วันนี้ผมจะมารีวิว หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum ครับ ตัวนี้เป็น Generation 1
ผมเองนั้นคุ้นเคยกับ Brand Xiaomi มาตั้งแต่ตอนนั้นใช้ ROM MIUI แล้ว และก็ซื้อของ Xiaomi มาเยอะ
โดยตอนนี้ก็มี
-Xiaomi Yi Dashcam
-Xiaomi Wi-Fi Socket
-Xiaomi Mi Mouse
และล่าสุด Xiaomi Robot Vacuum
โดยผมเองไม่ได้มีส่วนเสียอะไรกับ Brand นี้นะครับ ผมไม่ใช่หน้าม้า แค่อยากจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจกับ Brands อื่นๆ ครับผม
เกริ่นก่อน... ผมเป็นเด็กบ้า IT ชอบอะไรก็ตามที่เป็นเทคโนโลยี ที่ช่วยอะไรเราได้ ไม่มากก็น้อย จริงๆติดใจมาตั้งแต่ Wi-Fi Socket แล้ว ที่เปิด-ปิด ไฟได้ผ่านมือถือ หรือตั้งเวลา โดยแน่นอนว่าทุกบ้านต้องกวาดบ้าน มีฝุ่นกันอยู่แล้ว เลยสนใจในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขึ้นมา... แต่ตอนแรกพอเจอราคาแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยอยากได้ขึ้นมานะ รู้สึกแพง แต่พอมาคิดจริงๆแล้วว่า ราคาเครื่องดูดฝุ่นปกติ แบบดีๆ หน่อย + ไร้สายอีก ราคามันก็สูงอยู่แล้ว นี่ยังสามารถเดินทำความสะอาดได้เองอีก เลยรู้ว่าราคาเกิน 10K นั้นก็ยังพอรับได้หละ
ทำไมต้องเป็น Brand Xiaomi นี้ ผมเองยังไม่ได้ร่ำรวยอะไร จริงๆ ก็อยากได้ iRobot เหมือนที่ทุกๆ คนแนะนำหละ แต่ด้วยราคารุ่นที่มี Mapping ก็ปาไป 20K แล้ว ซึ่งมันเกินตัวไปหน่อยสำหรับในช่วงนี้ครับ จากนั้นก็มีเล็ง HomBot ของ LG ซึ่งก็น่าสนใจดี แต่เสียดายว่า รุ่นเล็กมีกล้องเดียว ไม่มี App และมีข่าวว่าชอบตกบันได ส่วนพวก Autobot ผมยังไม่ค่อยมั่นใจในแบรนด์เท่าไร (คหสต.) และ Part อะไหล่ต่างๆ ของ Xiaomi อย่าง แปรงดูดหลัก, แปรงข้าง, ฟิลเตอร์ หรือแม้แต่ Sensor ก็ยังมีขายในเน็ต ในราคาที่ถูก
ผมได้ราคาของมาในราคา 9,990 บาทครับ บอกไปตรงๆเลย จาก 11street ตอนนั้นลดราคาจาก 13,000 เหลือ 9,900 คือลดราคาได้ตรงจังหวะมาก จากนั้นผมก็สั่งมาเลย รอประมาณ 4 วันถึงได้ของ แถมเสาร์-อาทิตย์ ไม่ทำการด้วยนะ สำหรับผม ถือว่าส่งช้า คือแบบใจจดใจจ่อมาก >w<
กล่องเป็นกระดาษแข็งครับ จริงๆ มีใส่มาก่อนอีกชั้น ดูเหมือนอุปกรณ์ Network อย่างพวก Switch ต่างๆ จะชอบใส่กล่องแบบนี้มา ก็ได้ฟิลลิ่งอีกแบบกับกล่องแบบ Screen สีมันๆ กล่องค่อนข้างใหญ่มากทีเดียวเลยหละ มีหูหิ้ว แต่ถ้าไม่มียกมือเดียวลำบากอยู่
พอเปิดกล่องเข้ามาจะเจอโฟมแบบเข็ง และจะเจอเจ้าตัวนอนแอ่งแม้งอยู่ในกล่องเลย แพ็คมาคาดว่าไม่น่าเขย่าได้ ไม่ต้องกลัวระบมตอนส่งของครับๆ
ถัดมาข้างๆ จะเป็นพวกแท่นชาร์ต สายไฟ จริงๆอุปกรณ์มีไม่เยอะมากครับ
ปล.ไม่มีรีโมตนะครับเพราะใช้เทคโนโลยีแบบ Neato Robotics และไม่มี Spare Part อย่างแปรงขัด หรืออะไรให้ มีแค่แปรงทำความสะอาด แปรงดูดหลัก (แต่ยังไม่เคยใช้นะ เพราะแปรงหลักยังไม่ค่อยสกปรก)
อะตัวเครื่องแบบชัดๆ ครับ สวยดีนะผมว่า มัน Minimal ดีแต่แม่ผมบอกชอบแนว Samsung, LG กว่าในด้าน Design 55
อันนี้ปุ่มและ ไฟแสดงสถานะต่างๆ ครับ หลังจากเปิดฝาขึ้นมา ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไร ปุ่มมันดูน้อยๆ ไป แต่ Feeling ของปุ่มตอนกดดีมาก มันนุ่มๆ ดี ^^ โดยจะมีคำสั่งประมาณนี้
Home -> กลับสู่แท่นชาร์ต
Power -> ถ้าปิดเครื่องอยู่กดค้างเพื่อเปิด แล้วกดอีกครั้งเพื่อทำความสะอาด และกดค้างตอนเปิดเพื่อปิดครับ
กดสองปุ่มพร้อมกันจะเป็นการ Reset Wi-Fi ส่วนถ้าต่อเสร็จแล้วไฟสถานะ Wi-Fi จะเป็นสีฟ้า
รอบๆปุ่มจะมีไฟด้วยนะ เหมือนจะ สีขาว แบท 100-51% สีส้ม 50-21% และต่ำกว่านั้นจะเป็นสีแดง
Dock หรือ ฐานของ Robot นั่นเอง โดยส่วนมากแทบทุก Brand ก็จะมีมัน แต่สำหรับผม Dock ของ Xiaomi สวยที่สุดละ มันดูล่ำๆ อวกาศ มีที่เก็บสายด้วย และหัวปลั้กก็เป็นแบบเสียบเข้ากับบ้านเราได้เลย ไม่ต้องแปลง (Mi Socket ผมต้องมาแปลงอีกที)
เปิดมาดูถังเก็บฝุ่นหรือ Dust Bin กันบ้าง คิดว่าค่อนข้างเล็กนะ แต่ถอดออกมาไม่ยาก แค่บีบตรงกลาง 2 ข้าง แล้วยกขึ้นมาเบาๆ
แต่แอบทำความสะอาดยากไปหน่อย และมีแผ่นกรอง Hepa ผมคุ้นเคยกับเจ้านี่มาก เพราะมีเครื่องฟอกอากาศ Sharp อยู่ ตอนเปลี่ยนทีนี่โครตแพงเลย
ผมก็เลยไปสืบราคามาอย่างรวดเร็ว สรุปว่า ถ้าจะเปลี่ยนราคาก็ไม่กี่ร้อย ถือว่าใช้ได้อยู่กับราคาอะไหล่
ถัดมาเป็นแปรงกวาดหลัก ที่ Lock และที่ทำความสะอาดแปรง แต่แปรงแบบนี้ก็ยังติดเส้นผมที่แปรงได้อยู่
ต่อมาเป็นด้านล่างเครื่อง ซึ่งส่วนนี้รายละเอียดเยอะ
1.แปรงปัดข้าง แฟนก็ถามผมเหมือนกันว่า ทำไมมันมีข้างเดียว? นั่นสิ ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันนะ ว่าทำไม เค้าไม่ให้มา 2 ข้าง แต่คุณภาพแปรงของจริงมันดูดีนะครับ เป็นยางๆ ยืดหยุ่นได้ ตรงแปรงเป็นพลาสติก ค่อนข้างเหนียว คิดว่าคงทนดีเลยหละ
2.เซนเซอร์กันตก ทั้ง 4 ตัว จะเป็นเป็นเหมือนกระจกดำๆ ซึ่งคิดว่ามันทำงานได้ดีนะ แต่อาจจะต้องมีเช็คทำความสะอาดกันบ้าง
3.แปรงกวาดหลัก และที่ดูด ก็ตามมาตรฐานนะ ใหญ่พอประมาณ
4.ล้อข้าง 2 และล้อหน้า 1 ล้อข้างผมว่า มันใหญ่ดีนะ ดูแข็งแรงดี หมุนเล่นเองไม่ได้ 555
5.ด้านหน้ามี Sensor เช็คสิ่งขีดขวาดด้านหน้า ถ้ามีอะไรขวางหน้ามัน มันจะลดความเร็วก่อนชนครับ แต่ก็น่าเสียดายที่มันยัง Detect สิ่งของอะไรเล็กๆ แบบขาเก้าอี้ ของเล่นชิ้นเล็กๆ ไม่ได้
มาต่อกันที่ Application ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของ Xiaomi เลยครับ
Application ชื่อ Mi Home ครับ มีทั้ง iOS และ Android โดยตอนแรกต้องสมัคร Account และอย่าลืมครับ ว่าให้เลือก Mainland เป็น China
การเชื่อมต่อกับเครื่องให้กด Manually Add จากนั้นเลือก Xiaomi Robot Vacuum แล้วกดค้าง 2 ปุ่มที่ Robot ครับจากนั้นก็จะหากันจนเจอ แต่แนะนำให้เอาตัวเครื่องไปวางใกล้ๆ Router หน่อยนะครับ แล้วก็มือถือแนะนำให้เปิด GPS และ Bluetooth ด้วย เพื่อจะเชื่อมกันได้ง่ายขึ้น
โดยตอนแรกผมมีให้ Upgrade Firmware ตัวเครื่อง ซึ่งตัวนี้ทำได้ดีมาก เพราะ Upgrade ผ่าน Wi-Fi ได้เลย ไม่จำเป็นต้องหา USB มาเสียบ
วิธีการทำงานของมันคือ
Scan ห้องก่อนเลย จากนั้นตัดขอบ โดยจะไม่ทำหมดทีเดียว จะเลาะขอบก่อนว่าเดินไปไหนได้ ไม่ได้บ้าง แล้วค่อยดูดเป็นฟันปลา ซึ่งบอกได้เลยว่า มันเดินฉลาดมากกกกก !! ไม่เดินมั่วสิ้นเปลือง แต่ก็ทำความสะอาดได้หมดจด ครบทุกมุม โดยเครื่องเหมือนจะมี 4 ระดับแรงดูด
คือ Silent, Balanced, Full, MAX ตามลำดับ ซึ่งเสียงก็ดังลดหลั่นกันไป แต่จริงๆ ผมเคยใช้ตอนจะนอน เปิดไว้ข้างบน ปิดประตูห้อง ก็ไม่ได้ยินเสียงนะ บ้านผมก็หลับกันได้สบาย 555
แล้ว Application มันฉลาดมาก ดู Log ได้ว่าทำอะไรไปบ้าง รวมผลทั้งหมดว่าทำได้กี่นาที พื้นที่เท่าไร ตัวแอปเอง ตอนหุ่นมันเดิน มันก็จะวัดพื้นที่ห้องให้ด้วย ส่วนตัวประทับใจมาก มันดูแบบได้ Interact กับมันดี ไม่ใช่แค่ปล่อยมันทำอย่างเดียว
แถมยังสามารถเปลี่ยนเสียงพูดของหุ่นยนต์ได้อีกนาา แต่เสียดายที่ส่วนมากจะเป็นจีน (แต่ก็มีแบบ English ให้ด้วยนะ)
เรื่องเดินข้ามสิ่งขีดขวาง ไม่ใช่ปัญหา เพราะล้อทั้ง 2 มีขนาดใหญ่มาก เดินฉลาด แต่เรื่องชนของยังไม่แจ่มเท่า HomBot หรือ iRobot ยังหลบหลายๆอย่างไม่ได้ ลากของบ่อย สายไฟก็ควรเก็บให้ดีก่อน เรื่องตกบันได คิดว่าไม่มีปัญหาใดๆ
ตอนเดินกลับฐานก็ฉลาดมาก แม่นยำ แล้วเดินในเส้นทางกระจัดด้วยนะ ตรงแบบไม่มีลังเลเลย ชอบบ ^^
เรื่องความสะอาด ผมประทับใจมาก ผมว่ามันสะอาดขึ้นมากๆ ยังไงซะกวาดบ้านมันก็ไม่เท่าดูดฝุ่นอะเนอะ แม่ผมก็บอกว่าปล่อยมันทำความสะอาดแล้วไปเดินเล่นนอกบ้าน พอเข้าบ้านมานี่แบบ สะอาดอย่างเห็นได้ชัด เดินแล้วเท่าสบายกว่ากันเลย
ส่วนเรื่องเสียง ในโหมด Balanced ก็ราวๆ 64dB ซึ่งก็ปกติมาตรฐานอะเนอะ ไม่ได้ดังมาก หรือก็ไม่ได้เบา
อะราคาอีกที... ผมได้มาจาก 11Street 9,990 บาท ลดจาก 13,000 ประกันศูนย์ไทย !! แต่ตอนนี้น่าจะราคาเต็ม
ผมลงราคาไปเลยละกันเนอะ เพราะอยากให้ลดบ้างนะเอาจริงๆ ผู้บริโภคอย่างเราน่าจะได้ประโยชน์
อะมาถึงข้อดี ข้อเสียละเนอะ
ข้อดี
-ราคาถูก คุ้มค่ากับคุณภาพ แบรนด์ที่ได้ถือว่าเป็นที่รู้จัก
-แดงดูดแรง 1,800 Pa
-วิธีการเดินโครตฉลาด น่าจะใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Neato ทำความสะอาดเสร็จไวดี
-Battery ขนาด 5200 mAh ใช้งานได้ 2 ชั่วโมง 30 นาที (เยอะมาก ถ้าเทียบกับรุ่นอื่น)
-ตัวเครื่องเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ Upgrade Firmware ทำได้ง่าย
-Application ใช้งานง่าย แต่ก็มีประโยชน์มาก ในเวลาที่เราอยากดูข้อมูล และสร้าง Map ห้องนี่สุดยอดมากๆเลย
-ชิ้นส่วนอะไหล่ ราคาถูก หาซื้อได้ตามเน็ต
-แท่นชาร์ตไม่เกะกะ ไม่เล็ก หรือใหญ่ไป
-เดินผ่านสิ่งกีดขวางได้ดี
-ควบคุมโดยใช้มือถือเป็น Remote ได้
-Design สวย สำหรับคนชอบสีขาว และอะไร Minimal Minimal
-ประกันศูนย์ 1 ปี ผมเลยไปลองถามดูว่า ถ้าตกหละ เค้าบอกไม่ตกแน่นอนครับ แต่ผมก็จี้ไปอีกว่าถ้าตกขึ้นมาจริงๆ เค้าก็บอกว่าเอามาซ่อมได้เลยครับ อะโอเคร
ข้อเสีย
-เวลายกแล้วล้อมันจะลอยๆ ทำให้มันหนักไม่เท่ากัน มันจะแบบเอ้ะๆ 2 ระดับ
-Application เวลา Remote มี Delay บ้าง (ผมไม่แน่ใจว่า Server อยู่จีนหรือไม่ หรือคุยแบบ Ad-Hoc)
-ชอบลากสิ่งของเล็กๆ และสายไฟข้ามได้ไม่ค่อยดีนัก (แต่คู่มือก็บอกอยู่แล้วว่าควรเก็บไว้เหนือพื้น)
-ไม่มี Virtual Wall แบบเจ้าอื่นๆ ต้องใช้แถบแม่เหล็กยาง ซึ่งก็ไม่ได้แถมมาด้วย
-ไม่มี Remote Control เพราะใช้ระบบเดียวกับ Neato
-ถังขยะมีขนาด 0.42 ลิตร ซึ่งผมว่าเล็กไปหน่อย บวกกับทำความสะอาดค่อนข้างยาก (ผมชอบของ LG สุด)
ในอนาคตผมกำลังเล็งๆ Robot ถูพื้นอยู่.... ถ้าได้รุ่นไหนมา เดี๋ยวจะมารีวิวให้ชมกันอีกนะครับๆ
[CR][SR] รีวิว หุ่นยนต์ดูดฝุ่น Xiaomi Robot Vacuum
ผมเองนั้นคุ้นเคยกับ Brand Xiaomi มาตั้งแต่ตอนนั้นใช้ ROM MIUI แล้ว และก็ซื้อของ Xiaomi มาเยอะ
โดยตอนนี้ก็มี
-Xiaomi Yi Dashcam
-Xiaomi Wi-Fi Socket
-Xiaomi Mi Mouse
และล่าสุด Xiaomi Robot Vacuum
โดยผมเองไม่ได้มีส่วนเสียอะไรกับ Brand นี้นะครับ ผมไม่ใช่หน้าม้า แค่อยากจะมารีวิวให้เพื่อนๆ ได้ใช้ประกอบการตัดสินใจกับ Brands อื่นๆ ครับผม
เกริ่นก่อน... ผมเป็นเด็กบ้า IT ชอบอะไรก็ตามที่เป็นเทคโนโลยี ที่ช่วยอะไรเราได้ ไม่มากก็น้อย จริงๆติดใจมาตั้งแต่ Wi-Fi Socket แล้ว ที่เปิด-ปิด ไฟได้ผ่านมือถือ หรือตั้งเวลา โดยแน่นอนว่าทุกบ้านต้องกวาดบ้าน มีฝุ่นกันอยู่แล้ว เลยสนใจในหุ่นยนต์ดูดฝุ่นขึ้นมา... แต่ตอนแรกพอเจอราคาแล้วก็รู้สึกไม่ค่อยอยากได้ขึ้นมานะ รู้สึกแพง แต่พอมาคิดจริงๆแล้วว่า ราคาเครื่องดูดฝุ่นปกติ แบบดีๆ หน่อย + ไร้สายอีก ราคามันก็สูงอยู่แล้ว นี่ยังสามารถเดินทำความสะอาดได้เองอีก เลยรู้ว่าราคาเกิน 10K นั้นก็ยังพอรับได้หละ
ทำไมต้องเป็น Brand Xiaomi นี้ ผมเองยังไม่ได้ร่ำรวยอะไร จริงๆ ก็อยากได้ iRobot เหมือนที่ทุกๆ คนแนะนำหละ แต่ด้วยราคารุ่นที่มี Mapping ก็ปาไป 20K แล้ว ซึ่งมันเกินตัวไปหน่อยสำหรับในช่วงนี้ครับ จากนั้นก็มีเล็ง HomBot ของ LG ซึ่งก็น่าสนใจดี แต่เสียดายว่า รุ่นเล็กมีกล้องเดียว ไม่มี App และมีข่าวว่าชอบตกบันได ส่วนพวก Autobot ผมยังไม่ค่อยมั่นใจในแบรนด์เท่าไร (คหสต.) และ Part อะไหล่ต่างๆ ของ Xiaomi อย่าง แปรงดูดหลัก, แปรงข้าง, ฟิลเตอร์ หรือแม้แต่ Sensor ก็ยังมีขายในเน็ต ในราคาที่ถูก
ผมได้ราคาของมาในราคา 9,990 บาทครับ บอกไปตรงๆเลย จาก 11street ตอนนั้นลดราคาจาก 13,000 เหลือ 9,900 คือลดราคาได้ตรงจังหวะมาก จากนั้นผมก็สั่งมาเลย รอประมาณ 4 วันถึงได้ของ แถมเสาร์-อาทิตย์ ไม่ทำการด้วยนะ สำหรับผม ถือว่าส่งช้า คือแบบใจจดใจจ่อมาก >w<
กล่องเป็นกระดาษแข็งครับ จริงๆ มีใส่มาก่อนอีกชั้น ดูเหมือนอุปกรณ์ Network อย่างพวก Switch ต่างๆ จะชอบใส่กล่องแบบนี้มา ก็ได้ฟิลลิ่งอีกแบบกับกล่องแบบ Screen สีมันๆ กล่องค่อนข้างใหญ่มากทีเดียวเลยหละ มีหูหิ้ว แต่ถ้าไม่มียกมือเดียวลำบากอยู่
พอเปิดกล่องเข้ามาจะเจอโฟมแบบเข็ง และจะเจอเจ้าตัวนอนแอ่งแม้งอยู่ในกล่องเลย แพ็คมาคาดว่าไม่น่าเขย่าได้ ไม่ต้องกลัวระบมตอนส่งของครับๆ
ถัดมาข้างๆ จะเป็นพวกแท่นชาร์ต สายไฟ จริงๆอุปกรณ์มีไม่เยอะมากครับ
ปล.ไม่มีรีโมตนะครับเพราะใช้เทคโนโลยีแบบ Neato Robotics และไม่มี Spare Part อย่างแปรงขัด หรืออะไรให้ มีแค่แปรงทำความสะอาด แปรงดูดหลัก (แต่ยังไม่เคยใช้นะ เพราะแปรงหลักยังไม่ค่อยสกปรก)
อะตัวเครื่องแบบชัดๆ ครับ สวยดีนะผมว่า มัน Minimal ดีแต่แม่ผมบอกชอบแนว Samsung, LG กว่าในด้าน Design 55
อันนี้ปุ่มและ ไฟแสดงสถานะต่างๆ ครับ หลังจากเปิดฝาขึ้นมา ส่วนตัวไม่ค่อยชอบเท่าไร ปุ่มมันดูน้อยๆ ไป แต่ Feeling ของปุ่มตอนกดดีมาก มันนุ่มๆ ดี ^^ โดยจะมีคำสั่งประมาณนี้
Home -> กลับสู่แท่นชาร์ต
Power -> ถ้าปิดเครื่องอยู่กดค้างเพื่อเปิด แล้วกดอีกครั้งเพื่อทำความสะอาด และกดค้างตอนเปิดเพื่อปิดครับ
กดสองปุ่มพร้อมกันจะเป็นการ Reset Wi-Fi ส่วนถ้าต่อเสร็จแล้วไฟสถานะ Wi-Fi จะเป็นสีฟ้า
รอบๆปุ่มจะมีไฟด้วยนะ เหมือนจะ สีขาว แบท 100-51% สีส้ม 50-21% และต่ำกว่านั้นจะเป็นสีแดง
Dock หรือ ฐานของ Robot นั่นเอง โดยส่วนมากแทบทุก Brand ก็จะมีมัน แต่สำหรับผม Dock ของ Xiaomi สวยที่สุดละ มันดูล่ำๆ อวกาศ มีที่เก็บสายด้วย และหัวปลั้กก็เป็นแบบเสียบเข้ากับบ้านเราได้เลย ไม่ต้องแปลง (Mi Socket ผมต้องมาแปลงอีกที)
เปิดมาดูถังเก็บฝุ่นหรือ Dust Bin กันบ้าง คิดว่าค่อนข้างเล็กนะ แต่ถอดออกมาไม่ยาก แค่บีบตรงกลาง 2 ข้าง แล้วยกขึ้นมาเบาๆ
แต่แอบทำความสะอาดยากไปหน่อย และมีแผ่นกรอง Hepa ผมคุ้นเคยกับเจ้านี่มาก เพราะมีเครื่องฟอกอากาศ Sharp อยู่ ตอนเปลี่ยนทีนี่โครตแพงเลย
ผมก็เลยไปสืบราคามาอย่างรวดเร็ว สรุปว่า ถ้าจะเปลี่ยนราคาก็ไม่กี่ร้อย ถือว่าใช้ได้อยู่กับราคาอะไหล่
ถัดมาเป็นแปรงกวาดหลัก ที่ Lock และที่ทำความสะอาดแปรง แต่แปรงแบบนี้ก็ยังติดเส้นผมที่แปรงได้อยู่
ต่อมาเป็นด้านล่างเครื่อง ซึ่งส่วนนี้รายละเอียดเยอะ
1.แปรงปัดข้าง แฟนก็ถามผมเหมือนกันว่า ทำไมมันมีข้างเดียว? นั่นสิ ผมก็ตอบไม่ได้เหมือนกันนะ ว่าทำไม เค้าไม่ให้มา 2 ข้าง แต่คุณภาพแปรงของจริงมันดูดีนะครับ เป็นยางๆ ยืดหยุ่นได้ ตรงแปรงเป็นพลาสติก ค่อนข้างเหนียว คิดว่าคงทนดีเลยหละ
2.เซนเซอร์กันตก ทั้ง 4 ตัว จะเป็นเป็นเหมือนกระจกดำๆ ซึ่งคิดว่ามันทำงานได้ดีนะ แต่อาจจะต้องมีเช็คทำความสะอาดกันบ้าง
3.แปรงกวาดหลัก และที่ดูด ก็ตามมาตรฐานนะ ใหญ่พอประมาณ
4.ล้อข้าง 2 และล้อหน้า 1 ล้อข้างผมว่า มันใหญ่ดีนะ ดูแข็งแรงดี หมุนเล่นเองไม่ได้ 555
5.ด้านหน้ามี Sensor เช็คสิ่งขีดขวาดด้านหน้า ถ้ามีอะไรขวางหน้ามัน มันจะลดความเร็วก่อนชนครับ แต่ก็น่าเสียดายที่มันยัง Detect สิ่งของอะไรเล็กๆ แบบขาเก้าอี้ ของเล่นชิ้นเล็กๆ ไม่ได้
มาต่อกันที่ Application ที่ถือว่าเป็นสุดยอดของ Xiaomi เลยครับ
Application ชื่อ Mi Home ครับ มีทั้ง iOS และ Android โดยตอนแรกต้องสมัคร Account และอย่าลืมครับ ว่าให้เลือก Mainland เป็น China
การเชื่อมต่อกับเครื่องให้กด Manually Add จากนั้นเลือก Xiaomi Robot Vacuum แล้วกดค้าง 2 ปุ่มที่ Robot ครับจากนั้นก็จะหากันจนเจอ แต่แนะนำให้เอาตัวเครื่องไปวางใกล้ๆ Router หน่อยนะครับ แล้วก็มือถือแนะนำให้เปิด GPS และ Bluetooth ด้วย เพื่อจะเชื่อมกันได้ง่ายขึ้น
โดยตอนแรกผมมีให้ Upgrade Firmware ตัวเครื่อง ซึ่งตัวนี้ทำได้ดีมาก เพราะ Upgrade ผ่าน Wi-Fi ได้เลย ไม่จำเป็นต้องหา USB มาเสียบ
วิธีการทำงานของมันคือ
Scan ห้องก่อนเลย จากนั้นตัดขอบ โดยจะไม่ทำหมดทีเดียว จะเลาะขอบก่อนว่าเดินไปไหนได้ ไม่ได้บ้าง แล้วค่อยดูดเป็นฟันปลา ซึ่งบอกได้เลยว่า มันเดินฉลาดมากกกกก !! ไม่เดินมั่วสิ้นเปลือง แต่ก็ทำความสะอาดได้หมดจด ครบทุกมุม โดยเครื่องเหมือนจะมี 4 ระดับแรงดูด
คือ Silent, Balanced, Full, MAX ตามลำดับ ซึ่งเสียงก็ดังลดหลั่นกันไป แต่จริงๆ ผมเคยใช้ตอนจะนอน เปิดไว้ข้างบน ปิดประตูห้อง ก็ไม่ได้ยินเสียงนะ บ้านผมก็หลับกันได้สบาย 555
แล้ว Application มันฉลาดมาก ดู Log ได้ว่าทำอะไรไปบ้าง รวมผลทั้งหมดว่าทำได้กี่นาที พื้นที่เท่าไร ตัวแอปเอง ตอนหุ่นมันเดิน มันก็จะวัดพื้นที่ห้องให้ด้วย ส่วนตัวประทับใจมาก มันดูแบบได้ Interact กับมันดี ไม่ใช่แค่ปล่อยมันทำอย่างเดียว
แถมยังสามารถเปลี่ยนเสียงพูดของหุ่นยนต์ได้อีกนาา แต่เสียดายที่ส่วนมากจะเป็นจีน (แต่ก็มีแบบ English ให้ด้วยนะ)
เรื่องเดินข้ามสิ่งขีดขวาง ไม่ใช่ปัญหา เพราะล้อทั้ง 2 มีขนาดใหญ่มาก เดินฉลาด แต่เรื่องชนของยังไม่แจ่มเท่า HomBot หรือ iRobot ยังหลบหลายๆอย่างไม่ได้ ลากของบ่อย สายไฟก็ควรเก็บให้ดีก่อน เรื่องตกบันได คิดว่าไม่มีปัญหาใดๆ
ตอนเดินกลับฐานก็ฉลาดมาก แม่นยำ แล้วเดินในเส้นทางกระจัดด้วยนะ ตรงแบบไม่มีลังเลเลย ชอบบ ^^
เรื่องความสะอาด ผมประทับใจมาก ผมว่ามันสะอาดขึ้นมากๆ ยังไงซะกวาดบ้านมันก็ไม่เท่าดูดฝุ่นอะเนอะ แม่ผมก็บอกว่าปล่อยมันทำความสะอาดแล้วไปเดินเล่นนอกบ้าน พอเข้าบ้านมานี่แบบ สะอาดอย่างเห็นได้ชัด เดินแล้วเท่าสบายกว่ากันเลย
ส่วนเรื่องเสียง ในโหมด Balanced ก็ราวๆ 64dB ซึ่งก็ปกติมาตรฐานอะเนอะ ไม่ได้ดังมาก หรือก็ไม่ได้เบา
อะราคาอีกที... ผมได้มาจาก 11Street 9,990 บาท ลดจาก 13,000 ประกันศูนย์ไทย !! แต่ตอนนี้น่าจะราคาเต็ม
ผมลงราคาไปเลยละกันเนอะ เพราะอยากให้ลดบ้างนะเอาจริงๆ ผู้บริโภคอย่างเราน่าจะได้ประโยชน์
อะมาถึงข้อดี ข้อเสียละเนอะ
ข้อดี
-ราคาถูก คุ้มค่ากับคุณภาพ แบรนด์ที่ได้ถือว่าเป็นที่รู้จัก
-แดงดูดแรง 1,800 Pa
-วิธีการเดินโครตฉลาด น่าจะใช้เทคโนโลยีเดียวกับ Neato ทำความสะอาดเสร็จไวดี
-Battery ขนาด 5200 mAh ใช้งานได้ 2 ชั่วโมง 30 นาที (เยอะมาก ถ้าเทียบกับรุ่นอื่น)
-ตัวเครื่องเชื่อมต่อ Wi-Fi ได้ Upgrade Firmware ทำได้ง่าย
-Application ใช้งานง่าย แต่ก็มีประโยชน์มาก ในเวลาที่เราอยากดูข้อมูล และสร้าง Map ห้องนี่สุดยอดมากๆเลย
-ชิ้นส่วนอะไหล่ ราคาถูก หาซื้อได้ตามเน็ต
-แท่นชาร์ตไม่เกะกะ ไม่เล็ก หรือใหญ่ไป
-เดินผ่านสิ่งกีดขวางได้ดี
-ควบคุมโดยใช้มือถือเป็น Remote ได้
-Design สวย สำหรับคนชอบสีขาว และอะไร Minimal Minimal
-ประกันศูนย์ 1 ปี ผมเลยไปลองถามดูว่า ถ้าตกหละ เค้าบอกไม่ตกแน่นอนครับ แต่ผมก็จี้ไปอีกว่าถ้าตกขึ้นมาจริงๆ เค้าก็บอกว่าเอามาซ่อมได้เลยครับ อะโอเคร
ข้อเสีย
-เวลายกแล้วล้อมันจะลอยๆ ทำให้มันหนักไม่เท่ากัน มันจะแบบเอ้ะๆ 2 ระดับ
-Application เวลา Remote มี Delay บ้าง (ผมไม่แน่ใจว่า Server อยู่จีนหรือไม่ หรือคุยแบบ Ad-Hoc)
-ชอบลากสิ่งของเล็กๆ และสายไฟข้ามได้ไม่ค่อยดีนัก (แต่คู่มือก็บอกอยู่แล้วว่าควรเก็บไว้เหนือพื้น)
-ไม่มี Virtual Wall แบบเจ้าอื่นๆ ต้องใช้แถบแม่เหล็กยาง ซึ่งก็ไม่ได้แถมมาด้วย
-ไม่มี Remote Control เพราะใช้ระบบเดียวกับ Neato
-ถังขยะมีขนาด 0.42 ลิตร ซึ่งผมว่าเล็กไปหน่อย บวกกับทำความสะอาดค่อนข้างยาก (ผมชอบของ LG สุด)
ในอนาคตผมกำลังเล็งๆ Robot ถูพื้นอยู่.... ถ้าได้รุ่นไหนมา เดี๋ยวจะมารีวิวให้ชมกันอีกนะครับๆ
**SR - Sponsored Review : ผู้เขียนรีวิวนี้ไม่ได้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง แต่มีผู้สนับสนุนสินค้าหรือบริการนี้ให้แก่ผู้เขียนรีวิว โดยที่ผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนอื่นใดในการเขียนรีวิว