มาเริ่มการเดินทางของผู้หญิงคนเดียวในญี่ปุ่น วันที่ 4 กัน
ITINERARY - Day 4 - Nikko (25 Aug 17)
05.50 hrs. - Shin-Okubo Station
06.30 hrs. - Asakusa Station
09.25 hrs. - Tobu-Nikko Station
09.30 hrs. - Shinkyo Bridge
10.00 hrs. - Rinnoji Temple
10.15 hrs. - Toshogu Shrine
11.05 hrs. - Futarasan Shrine
11.15 hrs. - Taiyuin Temple
12.50 hrs. - Akechidaira Ropeway
14.00 hrs. - Kegon Waterfall
15.15 hrs. - Ryuzu Waterfall
17.00 hrs. - Tobu-Nikko Station
19.15 hrs. - Asakusa Station
20.00 hrs. - Shin-Okubo Station
ใช้ตั๋ว Nikko All Area Pass มาขึ้นรถไฟสาย Tobu Skytree Line ที่สถานี Asakusa ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 5
ขาไปเรานั่งรถไฟแบบปกติ มี transfer 1 สถานี ถ้าจำไม่ผิดคือสถานี Minami-Kurihashi
แนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายมือของรถไฟจะไม่โดนแดดส่อง
รถบัสที่นี่จะมีหลายสาย ให้ดูให้ดีว่าจะขึ้นสายไหน เพราะแต่ละสายเส้นทางวิ่งต่างกัน
2A - ไป ยูโมโตะ ออนเซ็น (ผ่านชูเซ็นจิ ออนเซ็น)
2B - ไปโซนมรดกโลกเท่านั้น
2C - ไป โอคุโฮโซโอะ
เวลาขึ้นลงรถบัสเราใช้วิธีโชว์ตั๋ว Nikko All Area Pass ให้คนขับดู พร้อมบอกชื่อป้ายบัสที่เราจะไป ถ้าคนขับพยักหน้าแล้วค่อยขึ้น แสดงว่าถูกชัวร์^^ และเมื่อในรถประกาศป้ายถัดไปหรือขึ้นโชว์ที่หน้าจอ แล้วเราจะลงให้กดกริ่งก่อนจะถึงป้าย เพราะปกติถ้าไม่มีคนกดกริ่ง แล้วที่ป้ายไม่มีคนยืนรออยู่ เค้าจะไม่จอดป้ายนั้น
ป้าย 7 Shinkyo (นั่งได้ทั้ง 2A 2B 2C)
เดินมานิดนึงจะถึงสะพานชินเคียว ถ้าจะขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานต้องเสียเพิ่ม 500 เยน แต่ตอนเราไปถึงฝนลงเม็ดแล้ว เลยแค่ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างนอกแทน เสียดายเหมือนกัน
จากสะพานชินเคียวเดินข้ามทางม้าลายมาจะเจอทางเดินขึ้นเขาไปวัดรินโนจิ เราเลือกที่จะเดินชิวๆไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใครไม่อยากเดินให้ยืนรอบัสสาย 2B ไปลงป้าย 83 Omotesando ไปโซนมรดกโลกก็ได้
ระหว่างทางจะไม่มีป้ายบอกทางเลย ให้ใช้เซ้นส์ในการเดินอย่างเดียว 555 แต่มันไม่ได้ซับซ้อนเท่าไหร่ เราแวะจัดกระเป๋าใหม่แปปนึง แล้วก็เดินชิวๆถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 นาทีถึงวัดรินโนจิ แต่ถ้าคนอื่นเดินปกติ 10-15 นาทีก็น่าจะถึง
ถึงวัดรินโนจิแล้ว อาคารหลักของวัดคือ Sanbutsudo เป็นบ้านหลังใหญ่เคลือบทอง เค้าตีกรอบล้อมเอาไว้ทำการซ่อมแซม (ญี่ปุ่นดีตรงที่ถึงเค้าจะทำการปิดซ่อม แต่จะมีรูปเสมือนจริงไว้ให้เราพอนึกภาพของจริงออกได้) สามารถเดินเข้าไปไหว้ข้างในได้ ค่าเข้าชม 400 เยน (เข้าชมเฉพาะ Sanbutsudo)
ส่วนเราไม่ค่อยอินเรื่องสถาปัตยกรรมของวัดเท่าไหร่อยู่แล้ว ก็เลยไม่เข้า แค่ยืนกวักควันธูปแล้วยืนถ่ายรูปอยู่ข้างนอก 555 ตอนแรกลงแพลนไว้ว่าจะเข้าไปดู Shoyoen Garden ที่จัดตกแต่งสวนในแบบญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ค่าเข้าชม 300 เยน (เข้าชม Treasrue House และ Shoyoen Garden) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอาคารที่ซ่อม แต่ฝนตกปรอยๆ ต้องเดินกางร่มตลอดเวลา เลยเปลี่ยนใจไม่เข้าไป
ตอนออกจากประตูวัดรินโนจิ จะงงๆหน่อย ไม่มีป้ายบอกทาง แล้วเดินได้ทั้งสองทางคือซ้ายและขวา เลยเดินย้อนกลับไปถามพนักงานที่ขายตั๋วว่าจะไป Toshogu Shrine ต้องไปทางไหน สรุปให้เลี้ยวขวานะคะ
เดินผ่านตรงนี้จะหอมมาก เป็นร้านขายของฝาก แล้วก็น่าจะเป็นร้านอาหารด้านใน แนะนำว่าถ้าใครหิวหรือใกล้เที่ยงแล้ว ให้แวะกินเลยนะคะ เพราะที่นี่มีร้านของกินน้อยมากๆ เอาเป็นว่าเราเดินในโซนมรดกโลกไม่เจอร้านของกินอีกเลย
แวะเดินขึ้นไปดู Nikko Toshogu Museum แล้วเราก็เดินผ่านไป เป็นคนไม่อินกับพิพิธภัณฑ์เช่นกัน อยู่จนจบทริปที่ญี่ปุ่นไม่เข้าพิพิธภัณฑ์ไหนเลย แต่จริงๆแล้วมีที่ที่น่าสนใจอยู่เยอะนะคะ คนที่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ มาตามรีวิวเราอาจจะไม่เหมาะ สไตล์การเที่ยวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทำแพลนของตัวเองจะดีกว่านะคะ (อย่างเราดูจากของหลายๆรีวิว แล้วมานั่งปรับใหม่หมด) โดยเฉพาะเที่ยวคนเดียวจะสะดวกสุดๆ เพราะมีแต่ที่ที่เราอยากไป ไม่อยากไปที่ไหนก็ตัดออก จะทุ่มเวลาให้ที่ไหนมากน้อยยังไงก็ได้ หรือจะเปลี่ยนใจยังไงก็ไม่ต้องเกรงใจเพื่อนร่วมทริป^^
มาถึง Toshogu Shrine วัดเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนิกโก้ ค่าเข้าชม 1,300 เยน เดินมาทางด้านซ้ายของประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ จะเห็นเจดีย์ 5 ชั้น ที่นี่จะมีอาคารเยอะมาก ซึ่งเราไม่รู้จริงๆว่าแต่ละอัน มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีไว้เพื่ออะไร ได้แต่กดถ่ายรูปมาอย่างเดียว
อาคารนี้น่าจะเป็นอาคารที่มีรูปแกะสลักลิง 3 ตัว ซึ่งคนมุงดูอะไรสักอย่างกันเยอะมาก เราก็เลยอยากรู้ เดินเข้าไปดูบ้าง 555
ข้างในเป็นม้าตัวสูงใหญ่ น่าจะสูงสัก 2 เมตรได้ ยืนนิ่งมากๆ แทบจะไม่ขยับอะไรเลย
ปล.ถ่ายรูปตรงจุดนี้ ห้ามเปิดแฟลชนะคะ
จากตรงจุดนี้มีประตูทางออกให้เดินขึ้นไปชมข้างบนอีก แต่เราไม่ได้เดินขึ้นไป
เลี้ยวขวาตอนออกมาจากศาลเจ้าโทโชกุ จะเจอทางเดินไป Futarasan Shrine ใช้เวลาเดินประมาณ 10-20 นาที
เดินมาเรื่อยๆ จะเจอประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าฟูตาราซัน
อาคารหลังใหญ่ภายใน Futarasan Shrine
จากตรงนี้เข้าไปข้างในจะมีค่าเข้าชม 200 เยน (ป้ายการ์ตูนทำให้นึกถึงอนิเมชั่น Your Name เฉยเลย >///<)
Taiyuin Temple ค่าเข้าชม 550 เยน ไม่ได้เข้าไปดูอีกเช่นกัน แค่นั่งพักกินขนมปังข้างหน้า >.<
ปล. โซนมรดกโลก จะเสียค่าเข้าชมสถานที่ค่อนข้างเยอะมาก ถ้าจะเข้าชมทุกที่น่าจะต้องเสียประมาณ 3,250 เยน
หลังจากชมโซนมรดกโลกเสร็จ เราก็นั่งบัสสาย 2B จากป้าย 85 Taiyuin Futarasan jinja mae ไปลงป้าย 8 Sogokaikan mae เพื่อเปลี่ยนเป็นสาย 2A หรือ 2C ไปที่ป้าย 11 Nikko Tamozawa Goyotei Kinenkoen เพราะแพลนว่าจะไป Kanmangafuchi Abyss ซึ่งเป็นรูปปั้นหิน Jizo ที่เรียงแถวอยู่ประมาณ 70 องค์ ติดริมลำธารน้ำเล็กๆ
แต่จากป้ายรถบัสเดินไปถึงที่นั่นจะต้องเดินผ่านโซนที่อยู่อาศัยไปอีกประมาณ 10-15 นาที ซึ่งมันเงียบมากกกกก เงียบเกินไปจนบรรยากาศดูวังเวง (หรือเรายังหลอนจากเรื่องที่เจอที่ชินจูกุอยู่) เลยตัดสินใจไม่ไปแล้วดีกว่า ยอมเสียเวลาเดินกลับป้ายรถบัส 555 มารอขึ้นบัสสาย 2A หรือ 2C ไปป้าย 24 Akechidaira ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระหว่างทางจะเป็นทางขึ้นเขาเลี้ยวลดคดเคี้ยวอีกเช่นเคย ใครเมารถง่ายให้กินยาแก้เมารถไว้เลยค่ะ
ป้ายนี้จะเป็นสถานีกระเช้าให้ขึ้นไปชมวิว ค่าบัตร 660 เยน (โชว์บัตร Nikko All Area Pass จะได้ส่วนลดจาก 730 เยน) กระเช้ามีแค่ 2 ตู้ ใช้เวลานั่งประมาณ 3 นาที
จากด้านบนจุดชมวิวจะมีให้ชมสองด้าน ด้านหนึ่งจะเป็นวิวน้ำตกเคกอนและทะเลสาบชูเซ็นจิ อีกด้านเป็นวิวเมืองไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
กลับมาขึ้นบัสสาย 2A หรือ 2C ไปป้าย 26 Chuzenji onsen เสียค่าเข้า 550 เยน เพื่อลงลิฟต์ลงไปชมน้ำตกเคกอนข้างล่าง ออกจากลิฟต์มาจะมีจุดชมวิวให้เดินขึ้นลงได้ประมาณ 2-3 ชั้น
ปล.ทางเดินตรงนี้หนาวมากกก และจะได้ยินเสียงน้ำตกตลอดทางเดิน
Kegon Waterfall
Kegon Waterfall
จากป้าย 26 Chuzenji onsen (น้ำตกเคกอน) ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำให้ไปลงที่ป้าย 31 Osaki ก่อน เพราะจะมีทางเดินริมทะเลสาบไว้ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี แต่เราไม่ได้แวะลง เพราะไปฤดูร้อนไม่สวยเท่าไหร่
นั่งบัสสาย 2A มาลงป้าย 38 Takiue จะเป็นทางเดินลงเลียบน้ำตกริวซู
ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ลงไปถึงน้ำตกข้างล่าง
ด้านหน้าน้ำตกจะเป็นร้านขายของที่ระลึก หลังจากนั้นก็เดินไปที่ป้ายรถบัส จริงๆให้รอขึ้นรถจากป้าย 37 Ryuzu no taki เลยก็ได้ แต่เราไม่เห็นป้าย เดินมั่วลงมารอขึ้นบัสที่ป้าย 36 Shobugahama กลับสถานี Tobu-Nikko นั่งรอที่ป้ายนานเหมือนกันกว่าบัสจะมา เพราะบัสออกชั่วโมงละ 2-3 รอบ ใช้เวลากลับถึงสถานีประมาณชั่วโมงนิดๆ หลับตั้งแต่ขึ้นรถยันรถถึงสถานี 555
ขากลับเสียเงินซื้อตั๋ว Special Express เพิ่ม 1030 เยน (ตั๋วสีส้ม) ซื้อที่สถานี Tobu-Nikko ก่อนเวลารถไฟออกเลย ซึ่งดีกว่าตรงที่ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าประมาณครึ่งชั่วโมง และนั่งยาวถึง Asakusa เลย ถ้ารถไฟแบบปกติต้อง transfer เปลี่ยนขบวนรถอีก 3 สถานี - -” ซึ่งรถไฟ Tobu แบบปกติรอบหลัง 15:00 น. เป็นต้นไปมี transfer มากกว่า 2-3 เที่ยวแน่นอน
ชอบเบาะของรถไฟคันนี้มาก นั่งหลับตลอดทางคอไม่พับแน่นอน^^
รถออกตอน 17.23 น. ถึงสถานี Asakusa 19.15 น.
จริงๆเราได้ที่นั่งริมทางเดิน ตอนรถไฟออกไม่มีคนมาเลยนั่งริมหน้าต่างไปก่อน แต่พอผ่านไปครึ่งทางถึงมีคนขึ้นมานั่ง แล้วเค้าก็ลงระหว่างทาง แล้วก็มีอีกคนมานั่งต่อแทน
เบ็ดเสร็จวันนี้เดินไป 16,266 ก้าว หรือ 10.2 กิโลเมตร
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวนะคะ^^
[CR] ญี่ปุ่นยุ่นคนเดียว Day 4 - Nikko
ITINERARY - Day 4 - Nikko (25 Aug 17)
05.50 hrs. - Shin-Okubo Station
06.30 hrs. - Asakusa Station
09.25 hrs. - Tobu-Nikko Station
09.30 hrs. - Shinkyo Bridge
10.00 hrs. - Rinnoji Temple
10.15 hrs. - Toshogu Shrine
11.05 hrs. - Futarasan Shrine
11.15 hrs. - Taiyuin Temple
12.50 hrs. - Akechidaira Ropeway
14.00 hrs. - Kegon Waterfall
15.15 hrs. - Ryuzu Waterfall
17.00 hrs. - Tobu-Nikko Station
19.15 hrs. - Asakusa Station
20.00 hrs. - Shin-Okubo Station
ใช้ตั๋ว Nikko All Area Pass มาขึ้นรถไฟสาย Tobu Skytree Line ที่สถานี Asakusa ขึ้นรถไฟที่ชานชาลาหมายเลข 5
ขาไปเรานั่งรถไฟแบบปกติ มี transfer 1 สถานี ถ้าจำไม่ผิดคือสถานี Minami-Kurihashi
แนะนำให้นั่งฝั่งซ้ายมือของรถไฟจะไม่โดนแดดส่อง
รถบัสที่นี่จะมีหลายสาย ให้ดูให้ดีว่าจะขึ้นสายไหน เพราะแต่ละสายเส้นทางวิ่งต่างกัน
2A - ไป ยูโมโตะ ออนเซ็น (ผ่านชูเซ็นจิ ออนเซ็น)
2B - ไปโซนมรดกโลกเท่านั้น
2C - ไป โอคุโฮโซโอะ
เวลาขึ้นลงรถบัสเราใช้วิธีโชว์ตั๋ว Nikko All Area Pass ให้คนขับดู พร้อมบอกชื่อป้ายบัสที่เราจะไป ถ้าคนขับพยักหน้าแล้วค่อยขึ้น แสดงว่าถูกชัวร์^^ และเมื่อในรถประกาศป้ายถัดไปหรือขึ้นโชว์ที่หน้าจอ แล้วเราจะลงให้กดกริ่งก่อนจะถึงป้าย เพราะปกติถ้าไม่มีคนกดกริ่ง แล้วที่ป้ายไม่มีคนยืนรออยู่ เค้าจะไม่จอดป้ายนั้น
ป้าย 7 Shinkyo (นั่งได้ทั้ง 2A 2B 2C)
เดินมานิดนึงจะถึงสะพานชินเคียว ถ้าจะขึ้นไปถ่ายรูปบนสะพานต้องเสียเพิ่ม 500 เยน แต่ตอนเราไปถึงฝนลงเม็ดแล้ว เลยแค่ยืนถ่ายรูปอยู่ข้างนอกแทน เสียดายเหมือนกัน
จากสะพานชินเคียวเดินข้ามทางม้าลายมาจะเจอทางเดินขึ้นเขาไปวัดรินโนจิ เราเลือกที่จะเดินชิวๆไปเรื่อยๆ แต่ถ้าใครไม่อยากเดินให้ยืนรอบัสสาย 2B ไปลงป้าย 83 Omotesando ไปโซนมรดกโลกก็ได้
ระหว่างทางจะไม่มีป้ายบอกทางเลย ให้ใช้เซ้นส์ในการเดินอย่างเดียว 555 แต่มันไม่ได้ซับซ้อนเท่าไหร่ เราแวะจัดกระเป๋าใหม่แปปนึง แล้วก็เดินชิวๆถ่ายรูปไปเรื่อยๆ ประมาณ 20 นาทีถึงวัดรินโนจิ แต่ถ้าคนอื่นเดินปกติ 10-15 นาทีก็น่าจะถึง
ถึงวัดรินโนจิแล้ว อาคารหลักของวัดคือ Sanbutsudo เป็นบ้านหลังใหญ่เคลือบทอง เค้าตีกรอบล้อมเอาไว้ทำการซ่อมแซม (ญี่ปุ่นดีตรงที่ถึงเค้าจะทำการปิดซ่อม แต่จะมีรูปเสมือนจริงไว้ให้เราพอนึกภาพของจริงออกได้) สามารถเดินเข้าไปไหว้ข้างในได้ ค่าเข้าชม 400 เยน (เข้าชมเฉพาะ Sanbutsudo)
ส่วนเราไม่ค่อยอินเรื่องสถาปัตยกรรมของวัดเท่าไหร่อยู่แล้ว ก็เลยไม่เข้า แค่ยืนกวักควันธูปแล้วยืนถ่ายรูปอยู่ข้างนอก 555 ตอนแรกลงแพลนไว้ว่าจะเข้าไปดู Shoyoen Garden ที่จัดตกแต่งสวนในแบบญี่ปุ่นสมัยเอโดะ ค่าเข้าชม 300 เยน (เข้าชม Treasrue House และ Shoyoen Garden) ซึ่งอยู่ตรงข้ามกับอาคารที่ซ่อม แต่ฝนตกปรอยๆ ต้องเดินกางร่มตลอดเวลา เลยเปลี่ยนใจไม่เข้าไป
ตอนออกจากประตูวัดรินโนจิ จะงงๆหน่อย ไม่มีป้ายบอกทาง แล้วเดินได้ทั้งสองทางคือซ้ายและขวา เลยเดินย้อนกลับไปถามพนักงานที่ขายตั๋วว่าจะไป Toshogu Shrine ต้องไปทางไหน สรุปให้เลี้ยวขวานะคะ
เดินผ่านตรงนี้จะหอมมาก เป็นร้านขายของฝาก แล้วก็น่าจะเป็นร้านอาหารด้านใน แนะนำว่าถ้าใครหิวหรือใกล้เที่ยงแล้ว ให้แวะกินเลยนะคะ เพราะที่นี่มีร้านของกินน้อยมากๆ เอาเป็นว่าเราเดินในโซนมรดกโลกไม่เจอร้านของกินอีกเลย
แวะเดินขึ้นไปดู Nikko Toshogu Museum แล้วเราก็เดินผ่านไป เป็นคนไม่อินกับพิพิธภัณฑ์เช่นกัน อยู่จนจบทริปที่ญี่ปุ่นไม่เข้าพิพิธภัณฑ์ไหนเลย แต่จริงๆแล้วมีที่ที่น่าสนใจอยู่เยอะนะคะ คนที่ชอบเข้าพิพิธภัณฑ์ มาตามรีวิวเราอาจจะไม่เหมาะ สไตล์การเที่ยวของแต่ละคนไม่เหมือนกัน เพราะฉะนั้นทำแพลนของตัวเองจะดีกว่านะคะ (อย่างเราดูจากของหลายๆรีวิว แล้วมานั่งปรับใหม่หมด) โดยเฉพาะเที่ยวคนเดียวจะสะดวกสุดๆ เพราะมีแต่ที่ที่เราอยากไป ไม่อยากไปที่ไหนก็ตัดออก จะทุ่มเวลาให้ที่ไหนมากน้อยยังไงก็ได้ หรือจะเปลี่ยนใจยังไงก็ไม่ต้องเกรงใจเพื่อนร่วมทริป^^
มาถึง Toshogu Shrine วัดเก่าแก่ที่เป็นสัญลักษณ์ของเมืองนิกโก้ ค่าเข้าชม 1,300 เยน เดินมาทางด้านซ้ายของประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าโทโชกุ จะเห็นเจดีย์ 5 ชั้น ที่นี่จะมีอาคารเยอะมาก ซึ่งเราไม่รู้จริงๆว่าแต่ละอัน มีชื่อเรียกว่าอะไร แล้วมีไว้เพื่ออะไร ได้แต่กดถ่ายรูปมาอย่างเดียว
อาคารนี้น่าจะเป็นอาคารที่มีรูปแกะสลักลิง 3 ตัว ซึ่งคนมุงดูอะไรสักอย่างกันเยอะมาก เราก็เลยอยากรู้ เดินเข้าไปดูบ้าง 555
ข้างในเป็นม้าตัวสูงใหญ่ น่าจะสูงสัก 2 เมตรได้ ยืนนิ่งมากๆ แทบจะไม่ขยับอะไรเลย
ปล.ถ่ายรูปตรงจุดนี้ ห้ามเปิดแฟลชนะคะ
จากตรงจุดนี้มีประตูทางออกให้เดินขึ้นไปชมข้างบนอีก แต่เราไม่ได้เดินขึ้นไป
เลี้ยวขวาตอนออกมาจากศาลเจ้าโทโชกุ จะเจอทางเดินไป Futarasan Shrine ใช้เวลาเดินประมาณ 10-20 นาที
เดินมาเรื่อยๆ จะเจอประตูโทริอิทางเข้าศาลเจ้าฟูตาราซัน
อาคารหลังใหญ่ภายใน Futarasan Shrine
จากตรงนี้เข้าไปข้างในจะมีค่าเข้าชม 200 เยน (ป้ายการ์ตูนทำให้นึกถึงอนิเมชั่น Your Name เฉยเลย >///<)
Taiyuin Temple ค่าเข้าชม 550 เยน ไม่ได้เข้าไปดูอีกเช่นกัน แค่นั่งพักกินขนมปังข้างหน้า >.<
ปล. โซนมรดกโลก จะเสียค่าเข้าชมสถานที่ค่อนข้างเยอะมาก ถ้าจะเข้าชมทุกที่น่าจะต้องเสียประมาณ 3,250 เยน
หลังจากชมโซนมรดกโลกเสร็จ เราก็นั่งบัสสาย 2B จากป้าย 85 Taiyuin Futarasan jinja mae ไปลงป้าย 8 Sogokaikan mae เพื่อเปลี่ยนเป็นสาย 2A หรือ 2C ไปที่ป้าย 11 Nikko Tamozawa Goyotei Kinenkoen เพราะแพลนว่าจะไป Kanmangafuchi Abyss ซึ่งเป็นรูปปั้นหิน Jizo ที่เรียงแถวอยู่ประมาณ 70 องค์ ติดริมลำธารน้ำเล็กๆ
แต่จากป้ายรถบัสเดินไปถึงที่นั่นจะต้องเดินผ่านโซนที่อยู่อาศัยไปอีกประมาณ 10-15 นาที ซึ่งมันเงียบมากกกกก เงียบเกินไปจนบรรยากาศดูวังเวง (หรือเรายังหลอนจากเรื่องที่เจอที่ชินจูกุอยู่) เลยตัดสินใจไม่ไปแล้วดีกว่า ยอมเสียเวลาเดินกลับป้ายรถบัส 555 มารอขึ้นบัสสาย 2A หรือ 2C ไปป้าย 24 Akechidaira ใช้เวลาประมาณ 20 นาที ระหว่างทางจะเป็นทางขึ้นเขาเลี้ยวลดคดเคี้ยวอีกเช่นเคย ใครเมารถง่ายให้กินยาแก้เมารถไว้เลยค่ะ
ป้ายนี้จะเป็นสถานีกระเช้าให้ขึ้นไปชมวิว ค่าบัตร 660 เยน (โชว์บัตร Nikko All Area Pass จะได้ส่วนลดจาก 730 เยน) กระเช้ามีแค่ 2 ตู้ ใช้เวลานั่งประมาณ 3 นาที
จากด้านบนจุดชมวิวจะมีให้ชมสองด้าน ด้านหนึ่งจะเป็นวิวน้ำตกเคกอนและทะเลสาบชูเซ็นจิ อีกด้านเป็นวิวเมืองไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
กลับมาขึ้นบัสสาย 2A หรือ 2C ไปป้าย 26 Chuzenji onsen เสียค่าเข้า 550 เยน เพื่อลงลิฟต์ลงไปชมน้ำตกเคกอนข้างล่าง ออกจากลิฟต์มาจะมีจุดชมวิวให้เดินขึ้นลงได้ประมาณ 2-3 ชั้น
ปล.ทางเดินตรงนี้หนาวมากกก และจะได้ยินเสียงน้ำตกตลอดทางเดิน
Kegon Waterfall
Kegon Waterfall
จากป้าย 26 Chuzenji onsen (น้ำตกเคกอน) ถ้าเป็นช่วงใบไม้เปลี่ยนสีแนะนำให้ไปลงที่ป้าย 31 Osaki ก่อน เพราะจะมีทางเดินริมทะเลสาบไว้ชมวิวใบไม้เปลี่ยนสี แต่เราไม่ได้แวะลง เพราะไปฤดูร้อนไม่สวยเท่าไหร่
นั่งบัสสาย 2A มาลงป้าย 38 Takiue จะเป็นทางเดินลงเลียบน้ำตกริวซู
ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที ลงไปถึงน้ำตกข้างล่าง
ด้านหน้าน้ำตกจะเป็นร้านขายของที่ระลึก หลังจากนั้นก็เดินไปที่ป้ายรถบัส จริงๆให้รอขึ้นรถจากป้าย 37 Ryuzu no taki เลยก็ได้ แต่เราไม่เห็นป้าย เดินมั่วลงมารอขึ้นบัสที่ป้าย 36 Shobugahama กลับสถานี Tobu-Nikko นั่งรอที่ป้ายนานเหมือนกันกว่าบัสจะมา เพราะบัสออกชั่วโมงละ 2-3 รอบ ใช้เวลากลับถึงสถานีประมาณชั่วโมงนิดๆ หลับตั้งแต่ขึ้นรถยันรถถึงสถานี 555
ขากลับเสียเงินซื้อตั๋ว Special Express เพิ่ม 1030 เยน (ตั๋วสีส้ม) ซื้อที่สถานี Tobu-Nikko ก่อนเวลารถไฟออกเลย ซึ่งดีกว่าตรงที่ใช้เวลาเดินทางน้อยกว่าประมาณครึ่งชั่วโมง และนั่งยาวถึง Asakusa เลย ถ้ารถไฟแบบปกติต้อง transfer เปลี่ยนขบวนรถอีก 3 สถานี - -” ซึ่งรถไฟ Tobu แบบปกติรอบหลัง 15:00 น. เป็นต้นไปมี transfer มากกว่า 2-3 เที่ยวแน่นอน
ชอบเบาะของรถไฟคันนี้มาก นั่งหลับตลอดทางคอไม่พับแน่นอน^^
รถออกตอน 17.23 น. ถึงสถานี Asakusa 19.15 น.
จริงๆเราได้ที่นั่งริมทางเดิน ตอนรถไฟออกไม่มีคนมาเลยนั่งริมหน้าต่างไปก่อน แต่พอผ่านไปครึ่งทางถึงมีคนขึ้นมานั่ง แล้วเค้าก็ลงระหว่างทาง แล้วก็มีอีกคนมานั่งต่อแทน
เบ็ดเสร็จวันนี้เดินไป 16,266 ก้าว หรือ 10.2 กิโลเมตร
ขอบคุณทุกคนที่เข้ามาอ่านรีวิวนะคะ^^