เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม
เสียงกระหึ่มแต่นุ่มลึกของเครื่องยนต์หกสูบ แผดกังวานมาตั้งแต่ท้ายหมู่บ้าน และค่อยๆ เพิ่มความเข้มให้กับประสาทสัมผัสทางการได้ยินมากขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงส่งจากเรียวขาสวยสู่คันเร่งที่ยังไม่มีทีท่าจะผ่อนลง แม้มาตรวัดจะบ่งชี้ว่าความเร็วเกินหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงไปมากแล้วก็ตาม
สมชายต้องหยุดมือจากการซอยเนื้อบนเขียง เงยหน้ามองไปยังทางออกของหมู่บ้าน เมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงนั้นกำลังใกล้ร้าน ก้อย ลาบ ของเขาเข้ามาเรื่อยๆ
ทันใดนั้นรถสปอร์ตสีส้มคันหรูก็วิ่งเลียดผ่านโค้งใหญ่ พุ่งตรงมายังหน้าร้านก่อนจะสะบัดท้ายลากล้อคู่หลังไถลไปกับพื้นลูกรัง กวาดเศษหินและฝุ่นกระจายคลุ้งไปทั่วบริเวณ พร้อมเสียงกระหึ่มราวกับสัตว์ร้ายคำรามของเครื่องยนต์ทรงพลังขนาดห้าร้อยห้าสิบแรงม้า
จีทีอาร์...เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของพาหนะคันหรูใกล้ๆ สมชายก็นึกถึงชื่อรุ่นของรถกำลังแรงอันดับต้นๆ ของทวีปเอเชียขึ้นทันใด และฉับพลันนั้นเขาก็คิดไปถึงว่า...ละแวกนี้จะมีใครสามารถครอบครองนวัตกรรมความเร็วระดับนี้ได้ เพราะราคามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากอยากจะมีไว้...
“สบายดีไหมสมชาย” ยังไม่ทันจะคิดถึงชื่อใครได้ในหัว สาวสวยคนขับในชุดกระโปรงลายทางรัดรูปก็เอ่ยทักขึ้น หลังจากเปิดประตูลงมาจากรถ
เมื่อดวงตาคมสวยคู่นั้นส่งสายตามาประสาน หัวใจของหนุ่มเจ้าของร้านลาบถึงกับหยุดเต้นไปชั่ววินาที “กะ...แก ไอ้เอ...”
“ใช่...ฉันเอง เอมมี่” ราวกับรู้ถึงความในใจของอีกฝ่ายว่าต้องการคำยืนยัน สาวสวยจึงชิงสำทับก่อนเขาจะพูดจบประโยค
แววตาประหลาดใจปนสงสัยเมื่อครู่ของสมชายเปลี่ยนเป็นยินดีได้วูบหนึ่ง ก็กลับกลายเป็นไม่กล้าสู้ตากับอีกฝ่ายไปแบบกะทันหัน ก่อนจะก้มหน้าซอยเนื้อบนเขียงต่อ “ที่นี่มีแต่อาหารอีสานนะ แกจะเอาอะไร”
“แกก็รู้ว่าฉันมาเยี่ยมเพราะคิดถึง แกจะทำเป็นไม่รู้แบบนี้ไปทำไมสมชาย” เป็นอีกครั้งที่สาวสวยต้องเดาความคิดในใจของคนเคยคุ้นเคยจากอาการที่เห็น
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่ออีกฝ่ายพูดจบประโยค ก่อนจะขยับมีดทำภารกิจบนเขียงต่อโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองคนพูด “ตอนนี้อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปเยอะ ฉันกลายมาเป็นพ่อค้าขายอาหาร ส่วนแก... จะให้เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน มันเป็นไปไม่ได้แกก็รู้”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็เมื่อก่อนเรา... ช่างเถอะ กับแกล้มเอาอะไรมาก็ได้ เอาเบียร์มาทีละสองขวด ฉันจะรอจนกว่าแกจะอยากพูดด้วย” สิ้นประโยคสาวสวยก็พาร่างอรชรนั้นตรงไปยังโต๊ะมุมสุดของห้องอาหาร คล้ายไม่ยี่หระต่อความเต็มใจหรือไม่เต็มใจของเจ้าของร้านเลยแม้แต่น้อย
โดยปกติการใช้เสียงและท่าทางอึกทึกครึกโครมต่างๆ จะเป็นทางเลือกที่คนส่วนมากใช้รบกวนคู่กรณีให้เสียสมดุลทางสภาวะอารมณ์ แต่วันนี้สมชายกลับเจอเข้ากับความเงียบและนิ่งของสาวสวยเข้าคุกคามจิตใจ
เบียร์ขวดแล้วขวดเล่าถูกเทใส่แก้วที่พร่องไปแทบจะทุกๆ ห้านาที กับใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์นั้น กำลังกร่อนความเข้มแข็งของจิตใจชายหนุ่มลงไปเรื่อยๆ
...และในที่สุด มีดปังตอก็ถูกสับลงที่ขอบเขียงสุดแรงเกิด จนทุกคนในร้านสะดุ้งหันไปมองพ่อครัวเป็นตาเดียว “พอ! กลับกันไปให้หมด วันนี้ไม่ขงไม่ขายมันแล้ว”
“ยังจะมองอีก ข้องใจอะไรวะ บอกให้ออกไปก็รีบพากันไสหัวไปให้มันพ้นๆ สักทีสิวะ!” สีหน้าและแววตาเดือดดาลนั้นเป็นเครื่องมือขับไล่ผู้คนได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีมีดปังตอคมกริบในมือด้วยแล้ว ลูกค้าจึงไม่จำเป็นต้องคิดต่อรองใดๆ นอกจากสืบเท้าออกจากร้านอย่างรวดเร็วแบบไม่คิดชีวิต
“จะเอายังไงว่ามา” ขวดเบียร์เย็นเจี๊ยบถูกกระแทกก้นลงที่โต๊ะของแขกสาว ตามด้วยการทิ้งน้ำหนักตัวลงเก้าอี้ตรงกันข้ามของชายหนุ่ม
สาวสวยมองอีกฝ่ายก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา “แกอยากจะคุยแล้วเหรอ”
“ใช่...มีอะไรก็ว่ามา”
“เมื่อก่อนแกไม่ขี้โมโหแบบนี้นี่ แกเปลี่ยนไปเหมือนกันนะ” สาวเจ้ากระแซะคู่สนทนาก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นกระดกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ตกลงแกมานี่แค่อยากจะจิกกัดฉันแค่นั้นเองเหรอ ใช่สิ...ฉันในสภาพนี้มันคงดูตลกมากในสายตาแก”
เมื่อพิจารณาผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หนวดเคราเต็มคางและลำคอ ผิวพรรณกร้านแดดกร้านลมอย่างคนทำงาน ผู้มาเยือนถึงกับถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “แกก็ปล่อยตัวเกินไป”
“ใช่สิ...เพราะฉันมันเป็นแบบนี้แกถึงได้ทิ้งฉันไป...” สมชายตัดพ้อเล็กน้อยก่อนจะยกเบียร์เทลงคอรวดเดียวไปเกือบครึ่งขวด
“แกก็รู้ว่าที่ฉันไปมันไม่ใช่เรื่องนั้น”
“เรื่องเงินสินะ”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นสาวสวยถึงกับเปลี่ยนสีหน้า “ใช่...ฉันไปเพราะเรื่องเงิน เพราะโอกาสมันมาหาฉัน หรือจะให้กัดก้อนเกลือกินกับแกต่อไปจนตายกันล่ะ”
“สรุปว่าแกมาเพื่อเยาะเย้ยฉันเหรอ” ชายหนุ่มแสยะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกเบียร์ที่เหลือขึ้นกระดกจากปากขวดอีกครั้ง
“แกนี่นะ...ตอนนี้ฉันได้ผัวฝรั่ง ร่ำรวยมีเงินมีทองอย่างที่แกเห็น แค่จะให้เงินแกไปแปลงเพศเปลี่ยนตัวเองให้สวยน่ามองอย่างฉัน ทำไมฉันจะช่วยแกไม่ได้ ฉันอยากให้เรากลับมาเป็นคู่หูกระเทยที่สวยที่สุดในหมู่บ้านอีกครั้ง แกไม่เอาเหรอ...”
***********************
วิชชากาญจน์ วิรุฬห์อักษรากร
เรากลับมาเป็นเหมือนเดิมได้ไหม
เสียงกระหึ่มแต่นุ่มลึกของเครื่องยนต์หกสูบ แผดกังวานมาตั้งแต่ท้ายหมู่บ้าน และค่อยๆ เพิ่มความเข้มให้กับประสาทสัมผัสทางการได้ยินมากขึ้นเรื่อยๆ ตามแรงส่งจากเรียวขาสวยสู่คันเร่งที่ยังไม่มีทีท่าจะผ่อนลง แม้มาตรวัดจะบ่งชี้ว่าความเร็วเกินหนึ่งร้อยกิโลเมตรต่อชั่วโมงไปมากแล้วก็ตาม
สมชายต้องหยุดมือจากการซอยเนื้อบนเขียง เงยหน้ามองไปยังทางออกของหมู่บ้าน เมื่อรู้สึกได้ว่าเสียงนั้นกำลังใกล้ร้าน ก้อย ลาบ ของเขาเข้ามาเรื่อยๆ
ทันใดนั้นรถสปอร์ตสีส้มคันหรูก็วิ่งเลียดผ่านโค้งใหญ่ พุ่งตรงมายังหน้าร้านก่อนจะสะบัดท้ายลากล้อคู่หลังไถลไปกับพื้นลูกรัง กวาดเศษหินและฝุ่นกระจายคลุ้งไปทั่วบริเวณ พร้อมเสียงกระหึ่มราวกับสัตว์ร้ายคำรามของเครื่องยนต์ทรงพลังขนาดห้าร้อยห้าสิบแรงม้า
จีทีอาร์...เมื่อเห็นรูปร่างหน้าตาของพาหนะคันหรูใกล้ๆ สมชายก็นึกถึงชื่อรุ่นของรถกำลังแรงอันดับต้นๆ ของทวีปเอเชียขึ้นทันใด และฉับพลันนั้นเขาก็คิดไปถึงว่า...ละแวกนี้จะมีใครสามารถครอบครองนวัตกรรมความเร็วระดับนี้ได้ เพราะราคามันไม่ใช่เรื่องล้อเล่นหากอยากจะมีไว้...
“สบายดีไหมสมชาย” ยังไม่ทันจะคิดถึงชื่อใครได้ในหัว สาวสวยคนขับในชุดกระโปรงลายทางรัดรูปก็เอ่ยทักขึ้น หลังจากเปิดประตูลงมาจากรถ
เมื่อดวงตาคมสวยคู่นั้นส่งสายตามาประสาน หัวใจของหนุ่มเจ้าของร้านลาบถึงกับหยุดเต้นไปชั่ววินาที “กะ...แก ไอ้เอ...”
“ใช่...ฉันเอง เอมมี่” ราวกับรู้ถึงความในใจของอีกฝ่ายว่าต้องการคำยืนยัน สาวสวยจึงชิงสำทับก่อนเขาจะพูดจบประโยค
แววตาประหลาดใจปนสงสัยเมื่อครู่ของสมชายเปลี่ยนเป็นยินดีได้วูบหนึ่ง ก็กลับกลายเป็นไม่กล้าสู้ตากับอีกฝ่ายไปแบบกะทันหัน ก่อนจะก้มหน้าซอยเนื้อบนเขียงต่อ “ที่นี่มีแต่อาหารอีสานนะ แกจะเอาอะไร”
“แกก็รู้ว่าฉันมาเยี่ยมเพราะคิดถึง แกจะทำเป็นไม่รู้แบบนี้ไปทำไมสมชาย” เป็นอีกครั้งที่สาวสวยต้องเดาความคิดในใจของคนเคยคุ้นเคยจากอาการที่เห็น
ชายหนุ่มนิ่งไปครู่หนึ่งเมื่ออีกฝ่ายพูดจบประโยค ก่อนจะขยับมีดทำภารกิจบนเขียงต่อโดยไม่เงยหน้าขึ้นมามองคนพูด “ตอนนี้อะไรๆ มันก็เปลี่ยนไปเยอะ ฉันกลายมาเป็นพ่อค้าขายอาหาร ส่วนแก... จะให้เรากลับมาเป็นเหมือนเมื่อก่อน มันเป็นไปไม่ได้แกก็รู้”
“ทำไมจะไม่ได้ ก็เมื่อก่อนเรา... ช่างเถอะ กับแกล้มเอาอะไรมาก็ได้ เอาเบียร์มาทีละสองขวด ฉันจะรอจนกว่าแกจะอยากพูดด้วย” สิ้นประโยคสาวสวยก็พาร่างอรชรนั้นตรงไปยังโต๊ะมุมสุดของห้องอาหาร คล้ายไม่ยี่หระต่อความเต็มใจหรือไม่เต็มใจของเจ้าของร้านเลยแม้แต่น้อย
โดยปกติการใช้เสียงและท่าทางอึกทึกครึกโครมต่างๆ จะเป็นทางเลือกที่คนส่วนมากใช้รบกวนคู่กรณีให้เสียสมดุลทางสภาวะอารมณ์ แต่วันนี้สมชายกลับเจอเข้ากับความเงียบและนิ่งของสาวสวยเข้าคุกคามจิตใจ
เบียร์ขวดแล้วขวดเล่าถูกเทใส่แก้วที่พร่องไปแทบจะทุกๆ ห้านาที กับใบหน้าเรียบเฉยไร้อารมณ์นั้น กำลังกร่อนความเข้มแข็งของจิตใจชายหนุ่มลงไปเรื่อยๆ
...และในที่สุด มีดปังตอก็ถูกสับลงที่ขอบเขียงสุดแรงเกิด จนทุกคนในร้านสะดุ้งหันไปมองพ่อครัวเป็นตาเดียว “พอ! กลับกันไปให้หมด วันนี้ไม่ขงไม่ขายมันแล้ว”
“ยังจะมองอีก ข้องใจอะไรวะ บอกให้ออกไปก็รีบพากันไสหัวไปให้มันพ้นๆ สักทีสิวะ!” สีหน้าและแววตาเดือดดาลนั้นเป็นเครื่องมือขับไล่ผู้คนได้เป็นอย่างดี ยิ่งมีมีดปังตอคมกริบในมือด้วยแล้ว ลูกค้าจึงไม่จำเป็นต้องคิดต่อรองใดๆ นอกจากสืบเท้าออกจากร้านอย่างรวดเร็วแบบไม่คิดชีวิต
“จะเอายังไงว่ามา” ขวดเบียร์เย็นเจี๊ยบถูกกระแทกก้นลงที่โต๊ะของแขกสาว ตามด้วยการทิ้งน้ำหนักตัวลงเก้าอี้ตรงกันข้ามของชายหนุ่ม
สาวสวยมองอีกฝ่ายก่อนจะคลี่ยิ้มน้อยๆ ออกมา “แกอยากจะคุยแล้วเหรอ”
“ใช่...มีอะไรก็ว่ามา”
“เมื่อก่อนแกไม่ขี้โมโหแบบนี้นี่ แกเปลี่ยนไปเหมือนกันนะ” สาวเจ้ากระแซะคู่สนทนาก่อนจะยกแก้วเครื่องดื่มขึ้นกระดกด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม
“ตกลงแกมานี่แค่อยากจะจิกกัดฉันแค่นั้นเองเหรอ ใช่สิ...ฉันในสภาพนี้มันคงดูตลกมากในสายตาแก”
เมื่อพิจารณาผมเผ้ากระเซอะกระเซิง หนวดเคราเต็มคางและลำคอ ผิวพรรณกร้านแดดกร้านลมอย่างคนทำงาน ผู้มาเยือนถึงกับถอนหายใจก่อนจะเอ่ย “แกก็ปล่อยตัวเกินไป”
“ใช่สิ...เพราะฉันมันเป็นแบบนี้แกถึงได้ทิ้งฉันไป...” สมชายตัดพ้อเล็กน้อยก่อนจะยกเบียร์เทลงคอรวดเดียวไปเกือบครึ่งขวด
“แกก็รู้ว่าที่ฉันไปมันไม่ใช่เรื่องนั้น”
“เรื่องเงินสินะ”
เมื่อได้ยินอีกฝ่ายพูดแบบนั้นสาวสวยถึงกับเปลี่ยนสีหน้า “ใช่...ฉันไปเพราะเรื่องเงิน เพราะโอกาสมันมาหาฉัน หรือจะให้กัดก้อนเกลือกินกับแกต่อไปจนตายกันล่ะ”
“สรุปว่าแกมาเพื่อเยาะเย้ยฉันเหรอ” ชายหนุ่มแสยะยิ้มน้อยๆ ก่อนจะยกเบียร์ที่เหลือขึ้นกระดกจากปากขวดอีกครั้ง
“แกนี่นะ...ตอนนี้ฉันได้ผัวฝรั่ง ร่ำรวยมีเงินมีทองอย่างที่แกเห็น แค่จะให้เงินแกไปแปลงเพศเปลี่ยนตัวเองให้สวยน่ามองอย่างฉัน ทำไมฉันจะช่วยแกไม่ได้ ฉันอยากให้เรากลับมาเป็นคู่หูกระเทยที่สวยที่สุดในหมู่บ้านอีกครั้ง แกไม่เอาเหรอ...”
วิชชากาญจน์ วิรุฬห์อักษรากร