⚡️💦⚡️ หลงกาล Episode-24 "เผชิญภัยแดนไอยคุปต์ (ตอนที่ 4)" ⚡️💦⚡️

กระทู้คำถาม


แม้ท้องฟ้าเหนือดินแดนไอยคุปต์จะสว่างสดใส ทำให้ฟาโรห์รามิเซสทรงหลงใหลได้ปลื้มว่า องค์ "รา" สุริยเทพ ได้มาช่วยกอบกู้ราชอาณาจักรของพระองค์แล้ว แต่ยังไม่ทันไร ท้องฟ้าที่กระจ่างสดใสนั้นก็ถูกบดบังด้วยฝูงตั๊กแตนจำนวนมหาศาลอย่างที่ไม่เคยมีใครเคยเห็นมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นในอียิปต์ หรือในที่แห่งใดในโลกนี้!

ตั๊กแตนทั้งหลายเหล่านั้นมองดูยิบยับละลานตา เหมือนฟ้าทั้งผืนถูกประดับประดาไปทั่วอย่างไร้ระเบียบและโกลาหลวุ่นวาย

แล้วพวกมันก็กลุ้มรุมเข้าจู่โจม กัดกินพืชผลต่างๆทั่วทั้งอียิปต์แหลกพินาศตั้งแต่อียิปต์ล่างซึ่งอยู่ตอนบน ไปจนถึงทั่วทั้งอียิปต์บนซึ่งอยู่ตอนล่าง!

และเป็นอีกครั้งที่ฟาโรห์และเหล่าข้าราชบริพารต้องปิดประตูและหน้าต่างทุกบานของพระราชวัง รวมทั้งช่องทางอื่นๆที่ตั๊กแตนจะลอดเข้าไปได้

ม้าเร็วได้ส่งข่าวมาหลังจากนั้นเพียงข้ามคืนว่า เรือกสวนไร่นาทั่วอียิปต์ แหลกพินาศสิ้น ด้วยการทำลายของตั๊กแตนเหล่านั้น!

"จงไปนำโมเสสมาหาข้าเดี๋ยวนี้!!" ฟาโรห์ทรงบัญชาการ และทหารสองนายก็ต้องเดินฝ่าฝูงตั๊กแตนไปด้วยความยากลำบากเพื่อร้องเรียกโมเสส

เป็นดุจเดิม! ครั้นเมื่อโมเสสและอารอนตามพวกเขาไปเข้าเฝ้าฟาโรห์ ตั๊กแตนเหล่านั้นกลับเปิดทางโล่งให้เดินไปได้โดยสะดวก!

และโมเสสก็ทราบดีว่า อย่างไรเสีย ฟาโรห์ก็จะทรงตระบัดสัตย์อีกจนได้ แม้กระนั้น เขาก็ชูไม้เท้าขึ้นด้วยสองมือทูลวิงวอนพระเจ้า ขอให้ฝูงตั๊กแตนสลายตัวไปเสีย หลังจากองค์ฟาโรห์ทรงขอร้องเขาอีกครั้ง

เหล่าตั๊กแตน ค่อยๆเบาบางลงทีละน้อยๆ จนหายไปหมด ในเย็นวันนั้น

โมเสสชี้พระพักตรฟาโรห์ผู้เป็นอดีตพระอนุชา

"รามิเซส! เราขอบอกท่าน ความทรงอดทนของพระเจ้า ใกล้จะถึงขีดสุดเต็มทีแล้ว อย่าได้ทรงขัดขืนอีก! พวกเรา มวลชนอิสราเอลทั้งหลาย จะไปจากอียิปต์ ในเช้าวันพรุ่งนี้!"

พูดจบ เขาและอารอน กลับหลังหันเดินจากไปทันที

แต่แล้วเหตุการณ์ก็ยังคงเป็นไปเหมือนอย่างเคย...ตอนเช้ามืด เหล่าทหารและผู้คุมงานก่อสร้างทั้งหลาย พากันไปต้อนพวกทาสซึ่งยังไม่ทันตั้งตัวออกมาจากเคหสถาน พาไปทำงานต่อ!

ทาสทั้งหลาย ทำงานไปก็ก่นด่าสาบแช่งพวกอียิปต์โดยเฉพาะฟาโรห์ไป แม้จะถูกฟาดโบยด้วยแส้ก็ไม่อาจหยุดปากพวกเขาได้ พวกเขาถูกเคี่ยวเข็ญหนักขึ้นทุกที ไม่มีการให้หยุดพัก ผู้ใดล้มแล้วไม่ลุกก็ถูกแส้หวดไม่ยั้ง

ในที่สุด โมเสสสุดจะทน จึงขึ้นไปยืนบนกองหินกองหนึ่งแล้วร้องตะโกน

"พวกเรา หยุดได้แล้ว!!"

เหล่าทาสหันไปมองเขา แล้วทิ้งงานที่กำลังทำอยู่ตามที่เขาสั่ง

"โมเสส เจ้ากล้าดีเช่นไร จึงสั่งคนของเจ้าให้หยุดงาน!" ผู้คุมงานคนหนึ่งชี้หน้า "สั่งให้พวกเขาทำงานต่อเดี๋ยวนี้! มิฉะนั้น..."

ยังไม่ทันที่เขาจะกล่าวจบ โมเสสยกไม้เท้าขึ้นแล้วเอาปลายไม้เท้าชี้หน้าเขาสวนกลับ!

วินาทีนั้น ปรากฏแสงเหมือนสายฟ้าแลบพุ่งออกจากปลายไม้เท้าช็อตร่างทั้งร่างดิ้นชักกระตุกทั้งยืน

"แปลบบบบ......."

"อ๊าาาาา......กก"

แล้วผู้คุมงานคนนั้นก็ล้มหงายผลึ่งลงไปกองบนพื้น

ผู้คุมคนอื่นๆรวมทั้งนายทหารที่ยืนดูอยู่พากันตกตะลึง

โมเสสชูไม้เท้าขึ้นเหนือศีรษะแล้วประกาศก้อง

"อิสราเอลทั้งหลาย กลับเข้าบ้าน เข้าที่พักไป ฟ้าจะมืดมัว ณ บัดนี้!!"

สิ้นคำพูดนั้น ท้องฟ้าที่แจ่มใสอยู่ดีๆ ก็พลันมีเมฆเคลื่อนไปบดบังดวงอาทิตย์  และทั่วฟ้าเต็มไปด้วยเมฆดำอย่างรวดเร็ว ลมพายุพัดอื้ออึง สายฟ้าแลบแปลบปลาบไปทั่ว สุดท้ายฟ้าก็มืดมิดดุจเดียวกับยามราตรี! มีแต่เมืองโกเชนที่ชาวอิสราเอลอยู่อาศัยแห่งเดียวเท่านั้นที่มีแสงสว่างตามปกติ

เหล่าทาสไปกันหมดแล้ว...รวมทั้งโมเสส และอารอน

พวกผู้คุมงานและทหาร ไม่มีใครกล้าขัดขวางโมเสส หลังจากได้เห็นอิทธิฤทธิ์ที่เขาได้มาจากพระเจ้าและแสดงให้เห็นกับตา จึงพากันกลับไปหาฟาโรห์และกราบทูลความเป็นไปทุกอย่างให้ทรงทราบ

สามวันผ่านพ้นไป.....

ชาวอียิปต์ทั้งประเทศ ไม่สามารถออกไปไหนได้ การงานทุกอย่างที่ต้องทำในที่แจ้งหรือนอกอาคารจำเป็นต้องงดหมด เพราะความมืดแผ่ปกคลุมทั่วไปหมดทุกหนแห่ง มันมืดมากเสียยิ่งกว่าความมืดในราตรีตามปกติเสียด้วยซ้ำ!

ฟาโรห์ทรงวุ่นวายพระทัยเกินจะทรงอดทนไหว จึงทรงบัญชาให้ทหารไปตามตัวโมเสสมาเข้าเฝ้าอีกครั้ง

"พวกเจ้าจงตามประทีปไป ขอร้องเขาให้มาหาข้าให้จงได้!"

ทหารเหล่านั้นรับพระบัญชา และพาโมเสสกับอารอนมาเข้าเฝ้าอีกครั้ง

และทันทีที่สองพี่น้องมายืนอยู่เฉพาะพระพักตร ฟาโรห์ตรัสกับพวกเขาก่อนทันที

"โมเสส ข้า ไม่ขัดขวางพวกเจ้าแล้ว นี่ความสัตย์จริง! พวกเจ้าไปนมัสการพระเจ้าของพวกเจ้าเถิด"

"แน่หรือ รามิเซส ?" โมเสสถามเพื่อความแน่ใจ

"ครั้งนี้ แน่นอน! พรุ่งนี้เช้า พวกเจ้าไปกันได้เลย!"

"ทุกคนนะ ทั้งชาย และหญิง รวมทั้งเด็กๆ"

"ใช่! ทุกคน พวกเจ้าทุกคน"

โมเสสเห็นว่าฟาโรห์คงจะทรงจนตรอกเป็นแน่แท้ คงมิอาจขัดสิ่งใดได้อีก จึงร้องขอเพิ่ม

"ยังไม่พอหรอก รามิเซส!"

"เจ้า ต้องการสิ่งใดอีก ?" ฟาโรห์ตรัสถามด้วยทรงฉงน

"พวกเรา จำเป็นต้องนำเอาฝูงสัตว์ที่พวกเราเลี้ยงไปด้วย เป็นต้นว่าม้า ขาดไม่ได้แม้สักกีบเดียว!"

"โมเสส เจ้า...!" ฟาโรห์กริ้วหนักจนทรงลุกขึ้นชี้หน้าเขา "มันจะมากเกินไปแล้วนะ!!"

"สุดแล้วแต่พระองค์ก็แล้วกัน!" โมเสสกล่าวเรียบๆ "ถ้าพระองค์ไม่ทรงยินยอม ข้าก็ไม่รับประกันว่าพระเจ้าจะทรงประทานความสว่างคืนให้เมื่อไร และไม่แน่ว่าอาจมีภัยภิบัติร้ายแรงยิ่งกว่าที่ผ่านมาเกิดขึ้นอีก ข้าไปละ!"

พูดจบก็พาอารอนซึ่งยืนถือคบเพลิงอยู่เดินออกจากท้องพระโรงไปทันที

"ไป! ไปเสียให้ไกล!!" ฟาโรห์ทรงร้องตะโกนอย่างเดือดดาล "อย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก! เพราะถ้าวันใด ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก วันนั้นเจ้าต้องตายแน่!!"

-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------


ภาพและเสียงจากเหตุการณ์ต่างๆ ถูกยิงสัญญาณถ่ายทอดสดโดยแอนดี้ซึ่งแฝงกายเข้าไป ไปยังยาน "ผู้ลี้ภัย" บนหุบผากษัตริย์โดยตลอด

"แปลว่า โมเสสจะพาชาวอิสราเอลอพยพได้แล้ว 'เอ็กโซดัส' กำลังจะเริ่ม ใช่ไหมนี่ ?"

กัปตันวันชนะเอ่ยถามสาวจอย ขณะกำลังนั่งจิบกาแฟดำพลางมองที่จอมอนิเตอร์

"ยังก่อนค่ะ กัปตัน ยังจะมีภัยพิบัติอีกอย่างหนึ่งก่อน คราวนี้สุดท้ายทิ้งทวนแล้วค่ะ"

"โห...ยังจะมีอีกเหรอตัว ?" สาวเล็กร้องถาม ในมือถือแก้วคาปูชิโน่ร้อนๆ

"ที่ผ่านมา รามิเซสก็แทบกระอักเลือดแล้ว" แซมพูดพลางส่ายหน้า "ดื้อด้านเกินไป๊!"

"ภัยพิบัติสุดท้ายต้องหนักหนาสาหัสสุดๆ" เอกกล่าวบ้าง "ดีนะที่แอนดี้ไม่ใช่คน ถึงไปอยู่ข้างนอกอย่างนั้นได้ เจอสารพัด ตั้งแต่น้ำในแม่น้ำไนล์กลายเป็นเลือด กินน้ำอาบน้ำไม่ได้ ตามมาด้วยกบอาละวาด ฝูงริ้น ฝูงเหลือบ สัตว์เป็นโรคระบาด โรคฝีเกิดกับคนทั้งเมือง ไหนจะลูกเห็บก้อนเท่ากำปั้นร่วงจากฟ้า ฝูงตั๊กแตนถล่ม แล้วตอนนี้ฟ้ามืดหมดทั้งอียิปต์"

"ถ้าเค้าเป็นคน เล็กคงไม่ให้ออกไปทำงานคนเดียวแบบนั้นแน่เล้ยย" จอยเริ่มแซวเพื่อนอีกครั้ง

"แน่นอนสิตัว!" หล่อนตอบรับทันที "ตัวก็เหมือนกันแหละ ลองกัปตันสั่งให้คุณแซมออกไปทำมั่งดิ ไม่กรี๊ดให้รู้ไป!"

"โอ้...ผมจะใจไม้ไส้ระะกำ สั่งใครไปเผชิญอันตรายตั้งเยอะแยะยังงั้นได้ไงเล้า..." กัปตันพูดยิ้มๆ "ยกเว้นแอนดี้ เพราะเขาทนทานกับสถานการณ์เหล่านั้นได้หมด"

"แต่...ความมืดบดบังแสงอาทิตย์แบบนี้ จะมีผลไหมคะ ? เค้าก็ต้องอาศัยพลังงานจากแสงอาทิตย์ไม่ใช่เหรอ ?" เล็กถามด้วยความกังวล

"มีเมืองๆหนึ่งชื่อโกเชน เป็นเมืองที่ชาวอิสราเอลอาศัยอยู่ ไม่ไกลจากอียิปต์กลางนัก เมืองนั้นเมืองเดียวมีแสงสว่างจ้ะ" จอยหันมาบอกเพื่อน "ถ้าแอนดี้ต้องการชาร์จพลังงานเพิ่ม เค้าก็แค่เหาะไปที่นั่นเท่านั้นเองจ้า"

"อ้อ...ดีจัง, แต่ก็แปลก เมืองอื่นเค้ามืดตึ๊ดตื๋อกันหมด สว่างอยู่เมืองเดียว"

"นี่ก็เป็นอีกหนึ่งปาฏิหาริย์ของพระเจ้าแหละตัว"

"แล้ว อะไรจะเกิดขึ้นต่อไปครับ ? ก่อนที่โมเสสจะพาชาวอิสราเอลออกจากอียิปต์" กัปตันถามจอยต่อ

"ภัยของบุตรหัวปีค่ะ กัปตัน"

"หมายความว่าไงครับ ?"

"คือ...ตามไบเบิ้ลนะคะ พระเจ้าจะเสด็จเข้าไปในอียิปต์ด้วยพระองค์เองเลย ในรูปแบบ พระวิญญาณ เข้าใจว่าเป็นพลังงานอะไรสักอย่างหนึ่ง ไปไล่เอาชีวิตบุตรคนหัวปี คือบุตรคนแรกของชาวอียิปต์ทุกคน โดยจะไม่ทรงแตะต้องบุตรของชนชาวอิสราเอลเลยแม้แต่คนเดียวค่ะ!"

"อ้อ...นี่คือ 'ไม้ตาย' ของพระเจ้าสินะครับ" แซมถาม

"จะว่างั้นก็ได้ค่ะแซม เพราะถึงตอนนั้น ฟาโรห์ก็จะทรงหมดหนทางต่อต้าน จำต้องปล่อยให้โมเสสพาคนของเขาอพยพออกจากอียิปต์ และโมเสสจะคิดบัญชีกับฟาโรห์ ทั้งต้นทั้งดอกเลยหละ"

"ยังไงครับ ?" เอกซักถาม

"อ่า...อุบไว้แค่นี้ก่อนละกันค่ะ เดี๋ยวจะเป็นการสปอยล์มากไป" จอยตอบยิ้มๆ "รอชมจากการถ่ายทอดสดโดยแอนดี้กันต่อไปนะคะ"

"นั่นๆๆ ดูสิพวกเรา ฟาโรห์ส่งพวกทหารไปที่อยู่ของพวกทาสอีกแล้ว" เล็กชี้ไปที่จอมอนิเตอร์

"อ้าวเฮ้ย! ฟ้ายังมืดไม่หาย รามิเซสเบี้ยวกับโมเสสอีกแล้ว" แซมพูดอย่างฉุนเฉียว "มันจะดื้อรั้นไปถึงไหนวะ"

"เดี๋ยวอีกไม่นาน ก็เจอดีกันละค่ะ!" จอยกล่าว

ทุกคนเฝ้าดูเหตุการณ์บนจอมอนิเตอร์กันต่อไป....


รอบบริเวณบ้านพัก ที่พักคนงาน ขณะนี้ มีเหล่าทหารอียิปต์ รายล้อมเอาไว้หมด ด้วยพระบัญชาของฟาโรห์ว่า จะไม่ให้การงานก่อสร้างต่างๆหยุดชะงัก ต้องก่อไฟกองใหญ่ให้มีแสงสว่าง และให้เหล่าทาสออกมาทำงานกันต่อ! ทหารเหล่านั้นจึงล้อมที่อยู่อาศัยของพวกทาสไว้ และเตรียมที่จะบุกเข้าไปกวาดต้อนพวกเขาให้ออกมาทำงาน

แต่ยังไม่ทันที่ทหารนายไหนจะก้าวเข้าไปในเขตแดนของพวกทาส ทุกคนก็มองเห็นกลุ่มหมอกประหลาดสีเทา ค่อยๆเคลื่อนมาตามหนทาง แล้วก็มาถึงพวกเขา ทำให้พวกเขาทุกคนตกอยู่ท่ามกลางหมอกประหลาดนั้น

และเพียงครู่เดียว ทหารหลายนาย ก็ล้มลงกับพื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ พวกเขาล้มลงไปแล้วดิ้น ชักกระตุก มีเลือดไหลออกทางทวารต่างๆเช่นปาก จมูก และรูหูเป็นต้น ไม่นานก็ขาดใจตาย!

เหล่าทหารที่เหลือ พากันร้องเอะอะโวยวาย และรีบสลายตัว กลับเข้าวังอย่างเร่งด่วน

หมอกลึกลับนั้นยังคงเคลื่อนตัวไปเรื่อยๆ ดุจเป็นสิ่งมีชีวิต เมื่อผ่านประตูบ้านของชาวอิสราเอลซึ่งถูกทาด้วยสีแดงซึ่งมาจากเลือดแกะเป็นรูปกากบาด หมอกเหล่านั้นก็เคลื่อนผ่านไป ...

แต่พอไปถึงหน้าบ้านของคนอียิปต์ ซึ่งไม่มีการทาอะไรไว้บนบานประตู หมอกเหล่านั้นก็เคลื่อนเข้าไปภายในบ้าน และไม่นานนักก็มีเสียงคนร้อง ทั้งกรีดร้อง ทั้งร้องโหวกเหวก ทั้งเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด!

เหตุการณ์นี้ โมเสสบอกกับเหล่าทาสทุกคนไว้ล่วงหน้าแล้ว ทุกคนได้เตรียมรับมือ โดยฆ่าแกะ แล้วเอาเลือดแกะทาบนบานประตูหน้าบ้านเป็นรูปกากบาด และโมเสสกำชับทุกคนว่าห้ามออกจากบ้านโดยเด็ดขาด

หมอกมรณะ...เจาะจงสังหารเฉพาะบุตรชายของชาวอียิปต์ซึ่งเป็นลูกคนโตเท่านั้น ของทุกบ้าน!

และแล้ว หมอกนั้นก็เคลื่อนเข้าสู่เขตพระราชวัง!

เสียงกรีดร้อง เสียงเอะอะโวยวาย เสียงแห่งความเจ็บปวด และเสียงร่ำไห้ ดังระงมทั่วทั้งอียิปต์ในคืนนั้น!

และในที่สุด หมอกส่วนหนึ่ง ก็เคลื่อนตัวเข้าไปยังพระราชฐานชั้นใน ห้องบรรทมของฟาโรห์ พระมเหสี และพระโอรสองค์แรก และองค์เดียว "เซติ" ซึ่งฟาโรห์ทรงขนานพระนามตามพระนามของพระบิดาของพระองค์ ฟาโรห์เซติ ผู้เสด็จทิวงคตแล้วนั่นเอง

ขณะนั้น ฟาโรห์รามิเซส กำลังทรงตกพระทัย ขณะประทับยืนทอดพระเนตรเห็นข้าราชบริพารบางคนล้มลงกับพื้นชักดิ้นชักงอแล้วตายไปต่อพระพักตร กลางท้องพระโรง และทรงร้องถามพวกอำมาตย์และหมอหลวง

"มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ ? เหตุใด บางคนถูกหมอกประหลาดนี้แล้วล้มตาย  แต่บางคนก็ไม่เป็นไร มันเพราะเหตุใดกัน ?"

พวกเขาเหล่านั้นซึ่งยังมีชีวิตอยู่ต่างส่ายหน้า และมีสีหน้าหวาดกลัว

แล้วหมอหลวงคนหนึ่งจึงกราบทูล

"ขอเดชะ ผู้ที่ถูกพิษของหมอกประหลาดแล้วตายไป ทุกคน ล้วนเป็นบุตรหัวปี ทั้งสิ้น พระเจ้าข้า!"

"บุตรหัวปี ?!" ทรงทวนคำนั้น "บุตรหัวปี...บุตรชายคนแรก...ทุกคนเลยหรือ ท่านหมอหลวง ?"

"ใช่พระเจ้าข้า"

"โอ! ถ้าเช่นนั้น ลูกของข้า! เซติ !!"

ทรงร้องตะโกนดังคนบ้า วิ่งเข้าไปยังพระแท่นบรรทมซึ่งพระโอรสกำลังผทมอยู่ทันที!

(ต่อครับ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่