การผลิตอาหารสัตว์ ทดสอบอย่างไร ว่า หมาแมวกระต่ายปลานก ชอบรสชาติแบบนี้ ใช้คนชิมทดสอบหรือไม่ อย่างไร

สงสัย มาตลอด อาหารสัตว์ ทั้งแบบเมล็ด และแบบกระป๋อง
ฝ่ายผลิต รู้ได้ไง สัตว์ชอบรสชาติ แบบไหน ต้องทดลองชิมรสอย่างไร
จึงผ่านออกมาขายได้ ใช้คนชิมหรือไม่ อย่างไร รบกวนอธิบายให้ทราบด้วยค่ะ

อาหารแมว ชนิดกระป๋อง รสปลาต่างๆหรือ กุ้ง บางครั้ง เหมือน ปลาทูน่ากระป๋อง  /เห็นกุ้งจริงๆ ในกระป๋องด้วย
เหมือนอาหารที่คนเรากินมากๆ ใครเคยชิมบ้าง รสชาติ อย่างไร
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
หลักการผลิตเพื่อให้สัตว์ชอบ นี่ ผมก็ไม่แน่ใจนะครับ

แต่ผมคาดว่าจะเน้นไปที่ กลิ่น และ รสเค็ม ให้มันพอดี ๆ คล้ายอาหารคนกิน
เพราะผมเคยกินอาหารหมามาแล้ว  คือ เอโปรรสตับ  กับ  Smartheart รสเนื้ออบ  ทั้ง 2 อย่างนี่ กลิ่น เข้มข้น
ออกมาก่อนเลยครับ  รสเค็มนี่ใกล้เคียงกับขนมขบเคี้ยวที่เรากินกัน  ดังนั้น  ผมว่าเค้าวิจัยและค้นพบว่า กลิ่น จะมีส่วน
ช่วยมากเลยแหละครับ

ส่วนอาหารแมว  ผมเคยชิม Meo (เม็ดเขียว ๆ)  ปรากฏว่าไม่หอมเลย  แค่เค็ม ๆ  ผมว่าไม่ได้เรื่องครับ

(เอโปร นี่  ถูกบังคับให้กินตอนฝึกนาวิกโยธิน น่ะครับ  ส่วน Smartheart กับ Meo
มาลองกินเองเร็ว ๆ นี้เอง  เพราะอยากรู้รสชาติมัน)
ความคิดเห็นที่ 2
อาหารสัตว์จะเน้นกลิ่นครับ     ส่วนรสชาติแทบไม่มี

หลักใหญ่เลยคือสัตว์มันกินรสแบบคนไม่ได้เพราะว่าไตของสัตว์มันรับโซเดียมได้น้อยกว่าคนมาก     พวกเอาอาหารคนไปให้หมาแมวกินนี่กินไปนานๆไตพังกันทั้งนั้น      ถ้ารักสัตว์เลี้ยงเวลาให้อาหารก็ควรจะให้จืดๆอย่าปรุงรสจะดีกว่าครับ
ความคิดเห็นที่ 21
เวลาทดสอบความอร่อยของอาหาร มักใช้คำว่า palatability (ความน่ากิน) มากกว่า taste (รส) ครับ เพราะเวลาทดสอบเราทราบแค่ว่า ปริมาณการกินมีมากขึ้นเมื่อเทียบกับอาหารมาตรฐานชนิดใดชนิดหนึ่ง

สำหรับการรับรส ก็มีนักวิทยาศาสตร์เคยทดสอบดูแล้ว พบว่า สิ่งที่แมวใช้รับรสคือ กรดอะมิโน (amino acids) และสันนิษฐานว่า ด้วยความเป็นผู้ล่าที่ฝังอยู่ในสัณชาตญาณของสัตว์กินเนื้อ (carnivore) ทำให้กรดอะมิโนเป็นตัวกำหนดความอร่อย ตอนไปดูงานโรงงานอาหาร ได้ทดลองชิมอาหารแมวทั้งแบบแห้งและแบบเปียก พบว่า รสนั้นอร่อยมาก แต่รสโดยรวมจะไม่เหมือนอาหารคน ทั้งนี้เพราะคนเป็นสัตว์ที่กินทั้งพืชและสัตว์ (omnivore)(อาหารพวกนี้ คนสามารถทานได้ครับ เพราะโรงงานที่ผลิตนั้นสะอาดมาก และได้มาตรฐาน GMP รวมถึง HACCP)

ส่วนสุนัขนั้นอย่างที่ทราบคือ สุนัขจะประเมิน palatability จากกลิ่นครับ ทำให้ยาบางชนิด (chewable tablets) หรืออาหารบางอย่าง มักจะผสมกลิ่นลงไป เพื่อเพิ่มความอยากอาหารและให้สุนัขทานอาหารได้มากขึ้น โดยเฉพาะเวลาป่วย (better compliance) แต่จากการเคยชิมอาหารสุนัขจากโรงงานเดียวกันข้างบน อยากบอกว่า ไม่มีรสเลยครับ มีแต่กลิ่นล้วนๆ

ส่วนกระต่าย ปลาและนก ไม่มีข้อมูลครับ ทราบแค่ว่า สัตว์ทั้งสามชนิด จุดที่ผู้ผลิตต้องเน้นคือ ขนาด (edible size)

ถ้าให้เทียบระหว่างรูปแบบอาหาร จะทราบกันดีว่า แบบเปียกมี palatability สูงกว่าแบบแห้ง นอกจากประเด็นเรื่อง texture เวลาสัมผัสกับลิ้น และการกลืนคล่องง่ายแล้ว กลิ่นในอาหารก็เป็นสารเคมีชนิดหนึ่งที่จะละลายได้ดีและระเหยได้ดี ถ้ามีตัวทำละลายที่เหมาะสม ส่งผลให้มี palatability มากขึ้นครับ

ส่วนประเด็นการใส่แร่ธาตุ ไม่เกี่ยวกับรสหรือ palatability หรือเกี่ยวก็น้อยมาก ที่ใส่ลงไปนั้น ส่วนใหญ่ ผู้ผลิตจะใส่ตามความต้องการของสัตว์ชนิดนั้นๆ ณ อายุนั้นๆ และณ สภาวะนั้นๆ (ถ้าอาหารระดับ prescription diet จะมีการปรับสูตรที่ต่างออกไปอีก ตามโรค) บางสูตรมีงานวิจัยถึงเรื่องความต้องการของสุนัขต่างสายพันธุ์ เพราะสุนัขต่างสายพันธุ์ย่อมมีความต้องการสารอาหารต่างกัน แบ่งคร่าวๆ คือ เล็ก กลาง ใหญ่  และยักษ์

TL;DR
1. รส ไม่ใช่ palatability เพราะเราบอกไม่ได้ว่าสัตว์รู้รสอย่างไร (เหมือนการพิสูจน์ว่า สัตว์เลี้ยงรักเจ้าของหรือเปล่า จากการวัดปริมาณการหลั่งฮอร์โมน oxytocin แต่เราก็บอกไม่ได้เต็มปากว่า สัตว์เลี้ยงรักเราจริงหรือเปล่า)
2. อาหารเปียก มักมี palatability ดีกว่า
3. การเติมแร่ธาตุไม่ได้เติมเพื่อรส แต่เติมเพื่อความต้องการพื้นฐานของสัตว์ (balanced diet) เพราะคาดหวังว่า เราจะเทให้สัตว์กินแต่อาหารชนิดนี้เท่านั้น ไม่กินอาหารอื่นเลย ถ้าเราต้องมานั่งเติมโซเดียมเอง คงไม่สะดวกครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่