สวัสดีครับเพื่อนๆ ชาวพันทิปทุกๆ ท่าน หลังจากที่ผมได้บอกเล่าเรื่องราวการเดินทางไปสานฝัน 17 วัน 16 คืนในเมืองลิเวอร์พูลด้วยเงิน 93,239 บาท ผ่านทางกระทู้ https://ppantip.com/topic/37399272 ไปแล้ว ผมเชื่อว่าหลายๆ คนคงนึกภาพบรรยากาศการเดินทางในทริปนี้ของผมไม่ออก และมีบางคนหลังไมค์มาถามผมถึงวิธีการการเดินทางไปโรงแรมหรือโฮสเทลที่ผมพัก ดังนั้นผมจึงขอนำเสนอบันทึกการเดินทางไปตะลุยเมืองในฝันของผมในทริปนี้ ผ่านทางวีดีโอที่ผมได้บันทึกไว้หลักๆ จากเครื่อง iPhone มาให้ทุกๆ คนได้ชมกันนะครับ
     เริ่มต้นด้วยการเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังกรุงลอนดอน ระยะเวลากว่า 12 ชั่วโมงบนเครื่องบินโบอิ้งของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ทำให้ผมดูหนังจบไปสองเรื่อง (ข้อเสียของสายการบินสัญชาติอังกฤษอย่าง BA ก็คือ จอทีวีเก่าและเล็กมาก) บวกกับอ่านหนังสือเล่มโปรดที่พกติดตัวไปจบ 1 เล่ม ไม่นานนักผมก็ถึงกรุงลอนดอนช่วงเย็นของเวลาที่ประเทศอังกฤษพอดีครับ



หนังสือ "มหัศจรรย์วิ่งเปลี่ยนชีวิต" ที่ผมพกติดตัวไปอ่านบนเครื่อง พอดีช่วงนี้ผมเริ่มต้นเปลี่ยนแปลงตัวเองมาเป็นนักวิ่ง ชีวิตเลยเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีมากๆ โดยเฉพาะเรื่องสุขภาพน่ะครับ


ลงจากเครื่องมาก็มาต่อรถไฟใต้ดินจากสถานี Heathrow Terminal 5 ไปสถานี Euston ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง โดยต้องเปลี่ยนขบวนรถที่สถานี Leicester Square



สังเกตว่าเราต้องเดินขึ้นบันไดอยู่หลายช่วงเหมือนกัน ผมถึงแบกเป้นำสัมภาระไปให้น้อยที่สุด ไม่อย่างนั้นแบกเป้หรือกระเป๋าเดินทางขึ้นบันไดในสถานีรถไฟใต้ดินหลังแอ่นกันแน่นอนครับ



ตั๋วรถไฟ Virgin Train ที่ได้จากเครื่องออกตั๋วอัตโนมัติ เราจะได้ตั๋วออกมา 3 ใบโดยที่ 2 ใบใช้สำหรับเดินทางอีกใบเป็นเหมือนใบเสร็จหรือ COLLECTION RECEIPT น่ะครับ เวลาแสดงตั๋วโดยสารให้พนักงานตรวจตั๋วบนขบวนรถไฟ จะใช้ 2 ใบคือตั๋วเดินทางที่ระบุสถานีต้นทางกับปลายทางและตั๋ว COLLECTION RECEIPT


ที่สถานีรถไฟ Euston จะมีร้านขายอาหารทั้งบริเวณภายในและภายนอกอาคารครับ


เราจะใช้เวลานั่งรถไฟจากกรุงลอนดอนที่สถานี Euston ไปเมืองลิเวอร์พูลที่สถานี Liverpool Lime Street ใช้เวลาสองชั่วโมงกว่าๆ ขึ้นกับเที่ยวรถไฟที่เราเดินทาง บางเที่ยวอาจต้องเปลี่ยนขบวนที่เมือง Crewe บางเที่ยวนั่งยาวถึงเมืองลิเวอร์พูลเลยก็ได้


เมื่อมาถึงเมืองลิเวอร์พูลเรียบร้อยแล้ว เราจะเดินทางไปยังโรงแรมที่พัก โรงแรมแรกที่ผมพักในทริปนี้ คือโรงแรม The Z Hotels ที่ผมชอบมาพักเป็นประจำในทุกๆ ทริปที่ผ่านมา ผมมาพักบ่อยจนพนักงานต้อนรับของโรงแรมให้ผมสมัครสมาชิกของโรงแรมไปเลย



สำหรับการเดินทางไปโฮสเทลที่ผมชอบที่สุดตั้งแต่เคยพักมาในเมืองลิเวอร์พูล คือโฮสเทล Hatters นั้น ไม่ไกลจากสถานีรถไฟลิเวอร์พูลไลม์ สตรีทเลยครับ แม้จะไม่ได้อยู่ในใจกลางตัวเมืองลิเวอร์พูลก็ตาม



ส่วนโรงแรม Cocoon และโฮสเทล International Inn ที่ผมพักในทริปนี้ อยู่ไม่ไกลจากโรงแรมโฮป สตรีทหรือ Hope Street Hotel ที่นักเตะทีมลิเวอร์พูลจะมาพักในคืนก่อนแข่งสำหรับแมทช์ในบ้านช่วงสุดสัปดาห์ เราลองมาดูเส้นทางการเดินทางไปโรงแรมโฮป สตรีทจากโรงแรม The Z Hotels ที่ผมพักกันดูนะครับ



โรงแรมโฮป สตรีทสำคัญอย่างไรในทริปนี้ของผม ลองมาดูวีดีโอต่อไปนี้กันครับ แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมผมถึงต้องเดินทางมาที่โรงแรมแห่งนี้



ส่วนในวันแข่ง ผมจะมายืนรอส่งนักเตะจากโรงแรมโฮป สตรีทไปสนามแอนฟิลด์ครับ



ถนนโฮปหรือ Hope Street เป็นถนนสำคัญเส้นหนึ่งในเมืองลิเวอร์พูลก็ว่าได้ เพราะเป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างมหาวิหารสองแห่งในเมืองลิเวอร์พูล คือ Liverpool Cathedral กับ Liverpool Metropolitan Cathedral เมืองใดที่มหาวิหารอยู่ เมืองนั้นๆ จะมีสถานะเป็นเมืองใหญ่หรือ City ครับ แต่ถ้าไม่มีมหาวิหารอยู่ จะมีสถานะเป็นเมืองเล็กหรือ Town เท่านั้นน่ะครับ ในเมืองลิเวอร์พูลมีมหาวิหารถึงสองแห่งเลย



จากในวีดีโอข้างต้น เราจะเห็นวิธีการเดินทางไปยังโรงแรม Cocoon กับโฮสเทล International Inn กันด้วยนะครับ เหตุผลที่ผมเลือกพักโรงแรมและโฮสเทลสองแห่งนี้ นอกเหนือจากเรื่องราคาที่พักที่ถูกมากๆ แล้ว ก็เพราะที่ตั้งที่อยู่ใกล้กับโรงแรมโฮป สตรีทนั่นเองครับ
มาถึงวันเดินทางไปชมเกมที่สนามแอนฟิลด์ เกมแรกวันบ็อกซิ่ง เดย์ เป็นเกมที่ทีมลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะทีมสวอนซี ซิตี้ไปได้ 5-0 ครับ



ส่วนเกมที่สองก่อนวันสิ้นปี เป็นเกมที่ทีมลิเวอร์พูลเปิดบ้านเอาชนะทีมเลสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 2-1 จากโม ซาลาห์ทั้งสองประตู



สำหรับเกมปิดท้ายก่อนกลับบ้าน เป็นเกมสุดมันในศึกเมอร์ซีย์ไซด์ ดาร์บี้ของการแข่งขันเอฟเอ คัพรอบ 3 ที่ทีมลิเวอร์พูลเอาชนะทีมเอฟเวอร์ตันไป 2-1 ครับ



หลังจากชมเกมการแข่งขันทั้งสามเกมไปเรียบร้อยแล้ว เราลองมาทัวร์สนามแอนฟิลด์กันครับ



ถึงเวลาเดินเล่นในช็อปสโมสรที่มี 3 สาขาในเมืองลิเวอร์พูล เริ่มจากสาขา Liverpool One กันก่อนครับ



ช็อปสโมสรสาขาต่อมาคือ Williamson Square ครับ



ช็อปสโมสรแห่งสุดท้าย เป็น Flagship Store ของสโมสรเลยก็ว่าได้ คือสาขา Anfield นั่นเองครับ เพิ่งเปิดให้บริการเมื่อกลางปี 2560 ที่ผ่านนี่เอง



เรามาเปลี่ยนบรรยากาศ มาดูการรีวิวที่พักในทริปนี้ของผมกัน เริ่มจากโรงแรม The Z Hotels เหตุผลหลักๆ ที่ผมชอบโรงแรมแห่งนี้นอกเหนือจากตำแหน่งที่ตั้งแล้วก็คือ รายการทีวีช่อง 429 LFCTV HD นั่นเองครับ ดูได้ตลอด 24 ชั่วโมงเลย



ที่พักต่อมาคือโฮสเทล Hatters ที่ผมหลงรักการพักแบบโฮสเทลก็เพราะ Hatters แห่งนี้นั่นเองครับ ทริปหน้าผมมาพักที่นี่แน่นอน บรรยากาศเหมือนพักหอพักรวมกับเพื่อนๆ มีอาหารเช้าบริการฟรี คราวหน้าผมจะนำทูน่าสเปรดกับเมล็ดเจียติดตัวไป สำหรับทาขนมปังปิ้งกับผสมนมสดที่ห้องอาหารของโฮสเทล คงเป็นอาหารเช้าที่สมบูรณ์แบบแน่นอนสำหรับตัวผมน่ะครับ



ต่อมามาดูบรรยากาศภายในห้องพักของโรงแรม Cocoon กับบ้าง



ปิดท้ายด้วยบรรยากาศของโฮสเทล International Inn ครับ



มาถึงเรื่องอาหารการกิน ผมย้ำเสมอว่า ผมไม่ใช่คนประเภท Enjoy Eating หรือพวกสนุกสนานเพลิดเพลินกับการกินจนทำให้ร่างกายพัง เนื่องจากผมอายุมากแล้ว ชีวิตผ่านแยกหลักสี่มาพอสมควร กำลังจะเข้าห้าแยกปากเกล็ดอยู่ไม่กี่ปี ดังนั้นผมต้องใส่ใจในการเลือกอาหารการกินสักนิดนึง หลีกเลี่ยงพวกอาหาร หวาน มัน เค็ม ซึ่งเจอมากมายในประเทศอังกฤษ และต้องกะปริมาณอาหารที่กินพออิ่ม หลายคนอาจหัวเราะที่ผมประหยัดเรื่องอาหารการกินในทริปนี้เหลือเกิน จริงๆ ผมไม่ได้ประหยัดครับ แต่ผมคุ้นชินกับการกินอาหารในแบบของผมมานานแล้ว ไว้คุณอายุมากแล้วตรวจร่างกายประจำปีดู ถ้าผลออกมาแย่ คุณอาจจะเห็นคุณค่าของการพิจารณาปริมาณและคุณภาพของอาหารแบบที่ผมกำลังทำอยู่ก็เป็นได้นะครับ ประเภทอาหาร "อร่อยปาก ลำบากกาย ทำลายสุขภาพ" ผมขอบายมานานแล้วครับ แซนด์วิชที่ผมซื้อจากร้าน Poundbakery ผมจะซื้อแบบขนมปังโฮลหวีตไส้ทูน่าหรือไส้ไก่ที่มีผักผสมอยู่ ไม่ต้องกลัวว่าผมจะขาดสารอาหาร (อย่างที่ใครบางคนกล่าวไว้ในกระทู้ก่อนของผม) และผมก็ไม่ได้กินทุกวัน จะกินสลับกับอาหารที่ซื้อจากเทสโก เรื่องอาหารการกินในทริปนี้ ผมประหยัดเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพน่ะครับ



มาถึงเวลากลับบ้านกันแล้ว การเดินทางก็จะย้อนกลับจากวันที่เดินทางมานั่นเองครับ เริ่มจากสถานีรถไฟ Liverpool Lime Street กลับไปสถานีรถไฟ Euston ในกรุงลอนดอน จากนั้นนั่งรถไฟใต้ตินจากสถานี Euston ไปต่อสาย Piccadilly Line ที่สถานี Leicester Square สุดท้ายก็ไปลงที่สถานี Heathrow Terminal 5 (ถ้าเป็นสายการบินอื่นจะไปลงที่สถานี Heathrow Terminal 4 & 1,2,3 ) จากนั้นก็ทำการ Check in และโหลดกระเป๋าของสายการบินบริติช แอร์เวย์ส ที่โหลดกระเป๋าของสายการบินนี้ จะเป็นเครื่องอัตโนมัติแบบไม่มีพนักงานอยู่ตรงที่เราโหลดกระเป๋าขึ้นเครื่อง ดูทันสมัยมากๆ สำหรับสายการบิน BA นี้น่ะครับ



ผมขอแถมท้ายด้วยวีดีโอที่ผมทำขึ้นมาสำหรับคนที่มีโอกาสได้ไปเมืองลิเวอร์พูล ได้ทำความคุ้นเคยกับจุดสำคัญๆ ในตัวเมืองลิเวอร์พูล แล้วคุณจะไม่หลงทิศหลงทางในเมืองลิเวอร์พูล เมืองที่คุณไม่วันเดินเดียวดาย YOU'LL NEVER WALK ALONE in Liverpool ครับ



แล้วพบกันใหม่ในทริปต่อไปของผมเร็วๆ นี้นะครับ