ขอเล่าต่อจากกระทู้ที่แล้ว ซึ่งเกี่ยวกับขั้นตอนการวางแผนและออกแบบ
https://ppantip.com/topic/37401167
เมื่อออกแบบเสร็จแล้วก็เริ่มปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้ ในกระทู้นี้ผมจะขอเล่า 3 เรื่องคือ วอล์เปเปอร์ กระจก สีทาห้องและฟิล์มครับ
ถ้าคุณกำลังคิดจะทำสิ่งเหล่านี้ ผมขอแนะนำจากประสบการณ์ว่าสิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือ wallpaper กระจก สีทาห้องและฟิล์มตามลำดับครับ เดี๋ยวจะค่อยๆอธิบายเหตุผลระหว่างเล่าไปนะครับ
1. wallpaper
วิธีแรกคือผมเข้าไปดูตามหน้าเวปไซต์ ซึ่งไม่แนะนำเลย สีจากจอคอมพิวเตอร์อย่างไรก็ไม่มีทางเหมือนสีจริง นอกจากนี้ wallpaer ยังมีผิวสัมผัสและคุณสมบัติการสะท้อนแสงต่างกันตามวัสดุที่นำมาทำ เช่น pvc ผ้า หรือกระดาษเป็นต้น เพราะฉนั้นแนะนำให้คุณนำตัวอย่างสีผนังห้อง (แต้มสีใส่กระดาษนิดหน่อย) แล้วนำไปเทียบกับ wallpaer ว่าเข้ากันได้หรือไม่จะดีที่สุด
เนื่องจากวันที่ผมกำลังหาข้อมูล เห็นประกาศจากเฟสบุ๊ค
https://www.decco-wallpaper.com ว่ากำลังเปิดโกดังลดราคาพอดี จึงได้ทำการบุกไป warehouse ด้วยตัวเอง
สภาพโกดังเค้าก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ มี wallpaer ให้เลือกหลายลายมาก แต่ละลายก็อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี แต่จะมีขายเป็นมัดๆ มัดละ 3-4 แพค พอๆกับแต่งห้องได้ห้องนึง ราคาตั้งแต่ 5-6 ร้อยถึง พันกว่าบาท ถ้าไปซื้อข้างนอกราคาจะแพงกว่านี้หลายเท่าเลย
แต่ว่าหลังจากเดินวนอยู่หลายรอบผมไม่สามารถหาลายที่ผมถูกใจได้ ผมเลยตัดสินใจซื้อในราคาเต็ม ซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก ผมซื้อ 1 ม้วนราคา 2500 บาทสามารถเพียงพอต่อการแปะพื้นที่ที่ผมต้องการได้ทั้งห้องแล้ว (ผมไม่กะแปะเต็มห้อง)
ที่ร้านยังมีบริการส่งฟรีด้วย แต่ถ้าติดตั้งทางร้านจะมีอีกบริษัทที่รับติดตั้งอย่างเดียวแนะนำให้ ราคาประมาณ 2000 บาท ซึ่งผมบอกคนขายว่า ผมจะติดเอง พี่เค้าก็เงียบไปสักพัก แล้วถามว่าแน่ใจนะ ... “แน่ใจสิครับพี่” ผมตอบด้วยความมั่นใจ สุดท้ายเค้าก็เล่าวิธีการ และขายอุปกรณ์ให้ (วิธีการติดสามารถ google หรือจาก กระทู้พันทิปเก่าๆมีเล่าไว้เยอะแล้ว)
ยอมรับว่าผมพลาดซื้อลูกกลิ้งจากทางร้านราคา 900 บาท ทำจากอลูมิเนียม+ลูกปืนอย่างดี คือจบงานกะให้ผมเปิดร้านติด wallaper ได้เลยงั้นแหละ แต่จริงๆสามารถไปซื้อลูกกลิ้งยางจากร้านสมใจในราคาไม่ถึงร้อยบาทมาใช้แทนได้ (ผมทำเอามันจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แค่เล่าความจริงเป็น lesson learned สำหรับคนที่อยากจะทำตาม)
ถึงเวลา execute project จริงๆแล้ว ทำให้ผมทราบว่า ต่อให้แพลนมาดีขนาดไหน แต่ wallpaer นั้นมีหลายชนิดมาก (ref
http://www.wallpaper4thai.com/ความรู้เรื่อง-เทคนิค-วิธีการเลือก-วอลเปเปอร์/wallpaper-ชนิดวอลเปเปอร์.html) ซึ่งเทคนิคการติดแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าเป็นสติกเกอร์ คุณสามารถลอกแปะได้เลย สำหรับของที่ผมซื้อมาเป็นกระดาษ ขนาดกว้างเมตรกว่าเกือบ 2 เมตร ซึ่งนั่นคือความ ...
คุณลองคิดดู เหมือนคุณเอาแป้งเปียกทากระดาษก็ยุ่ยแล้ว นี่กระดาษกว้าง 2 เมตร แล้วคุณยังต้องแปะให้รอยต่อกระดาษแต่ละแผ่นตรงกันอีก !! ให้ผมจับกระดาษ A4 ทากาวต่อกันให้ขอบตรงกันให้ได้ยังยากเลย
วันนั้นผมได้รู้ซึ้งว่า โลกนี้มีอาชีพช่างติด wallpaer เพราะแบบนี้แหละ T_T
ผลงานสุดท้ายดูไกลๆไม่ได้น่าเกลียดมาก แต่ ถ้าซูมไปดูรอยต่อแล้วจะพบว่ามันไม่น่ามองเท่าไร ผมตั้งใจจะแก้ปัญหานี้ภายหลังด้วยกรอบรูปครับ
และสำหรับท่านที่คิดจะติดกระจกต่อด้วย ขอแนะนำให้เว้นพื้นที่ wallpaer ไว้ประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อตอนติดกระจกจะได้สอดเข้าไปใต้กระจกได้ จะมองผนังต่อกันเพื่อความสวยงามครับ อันนี้เลยเป็นเหตุผลว่าควรติด wallpaer ก่อนกระจก
ปล. สำหรับท่านที่อ่านกระทู้ก่อนหน้าเกี่ยวกับการวางแผนแล้วเห็นว่าแบบเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้ตรงกับรูปสุดท้ายที่วางแผนไว้ เพราะตอนไปอิเกียแล้วของมันหมดครับ T___T สุดท้ายผมเลือกที่จะ improvise เอาดีกว่าจะต้องกลับไปอิเกียอีกรอบวันหลัง
อันนี้เป็นภาพตอนจบวันครับ (เดี๋ยวจะมาเล่าเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์อีกทีนะครับ)
เล่าประสบการณ์แต่งคอนโดขนาดเล็ก แบบทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ตอนที่ 2 - ผนังห้อง
https://ppantip.com/topic/37401167
เมื่อออกแบบเสร็จแล้วก็เริ่มปฏิบัติการตามแผนที่วางไว้ ในกระทู้นี้ผมจะขอเล่า 3 เรื่องคือ วอล์เปเปอร์ กระจก สีทาห้องและฟิล์มครับ
ถ้าคุณกำลังคิดจะทำสิ่งเหล่านี้ ผมขอแนะนำจากประสบการณ์ว่าสิ่งที่ควรทำอย่างแรกคือ wallpaper กระจก สีทาห้องและฟิล์มตามลำดับครับ เดี๋ยวจะค่อยๆอธิบายเหตุผลระหว่างเล่าไปนะครับ
1. wallpaper
วิธีแรกคือผมเข้าไปดูตามหน้าเวปไซต์ ซึ่งไม่แนะนำเลย สีจากจอคอมพิวเตอร์อย่างไรก็ไม่มีทางเหมือนสีจริง นอกจากนี้ wallpaer ยังมีผิวสัมผัสและคุณสมบัติการสะท้อนแสงต่างกันตามวัสดุที่นำมาทำ เช่น pvc ผ้า หรือกระดาษเป็นต้น เพราะฉนั้นแนะนำให้คุณนำตัวอย่างสีผนังห้อง (แต้มสีใส่กระดาษนิดหน่อย) แล้วนำไปเทียบกับ wallpaer ว่าเข้ากันได้หรือไม่จะดีที่สุด
เนื่องจากวันที่ผมกำลังหาข้อมูล เห็นประกาศจากเฟสบุ๊ค https://www.decco-wallpaper.com ว่ากำลังเปิดโกดังลดราคาพอดี จึงได้ทำการบุกไป warehouse ด้วยตัวเอง
สภาพโกดังเค้าก็อย่างที่เห็นนี่แหละครับ มี wallpaer ให้เลือกหลายลายมาก แต่ละลายก็อยู่ในสภาพที่ค่อนข้างดี แต่จะมีขายเป็นมัดๆ มัดละ 3-4 แพค พอๆกับแต่งห้องได้ห้องนึง ราคาตั้งแต่ 5-6 ร้อยถึง พันกว่าบาท ถ้าไปซื้อข้างนอกราคาจะแพงกว่านี้หลายเท่าเลย
แต่ว่าหลังจากเดินวนอยู่หลายรอบผมไม่สามารถหาลายที่ผมถูกใจได้ ผมเลยตัดสินใจซื้อในราคาเต็ม ซึ่งก็ไม่ได้แพงมาก ผมซื้อ 1 ม้วนราคา 2500 บาทสามารถเพียงพอต่อการแปะพื้นที่ที่ผมต้องการได้ทั้งห้องแล้ว (ผมไม่กะแปะเต็มห้อง)
ที่ร้านยังมีบริการส่งฟรีด้วย แต่ถ้าติดตั้งทางร้านจะมีอีกบริษัทที่รับติดตั้งอย่างเดียวแนะนำให้ ราคาประมาณ 2000 บาท ซึ่งผมบอกคนขายว่า ผมจะติดเอง พี่เค้าก็เงียบไปสักพัก แล้วถามว่าแน่ใจนะ ... “แน่ใจสิครับพี่” ผมตอบด้วยความมั่นใจ สุดท้ายเค้าก็เล่าวิธีการ และขายอุปกรณ์ให้ (วิธีการติดสามารถ google หรือจาก กระทู้พันทิปเก่าๆมีเล่าไว้เยอะแล้ว)
ยอมรับว่าผมพลาดซื้อลูกกลิ้งจากทางร้านราคา 900 บาท ทำจากอลูมิเนียม+ลูกปืนอย่างดี คือจบงานกะให้ผมเปิดร้านติด wallaper ได้เลยงั้นแหละ แต่จริงๆสามารถไปซื้อลูกกลิ้งยางจากร้านสมใจในราคาไม่ถึงร้อยบาทมาใช้แทนได้ (ผมทำเอามันจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แค่เล่าความจริงเป็น lesson learned สำหรับคนที่อยากจะทำตาม)
ถึงเวลา execute project จริงๆแล้ว ทำให้ผมทราบว่า ต่อให้แพลนมาดีขนาดไหน แต่ wallpaer นั้นมีหลายชนิดมาก (ref http://www.wallpaper4thai.com/ความรู้เรื่อง-เทคนิค-วิธีการเลือก-วอลเปเปอร์/wallpaper-ชนิดวอลเปเปอร์.html) ซึ่งเทคนิคการติดแต่ละชนิดไม่เหมือนกัน เช่น ถ้าเป็นสติกเกอร์ คุณสามารถลอกแปะได้เลย สำหรับของที่ผมซื้อมาเป็นกระดาษ ขนาดกว้างเมตรกว่าเกือบ 2 เมตร ซึ่งนั่นคือความ ...
คุณลองคิดดู เหมือนคุณเอาแป้งเปียกทากระดาษก็ยุ่ยแล้ว นี่กระดาษกว้าง 2 เมตร แล้วคุณยังต้องแปะให้รอยต่อกระดาษแต่ละแผ่นตรงกันอีก !! ให้ผมจับกระดาษ A4 ทากาวต่อกันให้ขอบตรงกันให้ได้ยังยากเลย
วันนั้นผมได้รู้ซึ้งว่า โลกนี้มีอาชีพช่างติด wallpaer เพราะแบบนี้แหละ T_T
ผลงานสุดท้ายดูไกลๆไม่ได้น่าเกลียดมาก แต่ ถ้าซูมไปดูรอยต่อแล้วจะพบว่ามันไม่น่ามองเท่าไร ผมตั้งใจจะแก้ปัญหานี้ภายหลังด้วยกรอบรูปครับ
และสำหรับท่านที่คิดจะติดกระจกต่อด้วย ขอแนะนำให้เว้นพื้นที่ wallpaer ไว้ประมาณ 2-3 เซนติเมตร เพื่อตอนติดกระจกจะได้สอดเข้าไปใต้กระจกได้ จะมองผนังต่อกันเพื่อความสวยงามครับ อันนี้เลยเป็นเหตุผลว่าควรติด wallpaer ก่อนกระจก
ปล. สำหรับท่านที่อ่านกระทู้ก่อนหน้าเกี่ยวกับการวางแผนแล้วเห็นว่าแบบเฟอร์นิเจอร์ไม่ได้ตรงกับรูปสุดท้ายที่วางแผนไว้ เพราะตอนไปอิเกียแล้วของมันหมดครับ T___T สุดท้ายผมเลือกที่จะ improvise เอาดีกว่าจะต้องกลับไปอิเกียอีกรอบวันหลัง
อันนี้เป็นภาพตอนจบวันครับ (เดี๋ยวจะมาเล่าเกี่ยวกับเฟอร์นิเจอร์อีกทีนะครับ)