พูดถึงสถานที่ท่องเที่ยวที่มีเงินอย่างเดียวก็ไปไม่ได้
ภูกระดึง นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่ง ที่มีเงินก็ไปไม่ได้
ต้องมีกำลังกาย และกำลังใจอย่างมาก ถึงจะมาถึง
ภูกระดึง ภูเขารูปหัวใจแห่งนี้ พวกเรามากันหลายครั้งแล้วครับ
ได้เจอมาหลายบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นหนาวติดลบ อากาศร้อนแบบแห้ง ๆ หรือว่าฝนชุ่มชื่น
ครั้งนี้ก็ได้อีกบรรยากาศคือ หมอกปกคลุม เป็นเมืองบนสววรค์กันไปเลย
ทุกครั้งได้ทั้งความเหนื่อยที่ประทับใจทุกครั้ง
เลยอยากจะเล่าให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน เผื่อจะเป็นแรงให้ฮึดสู้
ให้ได้ไปถ่ายภาพกับป้าย
"ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง" กันสักครั้ง
ได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศแบบที่คุณไม่ได้เจอแน่ถ้ายังเดินเที่ยวสถานที่ทั่วไป
มันจะเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ ที่ใหญ่มากในใจเรา กับการเอาชนะจิตใจตัวเองที่ขึ้นมาได้
หลายคนชอบไปเที่ยวพักผ่อนแบบสบาย ๆ แต่มันจะได้แค่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ต่างจากที่ภูกระดึง นอกจากรูปถ่าย มันจะได้ความสนุกที่ที่เที่ยวอื่นไม่มี ...
จะเรียกว่ามาทรมานตัวเองเพื่อความสนุก ก็ไม่แปลกเนอะ 555
เปิดหัวมาเยอะ เล่าการไปครั้งนี้กันดีกว่าครับ
ทริปนี้เปลี่ยนการเดินทางใหม่จากเคยขับรถไปเองทุกครั้ง เป็นการนั่งเครื่องบินที่จองไว้ล่วงหน้าปีกว่า
ตอนจองเครื่องบินมีแค่หนุ่ม ๆ 4 คน ตอนจองตั๋วโปร.ลงที่เลย ราคาถูกมากครับ
พออีกเดือนจะถึงวันเดินทาง ก็มีสาว ๆ ขอมาสมทบอีก 3 คน
จองเครื่องบินใกล้ ๆ ตั๋วก็แพงมาก สาว ๆ เลยนั่งรถทัวร์ VIP มา รถทัวร์สมัยนี้ดีมากเลย มีจอทีวี มีเก้าอี้นวดได้
รวมเป็น 7 ประจัญบาน
ครั้งนี้เราจองบ้านพักของอุทยาน ชื่อบ้านกุหลาบขาว มี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ สะดวกมาก เลยแบ่งห้องกันได้อย่างลงตัว
บ้านนี้เคยร่ำลือกันว่าผีดุมาก แต่รุ่นแบบเราผีคงกลัวเลยหัวถึงหมอนนอนหลับเป็นตายทุกคืนครับ
เริ่มจากรวมตัวกันที่ทางขึ้นภูกระดึง ลงทะเบียนการจองห้องพัก
ที่จองมาล่วงหน้าแล้วทางเพจของอุทยานแห่งชาติ (ห้องพักของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ต้องจองทางเพจเท่านั้นนะครับ)
หลังจากนั้นก็มาชั่งของให้ลูกหาบ นำสัมภาระของเราขึ้น
สำหรับคนที่แข็งแกร่ง ก็ไม่ต้องก็ได้นะ แต่ถ้ายังไม่เชื่อมั่นขอแนะนำว่า ลูกหาบดีกว่า
ขึ้นไปสักพักขนาดเสื้อกันหนาว เสื้อแขนยาวที่ใส่ไปยังอยากจะถอดเลยครับ 555
ค่าหาบของถึงที่พัก แค่ 30 บาท ต่อกิโล เท่านั้น ช่วยเศรษฐกิจชาวบ้านแถวนี้ด้วย
พูดถึงลูกหาบนับว่าเป็นพระเอกของที่นี่เลยนะ ทุกคนแข็งแรงมาก ไม่ใช่แค่ร่างกายนะแต่ใจพี่ ๆ แข็งแกร่งมาก
เพราะแค่เราคิดที่จะถือกระเป๋าขึ้นไปยังต้องคิดแล้วคิดอีก แต่นี่แบกกันคนละอย่างต่ำ ๆ 50 กก.
วันที่กลุ่มเราขึ้นไปมีการแบกหินที่จะนำไปก่อสร้างขึ้นไปด้วย (โอ้แม่เจ้า...ขนาดหินยังต้องแบกขึ้นไป แล้วกี่รอบกว่าจะได้เนี่ย)
เรื่องลูกหาบเนี่ยถ้าจะเล่ามีเรื่องให้เล่าหลายมุมมองมาก เป็นสีสันของที่นี่จริง ๆ
คุยต่อเรื่องขึ้นดีกว่า กลุ่มเราเริ่มขึ้นกัน 7.45 น. เสียบบัตรประชาชนแจ้งขึ้นภู
แล้วก็ลุยกันแบบแรงใจสุด ๆ เพื่อพิชิตซำแฮก ก่อนเลย 555 (ซำแฮกเป็นซำแรกที่ขึ้นเขาเป็นระยะทางประมาณ 1 กม.)
ที่ตั้งเป้าซำแฮกก่อนเพราะหลายคนถอดใจที่ซำนี้เลย
สำหรับซำนี้เราน่าจะใช้เวลาไป 1 ชม. ไม่รู้ว่าเดินหรือคลานกันเลย 555
หลังจากผ่านซำนี้ไป แวะทานข้าวเช้า พร้อมน้ำเย็น ๆ
แล้วเดินต่อแบบอิ่มสบายโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากินข้าวอีกทีเย็นแน่ ๆ
จริง ๆ เรากะว่าจะใช้เวลาเดินถึงวังกวาง 3 ชม. ตามที่ซ้อมไว้
แต่คณะเราเป็นคนรักธรรมชาติ อยากสัมผัส วิจัยพืชพรรณไม้ ระหว่างทาง
เลยค่อย ๆ เดินศึกษาธรรมชาติ สุดท้ายเราก็ขึ้นถึงหลังแป ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.
เดินไปที่พักที่วังกวาง อีก 1 ชม. รวมแล้วเราใช้เวลาศึกษาธรรมชาติข้างทางไป 7 ชม. (พูดให้ดูดีที่จริงเหนื่อยจนลิ้นห้อย 555)
พอดีกับที่ลูกหาบนำกระเป๋ามารอเราเรียบร้อยแล้ว 555
หลังจากถึงจุดหมายที่พัก รับกระเป๋า เข้าบ้าน พักผ่อน อาบน้ำ ก็ได้เวลาทานอาหาร
ขอบอกว่าชุดใหญ่จัดกันเต็มที่ครับมื้อแรกบนภูกระดึง
อิ่มแล้วเดินดูเสื้อที่ระลึกร้านค้าข้างบน ก็ถือว่าไม่แพงมากนะครับ
มีของที่ระลึก เสื้อ โปสการ์ด แล้วก็กลับเข้าที่พัก ไม่ต้องรอ 22.00 น. ที่ทางอุทยานจะดับไฟ
(อุทยานจะเปิดไฟระหว่าง 6 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่มครับ)
เพราะหลับก่อน เหนื่อยและอิ่ม หลับสนิท เพื่อรอโปรแกรมพรุ่งนี้เช้าครับ
คือตื่นตี 4.30 น. ไปที่ทำการฯ เพื่อรวมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น (โปรแกรมที่คิดว่าต้องไปกันทุกคนครับ)
กลับมาเรื่องไฟฟ้าหน่อย สำหรับคนที่จะไปภูกระดึง Powerbank นี่สำคัญมากนะครับ
เพราะถึงจะพักที่บ้านพักก็ไม่มีปลั๊กให้ชาร์จนะครับ ต้องไปชาร์จที่ที่ทำการฯ หรือตามร้านอาหารครับ
ที่ร้านอาหารมีบริการให้ชาร์จฟรีสะดวกมากครับ
สาเหตุเพราะที่นี่มีไฟฟ้าจำกัด เพราะใช้ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เก็บไว้ตอนกลางวัน แล้วมาจ่ายแสงสว่างให้เราเท่านั้นครับ
จึงควรเตรียม Powerbank ไปเอง ยิ่งขนาดใหญ่ได้ยิ่งดีครับ จะได้ชาร์จได้หลายครั้ง
เวลาไปทานอาหารก็ขอทางร้านชาร์จได้เลย เพราะส่วนใหญ่ทางร้านจะเตรียมไว้ให้ลูกค้าอยู่แล้วครับ
สมัยก่อนนี่อย่าว่าแต่ที่ชาร์จ โทรศัพท์ก็ไม่ต้องชาร์จครับเพราะไม่มีสัญญาณเลย 555
ดูรูปวันแรกได้ตามนี้นะครับ >>>
ก่อนเดินขึ้นหน้าตาสดใสมาก ๆ ครับ
ชักยิ้มไม่ออกแล้วครับ
เดินมาตั้งนานยังไม่ถึงวำแรก (ซำแฮก) เลยครับ
ถุงเล็ก ๆ นี่เป็นก้อนหินแต่ละถุง 25 กก.อัพครับ
ใช้เวลา 6 ขม.เต็มพอดี ก็มาถึงหลังแป
ที่ชูนิ้วคือแต่ละคนมาพิชิตภูกระดึงคนลบะกี่ครั้ง มีตั้งแต่มาครั้งแรก จนถึง 9 ครั้งครับ
ต้องเดินทางราบอีก 3-4 กม. เพื่อว่าที่พักที่วังกวางครับ
บ้านกุหลาบขาวที่เราจองไว้ครับ
ไปเล่นกับน้องกวางที่ลานกางเต๊นต์ครับ
มีร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้าราคารับได้ ไม่แพงครับ
เซ็นสมุดเยี่ยมหน่อยนึง คนนี้เป็นตากล้องประจำคณะครับ
ปล. ทริปพิชิตภูกระดึงครั้งก่อนของพวกเราครับ >>>
https://ppantip.com/topic/32919259
ภูกระดึง ไปกี่ครั้งก็ยังประทับใจ...
ภูกระดึง นี่ก็เป็นอีกที่หนึ่ง ที่มีเงินก็ไปไม่ได้
ต้องมีกำลังกาย และกำลังใจอย่างมาก ถึงจะมาถึง
ภูกระดึง ภูเขารูปหัวใจแห่งนี้ พวกเรามากันหลายครั้งแล้วครับ
ได้เจอมาหลายบรรยากาศ ไม่ว่าจะเป็นหนาวติดลบ อากาศร้อนแบบแห้ง ๆ หรือว่าฝนชุ่มชื่น
ครั้งนี้ก็ได้อีกบรรยากาศคือ หมอกปกคลุม เป็นเมืองบนสววรค์กันไปเลย
ทุกครั้งได้ทั้งความเหนื่อยที่ประทับใจทุกครั้ง
เลยอยากจะเล่าให้เพื่อน ๆ ได้อ่านกัน เผื่อจะเป็นแรงให้ฮึดสู้
ให้ได้ไปถ่ายภาพกับป้าย "ครั้งหนึ่งในชีวิตเราคือผู้พิชิตภูกระดึง" กันสักครั้ง
ได้ไปสัมผัสกับบรรยากาศแบบที่คุณไม่ได้เจอแน่ถ้ายังเดินเที่ยวสถานที่ทั่วไป
มันจะเป็นความภูมิใจเล็ก ๆ ที่ใหญ่มากในใจเรา กับการเอาชนะจิตใจตัวเองที่ขึ้นมาได้
หลายคนชอบไปเที่ยวพักผ่อนแบบสบาย ๆ แต่มันจะได้แค่ถ่ายรูปเป็นที่ระลึก
ต่างจากที่ภูกระดึง นอกจากรูปถ่าย มันจะได้ความสนุกที่ที่เที่ยวอื่นไม่มี ...
จะเรียกว่ามาทรมานตัวเองเพื่อความสนุก ก็ไม่แปลกเนอะ 555
เปิดหัวมาเยอะ เล่าการไปครั้งนี้กันดีกว่าครับ
ทริปนี้เปลี่ยนการเดินทางใหม่จากเคยขับรถไปเองทุกครั้ง เป็นการนั่งเครื่องบินที่จองไว้ล่วงหน้าปีกว่า
ตอนจองเครื่องบินมีแค่หนุ่ม ๆ 4 คน ตอนจองตั๋วโปร.ลงที่เลย ราคาถูกมากครับ
พออีกเดือนจะถึงวันเดินทาง ก็มีสาว ๆ ขอมาสมทบอีก 3 คน
จองเครื่องบินใกล้ ๆ ตั๋วก็แพงมาก สาว ๆ เลยนั่งรถทัวร์ VIP มา รถทัวร์สมัยนี้ดีมากเลย มีจอทีวี มีเก้าอี้นวดได้
รวมเป็น 7 ประจัญบาน
ครั้งนี้เราจองบ้านพักของอุทยาน ชื่อบ้านกุหลาบขาว มี 3 ห้องนอน 1 ห้องน้ำ สะดวกมาก เลยแบ่งห้องกันได้อย่างลงตัว
บ้านนี้เคยร่ำลือกันว่าผีดุมาก แต่รุ่นแบบเราผีคงกลัวเลยหัวถึงหมอนนอนหลับเป็นตายทุกคืนครับ
เริ่มจากรวมตัวกันที่ทางขึ้นภูกระดึง ลงทะเบียนการจองห้องพัก
ที่จองมาล่วงหน้าแล้วทางเพจของอุทยานแห่งชาติ (ห้องพักของอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ต้องจองทางเพจเท่านั้นนะครับ)
หลังจากนั้นก็มาชั่งของให้ลูกหาบ นำสัมภาระของเราขึ้น
สำหรับคนที่แข็งแกร่ง ก็ไม่ต้องก็ได้นะ แต่ถ้ายังไม่เชื่อมั่นขอแนะนำว่า ลูกหาบดีกว่า
ขึ้นไปสักพักขนาดเสื้อกันหนาว เสื้อแขนยาวที่ใส่ไปยังอยากจะถอดเลยครับ 555
ค่าหาบของถึงที่พัก แค่ 30 บาท ต่อกิโล เท่านั้น ช่วยเศรษฐกิจชาวบ้านแถวนี้ด้วย
พูดถึงลูกหาบนับว่าเป็นพระเอกของที่นี่เลยนะ ทุกคนแข็งแรงมาก ไม่ใช่แค่ร่างกายนะแต่ใจพี่ ๆ แข็งแกร่งมาก
เพราะแค่เราคิดที่จะถือกระเป๋าขึ้นไปยังต้องคิดแล้วคิดอีก แต่นี่แบกกันคนละอย่างต่ำ ๆ 50 กก.
วันที่กลุ่มเราขึ้นไปมีการแบกหินที่จะนำไปก่อสร้างขึ้นไปด้วย (โอ้แม่เจ้า...ขนาดหินยังต้องแบกขึ้นไป แล้วกี่รอบกว่าจะได้เนี่ย)
เรื่องลูกหาบเนี่ยถ้าจะเล่ามีเรื่องให้เล่าหลายมุมมองมาก เป็นสีสันของที่นี่จริง ๆ
คุยต่อเรื่องขึ้นดีกว่า กลุ่มเราเริ่มขึ้นกัน 7.45 น. เสียบบัตรประชาชนแจ้งขึ้นภู
แล้วก็ลุยกันแบบแรงใจสุด ๆ เพื่อพิชิตซำแฮก ก่อนเลย 555 (ซำแฮกเป็นซำแรกที่ขึ้นเขาเป็นระยะทางประมาณ 1 กม.)
ที่ตั้งเป้าซำแฮกก่อนเพราะหลายคนถอดใจที่ซำนี้เลย
สำหรับซำนี้เราน่าจะใช้เวลาไป 1 ชม. ไม่รู้ว่าเดินหรือคลานกันเลย 555
หลังจากผ่านซำนี้ไป แวะทานข้าวเช้า พร้อมน้ำเย็น ๆ
แล้วเดินต่อแบบอิ่มสบายโดยที่ไม่รู้ตัวว่ากินข้าวอีกทีเย็นแน่ ๆ
จริง ๆ เรากะว่าจะใช้เวลาเดินถึงวังกวาง 3 ชม. ตามที่ซ้อมไว้
แต่คณะเราเป็นคนรักธรรมชาติ อยากสัมผัส วิจัยพืชพรรณไม้ ระหว่างทาง
เลยค่อย ๆ เดินศึกษาธรรมชาติ สุดท้ายเราก็ขึ้นถึงหลังแป ใช้เวลาประมาณ 6 ชม.
เดินไปที่พักที่วังกวาง อีก 1 ชม. รวมแล้วเราใช้เวลาศึกษาธรรมชาติข้างทางไป 7 ชม. (พูดให้ดูดีที่จริงเหนื่อยจนลิ้นห้อย 555)
พอดีกับที่ลูกหาบนำกระเป๋ามารอเราเรียบร้อยแล้ว 555
หลังจากถึงจุดหมายที่พัก รับกระเป๋า เข้าบ้าน พักผ่อน อาบน้ำ ก็ได้เวลาทานอาหาร
ขอบอกว่าชุดใหญ่จัดกันเต็มที่ครับมื้อแรกบนภูกระดึง
อิ่มแล้วเดินดูเสื้อที่ระลึกร้านค้าข้างบน ก็ถือว่าไม่แพงมากนะครับ
มีของที่ระลึก เสื้อ โปสการ์ด แล้วก็กลับเข้าที่พัก ไม่ต้องรอ 22.00 น. ที่ทางอุทยานจะดับไฟ
(อุทยานจะเปิดไฟระหว่าง 6 โมงเย็น ถึง 4 ทุ่มครับ)
เพราะหลับก่อน เหนื่อยและอิ่ม หลับสนิท เพื่อรอโปรแกรมพรุ่งนี้เช้าครับ
คือตื่นตี 4.30 น. ไปที่ทำการฯ เพื่อรวมไปดูพระอาทิตย์ขึ้นที่ผานกแอ่น (โปรแกรมที่คิดว่าต้องไปกันทุกคนครับ)
กลับมาเรื่องไฟฟ้าหน่อย สำหรับคนที่จะไปภูกระดึง Powerbank นี่สำคัญมากนะครับ
เพราะถึงจะพักที่บ้านพักก็ไม่มีปลั๊กให้ชาร์จนะครับ ต้องไปชาร์จที่ที่ทำการฯ หรือตามร้านอาหารครับ
ที่ร้านอาหารมีบริการให้ชาร์จฟรีสะดวกมากครับ
สาเหตุเพราะที่นี่มีไฟฟ้าจำกัด เพราะใช้ไฟจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่เก็บไว้ตอนกลางวัน แล้วมาจ่ายแสงสว่างให้เราเท่านั้นครับ
จึงควรเตรียม Powerbank ไปเอง ยิ่งขนาดใหญ่ได้ยิ่งดีครับ จะได้ชาร์จได้หลายครั้ง
เวลาไปทานอาหารก็ขอทางร้านชาร์จได้เลย เพราะส่วนใหญ่ทางร้านจะเตรียมไว้ให้ลูกค้าอยู่แล้วครับ
สมัยก่อนนี่อย่าว่าแต่ที่ชาร์จ โทรศัพท์ก็ไม่ต้องชาร์จครับเพราะไม่มีสัญญาณเลย 555
ดูรูปวันแรกได้ตามนี้นะครับ >>>
ก่อนเดินขึ้นหน้าตาสดใสมาก ๆ ครับ
ชักยิ้มไม่ออกแล้วครับ
เดินมาตั้งนานยังไม่ถึงวำแรก (ซำแฮก) เลยครับ
ถุงเล็ก ๆ นี่เป็นก้อนหินแต่ละถุง 25 กก.อัพครับ
ใช้เวลา 6 ขม.เต็มพอดี ก็มาถึงหลังแป
ที่ชูนิ้วคือแต่ละคนมาพิชิตภูกระดึงคนลบะกี่ครั้ง มีตั้งแต่มาครั้งแรก จนถึง 9 ครั้งครับ
ต้องเดินทางราบอีก 3-4 กม. เพื่อว่าที่พักที่วังกวางครับ
บ้านกุหลาบขาวที่เราจองไว้ครับ
ไปเล่นกับน้องกวางที่ลานกางเต๊นต์ครับ
มีร้านขายของที่ระลึก เสื้อผ้าราคารับได้ ไม่แพงครับ
เซ็นสมุดเยี่ยมหน่อยนึง คนนี้เป็นตากล้องประจำคณะครับ
ปล. ทริปพิชิตภูกระดึงครั้งก่อนของพวกเราครับ >>> https://ppantip.com/topic/32919259