เรื่องค่อนข้างยาวนะคะ
แก้ไข ก่อนที่จะเข้าใจไปไกลกว่านี้ และเพิ่มเติม เดี๋ยวจะหาว่าไม่รักองค์กรค่ะ รักนะคะ เพราะใกล้บ้าน และสังคมที่อยู่เป็นแบบครอบครัวค่ะ
ที่เราต้องการสอบถามคือ ไม่ได้อยากจะได้เงินยืมนะคะ
แต่สงสัยว่า ทำไมคิดภาษีของเรา 2 รอบคะ
ครั้งแรกจากเงินยืม ที่ให้แทนโบนัส
ครั้งที่ 2 คือ เงินเดือนที่เราไม่ได้รับ แต่มีในสลิป แต่ไม่โอนเข้าบัญชีค่ะ เพราะนำไปหักเงินยืมค่ะ
ประวัติบริษัท คร่าวๆ เป็นบริษัท Mass to order ไม่สามารถผลิตอะไรได้ก่อนรับ order เพราะแต่ละ order ไม่เหมือนกันค่ะ
พนักงานมีทั้งรายวันและรายเดือนค่ะ รายเดือน ประมาณ 350 - 400 คน ที่เหลือเป็นรายวัน สัญญาจ้าง ไม่มีโบนัสค่ะ
เข้ามาทำงานเกือบ 10 ปี % การปรับเงินเกือบทุกคน สวิงอยู่ระหว่าง 2.5 - 3.2% ทุกปีค่ะ
สวิงจาก การทำแผนพัฒนา การทำกระบวนการแข่งขันกันในแต่ละปี
มีบ้างบางคน น่าจะหน่วยงานละ 1 คน มีหน่วยงานประมาณ 20 กว่าหน่วยงาน ที่ได้ ปรับเกิน 3% ต่อปี และจากการปรับตำแหน่ง
ทุกหน่วยงานต้องมีดีสุดและแย่สุด เป็นแบบรูประฆังคว่ำ แม้จะทำงานครบ ขาดลามาสายไม่เกิน ก็ต้องมีแย่สุด
จริงๆ มียาวและเยอะกว่านั้น แต่ไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนหรอกค่ะ มีแค่เรากับทีมเราเท่านั้น
อาทิ งานปีใหม่ กินเลี้ยง เราต้องเป็นคนจัดงานทุกปี ทุกปีนี่คือ ประชุม ออกแบบ ขนโต๊ะ เขียนสคริป พิธีกร เคลียร์หลังงานเลิก
และเราไม่ได้เป็น HR นะคะ ไม่ได้อยู่ HR ด้วย ไม่ใช่สวัสดิการ ไม่ใช่อะไรเลยที่เกี่ยวกับกิจกรรม แต่ได้รับคำสั่งให้ทำ
ทุกปี ไม่เคยได้นั่งกินอะไรกับเค้าเลยสักครั้ง มีแต่วิ่งไปมา และไม่ใช่แค่งานเดียว ลืมบอก ชุดหาเองค่ะ จ่ายเอง
แต่เกือบทุกงานของบริษัท โดยไม่มีเงินเพิ่ม ไม่มีโอที ทำด้วยใจแค่นั้นค่ะ
และที่ประเมิน ได้ A ค่อนข้างบ่อย มีน้อยๆ ก็ B+ ได้ปรับประมาณ 3.1 3.2 ประมาณนี้
ตำแหน่งเรา มีคนเดียว พนักงาน หัวหน้า ผู้บริหาร สามารถถามหรือติดต่อได้ตลอดเวลา หลายครั้งที่ 4-5 ทุ่ม ก็ต้องทำข้อมูลส่งให้
รวมทั้งวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ปีที่ผ่านมา เป็นการ Set ระบบ ระบบหนึ่ง เป็นคนตรวจ ดูติดตามแก้ไข ตรวจสอบ ซึ่งต้องดูของทั้งองค์กร
วันหยุดไม่เคยไปไหน ตรวจงานและทำงานอยู่บ้าน (ฟรี) ห้างไม่ได้ไปเลย ไปแค่ซุปเปอร์ซื้อของใช้เวลาหลังเลิกทำโอที
อาหาร ท่องเที่ยว ไม่ได้ไปไหนเลย แม้แต่หมูกระทะ
วันธรรมดากลับดึกดื่น ทำงานอยู่บริษัท (อันนี้ได้โอที)
บางครั้ง วันหยุดตีห้า ต้องตื่นมาดูงาน เพราะเค้าส่งงานให้ตรวจ และโทรมาให้ดูตั้งแต่เช้า
แต่อย่างที่บอกเราทำเอง ด้วยใจ เต็มที่ แต่พอจะออก ทำไมถึงยังมาเอาเปรียบไม่เลิก
เงินเดือนเราไม่ใช่หลัก 5 หมื่นอะไรนะคะ น้อยกว่านั้นเยอะ
บริษัท มีพนักงานประมาณ 550 คนค่ะ
- ธ.ค. ปี 2559 บริษัท แจ้งผลประกอบการไม่ดี แต่จะให้โบนัสพนักงานโดยถือเป็นเงินยืม 0.5 เดือน โดยแจ้งว่า และถ้าปี 60 ผลประกอบการดี จะยกเงินยืมก้อนนี้ให้และดำเนินการโดยโอนเข้าบัญชีเงินเดือนพนักงาน พร้อมกับเงินเดือนเดือนธ.ค. และคิดคำนวณหักภาษี เพราะถือเป็นเงินได้ พร้อมกับคำนวณกองทุนทดแทน และประกันสังคม จากเงินก้อนนี้
ต่อมา
- ธ.ค. ปี 2560 บริษัท แจ้งผลประกอบการไม่ดีอีกเช่นเดิม แต่จะให้โบัสเป็นเงินยืม 0.5 เดือน และถ้าปี 2561 ดีแล้วจะยกเงินยืมให้
และดำเนินการเช่นเดียวกับปี 59
โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าหลังจากนั้น หากพนักงานมีการลาออก "จะต้องคืนเงินโบนัสที่บริษัทให้ยืมนั้นกับบริษัท"
"และถ้าคนไหนไม่คืนเงิน หรือออกไปเลย คนในหน่วยงานต้องร่วมกันรับผิดชอบเงินโบนัสที่ให้ยืมก้อนนี้ด้วย"
จนตอนนี้
ทางดฺิฉัน ได้ทำงานที่นี่มา 7 ปี การประเมินผลงานปีที่ผ่านมาได้เกรด A
และปีนี้ ในช่วงต้นเดือนก.พ. ได้มีอีกบริษัทติดต่อไปทำงาน ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องหรือดำเนินธุรกิจอะไรที่เหมือนกันเลย แต่เป็นบริษัทที่มีสวัสดิการค่อนข้างดี
ดิฉันจึงขอลาออกจากบริษัท และได้ยื่นออกตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. และได้ทำงานตั้งแต่ต้นเดือน จนถึงกำหนดวันที่ 5 มีนาคม ตามระยะเวลาที่ยื่น 30 วัน
ซึ่งทางดิฉันมีวันลาพักร้อนเหลือจากปีที่ผ่านมา 1 วัน และที่บริษัทให้ตั้งแต่พ.ย.อีก 8 วัน เป็น 9 วัน
พร้อมกันนี้บริษัทได้ให้ดิฉันอยู่โอทีเพื่อเคลียร์งาน และดิฉันได้อยู่โอทีตามที่บริษัทฯ แจ้งให้อยู่จนถึงปัจจุบัน (แต่ไม่ได้ทำทุกวัน)
ปรากฎว่า ทางบุคคลแจ้งว่า เงินเดือนเดือนก.พ. ที่ทำมา ไม่พอกับการหักเงินยืม (โบนัสปี 2559 + โบนัสปี 2560) อีกทั้งรวมโอทีเดือนม.ค. แล้วก็ยังไม่พอ ยังต้องรวมของก.พ.ด้วย
ซึ่งทางดิฉันได้สอบถามว่า เงินเดือนก่อนหน้านี้ก็มีการปรับขึ้นของปี 60 ซึ่งยังไงเงินโบนัสของเก่าก็ต้องไม่เกินเงินเดือนปัจจุบันแน่ๆ
ทางบุคคลแจ้งว่า เนื่องจากต้องหักเงินภาษี เงินกองทุน และประกันสังคม จึงจะพอกับที่ยืมไป ซึ่งทำให้เดือนนี้จะไม่ได้รับเงินเดือน+โอทีที่ทำทั้งม.ค. และก.พ. (บางส่วน)
ทำให้ดิฉันคิดว่า
1. ดิฉันโดนหักเงินภาษีไปแล้ว ตั้งแต่ ธ.ค. 59 กับ 60 แต่ครั้งนี้จะมาเสียภาษีอีก ซี่งไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าตอนแรกเป็นเงินยืม จะมองว่าเป็นรายได้ได้อย่างไร และบริษัทก็นำค่าใช้จ่ายตรงนั้นไปคำนวณภาษีของบริษัทไปแล้ว และครั้งนี้ก็จะนำมาคำนวณภาษีอีก ซึ่งเท่ากับดิฉันเสียภาษี 2 ครั้ง ในเงินก้อนเดียว แถมดิฉันก็ไม่ได้เงินในเดือนนี้ด้วย แต่จะเอามาคิดภาษีอีก
2. วันหยุดพักร้อน บริษัทแจ้งว่า ดิฉันใช้ได้อีก 1.66 วัน บวกกับที่สะสมมาอีก 1 วันเฉลี่ยต่อปี ซี่งจริงๆ พักร้อนจะมีก็ต่อเมื่อทำงานไปแล้ว 1 ปี และบริษัทก็ไม่ได้จ่ายเงินตรงนี้ด้วย
3. บริษัทฯ ได้กำไรหลายต่อหรือเปล่า เพราะได้นำเงินเดือนและโบนัสที่ยืมไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของ ธ.ค. ปี 59 และ ธ.ค. 60 ไปแล้ว เพื่อยื่นภาษีกับสรรพากร อีกทั้งเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่หักตาม % เงินเดือน และเดือนนี้ มารวมเงินเดือนที่ระบุให้ดิฉันเพื่อจ่ายภาษีอีก แต่บริษัทฯ ไม่ต้องจ่ายจริงๆ
แบบนี้ถือว่าบริษัท ผิดกฎหมายทั้งแรงงาน สวัสดิการ และภาษีด้วยหรือเปล่าคะ เพราะแค่ชวงต้นปี จนถึงตอนนี้ พนักงานออกไม่ต่ำกว่า 10 ราย ถ้าแบบนี้ก็ถือว่าเป็นก้อนใหญ่ ซึ่งบางส่วนก็หักจากเงินเดือน บางส่วนก็นำเงินมาคืน แต่ไม่ได้เข้าในบัญชีรายรับของบริษัทฯ
และถ้ามองเป็นเงินยืม แบบไม่คิดดอกเบี้ย ถ้าแบบนั้น เงินยืม จะเอามาหักภาษี กับมาหักค่าใช้จ่ายได้หรอคะ สำหรับบริษัท และสำหรับพนักงานเงินกู้ เงินยืม ต้องเสียภาษีด้วยหรอคะ
ขอบคุณมากค่ะ
รบกวนสอบถามหน่อยค่ะ แบบนี้ ถือว่าเราถูกเอาเปรียบจากบริษัทฯ ในเรื่องอะไรบ้าง
แก้ไข ก่อนที่จะเข้าใจไปไกลกว่านี้ และเพิ่มเติม เดี๋ยวจะหาว่าไม่รักองค์กรค่ะ รักนะคะ เพราะใกล้บ้าน และสังคมที่อยู่เป็นแบบครอบครัวค่ะ
ที่เราต้องการสอบถามคือ ไม่ได้อยากจะได้เงินยืมนะคะ
แต่สงสัยว่า ทำไมคิดภาษีของเรา 2 รอบคะ
ครั้งแรกจากเงินยืม ที่ให้แทนโบนัส
ครั้งที่ 2 คือ เงินเดือนที่เราไม่ได้รับ แต่มีในสลิป แต่ไม่โอนเข้าบัญชีค่ะ เพราะนำไปหักเงินยืมค่ะ
ประวัติบริษัท คร่าวๆ เป็นบริษัท Mass to order ไม่สามารถผลิตอะไรได้ก่อนรับ order เพราะแต่ละ order ไม่เหมือนกันค่ะ
พนักงานมีทั้งรายวันและรายเดือนค่ะ รายเดือน ประมาณ 350 - 400 คน ที่เหลือเป็นรายวัน สัญญาจ้าง ไม่มีโบนัสค่ะ
เข้ามาทำงานเกือบ 10 ปี % การปรับเงินเกือบทุกคน สวิงอยู่ระหว่าง 2.5 - 3.2% ทุกปีค่ะ
สวิงจาก การทำแผนพัฒนา การทำกระบวนการแข่งขันกันในแต่ละปี
มีบ้างบางคน น่าจะหน่วยงานละ 1 คน มีหน่วยงานประมาณ 20 กว่าหน่วยงาน ที่ได้ ปรับเกิน 3% ต่อปี และจากการปรับตำแหน่ง
ทุกหน่วยงานต้องมีดีสุดและแย่สุด เป็นแบบรูประฆังคว่ำ แม้จะทำงานครบ ขาดลามาสายไม่เกิน ก็ต้องมีแย่สุด
จริงๆ มียาวและเยอะกว่านั้น แต่ไม่ได้เป็นอย่างนี้ทุกคนหรอกค่ะ มีแค่เรากับทีมเราเท่านั้น
อาทิ งานปีใหม่ กินเลี้ยง เราต้องเป็นคนจัดงานทุกปี ทุกปีนี่คือ ประชุม ออกแบบ ขนโต๊ะ เขียนสคริป พิธีกร เคลียร์หลังงานเลิก
และเราไม่ได้เป็น HR นะคะ ไม่ได้อยู่ HR ด้วย ไม่ใช่สวัสดิการ ไม่ใช่อะไรเลยที่เกี่ยวกับกิจกรรม แต่ได้รับคำสั่งให้ทำ
ทุกปี ไม่เคยได้นั่งกินอะไรกับเค้าเลยสักครั้ง มีแต่วิ่งไปมา และไม่ใช่แค่งานเดียว ลืมบอก ชุดหาเองค่ะ จ่ายเอง
แต่เกือบทุกงานของบริษัท โดยไม่มีเงินเพิ่ม ไม่มีโอที ทำด้วยใจแค่นั้นค่ะ
และที่ประเมิน ได้ A ค่อนข้างบ่อย มีน้อยๆ ก็ B+ ได้ปรับประมาณ 3.1 3.2 ประมาณนี้
ตำแหน่งเรา มีคนเดียว พนักงาน หัวหน้า ผู้บริหาร สามารถถามหรือติดต่อได้ตลอดเวลา หลายครั้งที่ 4-5 ทุ่ม ก็ต้องทำข้อมูลส่งให้
รวมทั้งวันหยุดเสาร์อาทิตย์
ไหนๆ ก็ไหนๆ แล้ว ปีที่ผ่านมา เป็นการ Set ระบบ ระบบหนึ่ง เป็นคนตรวจ ดูติดตามแก้ไข ตรวจสอบ ซึ่งต้องดูของทั้งองค์กร
วันหยุดไม่เคยไปไหน ตรวจงานและทำงานอยู่บ้าน (ฟรี) ห้างไม่ได้ไปเลย ไปแค่ซุปเปอร์ซื้อของใช้เวลาหลังเลิกทำโอที
อาหาร ท่องเที่ยว ไม่ได้ไปไหนเลย แม้แต่หมูกระทะ
วันธรรมดากลับดึกดื่น ทำงานอยู่บริษัท (อันนี้ได้โอที)
บางครั้ง วันหยุดตีห้า ต้องตื่นมาดูงาน เพราะเค้าส่งงานให้ตรวจ และโทรมาให้ดูตั้งแต่เช้า
แต่อย่างที่บอกเราทำเอง ด้วยใจ เต็มที่ แต่พอจะออก ทำไมถึงยังมาเอาเปรียบไม่เลิก
เงินเดือนเราไม่ใช่หลัก 5 หมื่นอะไรนะคะ น้อยกว่านั้นเยอะ
บริษัท มีพนักงานประมาณ 550 คนค่ะ
- ธ.ค. ปี 2559 บริษัท แจ้งผลประกอบการไม่ดี แต่จะให้โบนัสพนักงานโดยถือเป็นเงินยืม 0.5 เดือน โดยแจ้งว่า และถ้าปี 60 ผลประกอบการดี จะยกเงินยืมก้อนนี้ให้และดำเนินการโดยโอนเข้าบัญชีเงินเดือนพนักงาน พร้อมกับเงินเดือนเดือนธ.ค. และคิดคำนวณหักภาษี เพราะถือเป็นเงินได้ พร้อมกับคำนวณกองทุนทดแทน และประกันสังคม จากเงินก้อนนี้
ต่อมา
- ธ.ค. ปี 2560 บริษัท แจ้งผลประกอบการไม่ดีอีกเช่นเดิม แต่จะให้โบัสเป็นเงินยืม 0.5 เดือน และถ้าปี 2561 ดีแล้วจะยกเงินยืมให้
และดำเนินการเช่นเดียวกับปี 59
โดยมีข้อแม้ว่า ถ้าหลังจากนั้น หากพนักงานมีการลาออก "จะต้องคืนเงินโบนัสที่บริษัทให้ยืมนั้นกับบริษัท"
"และถ้าคนไหนไม่คืนเงิน หรือออกไปเลย คนในหน่วยงานต้องร่วมกันรับผิดชอบเงินโบนัสที่ให้ยืมก้อนนี้ด้วย"
จนตอนนี้
ทางดฺิฉัน ได้ทำงานที่นี่มา 7 ปี การประเมินผลงานปีที่ผ่านมาได้เกรด A
และปีนี้ ในช่วงต้นเดือนก.พ. ได้มีอีกบริษัทติดต่อไปทำงาน ซึ่งเป็นบริษัทที่ไม่เกี่ยวข้องหรือดำเนินธุรกิจอะไรที่เหมือนกันเลย แต่เป็นบริษัทที่มีสวัสดิการค่อนข้างดี
ดิฉันจึงขอลาออกจากบริษัท และได้ยื่นออกตั้งแต่ต้นเดือนก.พ. และได้ทำงานตั้งแต่ต้นเดือน จนถึงกำหนดวันที่ 5 มีนาคม ตามระยะเวลาที่ยื่น 30 วัน
ซึ่งทางดิฉันมีวันลาพักร้อนเหลือจากปีที่ผ่านมา 1 วัน และที่บริษัทให้ตั้งแต่พ.ย.อีก 8 วัน เป็น 9 วัน
พร้อมกันนี้บริษัทได้ให้ดิฉันอยู่โอทีเพื่อเคลียร์งาน และดิฉันได้อยู่โอทีตามที่บริษัทฯ แจ้งให้อยู่จนถึงปัจจุบัน (แต่ไม่ได้ทำทุกวัน)
ปรากฎว่า ทางบุคคลแจ้งว่า เงินเดือนเดือนก.พ. ที่ทำมา ไม่พอกับการหักเงินยืม (โบนัสปี 2559 + โบนัสปี 2560) อีกทั้งรวมโอทีเดือนม.ค. แล้วก็ยังไม่พอ ยังต้องรวมของก.พ.ด้วย
ซึ่งทางดิฉันได้สอบถามว่า เงินเดือนก่อนหน้านี้ก็มีการปรับขึ้นของปี 60 ซึ่งยังไงเงินโบนัสของเก่าก็ต้องไม่เกินเงินเดือนปัจจุบันแน่ๆ
ทางบุคคลแจ้งว่า เนื่องจากต้องหักเงินภาษี เงินกองทุน และประกันสังคม จึงจะพอกับที่ยืมไป ซึ่งทำให้เดือนนี้จะไม่ได้รับเงินเดือน+โอทีที่ทำทั้งม.ค. และก.พ. (บางส่วน)
ทำให้ดิฉันคิดว่า
1. ดิฉันโดนหักเงินภาษีไปแล้ว ตั้งแต่ ธ.ค. 59 กับ 60 แต่ครั้งนี้จะมาเสียภาษีอีก ซี่งไม่น่าจะใช่ เพราะถ้าตอนแรกเป็นเงินยืม จะมองว่าเป็นรายได้ได้อย่างไร และบริษัทก็นำค่าใช้จ่ายตรงนั้นไปคำนวณภาษีของบริษัทไปแล้ว และครั้งนี้ก็จะนำมาคำนวณภาษีอีก ซึ่งเท่ากับดิฉันเสียภาษี 2 ครั้ง ในเงินก้อนเดียว แถมดิฉันก็ไม่ได้เงินในเดือนนี้ด้วย แต่จะเอามาคิดภาษีอีก
2. วันหยุดพักร้อน บริษัทแจ้งว่า ดิฉันใช้ได้อีก 1.66 วัน บวกกับที่สะสมมาอีก 1 วันเฉลี่ยต่อปี ซี่งจริงๆ พักร้อนจะมีก็ต่อเมื่อทำงานไปแล้ว 1 ปี และบริษัทก็ไม่ได้จ่ายเงินตรงนี้ด้วย
3. บริษัทฯ ได้กำไรหลายต่อหรือเปล่า เพราะได้นำเงินเดือนและโบนัสที่ยืมไปหักเป็นค่าใช้จ่ายของ ธ.ค. ปี 59 และ ธ.ค. 60 ไปแล้ว เพื่อยื่นภาษีกับสรรพากร อีกทั้งเงินกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ ที่หักตาม % เงินเดือน และเดือนนี้ มารวมเงินเดือนที่ระบุให้ดิฉันเพื่อจ่ายภาษีอีก แต่บริษัทฯ ไม่ต้องจ่ายจริงๆ
แบบนี้ถือว่าบริษัท ผิดกฎหมายทั้งแรงงาน สวัสดิการ และภาษีด้วยหรือเปล่าคะ เพราะแค่ชวงต้นปี จนถึงตอนนี้ พนักงานออกไม่ต่ำกว่า 10 ราย ถ้าแบบนี้ก็ถือว่าเป็นก้อนใหญ่ ซึ่งบางส่วนก็หักจากเงินเดือน บางส่วนก็นำเงินมาคืน แต่ไม่ได้เข้าในบัญชีรายรับของบริษัทฯ
และถ้ามองเป็นเงินยืม แบบไม่คิดดอกเบี้ย ถ้าแบบนั้น เงินยืม จะเอามาหักภาษี กับมาหักค่าใช้จ่ายได้หรอคะ สำหรับบริษัท และสำหรับพนักงานเงินกู้ เงินยืม ต้องเสียภาษีด้วยหรอคะ
ขอบคุณมากค่ะ