ถามผู้รู้ สมัยอยุธยา เรามีคำว่า “ไทย” เรียกแทนทั้งตัวคน/ และอาณาจักรจักร แล้วหรือ?

คำว่า “ไทย” (มี ย. ยักษ์) ใช้เรียกแทนคนในอยุธยา สมัยนั้นแล้วหรือ ? ทั้งเรียกแทน ราชอาณาจักร(อยุธยา) และคนที่อาศัย อยู่ในอยุธยา ว่า “คนไทย” แล้วหรือ ? แล้วคำว่า “เป็นไทย” ซึ่งมีนัยยะว่า เป็นอิสระ จากการปกครองโดยคนอื่น มีใช้แล้ว เหรอ !! เพราะเห็นในละครใช้บ่อยมาก/ ทั้ง ตัวข้าราชการในพระนารายณ์ และอาจารย์สอนประวัติศาสตร์ในเรื่อง??  เรื่องนี้สำคัญ??

ปล. เข้าใจว่าละคร เป็นการสร้างละครชาตินิยม และควรเปิดพื้นที่ของการวิพากษ์วิจารณ์/ ตั้งคำถาม

จากน้อง ม. 6 รอสอบเข้าโบราณคดี
ความคิดเห็นจาก Expert Account
ความคิดเห็นที่ 2
รูปที่คุณรอมแพงยกมาใน คห. ๑ ไม่ใช่จดหมายของโกษาปาน แต่เป็นสนธิสัญญาไทย-ฝรั่งเศสที่ทำใน พ.ศ. ๒๒๓๐ สมัยสมเด็จพระนารายณ์ครับ

ในหลักฐานสมัยอยุทธยาถึงรัตนโกสินทร์มีการใช้งานคำว่า "ไทย" หรือ "ไท" มาโดยตลอดครับ  ผมได้นำเสนอหลักฐานไว้โดยละเอียดในบทความเรื่อง "คำว่า ไท-ไทย ในสมัยอยุทธยา" แล้ว สามารถเข้าไปศึกษาได้ครับ https://www.facebook.com/WipakHistory/posts/3357211281008985/


ในที่นี้ขอนำเสนอหลักฐานที่กล่าวถึงการใช้งานคำว่า "ไทย" ในสมัยสมเด็จพระนารายณ์และยุคใกล้เคียงครับ

จดหมายเหตุราชอาณาจักรสยาม (Du Royaume de Siam) ของ ซีมง เดอ ลา ลูแบร์ (Simon de La Loubère) ราชทูตฝรั่งเศสที่เดินเข้ามาในสยามเมื่อ พ.ศ. ๒๒๓๐ รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ระบุว่า

        "ชาวสยามเรียกตนว่า ไทย (Tàï) แปลว่า อิสระ อันเป็นความหมายตามศัพท์ในภาษาของพวกเขาอยู่ในปัจจุบัน พวกเขาภูมิใจที่ใช้นามว่า ฟรังซ์ (Franc) อันเป็นนามที่บรรพบุรุษของพวกเราได้ถือใช้เมื่อสลัดแอกชาติโกลออกจากอำนาจปกครองของจักรวรรดิโรมัน. ผู้ที่รู้ภาษาพะโคยืนยันว่า สยาม แปลว่า อิสระ ในภาษานั้นเหมือนกัน ฉะนั้นพวกปอรตุเกสจึงน่า จะนำเอาคำๆ นี้มาใช้เรียกสยามก็เป็นได้ เพราะได้รู้จักรชาวสยามจากปากคำของชาวพะโค (มอญ)

       อนึ่ง นาวาร์แรต (Navarrete) ได้กล่าวไว้ในหนังสือ พงศาวดารแห่งราชอาณาจักรจีน ตอนที่ ๑ บทที่ ๕ ว่า คำว่า สยาม ที่เขียน เสียน (Sian) นั้น มาจากคำสองคำ คือ เสียนโล้ (Sien Lô) แต่มิได้บอกไว้ว่าคำสองคำนี้หมายความว่ากระไร และมาจากภาษาไหน แม้จะได้สรุปเอาว่าเป็นคำที่ชาวจีนใช้เรียก  เมืองไทย (Meüang Tàï) จึงเป็นนามที่ชาวสยามใช้เรียกราชอาณาจักรสยาม (เพราะคำว่า เมือง แปลว่า ราชอาณาจักร) และคำ ๆ นี้ เขียนอย่างง่าย ๆ ว่า Muantay ปรากฏอยู่ในหนังสือของ แว็งซังต์ เลอะ บลังก์ (Vincent le Blanc) และในแผนที่ภูมิศาสตร์หลายแห่ง ว่าเป็นราชอาณาจักรหนึ่งซึ่งอยู่ใกล้ชิดติดกับพะโค แต่ แว็งซังต์ เลอะ บลังก์ คงไม่ทราบว่านั่นแล้วคือราชอาณาจักรสยาม เพราะคงมิได้เฉลียวใจว่าคำว่าสยามกับไทยนั้น เป็นคำสองคำที่มีความแตกต่างกัน แต่หมายถึงพลเมืองของประเทศเดียวกัน."




ลา ลูแบร์ กล่าวต่อว่า “อนึ่ง ชาวสยามที่ข้าพเจ้ากล่าวถึงนี้ เรียกตนเองว่า ไทยน้อย (Tàï-nôë, Siams-Petits) และตามที่ข้าพเจ้าได้ยินมา ก็ยังมีชนอีกจำพวกหนึ่งซึ่งยังป่าเถื่อนอยู่มาก เรียกกันว่า ไทยใหญ่ (Tàï-yàï, Siams-grands) และตั้งสำนักหลักแหล่งอยู่ตามภูเขาทางภาคเหนือ”



ประวัติศาสตร์ธรรมชาติและการเมืองแห่งราชอาณาจักรสยาม (Histoire naturelle et politique du Siam) ของ นิโกลาส์ แฌร์แวส (Nicolas Gervaise) มิชชันนารีชาวฝรั่งเศสที่เดินทางเข้ามาในสยามในช่วง พ.ศ. ๒๒๒๔-๒๒๒๘ ให้ข้อมูลไว้สอดคล้องกันว่า

        "นครหลวงนั้นคนสยามเรียกว่า เมืองศรีอยุธยา (Meüang Sijouthia) และชาวต่างประเทศเรียกว่า ยุธยา (Juthia) หรือ โอเดีย (Odiaa) อันเป็นนามที่คนจีนตั้งให้  ชาวต่างประเทศเรียก สยาม (Siam) เป็นนามราชอาณาจักร แต่คนพื้นเมืองรู้จักแต่คำว่า เมืองไทย (Meüang-Thây) หรือไม่ก็เมืองกรุงเทพมหานคร (Meüang-Croung-Thêp-Maanacone)"




หนังสือสัญญาไทย-ฝรั่งเศส รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ปีเถาะ พ.ศ. ๒๒๓๑ (ตามปฏิทินปัจจุบันเป็น พ.ศ. ๒๒๓๐) ต้นฉบับอยู่ที่หอจดหมายเหตุแห่งชาติ กระทรวงอาณานิคม ประเทศฝรั่งเศส เนื้อหากล่าวถึงการทำหนังสือสัญญาว่า

      “ในี้ ภาษาไทยสามชบับ ภาษาฝรังเสดสามชบับ ภาษาบ์ตุกกรรสามช่บับ แลผูมีชือทังสองผ์ายนั้น ฃีดแกงไดปีดตรา เบ์นสำคันทุกช่บับ เขียนในเมีองลพบุรีย ในวันพระหัดเดีอนอ้ายฃึ้นแบ์ดค่ำ พุท่สักราชสองพันสองร้อยสามสีบเบดปีเถาะนพศก”




คำว่า “ไทยภาษา” ใน “ไตร่ยภูม พระมาไลย” สมัยอยุทธยาตอนปลาย เอกสารจากหอสมุดแห่งชาติกรุงปารีส   



คำว่า อีงบาศโดรไทย และ ราช่ทูตไทย ในบันทึกออกพระวิสุทสุนธร (ปาน) พ.ศ. ๒๒๒๙ รัชกาลสมเด็จพระนารายณ์ ต้นฉบับเก็บรักษาที่หอสมุดคณะมิสซังต่างประเทศ กรุงปารีส (Missions étrangères de Paris)   ที่มาภาพ : ประชุมจดหมายเหตุออกพระวิสุทสุนทร (โกษาปาน)



หลักฐานสมัยพระเพทราชา มีการใช้คำว่า "ชาวไทย"  "กรุงไทย" "พระมหากษัตราธิราชเจ้ากรุงไทย"  พบในจดหมายของเจ้าพระญาศรีธรรมราช (ปาน) ที่ส่งไปถึงฝรั่งเศสใน พ.ศ. ๒๒๓๖

จดหมายเจ้าพระญาศรีธรรมราชปานถึงพระอธิกรณ์ เดอ ลา แชส (François de la Chaise) พระไถ่บาป (confessor) ของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14



จดหมายเจ้าพระยาศรีธรรมราช (ปาน) ส่งถึง มองซิเออร์ เดอ ปงต์ชาร์แตรง (Louis Phélypeaux, comte de Pontchartrain) เสนาบดีกระทรวงทหารเรือฝรั่งเศส



วรรณกรรมเก่าๆของสมัยอยุทธยาก็ใช้คำว่า "ไทย"  เช่น วรรณคดียุคตันอยุทธยาอย่างลิลิตพระลอ "...ฝ่ายข้างยวนแพ้พ่าย ฝ่ายข้างลาวประลัย ฝ่ายข้างไทยไชเยศ คืนยังประเทศพิศาล..."


นิราศ "ตนทางฝรังงเสษ" ที่เขียนโดยกวีที่ตามคณะทูตไปฝรั่งเศสกับออกพระวิสุทสุนธร (ปาน)

'เมื่อจากบันตัม    ใจพี่กระสัน    รัญจวนกวนใจ
เห็นเมืองนี้เอย    ดุจเห็นเมืองไทย    แต่นี้จากไป    ไกลเมืองแลนา'



หลักฐานร่วมสมัยของยุโรปให้ข้อมูลว่า ไท-ไทย เป็น คือชื่อที่คนพื้นเมืองใช้เรียกตนเอง (endonym) ในขณะที่ สยาม เป็นชื่อที่คนนอกประเทศเรียก (exonym) ซึ่งไม่เป็นที่คุ้นเคยของคนไทย  สอดคล้องกับจดหมายของเจ้าพระยาศรีธรรมราช (ปาน) ถึงเมอซิเออร์ ปงต์ชารแตรง ซึ่งมีทั้งฉบับภาษาไทยและภาษาฝรั่งเศส  แปลคำว่า “ชาวไทย” เป็น les Siamois      แปลคำว่า “สํมเดจ่พระม่หากร่ษัตราธีราช่เจ้ากรุงไทย่” เป็น le Grand Roi de Siam   หรือในจดหมายเหตุของลาลูแบร์ที่แปลคำว่า ไทยน้อย (Tàï-nôë) เป็นภาษาฝรั่งเศสว่า Siams-Petits


เมื่อตรวจสอบหลักฐานประวัติศาสตร์ของอยุทธยาถึงรัตนโกสินทร์ตอนต้นก่อนรัชกาลที่ ๔ ที่ใช้ภาษาไทย พบการใช้งานคำว่า ไท-ไทย อย่างแพร่หลาย ในขณะที่คำว่า สฺยาม/สาม ส่วนใหญ่ปรากฏในวรรณกรรมทางศาสนาที่ใช้ภาษาบาลี-สันสฤตเป็นหลัก ไม่ค่อยปรากฏในเอกสารราชการหรือใช้งานโดยทั่วไปในเอกสารภาษาไทยมากนัก  เพิ่งมาใช้เรียกชื่ออาณาจักรอย่างเป็นทางการในภาษาไทยสมัยรัชกาลที่ ๔ ครับ

ในอดีตจะเรียกขานกษัตริย์ก็เรียกว่า "พระเจ้าอยู่หัวกรุงศรีอยุทธยา" "พระมหากษัตราธิราชเจ้ากรุงพระมหานครศรีอยุทธยา" หรือ "พระมหากษัตรยาธิราชเจ้ากรุงไทย" ไม่เคยเรียกว่า "พระเจ้าอยู่หัวกรุงสยาม" ในภาษาไทยก่อนรัชกาลที่ ๔
ความคิดเห็นที่ 44
ผมคงต้องชี้แจงว่าที่คุณสมาชิกหมายเลข 4223872 กล่าววิจารณ์การแสดงความคิดเห็นผมมาทั้งหมดนั้นเรียกว่าไม่สามารถจับใจความเนื้อหาที่ผมอธิบายเลยแม้แต่น้อย และสิ่งที่คุณสมาชิกหมายเลข 4223872 พยายามจะบอกว่าผมพยายามจะสื่อประเด็นอะไรก็ตามนั้นเรียกได้ว่าไม่ตรงกับข้อเท็จจริง เพราะเป็นความคิดเห็นส่วนตัวของคุณเพียงคนเดียวที่พยายามจะกล่าวหาให้ผมเป็นชาตินิยมให้ได้ ซึ่งตรงกันข้ามกับสิ่งที่ผมอธิบายอย่างชัดเจน

ผมคงไม่มีความจำเป็นต้องเสียเวลาอธิบายต่อไป เพราะเห็นแล้วว่าไม่สามารถพูดคุยด้วยเหตุผลได้ ที่จะขอกล่าวก็มีเท่านี้ครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่