คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
ส่วนตัวทำธุรกิจนี้ิอยู่นะครับ มีให้บริการทั้งอาหาร อุปกรณ์ อาบน้ำ - ตัดขน ห้องฝากเลี้ยง ทำมาเข้าปีที่ 7 แล้วครับ และ กำลังมีแผนจะปิดตัวลงแล้วครับ จะไปหาทำธุรกิจอื่นแล้วครับ
อาหารสัตว์ บริษัทจะให้กำไร อยู่ที่ 5-15% ..ง่ายๆ ทุน 100 นึง ควรขาย 105 - 115 บาท/ต่อชิ้น / กำไรเยอะกว่านี้ ถือว่าเริ่มแพง จะขายยาก
อุปกรณ์ต่างๆ กำไรอยู่ ที่ 20-30% ..ง่ายๆ ทุน 1000 นึง บวกกำไร ได้ไม่เกิน 1200 - 1300 บาท / ต่อชิ้น แพงกว่านี้ ก็จะเริ่มขายยาก และยังไม่รวมโดนลูกค้าต่อราคาลงอีก ที่สำคัญเป็นของสิ้นเปลือง นานๆจะขายได้ทีครับ ขายได้แล้ว กว่าลูกค้าจะวนกลับมาซื้อใหม่ ก็อีกนานครับ
อย่าลืมนะครับ ธุรกิจพวกนี้ใครๆก็เข้าถึงและเริ่มทำธุรกิจนี้ได้ คู่แข่งเราจะไม่ได้มีแค่ คลีนิก ร้านเพ็ทชอป ร้านกรูมมิ่ง ร้านขายข้าวสาร ร้านขายปุ๋ย หรือสารพัดร้าน ที่หาสินค้าพวกนี้มาวางขาย
.... คู่แข่งสำคัญ คือ ห้างสรรพสินค้าสำคัญต่างๆ
** แต่ คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้คือ บริษัท และ เจ้าของแบรนด์ต่างๆ ที่คุณจะรับสินค้าเขามาขายต่อ เดี๋ยวนี้แทบทุกเจ้าก็เริ่มเปิดขายออนไลน์ มีเว็บเพจ เฟสบุ๊ค มีบริการส่งถึงมือลูกค้าโดยตรงกันแล้ว พวกนี้เขาจะเริ่มไม่ค่อยง้อร้านค้าแบบแต่ก่อน ... คู่แข่งจะรอบด้าน
ยิ่งถ้าธุรกิจแบบนี้ หมัดเด็ดของคุณ มีแค่ขายอาหารสัตว์ อุปกรณ์ แค่นี้ สู้คนอื่นเขายาก ต่อให้บริการดีขนาดไหนก็ไปได้ไม่ไกลครับ
ถ้าต้องการจะเปิดจริงๆ ต้องมีอะไรเยอะกว่านี้ครับ เช่น รักษาสัตว์ / ขายวัคซีน ยาสัตว์ /อาบน้ำ-ตัดขน / บริการห้องฝากเลี้ยง / รับผสม - เพาะพันธุ์ / ขายพวกสุนัขแมว / สระว่ายน้ำ / ฝึกสุนัข / คาเฟ่ หรือหาบริการพิเศษอะไรก็ได้ ที่ดึงดูดลูกค้าเข้ามาที่ร้านครับ ..อย่าลืม บริการจัดส่ง อันนี้สำคัญ ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบความสะดวก แต่สุดท้ายถ้าลำพังขายแค่อาหาร อุปกรณ์ ก็ไม่ไหวหรอกครับ
** ส่วนถ้าคิดจะทำแบรนด์อาหารสัตว์ ขนม อื่นๆ ที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง คำแนะนำ คือ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ไม่มีทุนเหลือจริงๆ .. อย่าคิดไปทำ เด็ดขาด .. เจ๊งกันมานักต่อนักแล้วครับ **
บรรยากาศภายในร้าน ต้องสะอาด จัดเรียงของเป็นระเบียบ สินค้าในร้านต้องดูแน่น แน่นนี่คือ ลูกค้ามองจากข้างนอกเข้ามาแล้วให้รู้สึกเหมือนร้านนี้สินค้าครบ ไม่เสียเวลาที่จะลองเดินเข้าไป
และที่สำคัญที่สุด ต้องสว่าง ....ไฟมีกี่หลอด เปิดไปเยอะๆ ห้ามให้ภายในร้านมืดๆ หมองๆ เด็ดขาด ป้ายร้าน ข้อมูลจำเป็นต่างๆ เอาให้ชัดเจน
ร้านผมเปิดในที่ของตัวเองครับ ติดถนนใหญ่เหมือนกัน มีที่จอด ไม่มีค่าเช่า หาจ่ายแค่ค่าใช้จ่ายหลัก น้ำ ไฟ และอื่นๆ... ยังจะเลิกครับ
มีโอกาสได้คุยกับร้านเพ็ทชอปอื่นๆที่รัจักกัน หลายๆร้าน ก็แย่กันหมด ...เซลล์จากบริษัทเองก็ปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะร้านเล็ก ร้านใหญ่ ยอดตกกันฮวบๆ
ลองคิดดีๆก่อนนะครับ ..ถ้าตามความเห็นส่วนตัวของผม ไปลงทุนอย่างอื่นเถอะครับ ยิ่งค่าเช่า 5x,xxx แบบนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก
... ถ้ามีช่องทางอื่น แนะนำอย่ามาทางนี้เลยครับ ไม่สนุกอย่างที่คิดแน่ๆ ...
อาหารสัตว์ บริษัทจะให้กำไร อยู่ที่ 5-15% ..ง่ายๆ ทุน 100 นึง ควรขาย 105 - 115 บาท/ต่อชิ้น / กำไรเยอะกว่านี้ ถือว่าเริ่มแพง จะขายยาก
อุปกรณ์ต่างๆ กำไรอยู่ ที่ 20-30% ..ง่ายๆ ทุน 1000 นึง บวกกำไร ได้ไม่เกิน 1200 - 1300 บาท / ต่อชิ้น แพงกว่านี้ ก็จะเริ่มขายยาก และยังไม่รวมโดนลูกค้าต่อราคาลงอีก ที่สำคัญเป็นของสิ้นเปลือง นานๆจะขายได้ทีครับ ขายได้แล้ว กว่าลูกค้าจะวนกลับมาซื้อใหม่ ก็อีกนานครับ
อย่าลืมนะครับ ธุรกิจพวกนี้ใครๆก็เข้าถึงและเริ่มทำธุรกิจนี้ได้ คู่แข่งเราจะไม่ได้มีแค่ คลีนิก ร้านเพ็ทชอป ร้านกรูมมิ่ง ร้านขายข้าวสาร ร้านขายปุ๋ย หรือสารพัดร้าน ที่หาสินค้าพวกนี้มาวางขาย
.... คู่แข่งสำคัญ คือ ห้างสรรพสินค้าสำคัญต่างๆ
** แต่ คู่แข่งที่น่ากลัวที่สุด ตอนนี้คือ บริษัท และ เจ้าของแบรนด์ต่างๆ ที่คุณจะรับสินค้าเขามาขายต่อ เดี๋ยวนี้แทบทุกเจ้าก็เริ่มเปิดขายออนไลน์ มีเว็บเพจ เฟสบุ๊ค มีบริการส่งถึงมือลูกค้าโดยตรงกันแล้ว พวกนี้เขาจะเริ่มไม่ค่อยง้อร้านค้าแบบแต่ก่อน ... คู่แข่งจะรอบด้าน
ยิ่งถ้าธุรกิจแบบนี้ หมัดเด็ดของคุณ มีแค่ขายอาหารสัตว์ อุปกรณ์ แค่นี้ สู้คนอื่นเขายาก ต่อให้บริการดีขนาดไหนก็ไปได้ไม่ไกลครับ
ถ้าต้องการจะเปิดจริงๆ ต้องมีอะไรเยอะกว่านี้ครับ เช่น รักษาสัตว์ / ขายวัคซีน ยาสัตว์ /อาบน้ำ-ตัดขน / บริการห้องฝากเลี้ยง / รับผสม - เพาะพันธุ์ / ขายพวกสุนัขแมว / สระว่ายน้ำ / ฝึกสุนัข / คาเฟ่ หรือหาบริการพิเศษอะไรก็ได้ ที่ดึงดูดลูกค้าเข้ามาที่ร้านครับ ..อย่าลืม บริการจัดส่ง อันนี้สำคัญ ลูกค้าส่วนใหญ่ชอบความสะดวก แต่สุดท้ายถ้าลำพังขายแค่อาหาร อุปกรณ์ ก็ไม่ไหวหรอกครับ
** ส่วนถ้าคิดจะทำแบรนด์อาหารสัตว์ ขนม อื่นๆ ที่เป็นแบรนด์ของตัวเอง คำแนะนำ คือ ถ้าไม่มั่นใจจริงๆ ไม่มีทุนเหลือจริงๆ .. อย่าคิดไปทำ เด็ดขาด .. เจ๊งกันมานักต่อนักแล้วครับ **
บรรยากาศภายในร้าน ต้องสะอาด จัดเรียงของเป็นระเบียบ สินค้าในร้านต้องดูแน่น แน่นนี่คือ ลูกค้ามองจากข้างนอกเข้ามาแล้วให้รู้สึกเหมือนร้านนี้สินค้าครบ ไม่เสียเวลาที่จะลองเดินเข้าไป
และที่สำคัญที่สุด ต้องสว่าง ....ไฟมีกี่หลอด เปิดไปเยอะๆ ห้ามให้ภายในร้านมืดๆ หมองๆ เด็ดขาด ป้ายร้าน ข้อมูลจำเป็นต่างๆ เอาให้ชัดเจน
ร้านผมเปิดในที่ของตัวเองครับ ติดถนนใหญ่เหมือนกัน มีที่จอด ไม่มีค่าเช่า หาจ่ายแค่ค่าใช้จ่ายหลัก น้ำ ไฟ และอื่นๆ... ยังจะเลิกครับ
มีโอกาสได้คุยกับร้านเพ็ทชอปอื่นๆที่รัจักกัน หลายๆร้าน ก็แย่กันหมด ...เซลล์จากบริษัทเองก็ปวดหัวไม่แพ้กัน เพราะร้านเล็ก ร้านใหญ่ ยอดตกกันฮวบๆ
ลองคิดดีๆก่อนนะครับ ..ถ้าตามความเห็นส่วนตัวของผม ไปลงทุนอย่างอื่นเถอะครับ ยิ่งค่าเช่า 5x,xxx แบบนี้ ยังไม่รวมค่าใช้จ่ายอย่างอื่นอีก
... ถ้ามีช่องทางอื่น แนะนำอย่ามาทางนี้เลยครับ ไม่สนุกอย่างที่คิดแน่ๆ ...
แสดงความคิดเห็น
เปิดร้าน Pet Shop กำไร พออยู่ได้ไหม