หลังจากที่ปีที่แล้วเป็นการจัดงาน Emmy แบบ virtual โดยถ่ายทอดสดและให้ผู้เข้าชิงรอลุ้นผลจากที่บ้าน
งาน Emmy ปีนี้ก็กลับมาจัดในสถานที่ปิดเหมือนเดิม แต่อาจลดสเกลของงานลงมาหน่อย
และในที่สุด Netflix ก็สามารถชนะรางวัลใหญ่สุดอย่างซีรีส์ยอดเยี่ยมได้ซะที หลังจากที่คู่แข่ง streaming services อย่าง Amazon และ Hulu เคยทำได้มาแล้ว
และซีรีส์ที่พา Netflix มาสู่ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่นี้ก็คือ The Crown ในซีซั่น 4 ที่พีคที่สุด โดย The Crown สามารถกวาดรางวัลหลักๆ ได้ครบทั้ง 7 รางวัล (Drama Series ยอดเยี่ยม + เขียนบท + กำกับ + การแสดง 4 สาขา) ตามรอย Schitt's Creek ที่สามารถทำแบบนี้ได้เมื่อปีที่แล้ว
โดยรางวัลที่เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์มากๆ ก็คือสาขานักแสดงนำหญิงที่ตัวเต็งอย่าง Emma Corrin ในบท Princess Diana ต้องพ่ายให้กับ Olivia Colman กับบท Queen Elizabeth II และสาขานักแสดงสมทบชายที่ Tobias Menzies ในบท Prince Philip ปาดหน้าตัวเต็งอย่าง Michael K. Williams ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนจากเรื่อง Lovecraft Country
ส่วน Josh O'Connor ในบท Prince Charles และ Gillian Anderson ในบท Margaret Thatcher ก็สามารถชนะรางวัลนำชายและสมทบหญิงได้ตามความคาดหมาย
สำหรับฝั่ง Comedy ซีรีส์จาก Apple TV+ อย่าง Ted Lasso ก็สามารถคว้ารางวัล Comedy Series ยอดเยี่ยมได้ตามความคาดหมาย
อีกทั้งยังสามารถชนะสาขาการแสดงได้มากถึง 3 สาขา ได้แก่ Jason Sudeikis ในสาขานำชาย, Brett Goldstein ในสาขาสมทบชาย และ Hannah Waddingham ในสาขาสมทบหญิง
ส่วนเรื่อง Hacks ก็ชนะรางวัลนำหญิงจากการแสดงของ Jean Smart และยังพ่วงรางวัลเขียนบทและกำกับได้อีกด้วย
ในสาขา Limited or Anthology Series ซีรีส์ฮิตแห่งปีอย่าง The Queen's Gambit ก็ไม่พลาดที่จะชนะรางวัลใหญ่สุด แถมยังชนะสาขากำกับด้วยเช่นกัน
แต่ในสาขานำหญิง Anya Taylor-Joy ที่เดินสายกวาดรางวัลใหญ่ๆ มาแล้วหลายรางวัล ต้องพ่ายให้กับ Kate Winslet ในซีรีส์ที่มาแรงช่วงท้ายๆ อย่าง Mare of Easttown โดยเรื่องนี้ยังชนะสาขาสมทบชายและสมทบหญิงจากการแสดงของ Evan Peters และ Julianne Nicholson ได้อีกด้วย
ส่วนรางวัลนำชายตกเป็นของ Ewan McGregor จากเรื่อง Halston
และรางวัลเขียนบทตกเป็นของเรื่อง I May Destroy You โดยฝีมือของ Michaela Coel ที่เหมาทุกหน้าที่ทั้งโปรดิวเซอร์ เขียนบท กำกับ และนำแสดง
ประกาศผลรางวัล 73rd Primetime Emmy Awards... The Crown กวาดเรียบ, Ted Lasso และ The Queen's Gambit ไม่พลาดรางวัลใหญ่สุด
งาน Emmy ปีนี้ก็กลับมาจัดในสถานที่ปิดเหมือนเดิม แต่อาจลดสเกลของงานลงมาหน่อย
และในที่สุด Netflix ก็สามารถชนะรางวัลใหญ่สุดอย่างซีรีส์ยอดเยี่ยมได้ซะที หลังจากที่คู่แข่ง streaming services อย่าง Amazon และ Hulu เคยทำได้มาแล้ว
และซีรีส์ที่พา Netflix มาสู่ชัยชนะครั้งยิ่งใหญ่นี้ก็คือ The Crown ในซีซั่น 4 ที่พีคที่สุด โดย The Crown สามารถกวาดรางวัลหลักๆ ได้ครบทั้ง 7 รางวัล (Drama Series ยอดเยี่ยม + เขียนบท + กำกับ + การแสดง 4 สาขา) ตามรอย Schitt's Creek ที่สามารถทำแบบนี้ได้เมื่อปีที่แล้ว
โดยรางวัลที่เรียกได้ว่าเซอร์ไพรส์มากๆ ก็คือสาขานักแสดงนำหญิงที่ตัวเต็งอย่าง Emma Corrin ในบท Princess Diana ต้องพ่ายให้กับ Olivia Colman กับบท Queen Elizabeth II และสาขานักแสดงสมทบชายที่ Tobias Menzies ในบท Prince Philip ปาดหน้าตัวเต็งอย่าง Michael K. Williams ที่เพิ่งเสียชีวิตไปเมื่อ 2 สัปดาห์ก่อนจากเรื่อง Lovecraft Country
ส่วน Josh O'Connor ในบท Prince Charles และ Gillian Anderson ในบท Margaret Thatcher ก็สามารถชนะรางวัลนำชายและสมทบหญิงได้ตามความคาดหมาย
สำหรับฝั่ง Comedy ซีรีส์จาก Apple TV+ อย่าง Ted Lasso ก็สามารถคว้ารางวัล Comedy Series ยอดเยี่ยมได้ตามความคาดหมาย
อีกทั้งยังสามารถชนะสาขาการแสดงได้มากถึง 3 สาขา ได้แก่ Jason Sudeikis ในสาขานำชาย, Brett Goldstein ในสาขาสมทบชาย และ Hannah Waddingham ในสาขาสมทบหญิง
ส่วนเรื่อง Hacks ก็ชนะรางวัลนำหญิงจากการแสดงของ Jean Smart และยังพ่วงรางวัลเขียนบทและกำกับได้อีกด้วย
ในสาขา Limited or Anthology Series ซีรีส์ฮิตแห่งปีอย่าง The Queen's Gambit ก็ไม่พลาดที่จะชนะรางวัลใหญ่สุด แถมยังชนะสาขากำกับด้วยเช่นกัน
แต่ในสาขานำหญิง Anya Taylor-Joy ที่เดินสายกวาดรางวัลใหญ่ๆ มาแล้วหลายรางวัล ต้องพ่ายให้กับ Kate Winslet ในซีรีส์ที่มาแรงช่วงท้ายๆ อย่าง Mare of Easttown โดยเรื่องนี้ยังชนะสาขาสมทบชายและสมทบหญิงจากการแสดงของ Evan Peters และ Julianne Nicholson ได้อีกด้วย
ส่วนรางวัลนำชายตกเป็นของ Ewan McGregor จากเรื่อง Halston
และรางวัลเขียนบทตกเป็นของเรื่อง I May Destroy You โดยฝีมือของ Michaela Coel ที่เหมาทุกหน้าที่ทั้งโปรดิวเซอร์ เขียนบท กำกับ และนำแสดง