Japan Trip :: กระเตงลูกน้อยท่องเที่ยวคันไซ .. สนุกสุขใจตามประสา พ่อ แม่ ลูก | Kyoto Osaka Himeji 7วัน4คืน ฉบับเดียวจบ :)

สวัสดีค่ะทุกคนนนนนนน กลับมาอีกครั้งกับการเที่ยวแบบฉบับบ้านชวินนะคะ

หลังจากที่คราวที่แล้ว เราได้พาเจ้าตัวแสบไปเปิดโลกกว้างฉลองวันเกิดอายุสองขวบที่ญี่ปุ่นกันมา ก็เกิดความติดอกติดใจในประเทศนี้อย่างหนัก จนคิดไว้ว่า ถ้าเป็นไปได้ ก็อยากจะไปทุกๆปี แต่ในความเป็นจริงนั้นนนนน //เรื่องมันเศร้า เงินเราเสกไม่ได้ .. เมื่อปีที่อายุครบสามขวบ เราเลยพักกระเป๋ากันด้วยการท่องเที่ยวอยู่ทางโซนภาคเหนือของไทย ซึ่งสามีอิชั้นนางบอกว่านางเป็นผู้เชี่ยวชาญทางโซนนั้น ก็เลยปล่อยให้นางเป็นคนจัดการทุดอย่าง ตั้งแต่วางแพลน จัดแจงจองที่พัก หาร้านอาหารอร่อยๆ ส่วนอิศรีฯมีหน้าที่เป็นโชเฟอร์ขับรถตามสั่งอย่างเดียว //รักเมียแค่ไหนถามใจดู สุพรรณ-เชียงใหม่-สุพรรณ ให้อิศรีฯขับคนเดียว โซโล่เดี่ยว ไม่มีเปลี่ยนมือเลยเจ้าค่ะ!! ศรีฯไม่ไหว ศรีฯจะไม่ทน หลังจากจบทริปเชียงใหม่ ศรีฯประกาศกร้าวเลยค่ะ "ทริปหน้า โอซาก้า โอนลี่!!"


แต่หลังจากที่ประกาศกร้าวไปอย่างฮึกเหิมได้ไม่นาน ก็มีเหตุที่ทำให้ต้องพับโครงการโอซาก้าไปก่อน ศรีฯเลยปล่อยตัวตามสบาย ไม่เก็บตัง แถมเอาตังที่เริ่มเก็บมาเปย์ชีวิตกับมินิทริปกลางปีอีกตะหาก แต่ก็ดัน มามีเหตุให้เหตุที่ทำให้ต้องพับโครงการยกเลิกไป (ไม่งงเนอะ) .. แต่ตอนนั้นก็ไม่ได้คิดว่าจะได้ไปละนะ เพราะว่าไม่ได้เตรียมอะไรเลย ไม่ได้หาข้อมูล ไม่ได้เก็บเงิน เลยกะว่า สี่ขวบก็เอาแถวเพื่อนบ้านละกันลูก อิชั้นก็เมียงๆมองๆ ไม่ฮ่องกง ก็สิงคโปร์ ใกล้ๆละกัน
เวลาผ่านไป .. ล่วงมาถึงช่วงต้นเดือนกันยายน ที่แสนจะอบอ้าว อยู่ๆ อิหลัวก็เดินมา บอกว่า "ปีนี้ไปญี่ปุ่น ไปช่วงเวลาเดิม เตรียมตัวด้วย" .. เดี๊ยวววว เตรียมอะไร? "ถ้าอยากไป ก็เตรียมมา" เอ้าาา ทำไมพูดแบบนี้ล่ะคะคู๊ณณณณ คิดว่าให้เวลาแค่นี้ เมียจะทำได้รึงัย!!  
//ตัดภาพมา ,, เมียวิ่งงกๆไปหยิบกระดาษปากกา  หยิบโทรศัพท์มาเปิดแอพพันทิป หากระทู้เที่ยวคันไซ และหน้าดำคร่ำเคร่งอยู่หลายอาทิตย์จนน้ำหนักขึ้นมาหลายกิโล

ถ้าใครอยากรู้ว่าแพลนฉุกละหุกของบ้านชวินจะสนุกแค่ไหน วิ่งตามศรีมาเลยค่าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา






พอได้รับคำสั่ง อิชั้นก็รีบตาลีตาเหลือก หาวันลง เอาแบบให้เที่ยวได้มากวันที่สุด แต่รบกวนเวลาทางบ้านน้อยที่สุด เนื่องจากเราไปแบบค่อนข้างกระทันหัน ทำให้ทางบ้านก็ต้องสลับเวรทำมาหากินกันแบบกระทันหันไปด้วย เราเลยตัดสินใจว่าจะเดินทางตอนกลางคืน เพื่อจะได้ถึงญี่ปุ่นตอนเช้า แล้วเที่ยวต่อได้เลย และวันกลับ จะกลับให้ถึงเมืองไทยวันอาทิตย์ เพื่อได้มีเวลาพักผ่อน เตรียมพร้อมตื่นขึ้นมาไถนาหาเงินในวันต่อไป เลยสรุปวันมาได้ดังนี้






หลังจากเราลงวัน ลงแพลนอะไรได้เรียบร้อย เราก็มาเก็บรายละเอียดปลีกย่อยต่างๆ แต่พอมาถึงจุดนี้ ก็ไม่เวียนหัวเท่าไรละ เพราะศรีฯเคยผ่านมาแล้วครั้งนึง มายากตรงเก็บตังให้ได้ตามเป้าเนี่ยแหละค่ะ หืดจับมากกกกกกกกก

การเตรียมตัวอะไรต่างๆ ศรีฯก็ไม่ซี เพราะเคยผ่านมาแล้วเช่นกัน ตามหัวข้อดังต่อไปนี้
:การเตรียมเสื้อผ้าให้เหมาะสมกับสภาพภูมิอากาศ - แน่นอนค่ะ อิชั้นใช้บริการเวปเก่าเจ้าเดิม www.accuweather.com แม่นในระดับที่เชื่อถือได้แบบหน้าไม่แหก และแม่นมากกกในระยะสามวันล่วงหน้า แน่นอนว่าไปช่วงปลายปี อากาศก็ต้องหนาวเป็นธรรมดา พุ่งตัวไปค่ะ Uniqlo เจ้าเก่า ไปกวาด Heattech มาให้ครบ ช่วยชีวิตได้ดีอย่างเหลือเชื่อ รอบนี้หลัวศรีใจดี ถอยเสื้อขนเป็ดตัวยาวให้เป็นรางวัลหนึ่งตัวถ้วน ดีใจไปจนถึงชาติหน้าเลยทีเดียว .. จริงๆ การเตรียมเสื้อผ้า เราว่ามันเป็นเรื่องสำคัญนะ คือไปเที่ยวทั้งที จะไปแล้วป่วย มันก็จะเที่ยวไม่สนุกเอา เราป่วยยังพอทน ลูกป่วยนี่ จบเห่เลย ฉะนั้น เตรียมไปให้พร้อมดีกว่าไปหวังน้ำบ่อหน้า จริงอยู่ว่าที่ญี่ปุ่น เสื้อผ้าอากาศหนาวอาจจะมีราคาถูกและสวยกว่าที่เมืองไทย แต่กว่าเราจะฝ่าความหนาวไปจนถึงร้าน มันก็ดูน่าจะไม่สนุกเท่าไร ถ้าเตรียมไปได้ไม่ลำบาก ก็เตรียมไปเห๊อะ
:รถเข็น - ถึงแม้ชวินจะสี่ขวบแล้ว รถเข็นก็ยังคงเป็นสิ่งที่จำเป็นอันดับต้นๆ เพราะเฮียยังคงต้องการนอนกลางวันอยู่ ฉะนั้น แบกไปค่ะ เพื่อสุขภาพจิตที่ดีของลูก และเพื่อความปลอดภัยของสุขภาพหลังของแม่ .. อ้อ แนะนำ พลาสติกคลุมรถเข็น อันนี้ดีงามจริง ถ้าใครได้อ่านจากกระทู้ก่อน (ซึ่งถ้าใครไม่ได้อ่าน เลื่อนลงไปอีกนิดจะเจอลิ๊งค์ เดี๋ยวเค้าแปะไว้ให้) จะรู้ว่ามันช่วยได้มาก กันลม กันฝนได้ดีมาก ชวินนั่งสบ๊ายยย และบ้านเราก็ได้ฝากทิ้งไว้ที่รางรถไฟสถานี JR แห่งหนึ่งในกรุงโตเกียว //น้ำตาอิแม่จะไหล อันละพันสอง คราวนี้ จะไปแบบไม่พึ่งนางก็กลัวลูกจะหนาว และเผื่อไว้ว่าจะเจอฝน เลยวานให้ป้าย้งคนงามคนเดิม ช่วยสั่งจากอเมซอนให้ไปส่งที่โรงแรมที่เราจะเข้าพักคืนแรก //รอบนี้โชคดี อเมซอนลดราคาเหลือไม่ถึงพัน ฉะนั้น ใครพอจะพกไปได้ไม่ลำบาก ควรพกไปเป็นอย่างยิ่ง
:ของใช้อื่นๆ - จำพวกทิชชู่เปียก ทิชชู่แห้ง ขวดน้ำทั้งหลาย เรายังคงพกไปเหมือนเคย เพิ่มเติมคือตุ๊กตาตัวโปรดของชวิน ที่ห่างกันไม่ได้เลย เอาไปให้เป็นภาระปะป๊ามาก 555555555555 .. ยาสามัญประจำบ้าน รอบนี้เราไม่ได้พกไปเต็มสูบแบบคราวที่แล้ว เราติดไปแค่บางตัวที่คิดว่าน่าจะได้ใช้ในยามฉุกเฉิน ที่แน่ๆก็จะเป็นพาราเซตามอลทั้งของเด็กและของผู้ใหญ่ ยาแก้ท้องเสีย น้ำเกลือล้างจมูกแบบซอง (ถ้าจำไม่ผิด เหมือนจะเอาไปแค่นี้)
:เอกสารต่างๆ - เราใช้กระเป๋าใบเดิม ในการเก็บเอกสารต่างๆไว้รวมกัน ยกเว้นพาสปอร์ตและเงินสดที่พกติดตัว เพื่อที่เวลาหาอะไร ได้หาที่กระเป๋าเดียว .. เงินสด แยกซองค่าใช้จ่ายในแต่ละวัน เป็นค่ากิน+จิปาถะเล็กน้อยในแต่ละวัน, ซองค่าโรงแรมทั้งสองแห่ง แยกไว้ต่างหาก เพื่อแวลาหยิบใช้ได้ไม่ปนกัน และจะได้ไม่เผลอหยิบค่าโรงแรมมาช๊อปปิ้ง 5555555
:การติดต่อสื่อสาร - คราวที่แล้วเราเลือกเช่า pocket wifi ไปจากเมืองไทย คราวนี้สามีรีเควส ขอใช้ซิม เผื่อเวลาเดินแยกกัน ได้ไม่ต้องกลัวหากันไม่เจอ และนางขี้เกียจพกกระปุก (แต่เอาจริงๆ เมียเป็นคนพกไม่ใช่เหรอ? 555) เราเลยไปจัด sim2fly มา 2ซิม เปลี่ยนซิมก่อนขึ้นเครื่อง ลองเปิดเครื่อง ลองเทสต์ตามคู่มือ ใช้ได้ เป็นอันจบ
:การเดินทางในญี่ปุ่น - รอบนี้เราไปน้อยวัน การเช่ารถขับจึงไม่จึงเป็น และเรามีการเดินทางที่มากขึ้น การเลือกซื้อพาสจึงเป็นสิ่งที่น่าจะเหมาะสมมากที่สุด และเท่าที่ดูแพลนตัวเอง JR Kansai WIDE Area Pass 5days จึงเป็นทางเลือกที่น่าจะเหมาะสมที่สุดสำหรับการท่องเที่ยวในครั้งนี้ และด้วยความแฮ่ด ศรีฯก็จัด Kansai One Pass รูปเจ้าหนู Astro boy มาด้วยอีก 1ใบ เผื่อได้ใช้เวลานั่งรถไฟใต้ดินได้ //Kansai One Pass คือบัตร ICOCA นั่นแหละ เป็นบัตรเติมเงิน เอาไว้จ่ายเป็นเที่ยวๆไป ใช้งานเหมือน ICOCA ทุกประการเลย แต่ไม่แน่ใจเรื่องสิทธิประโยชน์ที่เพิ่มมากับเจ้าบัตรนี้นะคะ เพราะหยกไม่ได้ใช้อะไรเพิ่มเติมเลย สามารถซื้อบัตรได้ที่ JR Office นะคะ หยกซื้อตอนแลกพาสค่ะ แจ้งจนท.ว่าขอซื้อเพิ่ม จ่ายตังไป ก็ได้มาครอบครองค่ะ เงื่อนไขการเติมเงิน เงินมัดจำเมื่อคืนบัตร เหมือนบัตร ICOCA ทุกประการ แต่อิชั้นไม่ได้คืนบัตรค่ะ เก็บมาเป็นที่ระลึก ถ้าจำไม่ผิด บัตรมีอายุ 10ปี(มั้งคะ) ยังงัยเราก็มีโอกาสได้กลับไปใช้อีกแน่นอนนนนนน
:การแพคกระเป๋าและส่งกระเป๋าไปยังโรงแรม - เนื่องจากเรามีการแยกนอนโรงแรมสองแห่ง และเมื่อถึงญี่ปุ่นแล้วเราจะเที่ยวเลย การแบกกระเป๋าไปด้วยคงไม่ใช่เรื่องที่น่าสนุกซักเท่าไร จะไปหวังหาล๊อกเกอร์ฝากกระเป๋า ก็ไม่อยากเสียเวลา ศรีฯเลยต้องทำการบ้านหาข้อมูลเรื่องการส่งกระเป๋าจากสนามบินไปยังโรงแรมเพิ่มขึ้น ทำให้รอบนี้ ศรีฯต้องเพิ่มงานการแพคกระเป๋าแยกเพื่อส่งไปยังโรงแรมทั้งสองแห่ง และแพคเสื้อผ้าที่จะใส่วันแรกใส่กระเป๋าใบเล็กถือขึ้นเครื่องเพื่อไปเปลี่ยนเมื่อถึงสนามบิน
.
.
.

ป้ะ แพคกระเป๋าเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาเดินทางแล้วล่ะ .. ออกเดินทางกันเล๊ยยยยยย!





Day 1 : 27 Nov 17 วันเดินทาง

เนื่องจากว่าเราเดินทางกันตอนกลางคืน รอบนี้เราเลยไม่ต้องเมาขี้ตาตื่นกันขึ้นมาตั้งแต่ตีสองตีสาม เราออกจากบ้านกันประมาณ 4โมงเย็น คราวนี้ให้เพื่อนสามีขับรถไปส่ง กะว่าจะไปถึงสนามบินซักหกโมง กินข้าวเย็นที่สนามบิน แล้วค่อยเช็คอิน โหลดกระเป๋า .. ละด้วยความที่ว่าเราต้องนอนบนเครื่องบิน อิชั้นคิดว่า การที่เราจะจัดเต็มชุดฤดูหนาวบนภาคพื้นแผ่นดินไทยที่แสนร้อน คงไม่ใช่ความคิดที่ดีเท่าไร อิชั้นเลยจัดชุดที่พอทนหนาวได้ แต่ก็นอนได้ไม่อึดอัด เพื่อใส่เดินทางไปสนามบินและนอนบนเครื่องบิน แล้วยัดชุดแฟชึ่นฤดูหนาวทั้งหมดลงกระเป๋าใบเล็กเพื่อถือขึ้นเครื่องไปด้วย กะว่าพอถึงสนามบิน ก็ค่อยแวะเปลี่ยนในห้องน้ำ รึถ้ามีเวลา ก็อยากจะลองไปอาบน้ำล้างหน้าแปรงฟันที่สนามบินคันไซดู


นี่คือชุดพร้อมนอนของชวินเองคับ

แน่นอนว่ารถเข็น สามารถเข็นไปได้ถึงหน้า Gate .. ตอนเช็คอิน โหลดกระเป๋า ให้แจ้งเจ้าหน้าที่ที่เคาน์เตอร์ ว่าเราต้องการใช้รถเข็นไปจนถึงหน้า Gate เจ้าหน้าที่จะทำการติด tag ที่รถเข็นให้เราเหมือนกับที่กระเป๋า จากนั้นเราก็ค่อยเดินตัวปลิวสบายใจเข็นลูกไปเดินเล่นด้านในระหว่างรอขึ้นเครื่องได้เลย
เมื่อไปถึงหน้า Gate จะมีเจ้าหน้าที่ของสายการบินมารับรถเข็นไป เราก็เดินจูงลูกสวยๆเข้าไปนั่งที่ได้ พอถึงสนามบินปลายทาง เจ้าหน้าที่ก็จะเอารถเข็นออกมารอไว้ให้ตรงทางออกจากเครื่องบิน สะดวก สบาย ไม่เมื่อย
การเดินทางครั้งนี้เราเลือกใช้บริการของ JAL บินตรงจากกรุงเทพไปคันไซ ใช้เวลาบินน้อยกว่าไปนาริตะ ดังนั้น การเก็บแต้มเวลานอนบนเครื่องของศรีฯและสามีจึงแทบไม่มีแต้มเลย แน่นอนว่า ชวินคึกคักและตื่นเต้นมาก จากที่กะว่าซักสามทุ่มก็น่าจะหลับตั้งแต่ที่สนามบินก็ไม่หลับ จนเครื่องขึ้นแล้วก็ยังไม่หลับ กว่าชวินจะหลับ พอแม่จะได้หลับหน่อย เอ้าาา เสิร์ฟอาหารเช้า TT คือบอกตรงๆว่าง่วงมากถึงมากที่สุด ส่วนเจ้าตัวป่วนอะเหรอ กัปตันแลนด์ดิ้งแล้ว ผดส.ออกจากเครื่องไปหมดแล้ว พ่อคุณก็ยังคงอยู่สภาพเดิม //ต้องขอขอบคุณน้องนุ่น สจ๊วตหนุ่มหล่อ ที่มาช่วยพี่แบกของในระหว่างที่ทุลักทุเลอุ้มชวินขึ้นมาเพื่อลงจากเครื่อง ก่อนที่กัปตันจะสตาร์ทเครื่องอีกทีแล้วพาเรากลับกรุงเทพไปด้วย


เก้าอี้ eco ของ JAL จริงๆก็ไม่ได้คับแคบเท่าไร แต่ด้วยชวินตัวใหญ่ขึ้น การนอนหนุนตักแล้วเอาขาพาดเลยค่อนข้างทุลักทุเล จะเหยียดสุด ก็จะเลยไปพาดเอาตักคนข้างๆแม่ ก็ต้องนอนขดๆกันไป แต่เฮียก็หลับได้นะ 5555

เอ้าลูกกก .. ถึงสนามบินแล้ว ตื่นคับบบบบ ไปเที่ยวกันได้แล้ววววว!!!





ขอแปะลิ๊งทริปแรกไว้กงนี้ค่ะ
Japan Trip :: กระเตงลูกน้อยตะลุยโตเกียว .. ท่องเที่ยวเฮฮาตามประสา พ่อ แม่ ลูก | Tokyo 8วัน 7คืน ฉบับเดียวจบ ยิ้ม
https://ppantip.com/topic/34779810




**คำเตือน** ทริปนี้รูปเยอะมากนะคะ (หลัวว่ามางี้)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่