจ คือ ราคาค่าตัว ความคุ้มค่าที่ได้ ผมว่าคุ้ม
โดยมี 2 รุ่น ตัวธรรมดา เปิดราคาอยู่ที่ 169,800 บาท
และอีกตัว ที่มีกล่องปีบมาให้ 186,300 บาทเท่านั้นเอง
ซึ่งหลายคนอาจมองว่าแพง แต่ถ้าดูอุปกรณที่ให้ และจุดประสงค์ของรถรุ่นนี้ ที่เกิดมาเป็นรถแอดแวนเจอร์ ทัวร์ริ่ง ขนาดเล็ก ผมว่า สมน้ำสมเนื้อครับ ขนาดผมสูง 178 ซม / นน 74 กิโล นั่งแล้วยังไม่รู้สึกอึดอัดเลย
อารมณ์ในการขับขี่ในเมืองให้ความรู้สึกขี่ง่ายเหมือนกันแฮะ ส่วนเวลาลุยทางฝุ่นก็ให้ความรู้สึกอีกแบบแต่เสียงท่อดูเงียบ ๆ ไม่โหดเท่าไร
เป็นรถที่นั่งสบายใช้เดินทางไกลได้ ขี่ง่าย กำลังเครื่องยนต์ดี ทำให้ไม่รู้สึกหนักและยังถือว่าประหยัดน้ำมันอีกด้วย
ความจุถังน้ำมันเชื้อเพลิงอยู่ที่ 15 ลิตร ฝาถังน้ำมันเป็นแบบบานพับ อัตราการสิ้นเปลืองอยู่ที่ราวๆ 30-35 กิโลเมตร/ลิตร
เต็มถังวิ่งได้ยาว ๆ ยืนพื้น 120 K/M ได้สบาย ๆ เลย
ส่วนคุณภาพงานผลิตถือว่าประกอบได้ดีครับไม่มีเสียงสั่นให้รำคาญ ใครว่างานอินเดียห่วยผมว่าไม่จริงครับ เหล็กอินเดียนิ อันดับต้น ๆ ของโลกนะครับ เครื่องยนต์ วิ่งแช่ 110 /Km ระยะทางร้อยกว่ากิโลความร้อนเครื่อง 43 องศา ถือว่าผ่านเลย
ขอบคุณ Royal Enfield Thonglor ที่ให้รถมาทดสอบครับ #RoyalEnfield #Himalayan #EnduroClasicThailand