ประสบการณ์การทำงาน ในบริษัทแห่งหนึ่ง ในนิคมเวลโกรว์ ส่งต่อเรื่องราวสำหรับคนที่มีความสนใจ แต่ยังไม่รู้ความเป็นจริง !!
หากตอนนี้ใครกำลังมองหางานใหม่ ในนิคมเวลโกรว์ เราจะมาขอเตือนก็อาจจะไม่ใช่ เอาเป็นว่ามาเล่าให้ฟังจะดีกว่า ให้ตัดสินใจกันเองว่าจะเดินหน้าสุดตัว หรือถอยออกมาให้ไว เพราะคนเราล้วนแตกต่างกัน ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ !!
มีตำแหน่ง QA Officer เพิ่งเปิดรับสมัครใน Job นึง โดยรายละเอียดที่ลงไว้ จะเกี่ยวกับ COP , SOC ทำนองนั้น
ซึ่งหากใครได้อ่าน รายละเอียดที่ลงไว้ ดูแล้วโอเคเลยล่ะ น่าทำมาก !! อ่านแล้วปล่อยผ่านไม่ได้เลยที่เดียว ยังงัยก็ต้องกด Apply แน่นอน
โอกาสมาถึงแล้ว !!!!!!!
ซึ่งเราเป็นคนนึงที่ก็เคยกด Apply ลงไป และหวังว่าจะได้รับข่าวดี !!!
ผ่านไปไม่นาน ข่าวดีก็เดินทางมาหาเรา บริษัทนั้นโทรนัดสัมภาษณ์ ในตำแหน่ง QA Officer
ทางต้นสังกัดระบุเนื้องานให้เรารับทราบทันที ที่สอบถามรายละเอียดต่างๆของเราเสร็จ โดยระบุว่า สิ่งที่เราจะต้องทำมีอะไรบ้าง
เนื้องานจะมีทั้งทำเอกสาร และแพคงานส่งต่างประเทศ ระบุมาเบื้องต้นไม่ได้ลงลึกอะไร ว่า น้ำหนักเท่าไหร่ ต้องลงรายละเอียดอะไรกับเนื้องานบ้าง ส่วนใหญ่จะบอกถึงเรื่องเอกสาร การทำ Report ต่างๆ
เรายินดีและโอเค มาก ตกปากรับคำ ว่าทำได้แน่นอน
ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ บริษัทโทรกลับมาตกลงเรื่องเงินเดือนกับเรา เราขอไป 23k ทางบริษัท ให้เราได้ 21k และแจงว่ามีโอทีให้ มีค่าบ้านให้ 1500 เราก็ชั่งน้ำหนักแล้ว โอเค ยินดีตกลงเริ่มงาน ...
หลังจากได้เริ่มงาน มาได้สักระยะหนึ่ง ได้เจอเพื่อนร่วมแผนก เจอคนที่ต้องร่วมงานด้วย เจอเนื้องานที่ต้องทำ และหัวหน้างาน อืมมมมมม
เรื่องมันยาวจริงๆ .... ><”
เริ่มงานจากงานก่อนล่ะกัน
งานที่ตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบ จะมี 2 ส่วน คือทำเอกสาร กับ งานแพคของ
1. งานเอกสาร ที่ต้องทำ คือทำเอกสารเบิกงานเพื่อส่งทดสอบภายในบริษัท และทดสอบต่างประเทศ และทำรายงาน ส่งให้ลุกค้า คร่าวๆนะ เพราะงานเอกสารสบายๆชิวๆ น่าเบื่อๆ จำเจๆ ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสเท่าไหร่
2. งานที่หนักสำหรับเราคือ งานแพคของ ไปทดสอบต่างประเทศ อันนี้แหละที่หนัก (*ต้องบอกก่อนนะ ว่าจะหนักหรือไม่หนักขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล แต่สำหรับเรา เราว่ามันหนักสำหรับเราเลยล่ะ ) เราเคยบ่นไปแล้วล่ะเกี่ยวกับเนื้องาน ลองอ่านดูล่ะกัน ถ้าอยากรู้ว่าต้องทำงานยังงัย มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่า ไม่เห็นจะหนักเลย ก็อย่ารีรอที่จะสมัคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้จบปริญญาตรี วิศวสาขานึง ในมหาลัยแห่งหนึ่ง
ได้งานทำที่บริษัทแห่งหนึ่ง ได้เงินเดือน 20k *ไม่มีโอที
งานที่ได้รับมอบหมาย เป็นงานเกี่ยวกับงานเอกสาร
กับอีกงานหนึ่งคือ packing ผลิตภัณฑ์ ตอนสัมภาษณ์
ก็มีรายละเอียดให้ดูว่าต้องทำอะไรบ้าง
**คร่าวคร่าว
เมื่อตกลงกันเป็นที่เรียบร้อยและหนูก็ยอมรับได้กับ
ข้อเสนอจากทางบริษัท และคิดว่างานจะยากจะง่าย
เดี๋ยวก็จะเรียนรู้กันต่อไปได้ จากพี่พี่ที่มีประสบการณ์
จากหัวหน้างานเรา
ผ่านไปเดือนสองเดือนสามเดือนสี่เดือน
หนูก็ยังตั้งหน้าตั้งตาทำงาน จนหัวหน้าเรียกประเมิน
เพื่อบรรจุเข้าทำงาน สรุปหนูผ่านงาน
หัวหน้าก็ถามว่าติดขัดอะไรตรงไหนมั้ย บอกกันได้
ช่วยกันแก้ไขปัญหาได้ หนูก็โอเคมากที่หัวหน้าถามไถ่
เห็นอกเห็นใจ รู้สึกโชคดีจังที่หัวหน้าเห็นอกเห็นใจเรา
แรกแรกงานก็ยังไม่เยอะมากพอ
หัวหน้าค่อยค่อยทะยอยงานให้ทำ
คอยบอกคอยสอน ชี้แนะ
แนะนำในด้านของเรื่องเอกสารต่างๆ
ส่วนในหน่วยงาน Packing หนูก็ต้องไปบู๊เองคนเดียว
ไม่มีใครช่วย ซึ่งตรงนี้แหละที่เป็นเนื้องานที่ค่อนข้าง
หนักมากสำหรับหนู
เพราะผลิตภัณฑ์จะถูกเบิกจ่ายออกมาจากฝ่ายผลิต
และหนูต้องนำผลิตภัณ์มาเข้ากระบวนการ packing
ใน 1 เดือน หนูต้องจัดส่งงานต่างประเทศ 1 ครั้ง
ใน 1 ครั้ง/เดือน จะมีงาน ที่เบิกทั้งหมด ราวราว 230
ต้องออกท่าทางในการยกย้าย ทุกๆสัปดาห์
แต่ไม่ทุกวันเพื่อจัดทำ 5ส ให้เป็นระเบียบเรียบร้อย
ซึ่งในกล่องก็จะมีงาน อยู่ 4-5 ตัวหนักตัวล่ะ ราว 2 กิโล
1 สัปดาห์ จะมีงานมาส่ง ราว 10-15 กล่อง
ก็จะต้องยกงานราว 80-100 กิโลใน หนึ่งสัปดาห์
ใน 1 ครั้ง/เดือน งานที่เข้ามาจะมี 2 แบบ แบบที่ 1 จะมีน้ำหนักต่อตัวงานน้อยอยู่ราวราว ตัวล่ะ 1.2-1.5 กิโล
ส่วนแบบที่ 2 จะค่อนข้างหนักหน่อย ตัวล่ะ 1.8-2.2 กิโล
ยกตัวอย่างนะคะ
แบบที่ 1 129 ตัว หนักราวตัวล่ะ 1.2 กิโล
ดังนั้น 129*1.2 = 160 กิโล
แบบที่ 2 59 ตัว หนักราวตัวล่ะ 2 กิโล
ดังนั้น 59*2 = 118 กิโล
รวมใน 1 เดือน หนูต้องยกงานทั้งหมด
ราว 160+118 = 278 เกือบ 300 กิโล
นี่คืองานทั้งหมดที่ต้องทะยอยยกทุกๆสัปดาห์
เพื่อจัดทำ 5ส.
และเมื่อถึงช่วงของการ Packing
ก็จะเลือกใช้งานเพียง 1-2 ตัวเท่านั้น
ทำให้ภายในกล่องงานจะยังเหลือค้างอยู่กล่องล่ะ 3 ตัว
ซึ่งต้องนำงานมารวมกัน 1 กล่อง/6ตัว
เพื่อกระชับพื้นที่และความสูงของกล่องในการทำ 5ส
เพื่อความสะอาด เรียบร้อย เป็นระเบียบ
ทำให้เมื่อรวมงานกันแล้วไม่ได้แปลว่าไม่ต้องยกอีก
ต้องทำการยกงานเพื่อย้ายไปเก็บอีกที่นึงเพื่อ
รอผลทดสอบจากทาง ต่างประเทศ
ถ้าผลทดสอบ OK ก็ให้นำงานโมเดลนั้น
นำออกมากำจัดทิ้ง
แต่ถ้า NG ก็ต้องหางาน Model นั้น
เพื่อนำกลับไปส่ง Retest เพื่อ Confirm
ซึ่งในการหางานนั้นก็ค่อนข้างลำบากเพราะ
ก็ต้องยกหางานอีกซึ่งงานที่ต้องยกเพื่อหางาน Model
ที่ต้องการก็หนักมาก
น้ำหนักงานที่รวมกัน 6 ตัว/กล่อง ราว กล่องล่ะ 10 กิโล
จนเวลาผ่านไปจนถึงวันนี้ที่อดทนกับใจตัวเอง
ใครพูดว่าจบปริญญามา มายกกล่อง กรีดกล่อง
ขนทิ้ง ขนย้าย ยกย้าย ถ่ายของ
ทำงานคล้ายกรรมกร จับกัง แต่หนูก็ไม่สนใจ
ตั้งหน้าตั้งตาทำงานให้เสร็จ เพื่อที่หัวหน้าจะได้ไม่บ่น
ไม่ว่าเรา ใครไม่ช่วยก็ไม่เป็นไร หนูทำได้ เพื่อที่จะได้
ไม่มีปัญหากับหัวหน้า เพื่อเงินมาเลี้ยงชีพ
แต่เดี๋ยวนี้หัวหน้าของหนูก็เริ่มเปลี่ยนไป
หัวหน้าที่เคยเห็นอกเห็นใจ เคยถามไถ่ เคยสอนงาน
เค้าเริ่มเปลี่ยนไป ไม่มีความเห็นอกเห็นใจ
เข้าไปถามอะไร ก็โดนบ่น ประหนึ่งว่าน่ารำคาญ
ทำงานผิดก็ไม่เคยสอนกลับโดนบ่นโดนว่ากลับมา
วันนี้หนูอยากเดินเข้าไปหาหัวหน้าแล้วบอกว่า
หนูเริ่มทำงานไม่ไหวแล้วค่ะ งานหนูเริ่มหนักขึ้น
และทำไม่ทัน
......หนูเป็นคนไม่มีความอดทนใช่ไหมคะ ????
300 โลต่อเดือน ถ้าเป็นคุณคุณอยากทำงานนี้ไหมคะ
ถ้ารู้ตั้งแต่สัมภาษงานว่างานที่ต้องทำ
คือต้องเจอกับการที่ต้องยกย้ายขนถ่ายงาน
หนัก ราว 300 กิโลต่อเดือน
คุณจะรับงานนี้ได้ไหมคะ ?
หนูเป็นคนไม่มีความอดทนใช่ไหมค่ะ ????
***QA officer (cop packing)
จบเรื่องงานกันไป.......ใครคิดแบบไหนอย่างไร ก็แล้วแต่ค่ะ
ไว้เรามาต่อ เรื่อง คนร่วมงานในแผนก เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างาน เรื่องมันยาว
ตำแหน่ง COP ที่คุณควรรู้...
หากตอนนี้ใครกำลังมองหางานใหม่ ในนิคมเวลโกรว์ เราจะมาขอเตือนก็อาจจะไม่ใช่ เอาเป็นว่ามาเล่าให้ฟังจะดีกว่า ให้ตัดสินใจกันเองว่าจะเดินหน้าสุดตัว หรือถอยออกมาให้ไว เพราะคนเราล้วนแตกต่างกัน ของแบบนี้มันอยู่ที่ใจ !!
มีตำแหน่ง QA Officer เพิ่งเปิดรับสมัครใน Job นึง โดยรายละเอียดที่ลงไว้ จะเกี่ยวกับ COP , SOC ทำนองนั้น
ซึ่งหากใครได้อ่าน รายละเอียดที่ลงไว้ ดูแล้วโอเคเลยล่ะ น่าทำมาก !! อ่านแล้วปล่อยผ่านไม่ได้เลยที่เดียว ยังงัยก็ต้องกด Apply แน่นอน
โอกาสมาถึงแล้ว !!!!!!!
ซึ่งเราเป็นคนนึงที่ก็เคยกด Apply ลงไป และหวังว่าจะได้รับข่าวดี !!!
ผ่านไปไม่นาน ข่าวดีก็เดินทางมาหาเรา บริษัทนั้นโทรนัดสัมภาษณ์ ในตำแหน่ง QA Officer
ทางต้นสังกัดระบุเนื้องานให้เรารับทราบทันที ที่สอบถามรายละเอียดต่างๆของเราเสร็จ โดยระบุว่า สิ่งที่เราจะต้องทำมีอะไรบ้าง
เนื้องานจะมีทั้งทำเอกสาร และแพคงานส่งต่างประเทศ ระบุมาเบื้องต้นไม่ได้ลงลึกอะไร ว่า น้ำหนักเท่าไหร่ ต้องลงรายละเอียดอะไรกับเนื้องานบ้าง ส่วนใหญ่จะบอกถึงเรื่องเอกสาร การทำ Report ต่างๆ
เรายินดีและโอเค มาก ตกปากรับคำ ว่าทำได้แน่นอน
ผ่านไปประมาณ 1 อาทิตย์ บริษัทโทรกลับมาตกลงเรื่องเงินเดือนกับเรา เราขอไป 23k ทางบริษัท ให้เราได้ 21k และแจงว่ามีโอทีให้ มีค่าบ้านให้ 1500 เราก็ชั่งน้ำหนักแล้ว โอเค ยินดีตกลงเริ่มงาน ...
หลังจากได้เริ่มงาน มาได้สักระยะหนึ่ง ได้เจอเพื่อนร่วมแผนก เจอคนที่ต้องร่วมงานด้วย เจอเนื้องานที่ต้องทำ และหัวหน้างาน อืมมมมมม
เรื่องมันยาวจริงๆ .... ><”
เริ่มงานจากงานก่อนล่ะกัน
งานที่ตำแหน่งนี้ต้องรับผิดชอบ จะมี 2 ส่วน คือทำเอกสาร กับ งานแพคของ
1. งานเอกสาร ที่ต้องทำ คือทำเอกสารเบิกงานเพื่อส่งทดสอบภายในบริษัท และทดสอบต่างประเทศ และทำรายงาน ส่งให้ลุกค้า คร่าวๆนะ เพราะงานเอกสารสบายๆชิวๆ น่าเบื่อๆ จำเจๆ ไม่มีอะไรหนักหนาสาหัสเท่าไหร่
2. งานที่หนักสำหรับเราคือ งานแพคของ ไปทดสอบต่างประเทศ อันนี้แหละที่หนัก (*ต้องบอกก่อนนะ ว่าจะหนักหรือไม่หนักขึ้นอยู่ที่ตัวบุคคล แต่สำหรับเรา เราว่ามันหนักสำหรับเราเลยล่ะ ) เราเคยบ่นไปแล้วล่ะเกี่ยวกับเนื้องาน ลองอ่านดูล่ะกัน ถ้าอยากรู้ว่าต้องทำงานยังงัย มันหนักขนาดนั้นเลยเหรอ แต่ถ้าอ่านแล้วรู้สึกว่า ไม่เห็นจะหนักเลย ก็อย่ารีรอที่จะสมัคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
จบเรื่องงานกันไป.......ใครคิดแบบไหนอย่างไร ก็แล้วแต่ค่ะ
ไว้เรามาต่อ เรื่อง คนร่วมงานในแผนก เพื่อนร่วมงาน และหัวหน้างาน เรื่องมันยาว