ผมไม่ได้รับสอนแปล !! ไม่ต้องติดต่อเข้ามา
และผมไม่รับงานแปลทางนี้นะครับ !! ตอนนี้งานแน่นมากอยู่แล้ว (ผมทำหลายอย่าง และมีเวลาให้แต่ละอย่างแน่นอน ไม่ให้มันกวนกัน)
และผมไม่ได้รับหางานให้นะครับ !! แต่สงสัยอะไรถามมาได้ ให้ได้แค่ความรู้เท่านั้น
ชีวิตผมทำงานหลายอย่างครับ มีทั้งงานประจำและไม่ประจำ เรียกว่า พอหาเงินได้ ก็ทำทั้งหมด
สิบกว่าปีที่ทำงานแปลมา งานแปลภาษาเป็นส่วนที่สร้างรายได้ให้น้อยนิดมาก รายได้มาจากทางอื่นๆ เป็นหลัก โดยช่วงดังกล่าวเป็นเวลาที่รับงานแปลจากเอเจนซี (ผมไม่รับงานแปลจากสถาบันแปลต่างๆ) เริ่มจากแปลฟรี จนไต่ระดับมาคิดเงินหน้าละ 500-800 บาท ทำแบบนี้มาเป็นสิบปี ราคาไม่เคยขยับ
พื้นเพผมไม่ได้เรียนจบมาทางด้านแปลภาษา แต่อาศัยที่ว่าชอบอ่านและชอบเขียน และเป็นนักเขียน ชุดคำศัพท์ที่แปลได้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่ชุด ดังนั้นจึงไม่สามารถรับงานได้หลากหลายมากนัก แต่สำหรับงานที่เข้าข่าย ผมว่าผมทำได้ดี ตั้งใจทำ ไม่ปล่อยผ่าน และรับผิดชอบ
ก้าวกระโดด
=======
จากนักแปลจนๆ ที่รายได้จากงานแปล (ไม่รวมรายได้อื่น) อยู่หลักพันหรือแตะหมื่นบ้างในบางเดือน วันนึงผมกระโดดไปรับงานแปลจากเอเจนซีต่างประเทศ ก่อนรับก็ดูก่อนว่า รายใหญ่รายเล็ก น่าเชื่อถือแค่ไหน และเลือกรับ และทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดี
งานแปลจากคนไทย เรานับกันเป็นหน้า เหมาๆ เอา แต่งานแปลจากเอเจนซีต่างประเทศเรานับกันเป็นคำ คำละกี่ USD ก็ว่าไป
ผมเลือกที่จะไม่รับราคาต่ำ อาศัยว่างานที่รับเข้ามา ผมไม่มีงอแง แก้ก็แก้ แก้เล็กน้อยไม่คิดเงิน แปลนิดเดียวผมแปลให้ฟรี และรับผิดชอบส่งงานตรงเวลาแทบทุกครั้ง
ผมทำแบบนี้ราว 1 ปี ก็เลิกรับงานจากเอเจนซีในไทย และหันไปรับงานแปลจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งบริษัทพวกนี้เค้าจะรับงานมาเป็นโปรเจ็กต์ แปลทีเดียว 10 ภาษา เป็นต้น และลูกค้าก็มีแต่แบรนด์ระดับโลกเป็นส่วนใหญ่
เครื่องมือ
=====
สมัยก่อนผมแปลใน MS Word หรือไม่ก็ส่งผ่านอีเมลหรือ Notepad แต่พอมาจับงานแปลพวกนี้ ต้องศึกษาโปรแกรมใหม่ เรียกกันว่า CAT Tools ซึ่งเป็นโปรแกรมช่วยในการแปล
โปรแกรมแบบนี้ไม่ใช่ Google Translate แต่เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการทำงานแปล เช่น
- เคยแปลคำนี้ว่าอะไร
- ประโยคที่คล้ายกันจะถูกดึงมาแสดงให้โดยอัตโนมัติ
- ชุดคำศัพท์บังคับจะแสดงผลให้เมื่อตรวจพบ
- แยกแปลเป็นประโยค (ซึ่งเป็นปัญหาในการแปลให้ลื่นไหลสำหรับมือใหม่)
- ฯลฯ
งานแปลระดับโลกนั้น เครื่องมือพวกนี้สำคัญมาก ผมลงรายละเอียดได้ไม่หมด เพราะคงเขียนเป็นหนังสือได้เป็นเล่ม แต่โดยคร่าวแล้ว ใครอยากรับงานระดับนี้ ส่วนใหญ่ต้องใช้ CAT Tools ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น MemoQ, Trados ฯลฯ
ผมนั่งหงุดหงิดกับการหัดใช้โปรแกรมมาพักใหญ่ แต่ไม่มีทางเลือก ถ้าอยากรับงาน ก็ต้องหัด งานแรกๆ จำได้ว่า บอกทางนั้นไปตรงๆ ว่าไม่เคยใช้โปรแกรมนะ มีอะไรสอนผมด้วย แต่ผมก็เรียนรู้เองด้วย และผมแปลงานให้ฟรี ไม่คิดเงิน เพราะ CAT Tools ทำให้ชีวิตนักแปลดีขึ้นมาก เรียกว่า เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้
นักแปล คนตรวจแก้ คนตรวจทาน
===================
จริงๆ แล้วในกระบวนการแปลนั้น มีหลายคนที่เกี่ยวข้อง มีคนเตรียมไฟล์ (เพื่อให้แปลใน CAT Tools) มีคนแปล คนตรวจแก้ คนตรวจทาน คนจัดหน้า ฯลฯ ดังนั้นเครื่องมือกลางอย่าง CAT Tools จึงมีบทบาทในหลายๆ ส่วน
หากเป็นงานแปลของ Google / Apple นั้ัน เค้าก็จะใช้ CAT Tools เฉพาะของตนเองที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน เพราะโปรเจ็กต์ใหญ่มาก ส่วนค่ายอื่นๆ นั้นก็อาจใช้ CAT Tools ชื่อดังทั่วไป บางรายเป็น CAT Tools แบบออนไลน์ ทำให้งานทุกอย่างออนไลน์ และทุกคนทำงานกันออนไลน์ร่วมกัน
ดังนั้นหากคุณมีเวลาไม่มากพอที่จะแปล ก็ยังสามารถเข้ามาร่วมวงการนี้ได้ในฐานะอื่นๆ ซึ่งก็อาศัยทักษะที่ต่างกันไป เช่น คนทำ LQA (ตรวจทานท้ายสุด) ก็ต้องอาศัยความละเอียดในทุกมิติ เพื่อให้งานชิ้นดังกล่าวไม่มีข้อผิดพลาด หรือคนที่เป็น Editor (ตรวจแก้) ก็ควรมีภาษาที่สละสลวย
นักแปล vs นักเขียน
===========
ตัวผมมาจากนักเขียน ดังนั้นบ่อยครั้งจึงมีปัญหากับงานแปล ตอนหลังไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการแปล จึงได้เข้าใจนักแปลมากขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยในหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องภาษา นักแปลที่เรียนมามักมีคำศัพท์ที่ใช้หลากหลายกว่าผม แต่พอเขียนออกมาเป็นประโยค มันดูแข็งไปหมด อ่านแล้วไม่รื่นหูรื่นตา ส่วนงานของผม ผมมักยอมแปลขาดแปลเกินบ้างภายใต้ใจความที่เหมือนกัน แต่ก็มักโดนคนตรวจแก้งานให้กลับไปเป็นภาษาที่เข้มงวด ต้องครบตามจำนวนคำ เป็นการทะเลาะกันทางความคิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
แต่ท้ายสุด งานก็คืองาน บทบาทและอำนาจในมืออยู่ที่ใคร คนนั้นก็ตัดสินใจไป บางครั้งผมตัดสินใจ บางครั้งคนอื่นตัดสินใจ ก็จบๆ ไป แล้วทำงานใหม่ต่อ
ลูกค้าคือพระเจ้า
==========
ผมไม่เคยเชื่อแบบนี้ แต่ผมดูแลลูกค้าทุกรายเหมือนเพื่อน ในขณะที่นักแปลคนอื่นพูดน้อย ผมพูดเยอะ เยอะจนรู้สึกได้ว่าหลายคนรำคาญ เขียนอีเมลทีก็เขียนยาวๆ แต่ผมอาศัยว่า ผมต้องพูดให้หมด และผมไม่ได้ทำตามความต้องการของลูกค้าทั้งหมด เช่น มีงานแปลโปรโมชันสายการบิน ต้นภาษามาแบบว่า สนุกสนานเฮฮา นักแปลคนไทยแปลมาดีมาก แต่ผมปรับแก้เป็นคนละความหมาย เพราะอยู่ในช่วงที่เราสูญเสียในหลวง ร. 9 และผมแจ้งไปทางเอเจนซีให้แจ้งต่อลูกค้าว่า แบนเนอร์ดังกล่าวควรปรับเป็นสีเทา --- ในขณะที่นักแปลคนอื่นอาจปล่อยผ่าน แต่ผมไม่ปล่อยผ่านเรื่องพวกนี้ และไม่เคยคิดจะทำตามทุกคำสั่งของลูกค้า แต่ผมเสนอทางเลือกให้เสมอ และให้ลูกค้าตัดสินใจใหม่เอง
หลักการที่ว่าเป็นข้อหนึ่งที่ผมยึดถือมาตลอด และในบรรดาเอเจนซีรายใหญ่ของโลกที่ผมรับงานอยู่ มักพูดเสมอว่าผมเป็นคนที่ไว้ใจได้และน่าเชื่อถือมากที่สุด ทำงานต้องทำให้อยู่ในจุดนี้ให้ได้ครับ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
รายได้
====
จากที่แปลงานหน้าละ 500 บาท และไม่เคยพอกิน ในเวลาเพียง 4 ปี ผมใช้เวลาทำงานแปลเพิ่มขึ้นอีกราว 10% คิดเป็นเวลาทำงานเฉลี่ย 10-15% ของเวลาในชีวิต และส่วนใหญ่ก็แปลกลางคืน กลางวันจะได้ทำอย่างอื่น รายได้เฉลี่ยต่อเดือนจากงานแปล (แบบเลือกรับงานสุดๆ เอเจนซีจากจีนหรืออินเดียผมปฏิเสธทิ้งทั้งหมด) อยู่ที่ราวเงินเดือนระดับผู้จัดการ ในขณะที่บางเดือนรายได้แตะหกหลัก
อยากได้เงินเยอะ นั่นหมายถึงว่า คุณต้องแปลงานให้ได้ดี (ชำนาญ) ได้เร็ว (ผมพิมพ์เร็ว เป็นแต้มต่อ) ได้ถูกต้อง (ละเอียดรอบคอบ) และส่งงานตรงเวลา (รับผิดชอบ)
ผมมีหลักการที่ว่า รับทุกงานที่พอทำได้ ถ้ารับมาแล้วต้องทำให้ได้ดีกว่ามาตรฐาน แต่ถ้ารู้ตัวว่าทำไม่ได้ดี ผมถอยทันที หรือทำไปแล้วไม่คิดเงินก็มี บางงานทำแล้วขาดทุนเรื่องเวลา แต่ต้องทำเพราะมันจะเปิดโอกาสให้กับงานอื่นๆ ที่มีกำไร
พอร์ตงานที่ดีช่วยได้ พอร์ตงานของผมตอนนี้ มีงานแปลที่เป็นแบรนด์ระดับโลกรวมแล้วกว่า 60+ แบรนด์ กว่าครึ่งเป็นลูกค้าประจำ มีทั้งว่าจ้างตรงและผ่านเอเจนซี ทั้งหมดนี้ใช้เวลาสร้างราว 4 ปี รายได้เฉลี่ยที่ทำได้คือปีละล้าน
ช่วงเวลาที่ทำเงิน คือ ช่วงที่นักแปลหยุดเที่ยว .. ผมไม่เที่ยว งานจะไหลมาเทมา มาเป็นก้อนใหญ่ๆ
งานใหญ่สุดที่เคยรับแปลคนเดียวคือ หลักแสนคำ (หาร 400 คำต่อหน้าตามค่าเฉลี่ยดูละกันครับ) เป็นช่วงเวลาที่นั่งอยู่หน้าจอคอมฯ ตลอด 24 ชม. ตลอดเสาร์อาทิตย์ ไม่ลุกไปไหน ลุยแปลอย่างเดียว
==================
ผมตั้งใจเขียนหนังสือ ตั้งใจเขียนบล็อก เพื่อเล่าชีวิตงานแปล แต่คงไม่สำเร็จ เพราะว่าเวลาจะเขียน ก็มีงานเข้ามา
ผมอยากให้นักแปลคนไทยได้มีรายได้มากขึ้น ผมได้รับโอกาสมา จากการแสวงหาหนทางของตนเอง ก็อยากส่งต่อโอกาสดังกล่าวผ่านไปยังหลายๆ คนที่ยังอยู่ ณ จุดที่ผมเคยอยู่เมื่อหลายๆ ปีก่อน (เพราะไม่เคยขยับตัวไปไหน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น)
คุณไม่ต้องทำงานแปลเป็นงานประจำ เพราะของผมก็ไม่ใช่เช่นกัน ยิ่งคุณทำงานสายเฉพาะทาง และหันมาเป็นนักแปล คุณจะยิ่งมีความชำนาญมากกว่านักแปล ดังนั้นผมจึงมองว่างานนี้เป็นงานที่ "ทุกคนที่รู้ภาษา" สามารถทำได้ไม่ยากนัก เตรียมตัวซักหนึ่งปี ก็สามารถสร้างรายได้เสริมได้สบายๆ เพราะขนาดผมรับงานบ้างไม่รับบ้าง และค่อนข้างเลือกงาน ยังสามารถสร้างรายได้ในระดับนั่งทำงานบริหารในบริษัทขนาดกลาง โดยใช้เวลาเพียงเสี้ยวหนึ่งในชีวิต .. คุณก็ทำได้เช่นกัน แม้ไม่ใช่ passive income ที่หลายคนฝัน แต่รายได้ส่วนนี้อาจทำให้คุณมี passive income ในอนาคตได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ผมฝากเพจไว้หนึ่งเพจ
https://www.facebook.com/ThaiLinguistClub/
ที่คงไม่ค่อยได้อัพเดตเท่าไร เพราะตั้งแต่เปิดเพจมาก็ยังไม่เคยโพสต์อะไรเลย
แต่ใช้เป็นช่องทางการติดต่อก็แล้วกันครับ คำถามที่มี สามารถถามในกระทู้นี้ได้เลย ผมจะพยายามตอบให้ทุกคำถาม
ไม่ต้อง inbox นะครับ ถามด้านหน้า บางอันที่ยาว ผมจะคัดไปตอบบนเพจ จะได้เขียนบรรยายได้เต็มที่ แต่จะสรุปสั้นๆ ให้ก่อน
ทั้งเพจและเว็บ (ที่ยังไม่เกิด) มีจุดประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้ที่ผมสะสมมา ปัญหาการทำงาน ประสบการณ์ ฯลฯ
เพราะผมรู้ว่ากว่าจะหามาได้มันต้องใช้เวลาขนาดไหน และผมอยากมอบทางลัดให้กับคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้มันตายไปกับตัวผม เพราะผมเองก็คงทำอาชีพนี้ไปได้ไม่ตลอด
ที่สำคัญ .... ผมไม่ได้รับสอนแปล !! ไม่ต้องติดต่อเข้ามา
และผมไม่รับงานแปลทางนี้นะครับ !! ตอนนี้งานแน่นมากอยู่แล้ว (ผมทำหลายอย่าง และมีเวลาให้แต่ละอย่างแน่นอน ไม่ให้มันกวนกัน)
และผมไม่ได้รับหางานให้นะครับ !! แต่สงสัยอะไรถามมาได้ ให้ได้แค่ความรู้เท่านั้น
== ขออนุญาตแท็กนักเขียนด้วย เนื่องจากผมเป็นนักเขียน และอยากชวนนักเขียนมาทำงานแปล
แก้ไขครั้งที่ 1: ใส่ตัวหนา ใส่หมายเหตุด้านบน
รีวิว ชีวิตนักแปล .. เงินล้านต่อปี เรื่องไม่ยาก (แบบฟรีแลนซ์)
และผมไม่รับงานแปลทางนี้นะครับ !! ตอนนี้งานแน่นมากอยู่แล้ว (ผมทำหลายอย่าง และมีเวลาให้แต่ละอย่างแน่นอน ไม่ให้มันกวนกัน)
และผมไม่ได้รับหางานให้นะครับ !! แต่สงสัยอะไรถามมาได้ ให้ได้แค่ความรู้เท่านั้น
ชีวิตผมทำงานหลายอย่างครับ มีทั้งงานประจำและไม่ประจำ เรียกว่า พอหาเงินได้ ก็ทำทั้งหมด
สิบกว่าปีที่ทำงานแปลมา งานแปลภาษาเป็นส่วนที่สร้างรายได้ให้น้อยนิดมาก รายได้มาจากทางอื่นๆ เป็นหลัก โดยช่วงดังกล่าวเป็นเวลาที่รับงานแปลจากเอเจนซี (ผมไม่รับงานแปลจากสถาบันแปลต่างๆ) เริ่มจากแปลฟรี จนไต่ระดับมาคิดเงินหน้าละ 500-800 บาท ทำแบบนี้มาเป็นสิบปี ราคาไม่เคยขยับ
พื้นเพผมไม่ได้เรียนจบมาทางด้านแปลภาษา แต่อาศัยที่ว่าชอบอ่านและชอบเขียน และเป็นนักเขียน ชุดคำศัพท์ที่แปลได้ก็มีอยู่แค่ไม่กี่ชุด ดังนั้นจึงไม่สามารถรับงานได้หลากหลายมากนัก แต่สำหรับงานที่เข้าข่าย ผมว่าผมทำได้ดี ตั้งใจทำ ไม่ปล่อยผ่าน และรับผิดชอบ
ก้าวกระโดด
=======
จากนักแปลจนๆ ที่รายได้จากงานแปล (ไม่รวมรายได้อื่น) อยู่หลักพันหรือแตะหมื่นบ้างในบางเดือน วันนึงผมกระโดดไปรับงานแปลจากเอเจนซีต่างประเทศ ก่อนรับก็ดูก่อนว่า รายใหญ่รายเล็ก น่าเชื่อถือแค่ไหน และเลือกรับ และทุ่มเททุกอย่างเพื่อให้งานออกมาดี
งานแปลจากคนไทย เรานับกันเป็นหน้า เหมาๆ เอา แต่งานแปลจากเอเจนซีต่างประเทศเรานับกันเป็นคำ คำละกี่ USD ก็ว่าไป
ผมเลือกที่จะไม่รับราคาต่ำ อาศัยว่างานที่รับเข้ามา ผมไม่มีงอแง แก้ก็แก้ แก้เล็กน้อยไม่คิดเงิน แปลนิดเดียวผมแปลให้ฟรี และรับผิดชอบส่งงานตรงเวลาแทบทุกครั้ง
ผมทำแบบนี้ราว 1 ปี ก็เลิกรับงานจากเอเจนซีในไทย และหันไปรับงานแปลจากต่างประเทศทั้งหมด ซึ่งบริษัทพวกนี้เค้าจะรับงานมาเป็นโปรเจ็กต์ แปลทีเดียว 10 ภาษา เป็นต้น และลูกค้าก็มีแต่แบรนด์ระดับโลกเป็นส่วนใหญ่
เครื่องมือ
=====
สมัยก่อนผมแปลใน MS Word หรือไม่ก็ส่งผ่านอีเมลหรือ Notepad แต่พอมาจับงานแปลพวกนี้ ต้องศึกษาโปรแกรมใหม่ เรียกกันว่า CAT Tools ซึ่งเป็นโปรแกรมช่วยในการแปล
โปรแกรมแบบนี้ไม่ใช่ Google Translate แต่เป็นโปรแกรมที่ช่วยในการทำงานแปล เช่น
- เคยแปลคำนี้ว่าอะไร
- ประโยคที่คล้ายกันจะถูกดึงมาแสดงให้โดยอัตโนมัติ
- ชุดคำศัพท์บังคับจะแสดงผลให้เมื่อตรวจพบ
- แยกแปลเป็นประโยค (ซึ่งเป็นปัญหาในการแปลให้ลื่นไหลสำหรับมือใหม่)
- ฯลฯ
งานแปลระดับโลกนั้น เครื่องมือพวกนี้สำคัญมาก ผมลงรายละเอียดได้ไม่หมด เพราะคงเขียนเป็นหนังสือได้เป็นเล่ม แต่โดยคร่าวแล้ว ใครอยากรับงานระดับนี้ ส่วนใหญ่ต้องใช้ CAT Tools ทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น MemoQ, Trados ฯลฯ
ผมนั่งหงุดหงิดกับการหัดใช้โปรแกรมมาพักใหญ่ แต่ไม่มีทางเลือก ถ้าอยากรับงาน ก็ต้องหัด งานแรกๆ จำได้ว่า บอกทางนั้นไปตรงๆ ว่าไม่เคยใช้โปรแกรมนะ มีอะไรสอนผมด้วย แต่ผมก็เรียนรู้เองด้วย และผมแปลงานให้ฟรี ไม่คิดเงิน เพราะ CAT Tools ทำให้ชีวิตนักแปลดีขึ้นมาก เรียกว่า เป็นเครื่องมือที่ขาดไม่ได้
นักแปล คนตรวจแก้ คนตรวจทาน
===================
จริงๆ แล้วในกระบวนการแปลนั้น มีหลายคนที่เกี่ยวข้อง มีคนเตรียมไฟล์ (เพื่อให้แปลใน CAT Tools) มีคนแปล คนตรวจแก้ คนตรวจทาน คนจัดหน้า ฯลฯ ดังนั้นเครื่องมือกลางอย่าง CAT Tools จึงมีบทบาทในหลายๆ ส่วน
หากเป็นงานแปลของ Google / Apple นั้ัน เค้าก็จะใช้ CAT Tools เฉพาะของตนเองที่ไม่ค่อยเหมือนชาวบ้าน เพราะโปรเจ็กต์ใหญ่มาก ส่วนค่ายอื่นๆ นั้นก็อาจใช้ CAT Tools ชื่อดังทั่วไป บางรายเป็น CAT Tools แบบออนไลน์ ทำให้งานทุกอย่างออนไลน์ และทุกคนทำงานกันออนไลน์ร่วมกัน
ดังนั้นหากคุณมีเวลาไม่มากพอที่จะแปล ก็ยังสามารถเข้ามาร่วมวงการนี้ได้ในฐานะอื่นๆ ซึ่งก็อาศัยทักษะที่ต่างกันไป เช่น คนทำ LQA (ตรวจทานท้ายสุด) ก็ต้องอาศัยความละเอียดในทุกมิติ เพื่อให้งานชิ้นดังกล่าวไม่มีข้อผิดพลาด หรือคนที่เป็น Editor (ตรวจแก้) ก็ควรมีภาษาที่สละสลวย
นักแปล vs นักเขียน
===========
ตัวผมมาจากนักเขียน ดังนั้นบ่อยครั้งจึงมีปัญหากับงานแปล ตอนหลังไปศึกษาเพิ่มเติมเรื่องการแปล จึงได้เข้าใจนักแปลมากขึ้น แต่ไม่เห็นด้วยในหลายครั้ง ส่วนใหญ่มักเป็นเรื่องภาษา นักแปลที่เรียนมามักมีคำศัพท์ที่ใช้หลากหลายกว่าผม แต่พอเขียนออกมาเป็นประโยค มันดูแข็งไปหมด อ่านแล้วไม่รื่นหูรื่นตา ส่วนงานของผม ผมมักยอมแปลขาดแปลเกินบ้างภายใต้ใจความที่เหมือนกัน แต่ก็มักโดนคนตรวจแก้งานให้กลับไปเป็นภาษาที่เข้มงวด ต้องครบตามจำนวนคำ เป็นการทะเลาะกันทางความคิดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
แต่ท้ายสุด งานก็คืองาน บทบาทและอำนาจในมืออยู่ที่ใคร คนนั้นก็ตัดสินใจไป บางครั้งผมตัดสินใจ บางครั้งคนอื่นตัดสินใจ ก็จบๆ ไป แล้วทำงานใหม่ต่อ
ลูกค้าคือพระเจ้า
==========
ผมไม่เคยเชื่อแบบนี้ แต่ผมดูแลลูกค้าทุกรายเหมือนเพื่อน ในขณะที่นักแปลคนอื่นพูดน้อย ผมพูดเยอะ เยอะจนรู้สึกได้ว่าหลายคนรำคาญ เขียนอีเมลทีก็เขียนยาวๆ แต่ผมอาศัยว่า ผมต้องพูดให้หมด และผมไม่ได้ทำตามความต้องการของลูกค้าทั้งหมด เช่น มีงานแปลโปรโมชันสายการบิน ต้นภาษามาแบบว่า สนุกสนานเฮฮา นักแปลคนไทยแปลมาดีมาก แต่ผมปรับแก้เป็นคนละความหมาย เพราะอยู่ในช่วงที่เราสูญเสียในหลวง ร. 9 และผมแจ้งไปทางเอเจนซีให้แจ้งต่อลูกค้าว่า แบนเนอร์ดังกล่าวควรปรับเป็นสีเทา --- ในขณะที่นักแปลคนอื่นอาจปล่อยผ่าน แต่ผมไม่ปล่อยผ่านเรื่องพวกนี้ และไม่เคยคิดจะทำตามทุกคำสั่งของลูกค้า แต่ผมเสนอทางเลือกให้เสมอ และให้ลูกค้าตัดสินใจใหม่เอง
หลักการที่ว่าเป็นข้อหนึ่งที่ผมยึดถือมาตลอด และในบรรดาเอเจนซีรายใหญ่ของโลกที่ผมรับงานอยู่ มักพูดเสมอว่าผมเป็นคนที่ไว้ใจได้และน่าเชื่อถือมากที่สุด ทำงานต้องทำให้อยู่ในจุดนี้ให้ได้ครับ แล้วทุกอย่างจะดีเอง
รายได้
====
จากที่แปลงานหน้าละ 500 บาท และไม่เคยพอกิน ในเวลาเพียง 4 ปี ผมใช้เวลาทำงานแปลเพิ่มขึ้นอีกราว 10% คิดเป็นเวลาทำงานเฉลี่ย 10-15% ของเวลาในชีวิต และส่วนใหญ่ก็แปลกลางคืน กลางวันจะได้ทำอย่างอื่น รายได้เฉลี่ยต่อเดือนจากงานแปล (แบบเลือกรับงานสุดๆ เอเจนซีจากจีนหรืออินเดียผมปฏิเสธทิ้งทั้งหมด) อยู่ที่ราวเงินเดือนระดับผู้จัดการ ในขณะที่บางเดือนรายได้แตะหกหลัก
อยากได้เงินเยอะ นั่นหมายถึงว่า คุณต้องแปลงานให้ได้ดี (ชำนาญ) ได้เร็ว (ผมพิมพ์เร็ว เป็นแต้มต่อ) ได้ถูกต้อง (ละเอียดรอบคอบ) และส่งงานตรงเวลา (รับผิดชอบ)
ผมมีหลักการที่ว่า รับทุกงานที่พอทำได้ ถ้ารับมาแล้วต้องทำให้ได้ดีกว่ามาตรฐาน แต่ถ้ารู้ตัวว่าทำไม่ได้ดี ผมถอยทันที หรือทำไปแล้วไม่คิดเงินก็มี บางงานทำแล้วขาดทุนเรื่องเวลา แต่ต้องทำเพราะมันจะเปิดโอกาสให้กับงานอื่นๆ ที่มีกำไร
พอร์ตงานที่ดีช่วยได้ พอร์ตงานของผมตอนนี้ มีงานแปลที่เป็นแบรนด์ระดับโลกรวมแล้วกว่า 60+ แบรนด์ กว่าครึ่งเป็นลูกค้าประจำ มีทั้งว่าจ้างตรงและผ่านเอเจนซี ทั้งหมดนี้ใช้เวลาสร้างราว 4 ปี รายได้เฉลี่ยที่ทำได้คือปีละล้าน
ช่วงเวลาที่ทำเงิน คือ ช่วงที่นักแปลหยุดเที่ยว .. ผมไม่เที่ยว งานจะไหลมาเทมา มาเป็นก้อนใหญ่ๆ
งานใหญ่สุดที่เคยรับแปลคนเดียวคือ หลักแสนคำ (หาร 400 คำต่อหน้าตามค่าเฉลี่ยดูละกันครับ) เป็นช่วงเวลาที่นั่งอยู่หน้าจอคอมฯ ตลอด 24 ชม. ตลอดเสาร์อาทิตย์ ไม่ลุกไปไหน ลุยแปลอย่างเดียว
==================
ผมตั้งใจเขียนหนังสือ ตั้งใจเขียนบล็อก เพื่อเล่าชีวิตงานแปล แต่คงไม่สำเร็จ เพราะว่าเวลาจะเขียน ก็มีงานเข้ามา
ผมอยากให้นักแปลคนไทยได้มีรายได้มากขึ้น ผมได้รับโอกาสมา จากการแสวงหาหนทางของตนเอง ก็อยากส่งต่อโอกาสดังกล่าวผ่านไปยังหลายๆ คนที่ยังอยู่ ณ จุดที่ผมเคยอยู่เมื่อหลายๆ ปีก่อน (เพราะไม่เคยขยับตัวไปไหน ผมก็เป็นหนึ่งในนั้น)
คุณไม่ต้องทำงานแปลเป็นงานประจำ เพราะของผมก็ไม่ใช่เช่นกัน ยิ่งคุณทำงานสายเฉพาะทาง และหันมาเป็นนักแปล คุณจะยิ่งมีความชำนาญมากกว่านักแปล ดังนั้นผมจึงมองว่างานนี้เป็นงานที่ "ทุกคนที่รู้ภาษา" สามารถทำได้ไม่ยากนัก เตรียมตัวซักหนึ่งปี ก็สามารถสร้างรายได้เสริมได้สบายๆ เพราะขนาดผมรับงานบ้างไม่รับบ้าง และค่อนข้างเลือกงาน ยังสามารถสร้างรายได้ในระดับนั่งทำงานบริหารในบริษัทขนาดกลาง โดยใช้เวลาเพียงเสี้ยวหนึ่งในชีวิต .. คุณก็ทำได้เช่นกัน แม้ไม่ใช่ passive income ที่หลายคนฝัน แต่รายได้ส่วนนี้อาจทำให้คุณมี passive income ในอนาคตได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่คงไม่ค่อยได้อัพเดตเท่าไร เพราะตั้งแต่เปิดเพจมาก็ยังไม่เคยโพสต์อะไรเลย
แต่ใช้เป็นช่องทางการติดต่อก็แล้วกันครับ คำถามที่มี สามารถถามในกระทู้นี้ได้เลย ผมจะพยายามตอบให้ทุกคำถาม
ไม่ต้อง inbox นะครับ ถามด้านหน้า บางอันที่ยาว ผมจะคัดไปตอบบนเพจ จะได้เขียนบรรยายได้เต็มที่ แต่จะสรุปสั้นๆ ให้ก่อน
ทั้งเพจและเว็บ (ที่ยังไม่เกิด) มีจุดประสงค์เพื่อแบ่งปันความรู้ที่ผมสะสมมา ปัญหาการทำงาน ประสบการณ์ ฯลฯ
เพราะผมรู้ว่ากว่าจะหามาได้มันต้องใช้เวลาขนาดไหน และผมอยากมอบทางลัดให้กับคนอื่นๆ เพื่อไม่ให้มันตายไปกับตัวผม เพราะผมเองก็คงทำอาชีพนี้ไปได้ไม่ตลอด
ที่สำคัญ .... ผมไม่ได้รับสอนแปล !! ไม่ต้องติดต่อเข้ามา
และผมไม่รับงานแปลทางนี้นะครับ !! ตอนนี้งานแน่นมากอยู่แล้ว (ผมทำหลายอย่าง และมีเวลาให้แต่ละอย่างแน่นอน ไม่ให้มันกวนกัน)
และผมไม่ได้รับหางานให้นะครับ !! แต่สงสัยอะไรถามมาได้ ให้ได้แค่ความรู้เท่านั้น
== ขออนุญาตแท็กนักเขียนด้วย เนื่องจากผมเป็นนักเขียน และอยากชวนนักเขียนมาทำงานแปล
แก้ไขครั้งที่ 1: ใส่ตัวหนา ใส่หมายเหตุด้านบน