มือถือโดนแฮก โดนดักฟัง ทำยังไงดีคะ

สวัสดีค่ะ เราเป็นพนง.บริษัทค้าปลีกชื่อดังแห่งหนึ่งในกทม. ช่วงนี้เราเจอปัญหาในที่ทำงาน กลายเป็นดราม่าใหญ่โต เพราะเกิดจากการเข้าใจผิดของหัวหน้าและเพื่อนร่วมงาน ทำให้ทุกคนสนใจและอยากรู้เรื่องของเราจนพวกเขาต้องแฮก ซึ่งขอสรุปเป็นทั้งหมด 8 ประเด็นดังนี้ค่ะ ยาวหน่อยนะคะ ถ้าไม่มีเวลาอ่านให้ข้ามไปอ่านประเด็นที่ 5,7,8 เลยค่ะ

ประเด็น 1: เลื่อยขาเก้าอี้
เราเพิ่งเข้ามาเริ่มงานได้ไม่นานก็มีเด็กคนนึงที่เราต้องเรียนรู้งานจากเค้า น้องเป็นคนเก่งและไว vp จึงฟังน้องมากกว่าเรา แต่น้องไม่ใช่ลูกน้องของเรา หลายๆครั้งที่เราดูโง่กว่าน้องเพราะเพิ่งเข้ามาได้ไม่นาน ยังไม่เข้าใจระบบ ยังรู้จักคนไม่เยอะ น้องคนนี้ชอบใช้โอกาสนี้ในการ discredit เราให้ vp ฟังอยู่ประจำจน vp ตัดสินเราว่าทำงานไม่ดี ทำงานช้า เวลามีประชุมกับทีมอื่นจะไม่ยอมให้พูด เลยดูไม่มีบทบาท ความสำคัญ ประกอบกับ vp ให้เราเรียนรู้งานด้วยตัวเอง ถามอะไรไม่เคยได้คำตอบ ชอบไล่ให้ไปถามคนอื่นหรือไม่ก็ย้อนว่าเป็น div แล้วทำไมถึงยังมาถามอยู่อีก น้องคนนี้เป็นคนทะเยอทะยาน ไม่ใช่แค่เราที่โดนน้อง discredit หัวหน้าของน้องเองก็ไม่เว้น น้องเคยบอก vp ว่า "ผมไม่อยากเป็นลูกน้องของคนนี้" น้องไม่เคยมองว่าใครดีพอในสายตา จ้องแต่จะหาจุดบกพร่องแล้วคอยเอาไปรายงาน vp อยู่ประจำ สรุปหัวหน้าของน้องก็ต้องออกไปเพราะไม่ผ่านโปร ซึ่งเราดันไปสนิทกับหัวหน้าของน้อง จึงทำให้ vp ไม่ชอบเราด้วย หัวหน้าน้องเคยเล่าให้ฟังว่าน้องเกลียดเรามาก เพราะเค้าเคยแอบเห็นเงินเดือนเราที่สูงกว่าของเค้าจากแฟนตัวเอง ซึ่งเป็นเลขาของ vp จึงคอยกลั่นแกล้งเราแบบนี้ มีอยู่ครั้งนึงที่เราจับได้ว่าน้องแกล้งเรา คือตอนหลังจากที่ประชุมเรื่องโปรโมชั่นกับ vp เราขอพรีเซ็นต์และไฟล์ excel มาเพื่อศึกษาดู ปรากฎว่าพอเราลองไล่สูตรดู มันสลับกันมั่วไปหมด ไม่เหมือนตอนที่พรีเซ็นต์ในห้อง เราจึงถามน้องว่าทำไมสูตรถึงผิด น้องไม่ตอบ หลบหน้า ไม่กล้าสบตา เราจึงรู้ว่าน้องตั้งใจวางยา หากวันนั้นเราไม่ตรวจสอบก่อนก็จะได้ข้อมูลแบบผิดๆไป พอถึงช่วงแต่งงานซึ่งต้องลางานเป็นเวลา 1 อาทิตย์เพราะไปฮันนีมูนต่อ ก่อนที่น้องจะลาออกจากงาน น้องใช้โอกาสนี้ชวนคนที่เคยอยู่แต่ออกไปแล้ว กลับมาทำงานในตำแหน่งของเรา เป็นการบีบให้เราออกจากบริษัทไปเอง ซึ่งเราสังเกตหลายครั้งว่ามีคำพูดว่า "ใจร้ายมากเลย" พร้อมมองมาที่เรา ซึ่งตอนที่น้องแจ้งลาออก เราไม่รู้ว่าน้องไปบอกคนอื่นว่าตัวเองออกเพราะอะไร แต่เรารู้สึกได้ว่าคนอื่นคิดว่าเรากลั่นแกล้งน้องหรือบีบให้ออกโดยใช้อำนาจของแม่เราซึ่งทำงานอยู่บริษัทในเครือเดียวกัน

ประเด็น 2: แจกการ์ด
เราเพิ่งแต่งงานไปเมื่อเดือน 12 ที่ผ่านมา ซึ่งช่วงเดือน 11 เราเริ่มแจกการ์ดให้คนในออฟฟิศ แต่เราไม่ได้แจกให้ทุกคน ใครที่ไม่เคยร่วมงานกันหรือไม่สนิทก็ไม่ได้ให้ หรือถ้าเป็นตำแหน่งเล็กๆไม่ให้เพราะไม่อยากไปรบกวนพวกเค้าต้องมีภาระหาชุด แต่งหน้า ทำผม ใส่ซอง เราคิดตรงนี้เยอะมากเพราะเรามีปมจากพี่ที่ทำงานเก่าคนนึงเค้าเอาเราไปพูดว่าแจกซองเพราะหวังหาเงิน ไม่ต่างจากซองผ้าป่า ซึ่งจะมีแค่บางคนที่เราไม่ให้ด้วยเหตุผลส่วนตัวจากประเด็นที่ 1 แต่ผลออกมากลายเป็นว่าคนที่ออฟฟิศมองว่าเราแจกพอเป็นพิธี ไม่ได้อยากให้ไปจริงๆ และไม่มีใครที่ออฟฟิศไปร่วมงานเลยซักคน แต่ก็มีบางคนที่ติดธุระจริงๆแล้วเอาซองมาให้ทีหลัง หลังจากนั้นเริ่มมีคนซุบซิบกันถึงความสัมพันธ์ระหว่างเรากับประธานงานแต่ง ซึ่งเป็นเจ้านายเก่าของแม่และเป็นเจ้าของบริษัท ซึ่งดูห่างไกลตัวคนเหล่านั้นมาก พวกเขาจึงไม่เข้าใจว่าเรามีสิทธิ์อะไรถึงสามารถเชิญเจ้าของบริษัทมาเป็นประธานได้ แต่สำหรับเราที่รู้จักเขามาตั้งแต่เด็กและเขาก็เมตตาแม่กับเรา เหมือนแม่เป็นน้องสาว เหมือนเราเป็นหลาน เขาแทนตัวเองว่า "ลุง" กับเรา ซึ่งถือว่าเป็นการให้เกียรติมากๆ แต่แล้วก็เริ่มมีเสียงนินทาว่าเราเป็นลูกของเค้าที่ถูกส่งมาฝึกงาน ส่งมาจับผิด ทุกคนเลยพากันระแวง กลัวเราไปหมด ซึ่งเรามักจะได้ยินคำว่า "ช่วยๆกันหน่อยนะ มีคนเค้าจับตาดูพี่อยู่" จากปากของ vp ซึ่งเป็นหัวหน้าเราอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ลามไป BU อื่น คนอื่นที่อยู่บริเวณตึกด้วย เจ้านายก็ไม่ให้ทำงานเพิ่ม ไม่ให้เข้าประชุม เพราะกลัวเราจะเอาไปรายงานเจ้าของบริษัท จนเราเริ่มสงสัยแล้วว่าที่นี่มันมีอะไรไม่ชอบมาพากลรึเปล่า พวกเขาถึงต้องกลัวกันขนาดนี้

ประเด็น 3: staff party
วันที่ 20/12/2017 มีการจัด staff party กันเล็กๆภายในบริษัท ซึ่งก่อนหน้านั้นได้มีการเรี่ยไรเงินจากคนที่เป็นตำแหน่ง devision manager ขึ้นไป มากน้อยขึ้นอยู่กับตำแหน่ง ซึ่งเราต้องจ่ายด้วย เราเลยไปถามทีมอื่นดูว่าทีมเค้าต้องจ่ายเงินแบบนี้ไม๊ เค้าบอกว่าไม่ต้อง เราก็เลยบ่นเล็กน้อยว่าทำไมเราต้องจ่ายด้วย และก็รู้กันอยู่ว่า staff party นี้จัดขึ้นเพื่อคนแค่บางกลุ่มที่ vp สนิทมากเป็นพิเศษ (ทีม graphic) ซึ่ง gm graphic ของทีมนั้นแอบคบเป็นแฟนกับ vp อยู่ หลังจากวันนั้น gm offline (หัวหน้าเราอีกคน) จึงเอาเงินมาให้ (เราไม่ได้ขอ) แล้วบอกว่า "จะได้ไม่ต้องไปตบตีกับใคร" เราก็บอกว่าถ้าจะให้เราก็ต้องให้พี่อีกคนด้วย เพราะเค้าจะออกอยู่แล้วยังต้องมาจ่ายเงินตั้ง 2,000 บาท ซึ่งเรารู้ว่าพี่คนนั้นก็ไม่พอใจที่ต้องมาจ่ายเงินเลี้ยงทีม graphic เพราะที่ผ่านมาได้ยินพี่เค้าบ่นถึงพฤติกรรมและมารยาทในการทำงานให้ได้ยินอยู่บ่อยครั้ง สรุป gm offline จ่ายคืนให้ 4,000 และคิดว่าคงจะมีคนไปบอกทีม graphic ว่าเราไม่ยอมจ่าย เลยสร้างความไม่พอใจให้กับคนกลุ่มนี้ เลยค่อยกลั่นแกล้งปั่นประสาทอย่างทุกวันนี้

ประเด็น 4: โดนกรีดรถ
มีรอยโดนกรีดเป็นทางยาวจากประตูฝั่งซ้ายทั้งแถบจนถึงฝากระโปรงหลัง ซึ่งคาดว่าน่าจะโดนช่วงวันที่ 9/1/2018-11/1/2018 เพราะวันที่ไปสอบใบขับที่วันที่ 12/1/2018 มีรอยแล้ว ตอนแรกไม่คิดว่าโดนกรีดรถ น่าจะแค่มีคนเดินผ่านแล้วหัวเข็มขัดมาโดน จนกระทั่งมีอุบัติเหตุชนท้ายรถแท๊กซี่วันที่ 8/2/2018 เคลมถามว่ารอยด้านข้างกับด้านหลังไม่ได้เกิดจากการชนครั้งนี้ใช่ไม๊ เค้าบอกว่าเราโดนกรีดรถนะ ก็ยังไม่คิดว่าใช่ พอเอารถไปซ่อมที่อู่ก็โดนทักว่ารถโดนกรีดอีก เลยคิดว่าใช่แน่ๆ จนกระทั่งวันที่ 19/2/2018 ได้ยินคนบริษัทเดียวกันอยู่ชั้น 14 เป็นผู้ชาย 3 คน (ชั้นนั้นมี hr กับ mer) คุยกันในลิฟต์ทำนองบ่นว่า "ชอบจอดรถขวาง แถมจอดรถเอียงต้องมาคอยเข็น น่าเบื่อ" เราจึงไปแจ้งความวันที่ 20/2/2017 เพื่อเอาใบแจ้งความไปเปิดกล้อง cctv ดูย้อนหลัง

ประเด็น 5: รูปหลุด
พอแต่งงาน ฮันนีมูน เสร็จเรียบร้อย กลับมาทำงานวันที่ 18/12/2017 vp ขอดูรูป ก็ได้คัดเลือกรูปส่งให้ดูเพราะรูปเยอะมากไม่ได้ส่งทั้งหมด และได้ส่งให้ vp it, น้อง data 1 คน, น้อง graphic 1 คน เพราะคุยกันบ่อยๆ หลังจากวันนั้นไม่นานเราเริ่มได้ยินเสียงซุบซิบนินทาถึงรูปของของเรา แรกๆก็คิดว่าคงเป็นรูปที่เราส่งให้นั่นแหละ เลยไม่ถือสา แต่ปรากฎว่ามีรูปที่เราไม่ได้ส่งให้ใครในออฟฟิศหลุดไปถึงมือคนอื่น ทั้งๆที่ไม่ได้เป็นเพื่อนกับใครใน social media เลย ซึ่งเราทราบมาจากเสียงเม้าท์จากกลุ่มผู้ชาย graphic ว่า "หุ่นดีจังเลยรุมโทรมมันเลยดีไม๊" เสียงนินทาจากคนอื่นๆว่า "แม่มันคงเป็นเมียน้อยเค้า" "มันคงเป็นลูกคนใช้" "มันเป็นเสื้อแดง" "หูยยย เต้นฉีกขาด้วยอ่ะ" และอีกหลายๆเสียงที่พวกเค้าตั้งใจพูดให้ลอยมากระทบหูเรา เราจึงสงสัยหัวหน้าที่บริษัทเก่า เพราะ vp เคยพูดว่า "พี่ก็เคยมีเพื่อนอยู่ที่เดียวกับหัวหน้าเก่าเราเหมือนกัน" ประกอบกับที่เราเพิ่งมีการโพสเหน็บแนมในเฟสถึงพี่อีกคนที่ทำงานเก่าที่เอาเราไปพูดเสียหายเรื่องการแจกการ์ดเหมือนแจกซองผ้าป่า แล้วเราก็เห็นโพสอันนึงของหัวหน้าเก่าโพสประมาณว่า "ใครที่เอาเค้าไปว่าเสียหาย ระวังจะไม่มีที่ยืน ต้องตกงานไม่มีงานทำ อย่ามาลองดีกับเค้าเพราะเค้าเก่งไอที" เราจึงโพสใน timeline ของ line ประมาณว่า "เราไปทำอะไรให้เค้าไม่พอใจหรอ และขอให้หยุดพฤติกรรมแบบนี้ ขออโหสิทุกสิ่งที่เคยล่วงเกิน" สักพักก็มีเพื่อนที่ทำงานเก่าซึ่งเคยเป็นลูกน้องของเค้าเหมือนกัน ไลน์มาคุยแล้วบอกว่าเค้าคิดว่าโดนคนเดียวซะอีก คือเจ้านายเก่าคนนี้เป็นคนที่ social addict มากๆ ชอบโพสเฟสวันละหลายๆโพส ซึ่งส่วนมากเป็นโพสที่ไม่มีสาระ และมักจะมี reaction จากสิ่งที่เราโพสเสมอเช่น เราเพิ่งแต่งงาน เค้าก็โพสว่าสามีเค้าจะจัดงานแต่งงานให้ใหม่อีกครั้ง, เราโพสว่าไปฮันนีมูนที่มัลดีฟ เค้าก็โพสว่าสามีซื้อตั๋วไปเที่ยวโปรตุเกสมาเซอร์ไพรส์, เราโพสรูปรถใหม่ที่แฟนซื้อให้ เค้าก็โพสว่า "ไม่มีบ้าน ไม่มีรถ ไม่มีหนี้" ซึ่งคนที่ออฟฟิศก็จะพูดเสียงดังให้เราได้ยิน พี่อีกคนที่โดนก็รู้สึกรำคาญเพราะเจอ reaction คล้ายๆกันเหมือนสอดส่องเราอยู่ตลอดเวลาว่าโพสอะไร กดไลค์ให้เค้าไม๊ unfriendหรือblock เค้ารึป่าว เลยกด unfollow ไป เพราะไม่อยากรับพลังลบ ส่วนเรา block หัวหน้าเก่าไปเพราะเข้าใจว่าเค้าเซฟรูปและวิดีโอเอาไปส่งต่อให้ vp และคนอื่นๆ อีกอย่างหัวหน้าเก่าเพิ่งแต่งงานใหม่กับคนนามสกุลดังไปเมื่อต้นปีที่แล้ว และเค้าก็มาถามเราว่า "แต่งงานได้สินสอดรึป่าว" เราบอกว่า "แต่งงานก็ต้องได้สินสอดสิพี่" แล้วเค้าก็หันไปบ่นพึมพำให้เราได้ยินว่า "อะไรวะเด็กเงินเดือนหลักหมื่นมันยังได้สินสอดเลย ทำไมกูถึงไม่ได้" แล้วก็ชอบพูดลอยๆว่า "เกลียดฉิบ...เลย(ชื่อบริษัทเราที่เราทำอยู่)" ได้ยินบ่อยมากหลังจากแจกการ์ดงานแต่งให้เค้า แต่เค้าก็ยังไปงานแต่งเราและพูดกับเราดีๆช่วงก่อนแต่งอยู่เลย จนกระทั่งเริ่มรู้ตัวว่ารูปหลุด เลยสงสัยเค้า สังเกตเห็นว่าเค้าชอบโพส reaction ในเฟส แต่รอบนี้มันแปลกตรงที่สิ่งที่เค้าโพสไม่ได้มาจากในเฟส แต่มาจากไลน์ที่คุย บทสนทนาที่ไม่ได้อยู่บนโทรศัพท์ หรืออะไรก็ตามที่เกิดขึ้นบนหน้าจอมือถือ เค้าจะชอบเอาคำพูดบางส่วนของเราที่แฮกมาบิดเรื่องราวให้เป็นเรื่องของตัวเอง และมักจะใส่คำที่แฮกมาใน ".." เพื่อเน้น แต่คนอื่นที่เห็นจะไม่เกทถ้าไม่ใช่เจ้าของเรื่อง ประกอบกับมีคนบางกลุ่มในทีม graphic และคนอื่นๆ จะมีการเม้าท์เสียงดังให้เราได้ยินอยู่เรื่อยๆ

ประเด็น 6: focus group
วันที่ 11/1/2018 เป็นวันที่มี focus group ซึ่งเป็นการให้คนที่อยู่ใน level เดียวกันมา feedback หัวหน้าให้ hr ฟัง ซึ่งวันนั้นมีทั้งคนที่พูดเยอะ พูดน้อยและไม่พูดเลย โดยเนื้อหาส่วนใหญ่มุ่งไปที่ vp และทีม graphic เป็นหลักและคนที่เปิดประเด็นและพูดเยอะที่สุดไม่ใช่เรา แต่ออกมากลายเป็นว่า vp และทีม graphic ยิ่งไม่ชอบหน้าเราเพราะคงมีคนในนั้นเอาไปพูดว่าเราโจมตีพวกเขาอยู่คนเดียว ทั้งๆที่ไม่ใช่ความจริง เราก็ feedback ไปแบบตรงๆเพราะ hr บอกว่าทุกอย่างที่พูดในนี้จะไม่รั่วไหลออกไป หลังจากนั้นเราได้ยิน vp คุยกับ gm offline ประมาณว่า "เอาแบบ GPS ติดตามตัวเลย" ซึ่งเรายังไม่รู้ตัวในตอนนั้นว่ากำลังเจอกับอะไรอยู่

เดี๋ยวมาต่อค่ะ...
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่