ตามหัวข้อเลยคะ..😢
ต้องท้าวความก่อนนะค่ะ..
เรื่องมีอยุ่ว่า เราเพิ่งคบกันได้4เดือนคะ แต่เราสองคนรุ้จักกันมาเกือบ4ปี..ก่อนที่เราจะเปิดใจคบกับเขา..ย้อนไปเมื่อปี2014นะคะ แฟนเราถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนนึ่ง หุ่นนักกีฬาเป็นโค้ชนักมวยทีมชาติ แฟนคลับสาวๆเยอะมากกในเฟสบุค...ใครเป็นแฟนคงหึงหวงอะนะ ตอนนั้นในใจเราคิด *_*"
.แต่อยู่ดีๆเขาดันมาเริ่มตามจีบเราตั้งแต่ปี2014 ซึ่งเขาเห็นเราจากในวิดิโอพรีเซนงานบริษัทที่เราเคยไปทำงานอีเว้นพิธีกรให้ ...เขาจึงให้หัวหน้าเขา พยายามเป็นแม่สื่อแม่ชักติดต่อนัดทานข้าวกับเราให้ได้..แต่ตอนนั้นเรามีแฟนอยุ่แล้วคะ ซึ่งเราก็รักแฟนเก่ามาก เลยไม่คิดจะไปแอบเปิดใจให้ใคร..ก็เป็นอันว่า..แห้วคะ5555+..เขาก็จีบเราไม่สำเร็จ แต่เขาก็ไม่ลดความพยายามนะค่ะ เขาแอดFBเรามา..จนเขาติดตามเรามาเรื่อยๆดูความเคลื่อนไหวเราตลอด...จนถึงวันนึ่งเราก็ต้องเลิกลากับแฟนเก่าที่คบอยุ่ตอนนั้น..ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาทำคะแนนเต็มที่...แต่เราก็ไม่เปิดใจให้คะ ด้วยที่ว่าเราเข็ดกับความรัก และ ปิดกั้นหัวใจ...เขาก็พยายามจะชวนคุย อยากเจอ อยากนัดกินข้าว จนวันนึ่งเรา รุ้สึกเบื่อๆ เราเลยรับนัดเขา ..ก็พุดคุยกันเป็นเพื่อนปกติมีเวลานานก็ไปกินข้าวเดินเล่นบ้าง..แต่ทางเขาไม่ปกติอยุ่แล้วคะ พยายามเอาใจตามจีบเต็มที่ จนเราคิดว่า เราไม่อยากให้เขาคิดไปไกลละ เราเลยเลิกคุยกับเขาแบบเพื่อนและไม่ขอเจออีกเลย..จนเราทำตัวห่างเหินและไม่ค่อยตอบข้อความเขาอีกเลยเป็นเวลาเกือบ3 ปี 2015-2017..ซึ่งเขาก็ไม่ลดละความพยายามนะ ส่งข้อความมาหาทุกเดือน พยายามทักทายชวนคุย แต่เราไม่ค่อยตอบ..ตอบไปได้แค่สั่นๆว่า...จ้า ,ขอบคุณ สบายดี, จำได้,ไม่ว่างนะ, คือมีอยุ่แค่นี้ละ..ซึ่งมาย้อนคิด เออเราใจแข็งมากนะ....
จนในที่สุด เราสองคนได้กลับมาคุยกันอีกเมื่อเดือน กันยายน 2017ที่ผ่านมาคะ..เป็นการเปิดใจคุยกันถามตรงๆจากทางฝ่ายเราเป็นครั้งแรก..เราสงสัยเขาอยุ่หลายอย่างมาก คือแปลกตรงที่ว่า สาวๆเขาเยอะมากกที่ติดตามเป็นแฟนคลับเขา เราเลยสงสัยเกิดคำถามยิงประเด็นไป...ว่าทำไมถึงไม่มีแฟน แฟนคลับก็เยอะ ไปจีบแฟนคลับง่ายกว่าไหม..อย่ามาจีบเราเลย มันเสียเวลาป่าวๆ..เขาก็ไม่ยอมคะ บอกแค่ว่า เขาชอบเราแค่คนเดียว เมื่อไรเราจะยอมเปิดใจให้เขาบ้าง ...เราตอนนั้นอารมแบบเหนื่อยที่จะพูดอะคะ..แต่ก็ปล่อยเลยตามเลย..เราสองคนก็เลยเริ่มคุยทักทายกันเกือบทุกวัน ก็กลับมานัดเจอกินข้าวกันอีกครั้ง.. เขาก็จีบหยอด แกล้ง แหย่กวนประสาทเราเต็มที่ พอคุยทุกวันมันเลยเกิดเป็นความรู้สึกคิดถึงขึ้นมา ถ้าวันไหนไม่ได้คุย55555+...ซึ่งเรามารุ้ตัวอีกที เราเริ่มชอบผุ้ชายคนนี้ตอนไหนเนี่ยย. งง คร้าาา...และหลังจากนั้นมีเรื่องทำให้เราต้องระบายความรุ้สึกในใจ ว่าเราเริ่มมีใจให้เขาแล้วนะ..เราสองคนก็เหมือนอยุ่ดีๆ คบกันแบบเนียนๆอะคะ ไม่ได้มีฝ่ายใดฝ่ายนึ่ง..มาพูดขอคบแบบตรงๆ...
ซึ่งจากนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดีคะ มีงองแงง งี่เง่าบ้างเล็กน้อยตามประสานิสัยผุ้หญิง แต่ก็ไม่ถึงกับเอาแต่ใจไร้เหตุผลนะคะ...
****จนมาถึงจุดแตกหักครั้งใหญ่คะ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่28 มกราคม 2018
เราเป็นฝ่ายพลั้งปากบอกเลิกแฟนคะ..บางคนอาจมองว่า..เราประชดแฟนหรือป่าว...ซึ่งๆจริงไม่ใช่นะค่ะ.
สาเหตุที่เราพลั้งปากบอกเลิก..คือ ยอมรับว่าอารมณไม่มีสติ ก็เป็นสาเหตุหลักด้วยคะ...แต่ ที่ทำให้หลุดบอกเลิก มันมีสาเหตุหลากหลายเรื่องคะ ที่ระแวงคบกัน เราไม่เคยเข้าใจความคิด และ ความรุ้สึกในใจเขาเลย คือนิสัยแฟนเรา..เป็นคนที่เข้าถึงยากกกมากกกคะ พอได้มาคบ เรานี่มึนเลยย เดาใจตัวตนเขาไม่ถุกคะ..ซึ่งมันต่างจากตอนจีบมากๆ..
จะบอกพฤติกรรม สาเหตุ ที่ทำให้บอกเลิกก่อนนะค่
.
ทำยังไงดีค่ะ..บอกเลิกแฟน..ทั้งๆที่ยังรัก.ไม่ได้ประชด แต่เป็นเพราะต่างคนต่างไม่เคยเปิดใจคุยกัน เราอยากคืนดีกับแฟน
ต้องท้าวความก่อนนะค่ะ..
เรื่องมีอยุ่ว่า เราเพิ่งคบกันได้4เดือนคะ แต่เราสองคนรุ้จักกันมาเกือบ4ปี..ก่อนที่เราจะเปิดใจคบกับเขา..ย้อนไปเมื่อปี2014นะคะ แฟนเราถือว่าเป็นผู้ชายหน้าตาดีคนนึ่ง หุ่นนักกีฬาเป็นโค้ชนักมวยทีมชาติ แฟนคลับสาวๆเยอะมากกในเฟสบุค...ใครเป็นแฟนคงหึงหวงอะนะ ตอนนั้นในใจเราคิด *_*"
.แต่อยู่ดีๆเขาดันมาเริ่มตามจีบเราตั้งแต่ปี2014 ซึ่งเขาเห็นเราจากในวิดิโอพรีเซนงานบริษัทที่เราเคยไปทำงานอีเว้นพิธีกรให้ ...เขาจึงให้หัวหน้าเขา พยายามเป็นแม่สื่อแม่ชักติดต่อนัดทานข้าวกับเราให้ได้..แต่ตอนนั้นเรามีแฟนอยุ่แล้วคะ ซึ่งเราก็รักแฟนเก่ามาก เลยไม่คิดจะไปแอบเปิดใจให้ใคร..ก็เป็นอันว่า..แห้วคะ5555+..เขาก็จีบเราไม่สำเร็จ แต่เขาก็ไม่ลดความพยายามนะค่ะ เขาแอดFBเรามา..จนเขาติดตามเรามาเรื่อยๆดูความเคลื่อนไหวเราตลอด...จนถึงวันนึ่งเราก็ต้องเลิกลากับแฟนเก่าที่คบอยุ่ตอนนั้น..ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้เขาทำคะแนนเต็มที่...แต่เราก็ไม่เปิดใจให้คะ ด้วยที่ว่าเราเข็ดกับความรัก และ ปิดกั้นหัวใจ...เขาก็พยายามจะชวนคุย อยากเจอ อยากนัดกินข้าว จนวันนึ่งเรา รุ้สึกเบื่อๆ เราเลยรับนัดเขา ..ก็พุดคุยกันเป็นเพื่อนปกติมีเวลานานก็ไปกินข้าวเดินเล่นบ้าง..แต่ทางเขาไม่ปกติอยุ่แล้วคะ พยายามเอาใจตามจีบเต็มที่ จนเราคิดว่า เราไม่อยากให้เขาคิดไปไกลละ เราเลยเลิกคุยกับเขาแบบเพื่อนและไม่ขอเจออีกเลย..จนเราทำตัวห่างเหินและไม่ค่อยตอบข้อความเขาอีกเลยเป็นเวลาเกือบ3 ปี 2015-2017..ซึ่งเขาก็ไม่ลดละความพยายามนะ ส่งข้อความมาหาทุกเดือน พยายามทักทายชวนคุย แต่เราไม่ค่อยตอบ..ตอบไปได้แค่สั่นๆว่า...จ้า ,ขอบคุณ สบายดี, จำได้,ไม่ว่างนะ, คือมีอยุ่แค่นี้ละ..ซึ่งมาย้อนคิด เออเราใจแข็งมากนะ....
จนในที่สุด เราสองคนได้กลับมาคุยกันอีกเมื่อเดือน กันยายน 2017ที่ผ่านมาคะ..เป็นการเปิดใจคุยกันถามตรงๆจากทางฝ่ายเราเป็นครั้งแรก..เราสงสัยเขาอยุ่หลายอย่างมาก คือแปลกตรงที่ว่า สาวๆเขาเยอะมากกที่ติดตามเป็นแฟนคลับเขา เราเลยสงสัยเกิดคำถามยิงประเด็นไป...ว่าทำไมถึงไม่มีแฟน แฟนคลับก็เยอะ ไปจีบแฟนคลับง่ายกว่าไหม..อย่ามาจีบเราเลย มันเสียเวลาป่าวๆ..เขาก็ไม่ยอมคะ บอกแค่ว่า เขาชอบเราแค่คนเดียว เมื่อไรเราจะยอมเปิดใจให้เขาบ้าง ...เราตอนนั้นอารมแบบเหนื่อยที่จะพูดอะคะ..แต่ก็ปล่อยเลยตามเลย..เราสองคนก็เลยเริ่มคุยทักทายกันเกือบทุกวัน ก็กลับมานัดเจอกินข้าวกันอีกครั้ง.. เขาก็จีบหยอด แกล้ง แหย่กวนประสาทเราเต็มที่ พอคุยทุกวันมันเลยเกิดเป็นความรู้สึกคิดถึงขึ้นมา ถ้าวันไหนไม่ได้คุย55555+...ซึ่งเรามารุ้ตัวอีกที เราเริ่มชอบผุ้ชายคนนี้ตอนไหนเนี่ยย. งง คร้าาา...และหลังจากนั้นมีเรื่องทำให้เราต้องระบายความรุ้สึกในใจ ว่าเราเริ่มมีใจให้เขาแล้วนะ..เราสองคนก็เหมือนอยุ่ดีๆ คบกันแบบเนียนๆอะคะ ไม่ได้มีฝ่ายใดฝ่ายนึ่ง..มาพูดขอคบแบบตรงๆ...
ซึ่งจากนั้น ทุกอย่างก็ดำเนินไปได้ด้วยดีคะ มีงองแงง งี่เง่าบ้างเล็กน้อยตามประสานิสัยผุ้หญิง แต่ก็ไม่ถึงกับเอาแต่ใจไร้เหตุผลนะคะ...
****จนมาถึงจุดแตกหักครั้งใหญ่คะ เรื่องเกิดขึ้นเมื่อวันที่28 มกราคม 2018
เราเป็นฝ่ายพลั้งปากบอกเลิกแฟนคะ..บางคนอาจมองว่า..เราประชดแฟนหรือป่าว...ซึ่งๆจริงไม่ใช่นะค่ะ.
สาเหตุที่เราพลั้งปากบอกเลิก..คือ ยอมรับว่าอารมณไม่มีสติ ก็เป็นสาเหตุหลักด้วยคะ...แต่ ที่ทำให้หลุดบอกเลิก มันมีสาเหตุหลากหลายเรื่องคะ ที่ระแวงคบกัน เราไม่เคยเข้าใจความคิด และ ความรุ้สึกในใจเขาเลย คือนิสัยแฟนเรา..เป็นคนที่เข้าถึงยากกกมากกกคะ พอได้มาคบ เรานี่มึนเลยย เดาใจตัวตนเขาไม่ถุกคะ..ซึ่งมันต่างจากตอนจีบมากๆ..
จะบอกพฤติกรรม สาเหตุ ที่ทำให้บอกเลิกก่อนนะค่
.