(Early)Oscarwatch2019#2 10 หนังที่น่าสนใจและมีลุ้นเข้าชิงออสการ์มากที่สุด

นี้เป็นการคาดการณ์ที่ค่อนข้างจะล่วงหน้ามาก เพราะงานออสการ์ที่จัดในปีนี้ยังไม่ผ่านพ้นไปด้วยซ้ำ แต่เราสามารถรับรู้ข้อมูลถึงหนังที่จะเข้าปีนี้ และหนังเหล่านี้มีโอกาสสูงที่เข้าชิงออสการ์ปีหน้าค่อนข้างสูง โดยอันดับและข้อมูลเหล่านี้เรียบเรียงโดยตัวผมเอง โดยไม่ได้มองแต่แค่สาขาภาพยนตร์ยอดเยี่ยม และนอกจาก 10 เรื่องนี้ยังมีหนังอีกหลายเรื่องที่น่าสนใจ

1. If Beale Street Could Talk

     กลับมาอีกครั้งกับผู้กำกับหนังยอดเยี่ยมจากออสการ์อย่าง Moonlight (2016) และผู้ชนะรางวัลออสการ์สาขาบทดัดแปลงยอดเยี่ยมอย่าง Barry Jenkins  มาครั้งนี้กับบทที่โหดกว่าเดิมจากมือเขียนบทและนักเคลื่อนไหวแอฟริกัน-อเมริกันชื่อดังอย่าง James Baldwin ที่พึ่งจะหัวข้อเรื่องราวในสารคดีที่เข้าชิงออสการ์อย่าง I Am Not Your Negro (2016) เจ้าของนิยาย If Beale Street Could Talk กับเรื่องราวความรักของหนุ่มสาวแอฟริกัน-อเมริกันอย่าง Fonny และ Tish ที่ความรักนี้แยกและปกป้องพวกเขาจากครอบครัวที่แสนห่วย และโลกภายนอกที่แสนโหดร้าย จนกระทั่ง Fonny ถูกจับเข้าคุกข้อหาข่มขืน แต่ Tish กลับพบว่าเธอตั้งท้องกับ Fonnyอยู่ เธอและครอบครัวของเธอจึงต้องจากทนายและหาหลักฐานที่สามารถช่วย Fonny ออกมาจากคุยให้ทันเวลา ก่อนที่ลูกพวกเขาจะเกิดมา
     กลับมาครั้งนี้พร้อมกับมือตัดต่อ (Joi McMillon และ Nat Sanders) และตากล้อง (James Laxton) ที่เข้าชิงออสการ์พร้อม Moonlight (2016) แต่กลับมาครั้งนี้กับค่าย Annapurna Pictures ที่จับมือมากับ ค่าย Plan B แสดงนำโดยนักแสดงหน้าใหม่เอี่ยม Kiki Layne รับบท Tish, Stephan James นักแสดงนำจาก Race (2016) รับบท Fonny, Teyonah Parris จากซีรีส์ดังอย่าง Mad Men รับบทพี่สาวของ Tish, ผู้ชนะรางวัล Emmy จากซีรีส์ American Crime อย่าง Regina King รับบทเป็นแม่ของ Tish และผู้เข้าชิงรางวัล Tony อย่าง Colman Domigo รับบทพ่อของ Tish ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าจะหนักกว่า Moonlight (2016) น่าสนใจว่ามันจะออกมาดีเหมือนกันไหม

2. First Man

     ถึง La La Land (2016) จะแห้วออสการ์สาขาหนังยอดเยี่ยม แต่ Damien Chazelle ก็กลายผู้กำกับอายุน้อยที่สุดที่สามารถคว้าออสการ์สาขาผู้กำกับ มาครั้งนี้กับงานที่น่าจะกำกับยากกว่างานก่อนๆ อย่าง First Man ที่เล่าเรื่องราวชีวประวัติของมนุษย์ที่ได้ชื่อว่าเป็นมนุษย์คนแรกที่เหยียบดวงจันทร์อย่าง Neil Armstrong โดยหนังจะเล่าช่วงเหตุการณ์ช่วง ปี 1961-1969กับภารกิจไปดวงจันทร์ของเขา ดัดแปลงจากหนังสือ First Man: The Life of Neil A. Armstrong โดย Nicole Perlman มือเขียนบท Guardians of the Galaxy (2014) และ มือเขียนบท Spotlight (2015) และ The Post (2017) อย่าง Josh Singer
     ทีม La La Land (2016) กลับมากันครบทั้งนักประพันธ์ดนตรี (Justin Hurwitz),มือตัดต่อ (Tom Cross) และตากล้อง (Linus Sandgren) นำแสดงโดย Ryan Gosling รับบท Neil Armstrong ที่น่าจะพาเขาลุ้นออสการ์ได้อยู่, Claire Foy รับบทภรรยา ร่วมด้วย Corey Stoll, Klye Chandler และ Jason Clarke (แอบเชียร์ 2 คนหลังให้เข้าชิงออสการสักที) ปีนี้จะเป็นศึกระหว่าง Jenkins และ Chazelle อีกหรือเปล่า แต่ Chazelle มีโอกาสลุ้นออสการ์สาขาผู้กำกับมากกว่า Jenkins แน่นอน เพราะหนังเรื่องนี้น่าจะต้องใช้ฝีมือในการกำกับมากกว่าหนังของ Jenkins

3. Widows

     ห่างหายไป 5 ปีกับผู้กำกับ Steve McQueen ที่เคยกำกับหนังยอดเยี่ยมอย่าง 12 Years a Slave (2013)มาครั้งนี้กับงานที่ไม่มีนักแสดงคู่บุญอย่าง Michael Fassbender ที่เคยร่วมงานใน Hunger (2008), Shame (2011) และ 12 Years a Slave (2013) กับงานรีเมคซีรีส์จาก ITV อย่าง Widows (1983-1985) ที่ได้มือเขียนบทสาวสวยที่ถนัดงานทริลเลอร์อยู่แล้วมาช่วยเขาเขียนบทอย่าง Gillian Flynn เจ้าของนิยายและมือเขียนบทหนัง Gone Girl (2014)  โดย Widows เป็นเรื่องราวสี่สาวที่ต้องสานต่อภารกิจปล้นของสามีที่ถูกฆ่าระหว่างปล้น
     ทีม 12 Years a Slave มีมือตัดต่อ (Joe Walker) และตากล้อง (Sean Bobbitt) 12 Years a Slave พลาดเข้าชิงออสการ์รอบที่แล้ว) กลับมา ทีมนักแสดงนี้ ถ้าหนังออกมาดีน่าจะเข้าชิง SAG ทีมนักแสดงอย่างแน่นอน 4 สาวของเรามี ผู้ชนะ Oscar, Emmy, Tony อย่าง Viola Davis, ผู้ชนะ Tony, Emmy, Grammy อย่าง Cynthia Erivo, สาวเก๋ Elizabeth Debicki, สาวบู๊ Letty จาก Fast and Furious อย่าง Michelle Rodriguez ร่วมด้วย     André Holland, Oscar nominee Daniel Kaluuya, Oscar nominee Liam Neeson, Colin Farrell, Oscar Winner Robert Duvall และEmmy nominee Carrie Coon งานพลังหญิงจะชนะออสการ์อีกหรือเปล่า

4. Backseat

     ผู้กำกับสายตลกที่งั้นมากำกับงานดราม่าเกี่ยวกับการเงินที่เป็นงานกำกับยากได้อย่างยอมเยี่ยมใน The Big Short (2015) ทำให้ Adam Mckay เข้าชิงออสการ์สาขาผู้กำกับ และคว้าออสการ์สาขาบทยอดเยี่ยมกลับบ้าน มาครั้งนี้กับหนังชีวประวัติ Dick Chaney รองประธานาธิบดี
      Brad Pitt เป็นผู้อำนวยการสร้างหนังเรื่องนี้เช่นเดียวกันกับ The Big Short (2015) ได้ ตากล้องจาก Lion (2016) อย่าง Greig Fraser และนักประพันธ์ดนตรีจาก Moonlight (2016) อย่าง Nicholas Britell แสดงนำโดย Christian Bale เล่นเป็น Dick Chaney ที่เพิ่มน้ำหนักอีกแล้ว (ส่วนตัวให้ Bale เป็นเต็งหนึ่งนำชายปีนี้ ถึงจะได้สมทบชายมาแล้ว 1ตัว แต่ฝีมือระดับ Bale ควรได้นำชายไปประดับบ้านอีก) Amy Adams รับบทภรรยา (เจอกับ Bale ที่ไรก็จับคู่กันเข้าชิงออสการ์ทุกที ทั้งใน The Fighter (2010) และ American Hustle (2013) แต่ไม่รู้เธอจะไม่ได้เข้าชิงอีกเปล่า ไม่อยากให้พลาดแบบ Enchanted (2007) และ Arrival (2016) อีก) สมทบ Steve Carell (ได้บทดีๆ ตลอดและแย่งซีนตลอด มีลุ้นชิงกับ Bale ในนำชายจากหนัง Beautiful Boy (2018)), Sam Rockwell (อยู่ในวงการมาหลายปี แต่ดันมาปังมากๆช่วงนี้ มีลุ้นออสการ์กลับบ้านปีนี้ และลุ้นเข้าชิงอีกปีหน้าอีกกับบทประธานาธิบดี George W. Bush), Bill Pulman และ Alison Pill

5. Where'd You'de go, Bernadette

     One of the Greatest Actress Cate Blanchett มาครั้งนี้กับแนวที่เธอไม่ค่อยจะเล่นกับหนังแนวตลก กับผู้กำกับ Richard Linklater จาก Before Trilogy (1995-2013) และ Boyhood (2014) ที่ครั้งนี้ใช้ทีมงานเขียนบทเดิมจากหนัง Me and Orson Welles (2008) มาเขียนบทเดิมของ 2 หนุ่มมือเขียนบทที่พึ่งจะเข้าชิงออสการ์จาก The Disaster Artist (2017) หนังดัดแปลงจากนิยายชื่อเดี่ยวกันของ Maria Semple เล่าเรื่อง Bernadette Fox แม่และสถาปนิกที่เป็นโรคกลัวชุมชนได้หายตัวไป ก่อนที่จะเดินทางไปเที่ยวกับทริปไปแอนตาร์กติกาของครอบครัว
    หนังใช้ทีมงานเดิมๆ ของ Linklater ที่ไม่ได้ high profile อยู่แล้วเท่าไหร่ สมทบ Cate Blanchett โดย Billy Crudup, Kristen Wiig, Judy Greer, Laurence Fishburne, Troian Bellisario และ James Urbaniak

6. Isle of Dogs
     ผู้กำกับสุดอินดี้ Wes Anderson ที่ค่อนข้างจะมีสไตล์เป็นของตัวเองมาก เจ้าตัวเคยกำกับหนังแอนิเมชั่น Fantastic Mr. Fox (2009) กลับมาครั้งนี้กับงานสไตล์ Stop-Motion เช่นเดิม กับเรื่องราวในญี่ปุ่นในช่วงอนาคตที่สุนัขถูกกันกันไว้บนเกาะหนึ่งเพราะเชื้อโรค Atari เด็กหนุ่มคนหนึ่งเดินทางไปยังเกาะนี้เพื่อหาสุนัขของเขา Spots แต่เขาได้พบเจอกับสุนัขกลุ่มหนึ่งที่เบื่อหน่ายกับชีวิตเหงาๆ บนเกาะ ได้ช่วยเหลือเขาค้นหาเจ้า Spots
    หนังได้ทีมพากย์ที่จัดเต็มมาก มี Bryan Cranston, Edward Norton, Bill Murray, Jeff Goldblum, Kunichi Nomura,Ken Watanabe, Greta Gerwig, Frances McDormand, Courtney B. Vance,Fisher Stevens, Nijiro Murakami,Harvey Keitel Koyu Rankin, Liev Schreiber, Bob Balaban, Scarlett Johansson, Tilda Swinton, Akira Ito, Akira Takayama, F. Murray Abraham, Yojiro Noda, Mari Natsuki, Yoko Ono และFrank Wood ส่วนตัวแอบเชียร์ให้ Wes ได้ออสการ์สาขาแอนิเมชั่นเหนือดิสนีย์และพิกซาร์ที่ช่วงหลังได้บ่อยไปแล้ว

7. Boy Erased
    หนัง Coming of Age และดราม่าครอบครัว เป็นแนวที่มักจะเห็นบ่อยๆในเวทีออสการ์ ทั้ง Ordinary People (1980), Boyhood (2014), An Education (2009), The Graduated (1967) เป็นต้น ครั้งนี้มากับผู้กำกับหน้าใหม่ที่พึ่งจะกำกับหนังเรื่องแรกไปกับ The Gift (2015) อย่าง Joel Edgerton ที่พึ่ง snub ออสการ์สาขานักแสดงนำจาก Loving (2016) มาครั้งนี้กับงานดราม่าจัดหนักกว่าเดิม ที่นอกจากกำกับแล้ว ยังเขียนบท อำนวยการสร้าง และร่วมแสดง กับเรื่องราวของ เด็กหนุ่มวัย 19 ปี แสดงนำโดย Oscar nominee Lucas Hedges ที่อาศัยอยู่กับครอบครัวที่เคร่งศาสนา รับบทพ่อแม่โดย Oscar Winner and Emmy Winner Nicole Kidman และ Oscar Winner Russell Crowe ถูกจับได้ว่าเป็นเกย์ เขาจึงถูกพาบำบัดอาการเป็นเกย์

8. Ad Astra
     เรื่องราวของ Roy McBride ที่เดินทางตามหาพ่อของเขาที่เดินทางไปกับภารกิจเดินทางไปดาวเนปจูนเมื่อ 20ปีก่อน Brad Pitt และ Tommy Lee Jones เล่นเป็นพ่อลูก โดยนี้อาจจะเป็นอีกโอกาสที่พา Brad Pitt เข้าชิงหรือคว้าออสการ์ก็เป็นไปได้ เพราะ 2 ใน 3 บทที่เขาชิงออสการ์สาขาการแสดงเป็นงานไซไฟ และงานไซไฟเรื่องนี้อาจจะพาเขาคว้าออสการ์สักที โดยช่วงหลังงานไซไฟ ก็เข้าชิงออสการ์ทุกปี โดยเฉพาะแนวอวกาศ ทั้ง Gravity (2013), Interstellar (2014) เป็นต้น สมทบโดย Ruth Negga, Donald Sutherland (แอบเชียร์ให้ลุงเข้าชิงสักที) and Jamie Kennedy หนังกำกับโดย James Gray ผู้กำกับสายอินดี้อีกคนที่น่าสนใจ ปีที่แล้วพึ่งกำกับ The Lost City of Z (2015) มาพร้อมกับผู้กำกับภาพ จาก Dunkirk (2017) อย่าง Hoyte van Hoytema

9. Old Man and the Gun
    David Lowery ที่กลับมาพร้อมนักแสดงคู่บุญ Casey Affleck ที่ครั้งนี้ไม่มี Rooney Mara มาด้วย ที่ก่อนหน้านี้เคยร่วมงานกันใน Ain't Them Bodies Saints (2013) และ A Ghost Story (2017) กับหนังแนว Crime ที่เราจะพบกับบทบาทสุดท้ายก่อน retire ของ Robert Redford (ไม่น่าเชื่อว่าลุง ยังไม่ได้ออสการ์สาขาการแสดงสักตัว) กับเรื่องราวจากชีวิตจริงของ Forrest Tucker โจรแก่ในวัย 70 ปีที่หลบหนีมาอย่างยาวนาน รับบทนำโดย Redford กับการกลับมาปล้นระดมอีกครั้งแบบที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน Casey Affleck รับบทตำรวจที่หลงใหลในการปล้นของ Tucker และ Sissy Spacek (แอบเชียร์ ป้าอีกคนให้ได้ออสการ์สักที) หญิงผู้รักในการกระทำของของ Tucker สมทบโดย Danny Glover (ลุงจะได้เข้าชิงออสการ์สักทีป่ะ), Tika Sumpter, Tom Waits และ Elisabeth Moss.

10. Mary, Queen of Scots
    นี้อาจจะไม่ใช่ครั้งแรกของการพบกันของ Mary Stuart กับ Queen Elizabeth ในจอแก้ว ก่อนหน้านี้มีทั้ง Mary of Scotland (1936) Katherine Hepburn เป็น Mary, Florence Eldridge เป็น Elizabeth, Elizabeth: The Golden Age (2007) Samantha Morton เป็น Mary, Cate Blanchett เป็น Elizabeth (เข้าชิง 2 ออสการ์ นำหญิงและชนะออกแบบเครื่องแต่งกาย) และ Mary Queen of Scots (1971) Vanessa Redgrave as Mary, Glenda Jackson as Elizabeth(เข้าชิง 5 ออสการ์ รวมถึงนำหญิง) นี้เป็นการกลับมาอีกครั้งกับเรื่องราวของ Mary Stuart ราชินีแห่งสกอตแลนด์ที่พยายามจะแย่งชิงบังลังค์จากพระญาติของเธออย่าง Queen Elizabeth ราชินีแห่งเกาะอังกฤษ รับบทนำโดย 2 ผู้เข้าชิงออสการ์นำหญิงปีนี้ อย่าง Saoirse Ronan รับบท Mary (ดีใจที่ได้เห็นเธอเล่นร้ายอีกครั้ง) Margot Robbie รับบท Elizabeth หนังกำกับโดยผู้กำกับหญิงที่กำกับหนังครั้งแรก Josie Rourke ที่ก่อนหน้านี้ผ่านงานกำกับละครเวทีอย่างโชกโชน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่