ช่วงนี้เราเห็นผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งที่มีการพูดถึงกันมาก ซึ่งมันคือใบกระท่อมที่นำมาดัดแปลง ผ่านกระบวนการออกมาเป็นสมุนไพร มีขายแล้วที่เมือง Portland, Oregon, USA ทั้งปั๊มน้ำมัน และซุปเปอร์ทั่วไป
ทั้งนี้ ที่ขายได้เพราะ เมือง Portland, Oregon, USA อนุญาตให้จำหน่าย กระท่อม และ กัญชา ได้อย่างถูกกฎหมาย
ต่อไปอาจขยายไปจำหน่ายที่รัฐโคโลราโด้ และเศรษฐกิจจะดีมากขึ้น เมื่อขยายสู่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นตลาดใหญ่หลายพันล้านดอลลาร์
สำหรับราคาแพงน่าดู 60 เม็ดแคปซูล 1,800 บาท ( $56.25 หากเอา 1,800 หารด้วย 32 ) มีทั้งแบบเม็ดและแบบผง สรรพคุณลดความเจ็บปวด และ สู้งาน เหมือนเป็นยาดีชูกำลัง
ประเทศอื่นนำไปจดทะเบียนกันหมด มีแต่ประเทศเรานี่แหละ ซื้อยาเคมีมากินกันปีละหลายหมื่นล้าน หรือกลัวว่า ถ้าใบกระท่อมถูกกฎหมาย จะทำให้ "เครื่องดื่มชูกำลัง" ขายไม่ออก
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรใบกระท่อม ใช้คำว่า Thai Kratom ให้เกียรติประเทศเราจริงๆ อธิบายด้วยว่าเป็นสมุนไพรอันน่าทึ่ง ( Remarkable Herbs )
แถมยังบอกว่าปลูกแบบ Organics ด้วย ฝรั่งนี่ชอบนักคำว่าออร์แกนนิกเพราะปลูกไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีเขาห่วงสุขภาพมาก
เมืองไทยช้ามาก เช่นข้าว หอมมะลิใช้คำว่า Jasmine Rice เมื่อมีคนนำไปจดทะเบียน เราก็ใช้ไม่ได้ จึงต้องไปจดใหม่เป็น Thai Hom Mali Rice
สำหรับเราจะผลิตใบกระท่อม และกัญชา เพื่อการส่งออกหรือไม่ ? น่าคิด จะต้องแก้กฎหมายอีกนานแค่ไหน เพราะสอบถามไปก็บอกว่าอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
แปลกใจ ?? หรือว่า ใบกระท่อม มันไม่มีกระแส ไม่มีคนไปกดดัน จึงทำให้ไม่มีการตัดสินใจ ร่วมพิจารณา เนื่องจากกลัวคำครหา
หากยังนำคนกลัว ไปนั่งในตำแหน่งระดับการตัดสินใจ อาจจะเขียนกฎหมายใหม่ ยกระดับหน่วยงานนั้นๆ ขึ้นเป็น หน่วยงานอิสระ ไปเลย แล้วมีกฎหมายห้ามฟ้องร้อง เพราะขนาดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ยังต้องให้เป็นข่าวก่อนเลย มิอาจไปจับได้ หวั่นเป็นคดีหลังเกษียณ
ตอนนี้ฝรั่งนำไปโฆษณาว่า Thai Kratom สังคมไทยควรช่วยกันหาทางออก
เพราะในอนาคต เราอาจใช้ดื่มแทนกาแฟก็ได้ หรือ เครื่องดื่มน้ำดำ ที่นิยมกันทั่วโลกก็มีส่วนผสมของใบโคคา เพราะฉะนั้นอาจ มีเครื่องดื่มกระท่อมเป็นยา เป็นเครื่องดื่ม ที่เราขาดโอกาสพัฒนา
ถึงเวลาที่ ทุกฝ่ายควรนำกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางสมุนไพร การแพทย์แผนไทย มียาหลายอย่างที่เราต้องนำเข้า
กระท่อม มีบทบาทที่จะนำมาใช้เป็นยา จึงควรพัฒนากฎหมาย ยกมาเป็นสมุนไพรควบคุมตาม พ.ร.บ.คุ้มครอง และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
https://goo.gl/sRVumD
ฝรั่งตบหน้าไทยอีก ฉกสมุนไพรใบกระท่อม ไปสร้างแบรนด์ “Thai Kratom”
ทั้งนี้ ที่ขายได้เพราะ เมือง Portland, Oregon, USA อนุญาตให้จำหน่าย กระท่อม และ กัญชา ได้อย่างถูกกฎหมาย
ต่อไปอาจขยายไปจำหน่ายที่รัฐโคโลราโด้ และเศรษฐกิจจะดีมากขึ้น เมื่อขยายสู่ รัฐแคลิฟอร์เนีย ที่เป็นตลาดใหญ่หลายพันล้านดอลลาร์
สำหรับราคาแพงน่าดู 60 เม็ดแคปซูล 1,800 บาท ( $56.25 หากเอา 1,800 หารด้วย 32 ) มีทั้งแบบเม็ดและแบบผง สรรพคุณลดความเจ็บปวด และ สู้งาน เหมือนเป็นยาดีชูกำลัง
ประเทศอื่นนำไปจดทะเบียนกันหมด มีแต่ประเทศเรานี่แหละ ซื้อยาเคมีมากินกันปีละหลายหมื่นล้าน หรือกลัวว่า ถ้าใบกระท่อมถูกกฎหมาย จะทำให้ "เครื่องดื่มชูกำลัง" ขายไม่ออก
ผลิตภัณฑ์สมุนไพรใบกระท่อม ใช้คำว่า Thai Kratom ให้เกียรติประเทศเราจริงๆ อธิบายด้วยว่าเป็นสมุนไพรอันน่าทึ่ง ( Remarkable Herbs )
แถมยังบอกว่าปลูกแบบ Organics ด้วย ฝรั่งนี่ชอบนักคำว่าออร์แกนนิกเพราะปลูกไม่ต้องใส่ปุ๋ยเคมีเขาห่วงสุขภาพมาก
เมืองไทยช้ามาก เช่นข้าว หอมมะลิใช้คำว่า Jasmine Rice เมื่อมีคนนำไปจดทะเบียน เราก็ใช้ไม่ได้ จึงต้องไปจดใหม่เป็น Thai Hom Mali Rice
สำหรับเราจะผลิตใบกระท่อม และกัญชา เพื่อการส่งออกหรือไม่ ? น่าคิด จะต้องแก้กฎหมายอีกนานแค่ไหน เพราะสอบถามไปก็บอกว่าอยู่ในขั้นตอนการพิจารณา
แปลกใจ ?? หรือว่า ใบกระท่อม มันไม่มีกระแส ไม่มีคนไปกดดัน จึงทำให้ไม่มีการตัดสินใจ ร่วมพิจารณา เนื่องจากกลัวคำครหา
หากยังนำคนกลัว ไปนั่งในตำแหน่งระดับการตัดสินใจ อาจจะเขียนกฎหมายใหม่ ยกระดับหน่วยงานนั้นๆ ขึ้นเป็น หน่วยงานอิสระ ไปเลย แล้วมีกฎหมายห้ามฟ้องร้อง เพราะขนาดปัญหาเล็กๆ น้อยๆ ตอนนี้ยังต้องให้เป็นข่าวก่อนเลย มิอาจไปจับได้ หวั่นเป็นคดีหลังเกษียณ
ตอนนี้ฝรั่งนำไปโฆษณาว่า Thai Kratom สังคมไทยควรช่วยกันหาทางออก
เพราะในอนาคต เราอาจใช้ดื่มแทนกาแฟก็ได้ หรือ เครื่องดื่มน้ำดำ ที่นิยมกันทั่วโลกก็มีส่วนผสมของใบโคคา เพราะฉะนั้นอาจ มีเครื่องดื่มกระท่อมเป็นยา เป็นเครื่องดื่ม ที่เราขาดโอกาสพัฒนา
ถึงเวลาที่ ทุกฝ่ายควรนำกระท่อมมาใช้ประโยชน์ทางสมุนไพร การแพทย์แผนไทย มียาหลายอย่างที่เราต้องนำเข้า
กระท่อม มีบทบาทที่จะนำมาใช้เป็นยา จึงควรพัฒนากฎหมาย ยกมาเป็นสมุนไพรควบคุมตาม พ.ร.บ.คุ้มครอง และส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย
https://goo.gl/sRVumD