บัวพ้นน้ำ ๒๖ ก.พ.๖๑

บัวพ้นน้ำ

เพทาย


บ่ายวันนั้น หลังจากที่ได้รอรถประจำทางอยู่เป็นเวลานาน จนเมื่อยบั้นเอวแล้ว ผมจึงตัดสินใจขึ้นนั่งรถเมล์เล็กที่จอดรอ ในถนนสิบสามห้างบางลำพู เพื่อจะกลับบ้าน ซึ่งอยู่ในซอยสวนอ้อยหลังสวนรื่นฤดี ถนนราชสีมา

ภายในรถ มีคนนั่งอยู่พอสมควรยังไม่เต็ม ผมได้ที่นั่งเดี่ยวชิดหน้าต่างด้านซ้ายตัวที่สอง ผมเลือกหยิบเศษสตางค์ค่ารถ มากำไว้ในมือเพื่อเตรียมจ่ายค่าโดยสาร แต่พนักงานเก็บค่าโดยสารหญิง ที่เรียกกันทั่วไปว่ากระปี๋ยังนั่งคุยกับคนขับอยู่ตรงม้ายาวด้านซ้ายของคนขับ อย่างสนุกสนาน

บรรดารถเมล์ประเภทนี้ คนขับรถกับกระเป๋าส่วนมาก มักจะมีความสัมพันธ์กันเป็นพิเศษ อาจเป็นญาติกัน หรือคนขับเป็นพ่อกระเป๋าเป็นลูก บางทีคนขับเป็นลูกจ้างกระเป๋าเป็นเจ้าของรถก็มี และหลายรายที่คนขับกับกระปี๋เป็นสามีภรรยากัน

ผมเคยเจอชนิดที่เอาลูกชายหรือลูกสาวตัวเล็กนิดเดียว ขึ้นมาเลี้ยงบนรถด้วย โดยให้นอนที่ม้ายาวข้างซ้ายติดหน้าต่าง ผู้โดยสารที่นั่งใกล้ก็เลยต้องช่วยดูเด็กไปโดยปริยาย เพราะเด็กน้อยอาจกลิ้งตกลงมาจากเบาะได้ ในเวลาที่รถเลี้ยวด้วยความเร็ว มารดาก็เพียงแต่ชำเลืองดูบ้าง ในเวลาที่เดินเก็บเงินจากผู้โดยสารเท่านั้น

สำหรับคันที่ผมกำลังจะโดยสารไปด้วยนี้ คงจะยังไม่ถึงขั้นนั้น เพราะดูท่วงทีการคุย เป็นไปอย่างชื่นมื่นยิ่งนัก มีการหัวร่อต่อกระซิกกันเป็นอันดี

จนกระทั่งเสียงแตรรถประเภทเดียวกัน ที่แล่นเข้ามาจอดจ่อหลัง เร่งระรัวขึ้น กระเป๋าสาวจึงลุกขึ้นจากที่นั่ง ก้าวข้ามกระโปรงเครื่องยนต์ ออกมาทำหน้าที่ของตน ผู้โดยสารที่นั่งอยู่บนม้ายาวนั้นก็ขยับเลื่อนตามกันเข้าไปแทนที่ เพื่อให้สองหนุ่มสาวที่ขึ้นมาใหม่ได้นั่งหนึ่งคน

ซึ่งฝ่ายชายได้หย่อนตัวลงนั่งอย่างหน้าตาเฉย ทั้ง ๆ ที่ฝ่ายหญิงถือถุงหูหิ้วติดมืออยู่สองสามถุง จนรถเริ่มเคลื่อนออกจากที่จอด ทำให้หญิงสาวต้องเกร็งข้อมือและแขน เพื่อต้านทานแรงฉุดของรถตรงหัวเลี้ยว ชายหนุ่มจึงขยับตัวจะลุกให้เธอนั่ง แต่เธอก็ปฏิเสธด้วยการสั่นศรีษะ เขาจึงรับเอาถุงในมือของเธอมาวางบนตักทำให้เห็นท่อนขาเพรียวงาม ภายในถุงน่องบางสีอ่อนเหมือนธรรมชาติ ที่เลยขอบกระโปรงสั้นค่อนข้างมาก อันเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เธอไม่ยอมนั่ง อย่างชัดเจน

รถคันนี้ไม่แน่นอย่างที่คิด พอมีที่ว่างให้กระเป๋าหญิงเดินเก็บค่าโดยสารได้ ไม่ต้องเบียดเสียดนัก เมื่อเสร็จแล้วเธอก็ลงนั่งแปะอยู่บนฝากระโปรง คุยกับคนขับต่อ

เมื่อถึงมหาวิทยาลัยที่เคยสอนวิชาแม่บ้านการเรือนมาก่อน รถก็ติดอยู่ห่างจากป้ายไม่มากนัก คนขับชี้ให้กระเป๋าสาวดูชายคนหนึ่ง ที่นั่งอยู่บนพื้นทางเท้าข้างศาลาจอดรถประจำทางนั้น ผมก็เลยพลอยมองตามมือเขาไปด้วย

เขาเป็นชายร่างผอมชะลูด นั่งอยู่บนผ้าปูสีกระดำกระด่าง ชันขาข้างหนึ่งขึ้นจนหัวเข่าแทบจะจรดใบหู เขานุ่งกางเกงม่อฮ่อมสีดำ ไม่สวมเสื้อ มองเห็นรอยสักตามหน้าอกและแขนทั้งสองข้าง กับโคนขาที่แลบออกมาจากชายกางเกง ข้างตัวมีห่อผ้าเล็ก ๆ อยู่ห่อหนึ่ง กับขวดน้ำหวานที่ทำด้วยพลาสติกใสขนาดใหญ่ มีน้ำอยู่ครึ่งขวด และจานข้าวกับช้อนสังกะสีแห้งกรัง ซึ่งคงจะเป็นสมบัติทั้งหมดที่เขามี

ผมเห็นเขาครั้งแรกเมื่อผมเดินขึ้นสะพานลอยคนข้ามที่หน้าวชิรพยาบาล เขานอนห่มผ้าขาวม้าเก่า ๆ อยู่บนสะพาน ทั้ง ๆ ที่เป็นเวลาสายแดดแข็งแล้ว แต่บังเอิญเป็นเดือนมกราคมที่หนาวมากกว่าปีที่แล้ว ๆ มา เขาจึงนอนอยู่ได้อย่างสบาย

ตอนแรก ผมนึกว่าขอทาน เตรียมล้วงกระเป๋ากางเกงหาเศษเหรียญ แต่ก็ไม่มีกระป๋อง หรือขันหรือภาชนะอื่นใดที่จะคอยรับทาน ผมจึงเดินผ่านเลยไป

หลายวันต่อมาเวลาเกือบเที่ยง ผมเห็นเขาเคลื่อนย้ายไปนั่งอยู่ที่ร่มไม้ หน้าบ้านหลังหนึ่งในซอยหน้าวชิรพยาบาล พร้อมด้วยบริขารชุดเดิม สิ่งที่เพิ่มขึ้นคือจานกับช้อนสังกะสีแห้งกรัง คงจะมีใครบริจาคข้าวแกงมาให้ หรือเขาจะซื้อกินเองก็ไม่รู้ได้

ต่อมาอากาศหนาวเย็นมากขึ้น เขาก็ยังคงอยู่ที่เดิม ใต้ร่มไม้ไม่ใหญ่โตพอบังแดดในเวลากลางวันได้บ้าง แต่กลางคืนคงจะหนาวไม่น้อย เพราะเขามีเพียงผ้าขาวม้าผืนเดียวเท่านั้น เขายังนอนคลุมโปงตัวงอเป็นกุ้งอยู่ สงสัยว่าเขาคงจะไม่ได้อาบน้ำ เพราะหนาวและไม่มีที่ทาง แล้วถ้าเขาเกิดจะถ่ายทุกข์หนักขึ้นมา เขาจะทำยังไง

และคืนนั้นฝนก็ตกลงมา แม้จะไม่มากนัก แต่ก็ผิดฤดูกาลอย่างยิ่ง ทำให้หนาวมากขึ้นกว่าเดิม ปรากฏว่าเขาถอยไปตั้งหลักอยู่ใต้บันไดขึ้นสะพานลอยที่เดิม ตั้งแต่เมื่อไรก็ไม่รู้

และคราวนี้เอง จึงมีแผ่นกระดาษแข็งพิงไว้ที่ข้างกำแพง ติดกับที่ซึ่งเขาอาศัยนอนอยู่ มีลายมือไม่เรียบร้อยเขียนข้อความ พออ่านได้ว่าเป็นผู้ถูกไล่ที่จากการก่อสร้างทางด่วน โดยไม่ได้ค่าตอบแทนใด ๆ สรุปว่าจะให้ไปอยู่ที่ไหน

ข้อเท็จจริงที่แท้จริงจะเป็นอย่างไร คงไม่มีใครรู้ เพราะเขาเองก็นั่งนิ่งเงียบอยู่ตลอดเวลา ไม่เคยพูดจาหรือเล่าอะไรให้ใครฟังเลย ใครให้อาหารก็กิน ไม่มีใครให้เขาก็นั่งเฉย ๆ

แล้ววันนี้เขากลับมานั่ง ที่ศาลาพักผู้โดยสารรถประจำทางแห่งนี้ ด้วยกิริยาอาการที่เหมือนเดิม

" แกจะมีข้าวกินหรือเปล่าก็ไม่รู้ "

คนขับรถเมล์เล็กคันที่ผมนั่งอยู่นั้น ปรารภกับกระเป๋าสาวของเขา สีหน้าของเขาครุ่นคิดอย่างจริงจัง ผู้อ่อนอาวุโสไม่ได้ตอบ คงมองนิ่งอยู่อย่างใช้ความคิดเหมือนกัน เพราะตลอดถนนสายนั้นไม่มีอาคารร้านค้าเลยแม้แต่ห้องเดียว เป็นกำแพงวังเก่าทั้งสองข้าง

รถค่อย ๆ เลื่อนใกล้ศาลานั้นเข้าไป ผู้คนที่ยืนรออยู่ก็เดินมาขึ้นรถจนแน่นขึ้น คนขับชะเง้อมองชายพเนจรนั้นอย่างใจจดใจจ่อ พอดีรถไม่ติดต้องเคลื่อนที่เลยผ่านศาลานั้นไป กระเป๋าหญิงลุกขึ้นจากกระโปรงเครื่องยนต์เพื่อทำหน้าที่ต่อ เขาจึงสั่ง

" น้อง...เอาตังค์ไปให้ตาคนนั้น....ซักยี่สิบบาท...เร็ว.."

เด็กสาวกระโดดลงจากรถอย่างว่องไว ควักกระเป๋าเสื้อหยิบธนบัตรใบละยี่สิบบาท ออกมา วิ่งย้อนกลับไปที่ศาลานั้น รถเมล์คันนี้ก็เคลื่อนที่ต่อไปอีกอย่างช้า ๆ จนเกือบถึงหัวเลี้ยว ก็ติดกึกทั้ง ๆ ที่ยังเป็นไฟเขียว

เพราะในถนนที่ขวางหน้าอยู่นั้นเต็มไปด้วยรถนา ๆ ชนิด ที่มุ่งจะไปข้ามสะพานกรุงธนด้วยกันทั้งนั้น

กระเป๋าสาววิ่งกลับมาเกาะบันไดหน้า เธอบอกแกมหอบนิด ๆ

" เรียบร้อยพี่ "

คนขับหนุ่มเข้าเกียร์พารถไหลไปตามช่องว่าง ทางซ้ายของถนนราชวิถี ผมมองเห็นใบหน้าของเขา จากกระจกมองหลังเหนือศรีษะ เป็นใบหน้าที่ยิ้มละมัย อิ่มเอิบไปด้วยความภูมิใจ อย่างบุคคลที่ได้กระทำความดีสำเร็จลงแล้ว แม้จะไม่มีใครสนใจเลยก็ตาม

เขาร้องตะโกนบอกเด็กสาวที่กำลังเดินเก็บค่าโดยสาร อย่างเบิกบานใจ

" เดี๋ยวขากลับรอบหลังผ่านบางลำพู อย่าลืมซื้อข้าวมันไก่มาฝากแกห่อนึงนะ น้อง "

ภาพของชายทั้งสอง ติดสมองผมกลับมาตลอดทางที่เดินเข้าบ้านในซอย

ชายคนผอมที่นั่งอยู่ริมถนนอย่างเดียวดาย โดยปราศจากคนเหลียวแล เขาไม่ได้ขออะไรใคร นอกจากความเป็นธรรม

กับชายหนุ่มคนขับรถเมล์เล็ก ที่มีความเมตตากรุณาต่อผู้ตกทุกข์ได้ยาก ทั้ง ๆ ที่เขาเองอยู่ในแวดวงของความเห็นแก่ตัว ความแล้งน้ำใจ ตั้งหน้าแก่งแย่งชิงดีกัน ในการทำมาหากิน จนไม่สนใจต่อกฎเกณฑ์ใด ๆ ทั้งสิ้น เป็นภาพที่ประทับใจจริง ๆ

ชายคนแรกอาจจะได้ไปถึง ทำเนียบรัฐบาล หรือสถานีตำรวจ หรือสถานสงเคราะห์แห่งใดแห่งหนึ่ง ที่เขาสามารถจะอยู่ได้อย่างสบาย

แต่ชายคนหลังนั้น แม้จะยังวนเวียนอยู่ในวัฏจักรของความวุ่นวาย เพื่อการดำรงชีวิต อย่างเอารัดเอาเปรียบกันต่อไป

แต่จิตใจของเขานั้นได้พ้นแล้ว จากความยุ่งเหยิงทั้งปวง

ประดุจดอกบัวที่โผล่พ้นจากความสกปรกโสโครกของเปือกตมในน้ำเน่า

ชูดอกคลี่บานรับแสงแห่งธรรมะอันสดใส……….ฉั นนั้น..

#########
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่