ประเพณี200ปีทำบุญสวนส้มโอ ตอบแทนทำมาหากินกำไรงาม/แผ่กุศลให้เทวดา



7 ก.พ.61 การทำบุญสวน เป็นประเพณีและความเชื่อของคนไทย ที่มีมานานเกิน 200 ปี ที่เจ้าของสวนมักจะทำบุญสวนผลไม้ ที่ตนเองปลูกไว้และได้กำไรงดงาม ก็จะทำบุญสวนเพื่อทดแทนคุณแผ่นดินที่ให้ทำมาหากินจนมีฐานะดีขึ้น ส่วนอีกด้านหนึ่งเหมือนกับว่าเป็นการตอบแทนบุญคุณให้กับเจ้าที่เจ้าทาง ผีสาง นางไม้และเทวดา ถ้าจะใช้เครื่องเซ่นเครื่องไหว้เฉยๆ หรือไหว้กลางแจ้งตั้งศาลเพียงตาให้เจ้าที่และผีสาง แต่จะแผ่ส่วนกุศลให้สิ่งศักดิ์ที่กล่าวมาได้ แต่ไม่ทั่วถึงถวายให้ผีกินอย่างเดียว พวกเจ้าและเทวดายังไม่ได้เสวย จึงคิดว่า น่าจะทำบุญสวนโดยการนิมนต์พระมาประกอบพิธีทางศาสนาในสวนหรือทำบุญเลี้ยงพระกลางสวน เพื่อเป็นศิริมงคลกับเจ้าของสวน ตลอดจนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ได้รับอานิสงค์ไปด้วย



นางทุเรียน หรือ เจ๊อ้อย รุ่งอรุณเนตร อายุ 56 ปี เจ้าของสวนส้มโอลุงจก อยู่ในพื้นที่ตำบลบางสะแก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม กล่าวว่า มันเป็นความเชื่อถือของคนไทยโบราณที่มักจะทำบุญกลางแจ้ง หรือทำบุญกลางสวนที่สร้างรายได้กับเจ้าของสวน โดยการนิมนต์พระมีประกอบพิธีในการทำบุญในครั้งนี้ ก็เหมือนทำตามประเพณีและวัฒนธรรมไทยที่มีมานาน เหมือนการทำบุญบ้าน และเป็นการทดแทนคุณแผ่นดินผืนนี้ ผืนที่กำลังทำบุญตรงนี้ ที่ได้สร้างรายได้ให้กับครอบครัวมากมายมหาศาล เมื่อปี 2560 พื้นที่ตรงนี้สร้างรายได้ถึง 5 แสนกว่าบาท ในพื้นที่จำนวน 10 ไร่เศษๆที่ปลูกทั้ง ส้มโอขาวใหญ่ ส้มแก้ว มีลิ้นจี่ปละปลาย นอกจากนั้นก็เป็น มะละกอแต่ส่วนใหญ่เป็นส้มโอขาวใหญ่ ถึง 90 เปอร์เซ็นต์



นางทุเรียน กล่าวอีกว่า ตนเองและครอบครัว มีที่ดินหลายแห่งแบ่งปลูกพืชชนิดอื่นๆบ้าง เช่นปลูกมะพร้าวอ่อนน้ำหอม ปลูกกล้วยพันธุ์ต่างๆ เช่นกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมและเมื่อปี 2550 ทดลองปลูกทุเรียน ประมาณ 2 ไร่ได้ผลดีเหมือนกัน แต่ก็ยังสู้ที่ระยอง จันทร์บุรี ตราดไม่ได้ ซึ่งทุเรียนที่อร่อยที่สุดคือ ทุเรียนเมืองนนท์ ซึ่งตอนนี้ทุเรียนเมืองนนท์ สูญพันธุ์ไปหมดแล้ว เหลือแต่ชื่อเหมือนกับส้มบางมดและส้มรังสิต ก็สูญพันธุ์ไปแล้วเช่นกัน ตัวเองกับสามีถือเรื่องโชคลางอย่างมาก ถ้าสวนไหนให้ผลผลิตดี จะทำบุญกลางสวนทุกครั้งไปส่วนใหญ่จะเลี้ยงพระกลางสวน กลางแจ้ง นิมนต์พระมา 9 องค์ ทำพิธีเจริญพระพุทธมนต์ เลี้ยงพระและเลี้ยงผู้มาร่วมงานโดยจัดเป็นโต๊ะจีน แล้วแจกส้มโอให้แขกที่มาร่วมทำบุญเพื่อนบ้านคนไนไม่เอาส้มโอ เพราะปลูกส้มโอเหมือนกันก็จะให้ขนมหวานไทย เช่น ทองหยิบ ทองยอด ฝอยทอง เพราะคนไทยมีความเชื่อว่า ไหว้ด้วยขนมสีเหลืองจะร่ำรวย นอกจากนี้ ในสวนของตนอีกหลายแห่งปลูกลิ้นจี่ไว้หลายร้อยต้น ในปีนี้มีท่าทีว่าลิ้นจี่จะติดดอกออกผลเกือบทุกต้น ความจริงตัดทิ้งไปประมาณ 100 กว่าต้น หากปีนี้ลิ้นจี่ติดผลติดดีคงเสียดายมาก เพราะ 100 กว่าต้นก็ได้เป็นล้านบาทแล้ว แต่ทำอย่างไรได้เพราะเมื่อ 4-5 ปีที่แล้ว ไม่ได้เงินจากลิ้นจี่สักแดงเดียว



'อดีตคือเกษตรกรชาวสวนปลูกส้มโอ ปลูกลิ้นจี่ปลูกพืชผักผลไม้ทั่วๆไป เพื่อเป็นพืชแซมหรือไร่นาส่วนผสม มีอยู่ช่วงหนึ่งผลไม้ในจังหวัดสมุทรสงคราม ราคาตกต่ำมาก ส้มโอเหลือราคากิโลกรัมละ 18-20 บาท ลิ้นจี่เหลือ กิโลละ 50-70 บาท มะพร้าวอ่อนน้ำหอมเหลือผลละ 2-3 บาท ในราคาออกจากสวน แต่ราคาที่พ่อค้าแม่ค้าหรือที่เรียกกันว่า พ่อค้าแม่ค้าคนกลาง นำไปขายอีกทอดหนึ่ง สืบราคาดูแล้วมันต่างกับราคาจากต้นมาก แต่พอไปถึงคนกินต้องกินของแพงน่าเห็นใจ ก็เลยตัดสินใจผันตัวเองมาเป็นแม่ค้าขายตรงขายส่งขายตามตลาดนัดทั่วๆไป และสถานที่ท่องเที่ยว ต่างๆต่อมาก็ขยายร้านเพิ่มหลายสาขา ด้วยกัน เช่นเปิดร้านส้มโอสวนลุงจก ถนนสมุทรสงคราม-บางแพขาไปพระราม 2 ก่อนถึงวัดช่องลมธรรมโชติ เปิดเป็นร้านขายส้มโอและผลไม้ต่างๆขายดีมากในวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดพิเศษ' นางทุเรียน กล่าว



ทั้งนี้ นักท่องเที่ยวที่มาอัมพวาหรือดำเนินสะดวก หากขากลับกรุงเทพ ก็จะแวะซื้อกันบางรายเหมาหมดร้านเลย นี่คืออานิสงค์ของการทำบุญสวนผลไม้ทุกปีและยังบริจาคให้กับองค์กรที่เชื่อถือได้เช่น วัดโรงพยาบาลและโรงเรียนเพื่อเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและเป็นการช่วยเหลือสังคมทางอ้อม ที่สำคัญคือจุดมุ่งมายของ ครอบครัวรุ่งอรุณเนตรและเจ้าของสวนลุงจก ต้องการทดแทนคุณแผ่นดิน ที่ทำให้มีกินมีเก็บและมีใช้จนทุกวันนี้ จึงตอบแทนด้วยการทำบุญสวนผลไม้ และการบริจาคให้กับวัดและโรงเรียนโรงพยาบาล ในวันที่ 1 มีนาคม 2561 ก็จะนำเงินไปสร้างโรงพยาบาลขนาดเล็ก 20 เตียงที่อำเภอ ดอนเจดีย์ สุพรรณบุรี

ขอบคุณแหล่งที่มาข่าว:http://www.naewna.com/likesara/319131
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่