แบกเป้ไปดูบอล 3 เกมที่สนามแอนฟิลด์กับทริป 17 วัน 16 คืนในเมืองลิเวอร์พูลด้วยเงิน 93,239 บาท


     ความฝันสูงสุดในชีวิตของคุณคืออะไร? สำหรับผมแล้ว มันคือการเดินทางไปชมเกมที่สนามแอนฟิลด์สักครั้งในชีวิตที่เมืองลิเวอร์พูลครับ มันเป็นความฝันอันสูงสุดของผมมาตั้งแต่สมัยวัยเรียนช่วงมัธยมต้นที่โรงเรียนหอวัง ทุกเช้าวันจันทร์ก่อนเคารพธงชาติ ผมต้องวิ่งไปร้านหนังสือข้างๆโรงเรียน เพื่อซื้อนิตยสารสตาร์ซอคเกอร์รายสัปดาห์มาติดตามทีมรักเป็นประจำทุกต้นสัปดาห์ รวมถึงการติดตามฟังถ่ายทอดเสียงเกมการแข่งขันของทีมโปรดจากวิทยุคลื่นสั้นทางช่อง BBC ของอังกฤษทุกวันหยุดสุดสัปดาห์ บรรยากาศในสนามฟุตบอลผ่านทางคลื่นวิทยุยังฝังใจผมมาจนถึงทุกวันนี้อยู่เลยครับ (วิทยุเครื่องประวัติศาสตร์เครื่องนี้ ผมยังคงเก็บไว้เป็นอย่างดี เพราะมันคือสิ่งที่ย้ำเตือนความทรงจำดีๆในอดีตที่ไม่มีวันลืมเลือนของผมนั่นเอง) ในช่วงเวลานั้นนานๆถึงจะมีถ่ายทอดสดฟุตบอลนัดชิงถ้วยต่างๆมาให้ชมกันถึงที่บ้านในเมืองไทย นัดแรกที่ผมจำความได้ที่ได้ชมทีมหงส์แดงเล่นสดๆทางทีวี คือเกมยูโรเปี้ยน คัพนัดชิงชนะเลิศในปี 1981 ที่ทีมลิเวอร์พูลชนะทีมรีล มาดริดไป 1-0 จากการยิงของอลัน เคนเนดี้ในช่วงท้ายเกม นี่คือจุดเริ่มต้นของความฝันอันยิ่งใหญ่ของเด็กตัวเล็กๆในช่วงเวลานั้น ที่หวังว่าสักวันจะต้องไปนั่งชมเกมที่สนามแอนฟิลด์ให้ได้สักครั้งในชีวิต และแล้วความฝันของผมก็เป็นความจริงเมื่อวันเสาร์ที่ 20 ตุลาคม 2555 ในเกมที่ทีมลิเวอร์พูลเปิดบ้านต้อนรับทีมเรดดิ้ง ก่อนจบลงด้วยชัยชนะของเจ้าบ้านด้วยสกอร์ 1-0 ทริปแรกในชีวิต (รวมถึงทุกๆทริปหลังจากนั้นมา) ผมเดินทางด้วยตัวเองโดยไม่ได้ซื้อทัวร์แต่อย่างใด ผมเก็บข้อมูลต่างๆจากกูเกิ้ล ลองผิดลองถูกจนได้ไปสานฝันของตัวเองที่สนามแอนฟิลด์ครับ
                   
       ตั๋วชมเกมเกมแรกในชีวิตที่ซื้อจากเคาน์เตอร์ขายตั๋วหน้าสนามแอนฟิลด์


     ภายหลังจากที่ผมทำความฝันอันสูงสุดของตัวเองให้เป็นความจริงได้แล้ว ผมก็ได้ค้นพบความสุขในแบบที่ไม่เคยได้สัมผัสมาก่อน มันไม่เหมือนกับได้ซื้อรถคันแรกในชีวิต การเดินทางไปต่างประเทศครั้งแรก หรือแม้กระทั่งการได้โบนัสก้อนแรกในชีวิตจากบริษัทแรกที่ได้ทำงาน แต่มันเป็นความสุขที่ผุดขึ้นมาจากก้นบึ้งของหัวใจในส่วนที่ลึกที่สุดของสี่ห้องหัวใจเลยก็ว่าได้ (อาจฟังดูน้ำเน่าไปนิดนึงนะครับ แต่ผมรู้สึกแบบนั้นจริงๆ อมยิ้ม17) ผมเหมือนได้ปลดล็อคชีวิตของตัวเอง ที่ได้เดินผ่านจากดินแดนแห่งจินตนาการมาสู่ดินแดนแห่งความเป็นจริงที่ฝันไว้ จากนั้นเป็นต้นมา ผมก็ได้รับคำตอบว่า จุดมุ่งหมายของการใช้ชีวิตของผมคืออะไร "ทำในสิ่งที่รัก รักในสิ่งที่ทำ ทำแต่สิ่งที่มีความสุข ความสุขในแบบของตัวเอง" จุดหมายปลายทางของการเดินทางไปใช้ชีวิตเพื่อชาร์จแบตเตอรี่ให้ตัวเองหลังจากทำงานหนักมาตลอดปี อยู่ที่เมืองลิเวอร์พูลแห่งเดียวเท่านั้นครับ
     ผมเดินทางไปเมืองลิเวอร์พูลภายในระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 2012 จนถึงปัจจุบันปี 2018 รวมแล้ว 13 ทริป ได้ชมเกมที่สนามแอนฟิลด์ทั้งหมด 20 เกมด้วยกัน (ไม่นับรวมเกมเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ที่ผมซื้อตั๋วผีที่หน้าสนามกูดิสัน ปาร์กจนถูกตำรวจกักตัวเพื่อสอบสวนอีกหนึ่งนัดที่ผมได้เข้าไปชมเกมด้วยนะครับ) ทั้งเกมพรีเมียร์ ลีก, เกมเอฟเอ คัพ, เกมลีก คัพ และเกมยูโรป้า ลีก ผมชมสดๆที่สนามแอนฟิลด์มาหมดแล้ว จะเหลือก็แค่เกมยูฟ่า แชมป์เปียนส์ลีกเท่านั้นที่ยังไม่เคยเข้าไปชมเกมสดๆที่สนามแอนฟิลด์ และจากการเดินทางไปเมืองลิเวอร์พูลมาหลายทริป ทำให้ผมรู้ถึงค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องใช้สำหรับเดินทางไปชมเกมที่สนามแอนฟิลด์ รวมถึงค่าครองชีพในเมืองลิเวอร์พูลทั้งค่าโรงแรมที่พักและค่าอาหารระหว่างที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองอันคลาสสิกแห่งนี้ ผมเก็บรายละเอียดพร้อมกับจดค่าใช้จ่ายทั้งหมดตลอดทั้งทริป จนได้มาเป็นแผนการเดินทางการใช้ชีวิตที่เหมาะสมกับตัวเองในเมืองลิเวอร์พูล ผมสามารถประมาณการค่าใช้จ่ายทั้งหมดที่ต้องใช้ในการเดินทางไปชมเกมที่สนามแอนฟิลด์ได้ ทำให้ผมกำหนดแนวทางการเก็บเงินเพื่อไปสานฝันเติมพลังชีวิตให้ตัวเองต่อที่เมืองลิเวอร์พูลได้อย่างเป็นระบบ ผมเลยอยากเอาข้อมูลเหล่านี้มาแชร์ให้ได้อ่านกัน เผื่อใครที่มีความฝันอย่างผม ได้ลองเดินตามเส้นทางที่ผมได้วางไว้นะครับ
     ทริปล่าสุดในการไปฉลองปีใหม่ที่เมืองลิเวอร์พูล 17 วัน 16 คืนกับเกมฟุตบอลที่สนามแอนฟิลด์ 3 เกม ระหว่างวันที่ 24 ธันวามคม 2560 ถึงวันที่ 9 มกราคม 2561 ผมใช้เงินไปทั้งหมด 93,239 บาทครับ เราลองมาดูว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดประกอบด้วยค่าใช้จ่ายอะไรบ้าง เริ่มจากค่าตั๋วเครื่องบิน ผมมีประสบการณ์ในการเดินทางไปประเทศอังกฤษจากสายการบินต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นสายการบินแบบต่อเครื่องอย่างสายการบินกาตาร์ แอร์เวย์ และสายการบินเอมิเรตส์ กับสายการบินตรงที่ไม่ต้องต่อเครื่องอย่างสายการบินเอวีเอ แอร์ (EVA Air หรืออีว่าแอร์อย่างที่หลายๆคนเรียกกัน), สายการบินไทย และสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ส่วนตัวผมชอบสายการบินบริติช แอร์เวย์สครับ เหตุผลคือเรื่องของราคา ที่ราคาถูกที่สุดสำหรับสายการบินตรงนั่นเอง ส่วนอีกเหตุผลคือเรื่องของเวลาการเดินทาง ผมชอบเดินทางช่วงสายๆที่เมืองไทย ไปถึงอังกฤษช่วงเย็น เดินทางจากลอนดอนต่อไปเมืองลิเวอร์พูลถึงดึกๆ พอไปถึงโรงแรมที่พักก็นอนหลับพักผ่อนยาวจนถึงเช้าได้เลย ทริปล่าสุดค่าตั๋วเครื่องบินของสายการบินบริติช แอร์เวย์สอยู่ที่ 25,400 บาทครับ

บรรยากาศภายในห้องโดยสารเครื่องบินแบบโบอิ้งของสายการบินบริติช แอร์เวย์สชั้นประหยัดที่นั่งแบบ 3-4-3


ค่าใช้จ่ายต่อมาคือค่าโดยสารรถไฟใต้ดินจากสถานี Heathrow Terminal 5 ไปสถานี Euston เที่ยวละ 3.1 ปอนด์ ผมซื้อบัตร London Oyster Card ไว้ตั้งแต่ทริปก่อนๆ เติมเงินไว้ในบัตรยังมีเงินเหลืออยู่เกือบ 20 ปอนด์ ค่ารถไฟใต้ดินไปกลับสถานี Heathrow-Euston อยู่ที่ 6.20 ปอนด์ครับ

ค่าใช้จ่ายต่อมาคือค่าโดยสารรถไฟเวอร์จิ้น เทรน (Virgin Train) จากสถานีรถไฟยูสตัน (Euston) ในกรุงลอนดอนไปสถานีรถไฟไลม์ สตรีทในเมืองลิเวอร์พูล (Liverpool Lime Street) ทริปนี้ผมซื้อตั๋วโดยสารได้ในราคา 83.90 ปอนด์
สถานีรถไฟ Liverpool Lime Street


ค่าใช้จ่ายต่อมาคือค่าโรงแรมที่พักในเมืองลิเวอร์พูล ทริปนี้ผมพักทั้งในแบบโรงแรมและแบบโฮสเทล ถ้าอยากประหยัดเรื่องค่าที่พัก อย่าพักโรงแรมแห่งเดียวในหนึ่งทริป เพราะค่าที่พักเฉลี่ยต่อคืนจะสูง ช่วงสุดสัปดาห์หรือ Weekend คือคืนวันศุกร์ถึงคืนวันเสาร์ ราคาค่าที่พักของโรงแรมจะค่อนข้างสูง ส่วนช่วงเวลาวันธรรมดาหรือช่วง Weekday ค่าโรงแรมที่พักจะไม่แพง ถ้าพักโรงแรมที่ผมอยากพักอย่างเช่น โรงแรม The Z Hotels ผมจะพักช่วง Weekday ส่วนช่วง Weekend ผมจะลือกพักแบบโฮสเทลหรือไม่ก็พักโรงแรมที่ไม่ได้อยู่ในใจกลางตัวเมือง ตัวเมืองลิเวอร์พูลจะไม่ใหญ่มาก เดินเท้าจากที่ต่างๆจะไม่ไกลมากครับ โรงแรมแห่งแรกที่ผมพักในทริปนี้คือโรงแรม The Z Hotels ผมพักสองช่วงด้วยกันคือ 2 คืนแรกราคารวม 70 ปอนด์กับ 7 คืนสุดท้ายราคารวม 330 ปอนด์ รวมค่าที่พักโรงแรมแห่งนี้สำหรับ 9 คืนอยู่ที่ 400 ปอนด์ครับ
ภายในห้องพักของโรงแรม The Z Hotels Liverpool


วิวเมืองลิเวอร์พูลมองจากหน้าต่างห้องพัก

โรงแรมแห่งที่สองในทริปนี้ของผมคือ โรงแรม Cocoon ผมพักสองคืนในราคารวม 112.50 ปอนด์ครับ

ภายในห้องพักโรงแรม Cocoon

ที่พักต่อมาของผมคือโฮสเทลครับ ผมพักอยู่สองแห่งด้วยกันในทริปนี้ แห่งแรกคือโฮสเทลที่ชื่อ The International Inn ที่ตั้งอยู่ในอาคารเดียวกันกับโรงแรม Cocoon ซึ่งก็คือสถานที่เดียวกันนั่นเอง คือมีทั้งโรงแรมและโฮสเทลให้เลือกพักแต่ตั้งชื่อคนละชื่อกัน ผมพักที่โฮสเทล The International Inn สองคืนในราคารวม 41 ปอนด์ตกลคืนละ 800 กว่าบาทครับ

ภายในห้องพักแบบห้องรวมของโฮสเทล The International Inn

เป้สีฟ้าอมเขียวที่เห็นในภาพข้างบน คือเป้แบบสะพายและมีล้อลากที่ผมแบกไปในทริปนี้ครับ เอาของติดตัวไปให้น้อยที่สุด แบกเป้ที่ไม่หนักมาก เหมาะสำหรับการลุยเดี่ยวแบบ Solo Traveler อย่างผม โดยเฉพาะช่วงเดินทางรถไฟใต้ดินในกรุงลอนดอนที่ต้องเดินขึ้นลงบันไดหลายช่วงด้วยกัน ใครแบกกระเป๋าเดินทางใบใหญ่ไป คงได้ลิ้นห้อยกันแน่นอนครับ ไว้ผมจะมาเล่าถึงสัมภาระที่ควรและไม่ควรนำติดตัวไปสำหรับเดินทางไปดูบอลที่สนามแอนฟิลด์นะครับ
     โฮสเทลแห่งที่สอง ที่ทำให้ผมหลงรักการพักแบบโฮสเทลไปเลย คือโฮสเทลที่ชื่อ Hatters ครับ โฮสเทลแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากสถานีรถไฟไลม์ สตรีทมากนัก ถึงแม้จะไม่ได้อยู่ใจกลางตัวเมืองลิเวอร์พูลก็ตาม ผมชอบบรรยากาศทั้งภายนอกและภายในโฮสเทลแห่งนี้มากๆ ที่สำคัญมีอาหารเช้าบริการฟรีด้วยครับ ผมพักโฮสเทลแห่งนี้ 3 คืนในราคารวม 69 ปอนด์ ตกคืนละ 900 กว่าบาทเองครับ

บริเวณด้านหน้าโฮสเทล Hatters


ห้องพักรวมแบบ 4 เตียงห้องน้ำในตัว

ห้องที่ผมพักเป็นแบบห้อง 4 เตียง ภายในห้องดูเก่าๆยังไงชอบกล แต่ห้องฝั่งตรงข้ามห้องผมก็เป็นห้องพักแบบ 4 เตียงเหมือนกัน แต่ดูดีกว่าห้องผมเยอะมากเลย คงแล้วแต่ดวงจริงๆว่าจะได้ห้องไหนน่ะครับ
ห้องพักรวมแบบ 4 เตียงห้องน้ำในตัว

ค่าใช้จ่ายต่อมาคือเรื่องอาหารการกิน พอดีผมเป็นคนไม่เน้นเรื่องอาหารการกินมากนัก ไม่ใช่คนประเภท Enjoy Eating น่ะครับ ทริปนี้ (รวมถึงทุกทริป) ผมเลยกินอยู่แบบง่ายๆ คือบางวันกินแซนด์วิชราคา 1 ปอนด์จากร้าน Poundbakery วันละ 5 ชิ้น แบ่งเป็นมื้อเช้า 2 ชิ้น มื้อกลางวัน 2 ชิ้น และมื้อเย็นอีก 1 ชิ้นพออิ่ม ค่าใช้จ่ายส่วนนี้ตกวันละ 5 ปอนด์ครับ

ร้าน Poundbakery


แซนด์วิชราคา 1 ปอนด์

ในบางวันผมจะซื้ออาหารจาก Tesco แบบ Set สำหรับ 1 วัน ประกอบด้วยขนมปังโฮลหวีต 1 แถว ปลาซาร์ดีนกระป๋อง 4 กระป๋อง สลัดผัก 2 ชุด และน้ำปล่าวขนาด 2 ลิตร 1 ขวด ราคารวมทั้งหมด 5 ปอนด์ครับ

Tesco Metro ร้านประจำของผมสำหรับอาหารในหนึ่งวัน

ชุดอาหารราคา 5 ปอนด์สำหรับหนึ่งวันจากร้าน Tesco Metro

จะมีหนึ่งมื้อที่ผมกินอาหารจากร้านในฟู๊ดคอร์ตราคา 5 ปอนด์ ผมจดค่าใช้จ่ายค่าอาหารทั้งหมด 17 วันรวมอาหารที่ซื้อกินในสนามบินระหว่างรอขึ้นเครื่องขากลับด้วยอยู่ที่ 90 ปอนด์ครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่