สวัสดีครับ มาเล่าต่อจาก ตอนที่แล้ว ใครสนใจไปอ่านได้ในตอนก่อนหน้านะครับ ขอบคุณทุกคอมเมนต์ที่ให้กำลังใจนะครับ มันทำให้ผมอยากเล่าต่อจริงๆ
ตอนที่ 1 การออกแบบ
https://ppantip.com/topic/37401167
ตอนที่ 2 ผนังห้อง (วอเปเปอร์ กระจก สี ฟิล์ม)
https://ppantip.com/topic/37412048
สำหรับตอนนี้จะค่อนข้างยาวหน่อย จึงขอค่อยๆแบ่งเล่า
เพิ่มเติมจากตอนออกแบบ เนื่องจากผมชอบห้องสไตล์ scandinavian เนื่องจากมีความเรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยครบไปในตัว
จุดเด่นของการแต่งห้องสไตล์นี้คือใช้วัสดุที่มาจากธรรมาชาติ เหล็กเป็นเหล็ก ไม้เป็นไม้ และพยายามคุมโทนสีให้เรียบง่ายไว้
ผมชอบ สีขาว เทา โอ๊คครับ และอยากตัดด้วยกระจกและโลหะเล็กน้อย
เนื่องจากตู้ห้องผมเป็นสีขาว และปูพื้นไม้โอ๊คมาแล้ว จึงเข้ากับแนวที่ผมอยากจะจัดแค่ไปหาเฟอร์นิเจอร์มาวางให้เข้ากับทีมห้อง (ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบตู้เสื้อผ้าของแถมจากคอนโดเท่าไรเพราะงานบิ้วไม่เรียบร้อย) สนใจดูแบบห้องไปดูในกระทู้แรกนะครับ
ตอนออกแบบห้อง ผมเริ่มจากการหาข้อมูลว่ามีร้านเฟอร์นิเจอร์อะไรบ้างในกรุงเทพมหานคร และเดินดูงานแฟร์ต่างๆ และพยายามตัดรูปเฟอร์นิเจอร์ที่ชอบไว้ แต่เฟอร์นิเจอร์ที่หามาได้และถูกใจนั้นราคาแพงเกินงบ ดูไม่เหมาะสมกับฐานะตัวเอง
เพื่อทำให้ความฝันเป็นจริงผมจึงตัดสินใจทำเฟอร์นิเจอร์บางส่วนด้วยตัวเอง
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรกที่ผมจะขอนำเสนอคือโต๊ะ
คอนเซปต์ในการออกแบบของผมคือ
1. ต้องการมองเห็นวิวหน้าต่าง โต๊ะจะต้องไม่บังหน้าต่าง
2. หน้าต่างจะติดม่าน โต๊ะจะต้องวางห่างจากหน้าต่างประมาณ 10 เซนติเมตร
3. ต้องมีพื้นที่ให้เดินระหว่างเตียงกับโต๊ะ
4. เนื่องจากเป็นคนทำงานสายคอมพิวเตอร์ ความฝันคืออยากได้โต๊ะแบบปรับนั่งยืนได้ (optional)
เนื่องจากไม่เคยเป็นคนทำงานเกี่ยวกับงานออกแบบ ไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์อะไรมาก่อนเลย ผมคิดง่ายๆว่า สั่งทำท๊อปโต๊ะ แล้วขาโต๊ะไปซื้อจากอิเกียมาติด
ref ขาโต๊ะที่ดูไว้ -
http://www.ikea.com/th/en/catalog/categories/departments/workspaces/11845/
(เรื่องตลอกของคนเดินอิเกียคือ ใหม่ๆผมมักจะเดินจากบนลงล่าง คือดูชั้นห้องตัวอย่างเสร็จแล้วเดินลงเไปหยิบของที่อยากได้ แต่พอเดินบ่อยๆเข้า ผมชอบเดินจากล่างขึ้นบน คือเริ่มจากเอาของครั้งที่แล้วที่ไม่ถูกใจมาคืนก่อน, แอบไปส่อง as-is section, เดินหยิบของที่ list ไว้แล้วใน application ikea, แล้วเดินขึ้นไปดูชั้นบนว่ามีอะไรอย่างื่นน่าหยิบอีกไหม)
บังเอิญผมไปเห็นสิ่งนี้อยู่ใน as-is section ราคาเต็ม 16000 ลดเหลือง 11000 บาท
การปรับความสูงได้ทำให้ตอนกลางคืนผมมองหน้าต่างได้เต็มบาน (สูง65 cm) ตอนกลางวันทำงาน (สูง75cm) และถ้าเมื่อยสามารถยกมายืนได้ (สูง150 cm)
นอกจากนี้ขาโต๊ะยาวมาก เกือบ 60 cm แต่ถ้าผมตัดท๊อปโต๊ะขนาดเล็กกว่าหน่อย (กว้างประมาณ 45cm) ผมจะเหลือที่สำหรับม่าน และขาโต๊ะจะช่วยยันไม่ให้โต๊ะเลื่อนไปไหนอีกด้วย
พอคิดแบบนั้นแล้ว มือก็เผลอควักเงินจ่ายไปทันที
(ภายหลังมาคิดดูว่า ถ้าซื้อแบบราคาเต็มจะได้ประกัน 10 ปีด้วย และไปอ่าน review ในเวปพบว่าขานี้ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร ก็อาจจะไม่ค่อยคุ้มส่วนลด 5000 อันนี้ถือเป็นบทเรียนครับ)
ต่อมาคือท๊อปโต๊ะ
ความคิดแรกผมคือไม้ท๊อปครัวของอิเกียสามารถนำมาเป็นท๊อปโต๊ะได้ด้วย แต่ไม้มีขนาดใหญ่เกินพื้นที่ห้อง ต้องนำมาตัด แต่หากตัด ผิวไม้อิเกียนั้นทำจาก “วีเนียร์” ซึ่งจากการหาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นแค่ไม้โอ๊คฝานบางๆมาแปะหน้าโต๊ะไว้ ถ้านำไปตัด จะมีบางส่วนที่ไม่ได้ถูกหุ้มด้วยไม้โอ๊ค สีจะไม่สวย
ดังนั้นผมจึงจะต้องหาวิธีอื่นในการทำท๊อปโต๊ะ
คิดถึงไม้ก็ต้องบางโพ
ผมงี้เดินถามตั้งแต่ร้านแรกหน้าปากซอยยันร้านสุดท้ายหน้าปากซอย(อีกด้าน)ที่ซอยขายไม้บางโพ ร้านบางร้านดูจะเป็นร้านขายส่ง เห็นหน้าเด็กเดินเข้าไปถามนี่ไม่มีใครสนใจผมเลย T_T แต่บางร้านก็ให้คำแนะนำดีมาก (ร้านแรกๆผมถามแบบงูๆปลาๆแบบฟังไม่รู้เรื่องจนร้านหลังๆ ผมรู้จะถามอะไรให้ดูเป็นภาษาช่างเขาก็จะตอบดีขึ้น)
สุดท้ายไปจบที่ร้านร่วมสุขค้าไม้ พี่เจ้าของร้านแนะนำแบบละเอียดมาก แถมให้ความรู้ชนิดและประเภทของไม้ พร้อมแนะนำร้านตัดไม้ และวิธีเคลือบผิวไม้เสร็จสับ
ผมกลับมาวัดขนาดโต๊ะที่ต้องการ โดยการทดลองตัดกระดาษเป็นขนาดที่ต้องการก่อน เพื่อกันพลาด
เมื่อวัดได้ขนาดที่ต้องการแล้วก็กลับไปซื้อ
ผมซื้อไม้โอ๊คประสานมาในราคา 2500 บาท ขนาด 90*244 cm สั่งตัดออกเป็นท๊อปโต๊ะสองตัว แล้วเหลือเศษไม้ เลยตัดเป็นท๊อปห้องน้ำ กับท๊อปตู้วางรองเท้า ฯลฯ
ทางร้านมีบริการให้พนักงานยกไม้ไปร้านตัดไม้ข้างๆให้ และบอกลุงกับป้าที่ร้านตัดไม้ได้เลยว่าอยากจะได้ไม้ขนาดเท่าไร มุมอะไร ของผมร้านตัดคิดค่าตัดและลบมุม 600 บาท
หลังจากนั้นเดินกลับมาซื้ออุปกรณ์กับร้านร่วมสุขค้าไม้ ให้พี่เจ้าของร้านแนะนำให้และจัดเซตอุปกรณ์มาให้ 1 เซต ประกอบไปด้วยโพลียูริเทน ทินเนอร์ (ผมใช้สูตรน้ำมันเพราะคิดว่าอยากได้สีโทนออกเหลือง ตอนแรกคิดว่าโทนสีเหลืองจะสวย) แปลงขนกระต่าย กระดาษทราย และกาวร้อน (เจ้าของร้านใจดีแถมให้แนะนำว่าให้เอาไปหยอดแปรงเพื่อให้ขนแปรงไม่ติด)
สิ่งที่เหลือที่ต้องทำคือขัดกระดาษทรายและลงยูรีเทน พอดีที่บ้านมีเครื่องขัดอยู่แล้ว จึงช่วยทุ่นแรงได้มาก
อันนี้เป็นภาพก่อนลงยูริเทน
อันนี้เป็นผลงานหลังจากทำเสร็จ ครั้งแรก ผมกลับไม่ชอบแหะ เพราะว่ามันสีเหลืองไปหน่อย ถ้าห้องผมเป็นสีขาวทั้งห้องแล้วตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีนี้จะสวย แต่โทนห้องผมไปโทนอ่อนหมดแล้ว ผมอยากได้สีโทนออกเหลืองอ่อนให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในห้องมากกว่า
เลยต้องกลับมาหาข้อมูล พบว่าการทำ wood finishing มีวิธีอื่นได้หรือไม้ พบว่าทำได้หลายอย่างมาก เช่น
Lacquer - มีสูตรน้ำ, น้ำมัน และมีแบบทั้งพ่นและทา มีแบบเงาแบบด้าน
Oil - สามารถใช้น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะนาว, น้ำมันสน, น้ำมันลิงซี้ด, น้ำมันตังอิ้ว, ... น้ำมันแต่ละชนิดได้สีคนละแบบ แห้ง ช้าเร็วต่างกัน ข้อดีคือไม้ยังคงเป็นไม้ ข้อเสียคือเหนอะหนะ ถ้าเช็ดออกไม่หมด และไม่ทนเท่าไร
PolyUrethane - พูดสั้นๆมันคือพลาสติกสำหรับเคลือบผิวไม้ มีทั้งแบบน้ำและน้ำมัน เงา เกืองเง ด้าน สีที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน แบบน้ำมันจะมีสีเหลืองกว่านิดหน่อย ข้อดีคือทน ข้อเสียคือแพง และผิวจะดูเหมือนพลาสติก
Danis Oil - ในไทยไม่มีขาย แต่เป็นการผสมข้อดีของ Oil และ Polyurethane เป็น Oil ที่ทำออกมาเป็นพลาสติก แต่ผลเป็นยังไงผมก้ไม่รู้เหมือนกันนะ
ของพวกนี้ถ้าใช้สูตรน้ำมันจะต้องใช้ทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย ถ้าใช้สูตรน้ำส่วนมากเปิดและทาได้เลย
สัปดาห์ต่อมาผมกลับไป home pro แล้วสอยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีขายมา พนักงานขายเขาสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกได้ว่าอะไรเป็นแบบไหน ส่วนมากพนักงานจะถูกสอนมาว่า Polyurethane คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่จากการทดลองและพิสูจน์แล้วไม่ใช่แบบนั้น ทุกอย่างมีสีต่างกัน และมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น
แต่ทำไงให้รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีหล่ะ ... คำตอบคือทดลอง (วิทยาศาสตร์!!!)
ผลการวิจัยคือ (ขอตอบแบบภาษาชาวบ้าน)
Polyurethane เหมือนเอาไม้ไปชุบคาราเมล ฟิล์มจะค่อนข้างหนา สูตรน้ำเหมือนคาราเมลที่เคี่ยวน้ำตาลไหม้ สีออกเหลืองๆอมน้ำตาลนิดๆ ผมลอง RTB สูตรน้ำ กับ Bager แบบแห้งเร็วที่ในชุดมีสองกระป๋อง
Oil ผมลองน้ำมันทาเฟอร์นิเจอร์ของ Ikea (ส่วนผสมข้างกระป๋องเป็น Linseed oil ผสม wax ที่มีตัวทำละลาย (Emulsifier) ให้เข้ากับน้ำ ทาออกมาได้สีน้ำตาลเข็มแบบโต๊ะ ikea แนะนำว่าถ้าใครจะซื้อโต๊ะอิเกียมาใช้ ตอนทาให้ทาบางมากๆๆๆๆๆๆๆๆ และทาเสร็จแล้วให้เช็ดน้ำมันส่วนเกินออกทันที ถ้าทาทิ้งไว้ไม้จะมีการแพร่ของน้ำมันไม่เท่ากันทำให้ดูเป็นดวงๆไม่สวย
นอกจากนี้ผมยังลอง Lemon Oil พอดีพ่อผมมีเก็บไว้ที่บ้าน ทากับไม้โอ๊คแล้วได้สีสม ไม่ค่อยสวย แต่กลิ่นหอมดี กลิ่นเหมือนน้ำยาดับกลิ่นสูตร Lemon อะ
Lacquer ผมซื้อแค่สูตรน้ำมาลอง เพราะ หลังจากลอง Polyurethane ไปแล้วคิดว่าคงไม่ใช้สูตรน้ำมันอีกแน่ๆ ผมกลับชอบผลลัพธ์มากที่สุด เพราะเนื้องฟิล์มบาง และไม่เปลี่ยนสีไม้มากเหมือน Polyurethane
(ถ้าคุณไปถามพนักงาน Homepro ว่าน้ำยาเคลือบไม้เปลี่ยนสีน้ำได้ไหม ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เปลี่ยนแน่นอน แต่อย่าไปเชื่อ ไม่ได้ว่าเขานะ แต่เขาเรียนรู้มาจากไม้ตัวอย่าง ซึ่งเป็นไม้สัก ไม้สักมันมีสีเข้มอยู่แล้วจึงไม่สามารถสังเกตความแตกต่างได้ชัด แต่ถ้าคุณจะทำงานกับไม้สีอ่อน เนื้อฟิล์ม และสีของฟิล์มจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง!!)
หลังจากศึกษาข้อมูลเสร็จแล้วก็ถึงเวลาลงมือทำ
วิธีการลอกยูริเทนออกจากไม้ ในทางเทคนิคคือมีสองวิธีคือจะใช้น้ำยากัดสีก็ได้ แต่ผลลัพธ์มักน่ากลัว เนื่องจากน้ำยาเป็นกรด ผมจึงเลือกวิธีโหดร้ายคือกระดาษทราย ขัดไปดิ T_T
หลังจากนั่งขัดทั้งวัน ฝุ่นเต็มห้องไปหมดก็ได้หน้าไม้โอ๊คที่รักกลับมา ผมมีเครื่องขัดกระดาษทรายนะ แต่ว่าใช้ไม่ได้เพราะคอนโดห้ามทำเสียงดังวันหยุด เลยต้องใช้มือขัด ขัดจนปวดไปทั้งตัว อุปกรณ์ก็ไม่มี ใช้ที่ใส่แปลงสีฟันจากอิเกีย
ถึงเวลา wood finishing แล้วววว ผมเลือกแลคเกอร์ เพราะเท่าที่ลอง แลคเกอร์เนื้อฟิล์มบาง และให้สัมผัสความเป็นไม้ได้มากกว่ายูริเทน ผมลองกับไม้ผืนเล็กก่อน (คราวนี้กะไม่พลาดแล้วแน่ๆ) สีที่ได้นี้สวยจับใจมาก ดีใจมากกว่าจะมาถึงจุดจุดนี้ ขอไปนอนก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาทำใหม่
พอตื่นมาก็รีบลงมือเลย แต่ลืมดูไปว่าสีแลคเกอร์มันเปลี่ยนไป พอลงเสร็จถึงกับร้อง cheerrrr!!! ทำไมมันขาวเงี๊ย
จากการหาข้อมูลคือ แลคเกอร์ถ้ามีความชื้นเมื่อไร จะเปลี่ยนจากสีใสเป็นสีขาวทันที !!!! ใครจะไปรู้ววว T____T
นั่งขัดอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่มีแรงขัดให้ถึงเนื้อไม้แล้ว เลยได้โต๊ะไม้โอ๊คสีขาวมาแทน
แต่ลองมาคิดดู สีขาวก็เข้ากับพื้นห้องกับเฟอร์นิเจอร์ข้างเคียงดี เขาลง stain สีขาวไว้หน่อยๆ ดูแล้วเข้ากับโทนห้องขึ้นมาทันที
เป็นความผิดพลาดที่สมบูรณ์แบบ จึงขอลงเอย มหกรรมการจัดทำโต๊ะทำงานไว้แต่เพียงเท่านี้แล
ปล. เห็นชั้นวางข้างๆนั่นไหม เดี๋ยวกระทู้ถัดไปจะมาเล่าว่าผมได้มันมาอย่างไร
[CR] เล่าประสบการณ์แต่งคอนโดขนาดเล็ก แบบทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตอนที่ 3.1 - เฟอร์นิเจอร์ (โต๊ะ)
ตอนที่ 1 การออกแบบ https://ppantip.com/topic/37401167
ตอนที่ 2 ผนังห้อง (วอเปเปอร์ กระจก สี ฟิล์ม) https://ppantip.com/topic/37412048
สำหรับตอนนี้จะค่อนข้างยาวหน่อย จึงขอค่อยๆแบ่งเล่า
เพิ่มเติมจากตอนออกแบบ เนื่องจากผมชอบห้องสไตล์ scandinavian เนื่องจากมีความเรียบง่าย และประโยชน์ใช้สอยครบไปในตัว
จุดเด่นของการแต่งห้องสไตล์นี้คือใช้วัสดุที่มาจากธรรมาชาติ เหล็กเป็นเหล็ก ไม้เป็นไม้ และพยายามคุมโทนสีให้เรียบง่ายไว้
ผมชอบ สีขาว เทา โอ๊คครับ และอยากตัดด้วยกระจกและโลหะเล็กน้อย
เนื่องจากตู้ห้องผมเป็นสีขาว และปูพื้นไม้โอ๊คมาแล้ว จึงเข้ากับแนวที่ผมอยากจะจัดแค่ไปหาเฟอร์นิเจอร์มาวางให้เข้ากับทีมห้อง (ถึงแม้ว่าผมจะไม่ค่อยชอบตู้เสื้อผ้าของแถมจากคอนโดเท่าไรเพราะงานบิ้วไม่เรียบร้อย) สนใจดูแบบห้องไปดูในกระทู้แรกนะครับ
ตอนออกแบบห้อง ผมเริ่มจากการหาข้อมูลว่ามีร้านเฟอร์นิเจอร์อะไรบ้างในกรุงเทพมหานคร และเดินดูงานแฟร์ต่างๆ และพยายามตัดรูปเฟอร์นิเจอร์ที่ชอบไว้ แต่เฟอร์นิเจอร์ที่หามาได้และถูกใจนั้นราคาแพงเกินงบ ดูไม่เหมาะสมกับฐานะตัวเอง
เพื่อทำให้ความฝันเป็นจริงผมจึงตัดสินใจทำเฟอร์นิเจอร์บางส่วนด้วยตัวเอง
เฟอร์นิเจอร์ชิ้นแรกที่ผมจะขอนำเสนอคือโต๊ะ
คอนเซปต์ในการออกแบบของผมคือ
1. ต้องการมองเห็นวิวหน้าต่าง โต๊ะจะต้องไม่บังหน้าต่าง
2. หน้าต่างจะติดม่าน โต๊ะจะต้องวางห่างจากหน้าต่างประมาณ 10 เซนติเมตร
3. ต้องมีพื้นที่ให้เดินระหว่างเตียงกับโต๊ะ
4. เนื่องจากเป็นคนทำงานสายคอมพิวเตอร์ ความฝันคืออยากได้โต๊ะแบบปรับนั่งยืนได้ (optional)
เนื่องจากไม่เคยเป็นคนทำงานเกี่ยวกับงานออกแบบ ไม้ หรือเฟอร์นิเจอร์อะไรมาก่อนเลย ผมคิดง่ายๆว่า สั่งทำท๊อปโต๊ะ แล้วขาโต๊ะไปซื้อจากอิเกียมาติด
ref ขาโต๊ะที่ดูไว้ - http://www.ikea.com/th/en/catalog/categories/departments/workspaces/11845/
(เรื่องตลอกของคนเดินอิเกียคือ ใหม่ๆผมมักจะเดินจากบนลงล่าง คือดูชั้นห้องตัวอย่างเสร็จแล้วเดินลงเไปหยิบของที่อยากได้ แต่พอเดินบ่อยๆเข้า ผมชอบเดินจากล่างขึ้นบน คือเริ่มจากเอาของครั้งที่แล้วที่ไม่ถูกใจมาคืนก่อน, แอบไปส่อง as-is section, เดินหยิบของที่ list ไว้แล้วใน application ikea, แล้วเดินขึ้นไปดูชั้นบนว่ามีอะไรอย่างื่นน่าหยิบอีกไหม)
บังเอิญผมไปเห็นสิ่งนี้อยู่ใน as-is section ราคาเต็ม 16000 ลดเหลือง 11000 บาท
การปรับความสูงได้ทำให้ตอนกลางคืนผมมองหน้าต่างได้เต็มบาน (สูง65 cm) ตอนกลางวันทำงาน (สูง75cm) และถ้าเมื่อยสามารถยกมายืนได้ (สูง150 cm)
นอกจากนี้ขาโต๊ะยาวมาก เกือบ 60 cm แต่ถ้าผมตัดท๊อปโต๊ะขนาดเล็กกว่าหน่อย (กว้างประมาณ 45cm) ผมจะเหลือที่สำหรับม่าน และขาโต๊ะจะช่วยยันไม่ให้โต๊ะเลื่อนไปไหนอีกด้วย
พอคิดแบบนั้นแล้ว มือก็เผลอควักเงินจ่ายไปทันที
(ภายหลังมาคิดดูว่า ถ้าซื้อแบบราคาเต็มจะได้ประกัน 10 ปีด้วย และไปอ่าน review ในเวปพบว่าขานี้ไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไร ก็อาจจะไม่ค่อยคุ้มส่วนลด 5000 อันนี้ถือเป็นบทเรียนครับ)
ต่อมาคือท๊อปโต๊ะ
ความคิดแรกผมคือไม้ท๊อปครัวของอิเกียสามารถนำมาเป็นท๊อปโต๊ะได้ด้วย แต่ไม้มีขนาดใหญ่เกินพื้นที่ห้อง ต้องนำมาตัด แต่หากตัด ผิวไม้อิเกียนั้นทำจาก “วีเนียร์” ซึ่งจากการหาข้อมูลเพิ่มเติมเป็นแค่ไม้โอ๊คฝานบางๆมาแปะหน้าโต๊ะไว้ ถ้านำไปตัด จะมีบางส่วนที่ไม่ได้ถูกหุ้มด้วยไม้โอ๊ค สีจะไม่สวย
ดังนั้นผมจึงจะต้องหาวิธีอื่นในการทำท๊อปโต๊ะ
คิดถึงไม้ก็ต้องบางโพ
ผมงี้เดินถามตั้งแต่ร้านแรกหน้าปากซอยยันร้านสุดท้ายหน้าปากซอย(อีกด้าน)ที่ซอยขายไม้บางโพ ร้านบางร้านดูจะเป็นร้านขายส่ง เห็นหน้าเด็กเดินเข้าไปถามนี่ไม่มีใครสนใจผมเลย T_T แต่บางร้านก็ให้คำแนะนำดีมาก (ร้านแรกๆผมถามแบบงูๆปลาๆแบบฟังไม่รู้เรื่องจนร้านหลังๆ ผมรู้จะถามอะไรให้ดูเป็นภาษาช่างเขาก็จะตอบดีขึ้น)
สุดท้ายไปจบที่ร้านร่วมสุขค้าไม้ พี่เจ้าของร้านแนะนำแบบละเอียดมาก แถมให้ความรู้ชนิดและประเภทของไม้ พร้อมแนะนำร้านตัดไม้ และวิธีเคลือบผิวไม้เสร็จสับ
ผมกลับมาวัดขนาดโต๊ะที่ต้องการ โดยการทดลองตัดกระดาษเป็นขนาดที่ต้องการก่อน เพื่อกันพลาด
เมื่อวัดได้ขนาดที่ต้องการแล้วก็กลับไปซื้อ
ผมซื้อไม้โอ๊คประสานมาในราคา 2500 บาท ขนาด 90*244 cm สั่งตัดออกเป็นท๊อปโต๊ะสองตัว แล้วเหลือเศษไม้ เลยตัดเป็นท๊อปห้องน้ำ กับท๊อปตู้วางรองเท้า ฯลฯ
ทางร้านมีบริการให้พนักงานยกไม้ไปร้านตัดไม้ข้างๆให้ และบอกลุงกับป้าที่ร้านตัดไม้ได้เลยว่าอยากจะได้ไม้ขนาดเท่าไร มุมอะไร ของผมร้านตัดคิดค่าตัดและลบมุม 600 บาท
หลังจากนั้นเดินกลับมาซื้ออุปกรณ์กับร้านร่วมสุขค้าไม้ ให้พี่เจ้าของร้านแนะนำให้และจัดเซตอุปกรณ์มาให้ 1 เซต ประกอบไปด้วยโพลียูริเทน ทินเนอร์ (ผมใช้สูตรน้ำมันเพราะคิดว่าอยากได้สีโทนออกเหลือง ตอนแรกคิดว่าโทนสีเหลืองจะสวย) แปลงขนกระต่าย กระดาษทราย และกาวร้อน (เจ้าของร้านใจดีแถมให้แนะนำว่าให้เอาไปหยอดแปรงเพื่อให้ขนแปรงไม่ติด)
สิ่งที่เหลือที่ต้องทำคือขัดกระดาษทรายและลงยูรีเทน พอดีที่บ้านมีเครื่องขัดอยู่แล้ว จึงช่วยทุ่นแรงได้มาก
อันนี้เป็นภาพก่อนลงยูริเทน
อันนี้เป็นผลงานหลังจากทำเสร็จ ครั้งแรก ผมกลับไม่ชอบแหะ เพราะว่ามันสีเหลืองไปหน่อย ถ้าห้องผมเป็นสีขาวทั้งห้องแล้วตัดด้วยเฟอร์นิเจอร์สีนี้จะสวย แต่โทนห้องผมไปโทนอ่อนหมดแล้ว ผมอยากได้สีโทนออกเหลืองอ่อนให้เข้ากับเฟอร์นิเจอร์ในห้องมากกว่า
เลยต้องกลับมาหาข้อมูล พบว่าการทำ wood finishing มีวิธีอื่นได้หรือไม้ พบว่าทำได้หลายอย่างมาก เช่น
Lacquer - มีสูตรน้ำ, น้ำมัน และมีแบบทั้งพ่นและทา มีแบบเงาแบบด้าน
Oil - สามารถใช้น้ำมันมะพร้าว, น้ำมันมะนาว, น้ำมันสน, น้ำมันลิงซี้ด, น้ำมันตังอิ้ว, ... น้ำมันแต่ละชนิดได้สีคนละแบบ แห้ง ช้าเร็วต่างกัน ข้อดีคือไม้ยังคงเป็นไม้ ข้อเสียคือเหนอะหนะ ถ้าเช็ดออกไม่หมด และไม่ทนเท่าไร
PolyUrethane - พูดสั้นๆมันคือพลาสติกสำหรับเคลือบผิวไม้ มีทั้งแบบน้ำและน้ำมัน เงา เกืองเง ด้าน สีที่ได้ก็ไม่เหมือนกัน แบบน้ำมันจะมีสีเหลืองกว่านิดหน่อย ข้อดีคือทน ข้อเสียคือแพง และผิวจะดูเหมือนพลาสติก
Danis Oil - ในไทยไม่มีขาย แต่เป็นการผสมข้อดีของ Oil และ Polyurethane เป็น Oil ที่ทำออกมาเป็นพลาสติก แต่ผลเป็นยังไงผมก้ไม่รู้เหมือนกันนะ
ของพวกนี้ถ้าใช้สูตรน้ำมันจะต้องใช้ทินเนอร์เป็นตัวทำละลาย ถ้าใช้สูตรน้ำส่วนมากเปิดและทาได้เลย
สัปดาห์ต่อมาผมกลับไป home pro แล้วสอยทุกสิ่งทุกอย่างที่มีขายมา พนักงานขายเขาสามารถให้คำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกได้ว่าอะไรเป็นแบบไหน ส่วนมากพนักงานจะถูกสอนมาว่า Polyurethane คือสิ่งที่ดีที่สุด แต่จากการทดลองและพิสูจน์แล้วไม่ใช่แบบนั้น ทุกอย่างมีสีต่างกัน และมีข้อดีข้อเสียต่างกันอย่างที่กล่าวไว้ข้างต้น
แต่ทำไงให้รู้ว่าอะไรดีอะไรไม่ดีหล่ะ ... คำตอบคือทดลอง (วิทยาศาสตร์!!!)
ผลการวิจัยคือ (ขอตอบแบบภาษาชาวบ้าน)
Polyurethane เหมือนเอาไม้ไปชุบคาราเมล ฟิล์มจะค่อนข้างหนา สูตรน้ำเหมือนคาราเมลที่เคี่ยวน้ำตาลไหม้ สีออกเหลืองๆอมน้ำตาลนิดๆ ผมลอง RTB สูตรน้ำ กับ Bager แบบแห้งเร็วที่ในชุดมีสองกระป๋อง
Oil ผมลองน้ำมันทาเฟอร์นิเจอร์ของ Ikea (ส่วนผสมข้างกระป๋องเป็น Linseed oil ผสม wax ที่มีตัวทำละลาย (Emulsifier) ให้เข้ากับน้ำ ทาออกมาได้สีน้ำตาลเข็มแบบโต๊ะ ikea แนะนำว่าถ้าใครจะซื้อโต๊ะอิเกียมาใช้ ตอนทาให้ทาบางมากๆๆๆๆๆๆๆๆ และทาเสร็จแล้วให้เช็ดน้ำมันส่วนเกินออกทันที ถ้าทาทิ้งไว้ไม้จะมีการแพร่ของน้ำมันไม่เท่ากันทำให้ดูเป็นดวงๆไม่สวย
นอกจากนี้ผมยังลอง Lemon Oil พอดีพ่อผมมีเก็บไว้ที่บ้าน ทากับไม้โอ๊คแล้วได้สีสม ไม่ค่อยสวย แต่กลิ่นหอมดี กลิ่นเหมือนน้ำยาดับกลิ่นสูตร Lemon อะ
Lacquer ผมซื้อแค่สูตรน้ำมาลอง เพราะ หลังจากลอง Polyurethane ไปแล้วคิดว่าคงไม่ใช้สูตรน้ำมันอีกแน่ๆ ผมกลับชอบผลลัพธ์มากที่สุด เพราะเนื้องฟิล์มบาง และไม่เปลี่ยนสีไม้มากเหมือน Polyurethane
(ถ้าคุณไปถามพนักงาน Homepro ว่าน้ำยาเคลือบไม้เปลี่ยนสีน้ำได้ไหม ทุกคนจะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่าไม่เปลี่ยนแน่นอน แต่อย่าไปเชื่อ ไม่ได้ว่าเขานะ แต่เขาเรียนรู้มาจากไม้ตัวอย่าง ซึ่งเป็นไม้สัก ไม้สักมันมีสีเข้มอยู่แล้วจึงไม่สามารถสังเกตความแตกต่างได้ชัด แต่ถ้าคุณจะทำงานกับไม้สีอ่อน เนื้อฟิล์ม และสีของฟิล์มจะมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง!!)
หลังจากศึกษาข้อมูลเสร็จแล้วก็ถึงเวลาลงมือทำ
วิธีการลอกยูริเทนออกจากไม้ ในทางเทคนิคคือมีสองวิธีคือจะใช้น้ำยากัดสีก็ได้ แต่ผลลัพธ์มักน่ากลัว เนื่องจากน้ำยาเป็นกรด ผมจึงเลือกวิธีโหดร้ายคือกระดาษทราย ขัดไปดิ T_T
หลังจากนั่งขัดทั้งวัน ฝุ่นเต็มห้องไปหมดก็ได้หน้าไม้โอ๊คที่รักกลับมา ผมมีเครื่องขัดกระดาษทรายนะ แต่ว่าใช้ไม่ได้เพราะคอนโดห้ามทำเสียงดังวันหยุด เลยต้องใช้มือขัด ขัดจนปวดไปทั้งตัว อุปกรณ์ก็ไม่มี ใช้ที่ใส่แปลงสีฟันจากอิเกีย
ถึงเวลา wood finishing แล้วววว ผมเลือกแลคเกอร์ เพราะเท่าที่ลอง แลคเกอร์เนื้อฟิล์มบาง และให้สัมผัสความเป็นไม้ได้มากกว่ายูริเทน ผมลองกับไม้ผืนเล็กก่อน (คราวนี้กะไม่พลาดแล้วแน่ๆ) สีที่ได้นี้สวยจับใจมาก ดีใจมากกว่าจะมาถึงจุดจุดนี้ ขอไปนอนก่อนแล้วพรุ่งนี้ค่อยตื่นมาทำใหม่
พอตื่นมาก็รีบลงมือเลย แต่ลืมดูไปว่าสีแลคเกอร์มันเปลี่ยนไป พอลงเสร็จถึงกับร้อง cheerrrr!!! ทำไมมันขาวเงี๊ย
จากการหาข้อมูลคือ แลคเกอร์ถ้ามีความชื้นเมื่อไร จะเปลี่ยนจากสีใสเป็นสีขาวทันที !!!! ใครจะไปรู้ววว T____T
นั่งขัดอีกรอบ แต่คราวนี้ไม่มีแรงขัดให้ถึงเนื้อไม้แล้ว เลยได้โต๊ะไม้โอ๊คสีขาวมาแทน
แต่ลองมาคิดดู สีขาวก็เข้ากับพื้นห้องกับเฟอร์นิเจอร์ข้างเคียงดี เขาลง stain สีขาวไว้หน่อยๆ ดูแล้วเข้ากับโทนห้องขึ้นมาทันที
เป็นความผิดพลาดที่สมบูรณ์แบบ จึงขอลงเอย มหกรรมการจัดทำโต๊ะทำงานไว้แต่เพียงเท่านี้แล
ปล. เห็นชั้นวางข้างๆนั่นไหม เดี๋ยวกระทู้ถัดไปจะมาเล่าว่าผมได้มันมาอย่างไร