ที่มา - spicydisc.com
http://www.spicydisc.com/magazine/49
สิ่งที่ต้องทำในการเขียนเพลง
ทำนอง-เมโลดี้ต้องตรงกับของญี่ปุ่น
พยางค์-จังหวะต้องเท่ากัน และความหมายเหมือนกันกับเพลงต้นฉบับ
ประเด็นในเพลงห้ามหลุด ห้ามขาด เช่น เพลงมี 5 ประเด็นก็ต้องเล่าให้ได้ทั้ง 5 ประเด็น
แรกๆ เราจะเขียนแบบจับใจความแล้วมาเรียบเรียงเองใหม่ ซึ่งทางญี่ปุ่นไม่เห็นด้วย เพราะเขาอยากให้เนื้อเพลงใกล้เคียงต้นฉบับที่สุด แปลบรรทัดต่อบรรทัดได้เลยจะดีมาก ตอนนั้นเราพยายามลองแล้ว แต่พอฟังดูไม่ใช่ทางคนไทยเท่าไหร่ เราก็เลยพยายามต่อรองกับทางญี่ปุ่นว่า อาจจะแปลบรรทัดต่อบรรทัดไม่ได้ แต่ขอเป็นเล่าเรื่องทั้งหมดในนั้นแทนได้ไหม แล้วก็ลองทำไปให้เขาฟัง เขาก็ยอม แต่เรื่องของเมโลดี้และพยางค์ต่างๆ ต้องเหมือนเป๊ะ 100% ห้ามเปลี่ยน จะมาเป็นไทยร้อง 3 พยางค์ แต่ญี่ปุ่นร้อง 5 พยางค์ไม่ได้ เราเคยลองเปลี่ยนเมโลดี้แล้วส่งไปให้เขาดูเหมือนกันนะ เขาก็วงกลมสีแดงกลับมาเลย “ตรงนี้ไม่ได้” โห…ละเอียดมาก
แสดงว่าการเขียนเนื้อเพลงภาษาไทยค่อนข้างมีข้อจำกัด?
แมน : ทุกอย่างๆ แหละ ภาษาไทยเป็นภาษาที่แต่งเพลงยากที่สุดแล้ว เพราะบางทีวรรณยุกต์ไม่ได้ แต่ก็อยู่ที่ว่าเรายอมรับการเพี้ยนได้มากแค่ไหน บางคำที่เพี้ยนเหน่อมากเราก็ไม่ปล่อยผ่าน แต่ตอนนี้พยายามทำให้ถูกต้องที่สุด ไม่ให้ภาษาไทยวิบัติ และให้ตรงตามความหมายมากที่สุด เรียกได้ว่าเพลงแรก คือเพลง 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ เป็นเพลงที่อุปสรรคเยอะ แก้มา 3 - 4 รอบ ถึงจะลงตัว
.
.
.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้ายังจำกันได้ ตอนดู รายการBNK48 เซ็นไป ที่ออนแอร์มาถึงตอนกลางๆ, มีคนเริ่มถูกเด็กๆตก- อยากเอาใจช่วยแล้ว คือยอมรับในตัวเมมเบอร์, แต่เกือบทุกคนเป็นห่วงเหมือนกันคือ กลัวว่าเพลงออกมาจะไม่ดี คือ
1. แฟนรุ่นแรกๆ ตาม วงพี่สาว48 มาก่อน และมักรู้จักเพลงที่ BNK48 จะเอามาทำเนี้อไทย อยู่แล้ว และรู้เนื้อหา-ความหมายของเพลงดี จึงห่วงกลัวแปลงมาแล้วจะเพี้ยนเสียความหมายเดิมที่ประทับใจ
2. กลัวว่าแปลงแบบแปลตรงตัวแล้วจะไม่เข้าหู-ไม่เพราะแบบต้นฉบับ ทำให้ไม่น่าสนใจ
3. แนวเพลงแบบ 48 กลัวคนไทยทั่วไปจะไม่นิยม มันจะเฉพาะกลุ่ม ไม่แมสส์, เพราะที่ฮิตๆในตลาดตอนนั้น มันเป็นแบบอกหักรักช้ำ, ประชดชีวิต
4. การที่เป็นวงน้องสาว48 ทำให้ต้องใช้เพลงที่มีอยู่แล้วของวงพี่ หากแก้โจทย์ในข้อ 1-3 ไม่ได้ นี่มันอนาคตมืดมนเลย เพราะแต่งเพลงใช้เองไม่ได้..
แล้วเมื่อเดบิวต์ , เพลง365 ทำให้แฟนๆได้ใจชี้น เพราะความหมายใกล้เคียงของเดิมมาก และฟังซึ้งแบบๆไทย เพลงที่เหลือก็โอเค,
เมื่อเพลงคุกกี้ออกมา ผมถึงกับบอกเลยว่าไว้ใจทีมงานที่แต่งเนื้อเพลงได้แล้ว ว่าทำให้ออกมาดีทั้งความหมาย, ความตรงกับต้นฉบ้บ และทำออกมาได้ติดหูน่าฟ้ง.. และเชื่อว่าหลายๆคนก็คงรู้สึกเหมือนกัน, ยิ่งเพลง BNK48 ยิ่งแสดงให้เห็นเลยว่าไว้ใจได้จริงๆ..
ต้องให้เครดิตทีมแต่งเนื้อร้องไทยจริงๆ ยิ่งได้รู้เบื้องหลังอย่างนึ้ยิ่งยกย่องมากขึ้น และขอฝากความหวังของเพลงในซิงเกิ้ลต่อๆไปไว้ด้วยนะ
เราไว้ใจ - เชื่อมือคุณ
เบื้องหลังความสำเร็จของBNK48 หนึ่งในนั้นคือเนื้อเพลงที่ฟังติดหู, ไม่เสียความหมาย.. ครูแมน ละอองฟอง
http://www.spicydisc.com/magazine/49
สิ่งที่ต้องทำในการเขียนเพลง
ทำนอง-เมโลดี้ต้องตรงกับของญี่ปุ่น
พยางค์-จังหวะต้องเท่ากัน และความหมายเหมือนกันกับเพลงต้นฉบับ
ประเด็นในเพลงห้ามหลุด ห้ามขาด เช่น เพลงมี 5 ประเด็นก็ต้องเล่าให้ได้ทั้ง 5 ประเด็น
แรกๆ เราจะเขียนแบบจับใจความแล้วมาเรียบเรียงเองใหม่ ซึ่งทางญี่ปุ่นไม่เห็นด้วย เพราะเขาอยากให้เนื้อเพลงใกล้เคียงต้นฉบับที่สุด แปลบรรทัดต่อบรรทัดได้เลยจะดีมาก ตอนนั้นเราพยายามลองแล้ว แต่พอฟังดูไม่ใช่ทางคนไทยเท่าไหร่ เราก็เลยพยายามต่อรองกับทางญี่ปุ่นว่า อาจจะแปลบรรทัดต่อบรรทัดไม่ได้ แต่ขอเป็นเล่าเรื่องทั้งหมดในนั้นแทนได้ไหม แล้วก็ลองทำไปให้เขาฟัง เขาก็ยอม แต่เรื่องของเมโลดี้และพยางค์ต่างๆ ต้องเหมือนเป๊ะ 100% ห้ามเปลี่ยน จะมาเป็นไทยร้อง 3 พยางค์ แต่ญี่ปุ่นร้อง 5 พยางค์ไม่ได้ เราเคยลองเปลี่ยนเมโลดี้แล้วส่งไปให้เขาดูเหมือนกันนะ เขาก็วงกลมสีแดงกลับมาเลย “ตรงนี้ไม่ได้” โห…ละเอียดมาก
แสดงว่าการเขียนเนื้อเพลงภาษาไทยค่อนข้างมีข้อจำกัด?
แมน : ทุกอย่างๆ แหละ ภาษาไทยเป็นภาษาที่แต่งเพลงยากที่สุดแล้ว เพราะบางทีวรรณยุกต์ไม่ได้ แต่ก็อยู่ที่ว่าเรายอมรับการเพี้ยนได้มากแค่ไหน บางคำที่เพี้ยนเหน่อมากเราก็ไม่ปล่อยผ่าน แต่ตอนนี้พยายามทำให้ถูกต้องที่สุด ไม่ให้ภาษาไทยวิบัติ และให้ตรงตามความหมายมากที่สุด เรียกได้ว่าเพลงแรก คือเพลง 365 วันกับเครื่องบินกระดาษ เป็นเพลงที่อุปสรรคเยอะ แก้มา 3 - 4 รอบ ถึงจะลงตัว
.
.
.
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ถ้ายังจำกันได้ ตอนดู รายการBNK48 เซ็นไป ที่ออนแอร์มาถึงตอนกลางๆ, มีคนเริ่มถูกเด็กๆตก- อยากเอาใจช่วยแล้ว คือยอมรับในตัวเมมเบอร์, แต่เกือบทุกคนเป็นห่วงเหมือนกันคือ กลัวว่าเพลงออกมาจะไม่ดี คือ
1. แฟนรุ่นแรกๆ ตาม วงพี่สาว48 มาก่อน และมักรู้จักเพลงที่ BNK48 จะเอามาทำเนี้อไทย อยู่แล้ว และรู้เนื้อหา-ความหมายของเพลงดี จึงห่วงกลัวแปลงมาแล้วจะเพี้ยนเสียความหมายเดิมที่ประทับใจ
2. กลัวว่าแปลงแบบแปลตรงตัวแล้วจะไม่เข้าหู-ไม่เพราะแบบต้นฉบับ ทำให้ไม่น่าสนใจ
3. แนวเพลงแบบ 48 กลัวคนไทยทั่วไปจะไม่นิยม มันจะเฉพาะกลุ่ม ไม่แมสส์, เพราะที่ฮิตๆในตลาดตอนนั้น มันเป็นแบบอกหักรักช้ำ, ประชดชีวิต
4. การที่เป็นวงน้องสาว48 ทำให้ต้องใช้เพลงที่มีอยู่แล้วของวงพี่ หากแก้โจทย์ในข้อ 1-3 ไม่ได้ นี่มันอนาคตมืดมนเลย เพราะแต่งเพลงใช้เองไม่ได้..
แล้วเมื่อเดบิวต์ , เพลง365 ทำให้แฟนๆได้ใจชี้น เพราะความหมายใกล้เคียงของเดิมมาก และฟังซึ้งแบบๆไทย เพลงที่เหลือก็โอเค,
เมื่อเพลงคุกกี้ออกมา ผมถึงกับบอกเลยว่าไว้ใจทีมงานที่แต่งเนื้อเพลงได้แล้ว ว่าทำให้ออกมาดีทั้งความหมาย, ความตรงกับต้นฉบ้บ และทำออกมาได้ติดหูน่าฟ้ง.. และเชื่อว่าหลายๆคนก็คงรู้สึกเหมือนกัน, ยิ่งเพลง BNK48 ยิ่งแสดงให้เห็นเลยว่าไว้ใจได้จริงๆ..
ต้องให้เครดิตทีมแต่งเนื้อร้องไทยจริงๆ ยิ่งได้รู้เบื้องหลังอย่างนึ้ยิ่งยกย่องมากขึ้น และขอฝากความหวังของเพลงในซิงเกิ้ลต่อๆไปไว้ด้วยนะ
เราไว้ใจ - เชื่อมือคุณ