Review: Lady Bird (Greta Gerwig, 2017) เขียนโดย Form Corleone

Lady Bird (Greta Gerwig, 2017)
คะแนน A


By Form Corleone


"เรื่องราวที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอบอุ่นละมุนลุ่มลึกในช่วงเวลาแห่งการก้าวผ่านพ้นวัย" เสน่ห์ของภาพยนตร์เรื่อง 'Lady Bird' คือความสัมพันธ์ระหว่าง 'แม่-ลูก' ที่ถ่ายทอดและส่งมอบความเป็นธรรมชาติ ท่ามกลางปัญหาเล็กน้อยในชีวิตประจำวัน ความธรรมดาและเรียบง่ายคือความอบอุ่นที่ตัวหนังส่งมอบให้ หนังเต็มไปด้วยอารมณ์ขันและความละมุนละไมของความสัมพันธ์ระหว่างผู้คน บริบทแวดล้อมทำให้เราคล้อยตามและอินไปกับช่วงเวลาทั้งหมดได้เพลิดเพลิน เวลาแห่งการเรียนรู้ของวัยรุ่นอย่าง 'คริสทีน 'เลดี้เบิร์ด' แม็คเพียร์สัน (เซียร์ชา โรแนน)' เต็มเปี่ยมไปด้วยความนึกคิด+สามัญสำนึก ความขบถของตัวละครคือการไม่ยอมรับในสิ่งที่ตัวเองเป็นหรือสิ่งที่ตัวเองมีอย่างพอใจ แน่นอนว่าเราทุกคนคงมีช่วงเวลาวัยรุ่นที่รู้สึกไม่พอใจกับสิ่งที่เป็นอยู่ และหนังเลือกหยิบประเด็นเหล่านี้มาถ่ายทอดได้เป็นธรรมชาติชวนตลกร้ายผสมดราม่าที่ลงตัวอย่างบริสุทธิ์ และนอกจากประเด็นการเข้าใจตัวเองแล้วนั้น ประเด็นหลักที่น่าจะคลิกกับช่วงอายุที่ตัวละครในเรื่องเป็นคือการต่อล้อต่อเถียงกับผู้ปกครองโดยปกติ แน่นอนว่าความสัมพันธ์ระหว่าง 'เลดีเบิร์ด' และแม่ (ลอรี เม็ตคาล์ฟ) ก็คงอยู่ในรูปแบบเหล่านั้น ทั้งรักทั้งชังในเวลาเดียวกัน และการแสดงของ 'เซียร์ชา โรแนน' ทำให้เราหลงรัก 'เลดี้เบิร์ด' การแสดงของ 'ลอรี เม็ตคาล์ฟ' ทำให้เราเข้าใจหัวอกคนเป็นแม่ที่ขี้จุกจิกแต่รักสุดหัวใจ นอกจากนี้ 'เลดี้เบิร์ด' ยังมีพ่อที่ตกงาน มีพี่ที่ไม่เอาไหน ฐานะทางครอบครัวที่ไม่สู้ดีนัก ทั้งหมดรวมอยู่ในปัญหาที่เด็กสาวคนหนึ่งไม่ควรที่จะต้องพบเจอ


สิ่งหนึ่งที่น่ายินดีในช่วงเวลาที่รับชมคือหนังเต็มไปด้วยความละมุนลุ่มลึกและไม่ดูแข็งกระด้างหรือก้าวร้าว แม้จะดูรุนแรงในบุคลิกของ 'เลดี้เบิร์ด' แต่งานกำกับของ 'เกรต้า เกอวิค' กลับให้ความรู้สึกอ่อนโยนจับใจ ทั้งที่เรื่องราวในเรื่องชวนเวียนหัวไปกับพฤติกรรมต่างๆก็ตาม ส่วนหนึ่งคงเป็นจังหวะในการเข้าทำที่พอเหมาะพอดี ไม่รุนแรงเกินไปในทุกฉากที่ตัวละครแสดงความก้าวร้าวออกมา จะด้วยความน่ารักของ 'เซียร์ชา โรแนน' ส่วนหนึ่งด้วยที่ทำให้พฤติกรรมก้าวร้าวดูซอฟต์ลงจนเรื่องราวเหล่านั้นดูไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะแก้ปัญหาและเรียนรู้ผ่านไปได้ นอกจากนี้ ตัวภาพยนตร์ได้แสดงให้เห็นว่าครอบครัวคือส่วนสำคัญที่หล่อเลี้ยงหลอมรวมให้เราเป็นเราในทุกวันนี้อย่างไม่ต้องสงสัย 'เลดี้เบิร์ด' คือตัวแทนของผลผลิตที่มาจากสภาพแวดล้อมในครอบครัว+สภาพของเมืองที่อยู่อาศัย อย่างเห็นได้ชัดเจน แม้ว่าเธอจะเกลียดชีวิตในครอบครัวหรือบ้านเกิดที่ไม่น่าอยู่ของตัวเองก็ตาม แต่เธอก็รักครอบครัวและบ้านเกิดของเธอด้วยในระดับที่ใกล้เคียงกัน ทั้งหมดจึงถูกหลอมรวมและกลายเป็นตัวเธอในท้ายที่สุด แต่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม ตัวเธอก็สามารถเลือกชีวิตด้วยตัวเธอเองได้ เธอสามารถสร้างเส้นทางในความเป็นตัวของตัวเองได้เสมอ แน่นอนว่าคนในครอบครัวก็พร้อมที่จะรับในตัวตนของเธอได้เช่นกัน การเรียนรู้ที่สำคัญที่สุดจึงเป็นการรู้จักตัวเอง


อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลา 1 ชั่วโมง 34 นาที ของ 'Lady Bird' กลับทำให้เรารู้สึกได้รับพลังใจและเรียนรู้ผ่านตัวละครได้อย่างเต็มที่โดยไม่รู้สึกว่าหนังเองสั้นจนเกินไป เรากลับรู้สึกว่าตัวหนังยาวนานกว่าเวลาที่เคลื่อนตัวผ่านไปด้วยซ้ำ เพราะความค่อยๆดำเนินเรื่องแต่ตรงประเด็นและเข้าถึงง่าย ทำให้เวลาทุกนาทีของหนังนั้นมีคุณค่า น่าสนใจอยู่ตลอดเวลา ความคิดและการมองโลกของ 'เลดีเบิร์ด' ที่นอกกรอบคงจะช่วยให้เธอรอดพ้นวิกฤตต่างๆไปได้ และพร้อมที่จะเติบโตได้อย่างเข้มแข็ง ก้าวพ้นผ่านวัยไปสู่การเป็นผู้ใหญ่ได้อย่างเต็มตัว ความแข็งแรงในบทภาพยนตร์และการถ่ายทอดของเหล่านักแสดงทำให้เรื่องราวที่ไม่แปลกใหม่และเชยไปแล้วด้วยซ้ำสำหรับหนังแนวนี้แต่ทั้งหมดกลับทำให้เราพบเจออะไรใหม่ๆอย่างที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนจากหนังแนว 'Coming of age' เรื่องไหน ความไม่ธรรมดาในความเรียบง่ายจึงดูมีเสน่ห์ ไม่แพ้ความแปลกประหลาดได้เหมือนกัน เหนือสิ่งอื่นใด โลเคชั่นที่หนังเลือกใช้ยังเข้ากับสถานการณ์ในเรื่อง ภาพเมืองของซาคราแมนโต้ ที่ยอมรับว่าเราพึ่งเคยได้ยินชื่อเป็นครั้งแรก ยังสะท้อนความไม่เจริญของผู้คนชนชั้นกลางที่มีเพียงศาสนาเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจและผูกพันแนบสนิทอย่างแยกจากกันไม่ขาด


ท้ายสุด 'Lady Bird' สามารถพาเราเรียนรู้ไปกับความสัมพันธ์ระหว่างตัวละคร และการเติบโตที่ระหว่างทางนั้นเต็มไปด้วยเรื่องราวสร้างรอยยิ้ม สร้างเสียงหัวเราะ ดราม่า และเต็มเปี่ยมไปด้วยความลึกซึ้งละมุนละไมในจังหวะที่พอดี การแสดงที่ยอดเยี่ยมของ 'เซียร์ชา โรแนน' ปัจจัยภายนอกที่ 'เลดี้เบิร์ด' ได้พบเจออาจเป็นอุปสรรคให้เธอนั้นไม่มีความสุขในชีวิต แต่ความสุขที่ไม่ได้เป็นตัวของตัวเองนั้นคงจะทุกข์ใจไม่แพ้กัน ฉะนั้น สิ่งที่เราสามารถสร้างความสุขได้ด้วยตัวของเราเอง หาใช่บริบทแวดล้อมข้างกาย แต่เป็นบริบทภายในตัวเราที่จะเลือกเป็นตัวของเราตามเสียงหัวใจที่เพียรบอกอยู่เสมอ และเมื่อเรายอมรับตัวตนของเราได้ เมื่อนั้นเราจะเปิดใจยอมรับตัวตนของผู้อื่นได้เช่นกัน การเติบโตจึงอาจเป็นการเข้าใจตัวเองและเข้าใจผู้อื่น จนพบสายตาที่มองสิ่งรอบข้างอย่างธรรมดาสามัญและมองในความเป็นไปของสิ่งเหล่านั้นอย่างเข้าใจ...


ขอให้มีความสุขกับการรับชมภาพยนตร์ครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ติดตามรีวิวภาพยนตร์ได้ที่
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่