สมคิด” ติดเครื่องแผนฟื้นฟูรถไฟ เตรียมประชุม คนร.นัดพิเศษ ถกรายละเอียดยกเครื่ององค์กร ลุยทางคู่เฟส 2 พร้อมปลดล็อกมติ ครม.เพิ่มคนอีกไม่น้อยกว่า 5 พันคนรองรับแผนงานอนาคต ยืนยันไม่ลดความเร็ว “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” ด้าน “อาคม” เตรียมถกญี่ปุ่นสรุปวงเงินลงทุน มี.ค.นี้ชง ครม.ได้ พร้อมดันรถไฟทางคู่ 9 สายกว่า 4.27 แสนล้านบาทเดินตามแผน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการดำเนินงานต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า ร.ฟ.ท.ได้นำเสนอภาพรวมของแผนฟื้นฟู ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพ การสร้างรายได้การเดินรถจากเส้นทางรถไฟทางคู่และโครงการใหม่ ซึ่งเห็นว่า ร.ฟ.ท.มีโอกาสฟื้นตัว แต่ทั้งนี้จะต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กร เตรียมพร้อมด้านบุคลากร อัตรากำลังให้สอดคล้องกับแผนงานและโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต
ในส่วนของรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กม.นั้น จะไม่มีการปรับลดความเร็วลงแต่อย่างใด ซึ่งได้หารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว สำหรับการพัฒนาเส้นทางรถไฟนั้นต้องพิจารณาการเชื่อมโครงข่ายภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน จะมีทั้งรถไฟทางคู่ระยะ 2, รถไฟทางคู่สายใหม่, รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง และรถไฟเชื่อมโยง 3 สนามบิน ซึ่งได้ให้เพิ่มเติมรถไฟเชื่อมเมืองหลักกับเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ เน้นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และเชื่อมความเจริญสู่ชนบทและท้องถิ่น
เช่น ภาคเหนือ จะดึงนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักอย่างเชียงใหม่ เชียงราย ไปเมืองรองไหนบ้าง หรือภาคอีสาน จะเชื่อมจากเมืองหลักไหนไปเมืองรองใดบ้าง เป็นต้น ซึ่งการวางเส้นทางเดิมจะเป็นการใช้สินค้ากับโดยสารท่องเที่ยวปนกัน ดังนั้น หากจะผลักดันในเรื่องเส้นทางท่องเที่ยวต้องออกแบบและจัดวางให้เหมาะสม
นายสมคิดกล่าวว่า แผนฟื้นฟูเบื้องต้นน่าพอใจ โดยให้ปรับปรุงอีกเล็กน้อยเน้นสิ่งที่สำคัญก่อน และให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงคมนาคม ช่วยดู ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งจะเป็นนัดพิเศษ เพื่อให้เวลาในการนำเสนอและหารือในรายละเอียดมากขึ้น โดยรัฐบาลต้องการสร้างรถไฟให้มีความแข็งแกร่งและพัฒนาโครงการต่างๆ ที่หยุดชะงักมาหลายปี ขณะที่การปรับค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงนั้น จะดำเนินการหลังจากที่มีการปรับปรุงพัฒนาบริการก่อน ซึ่งเมื่อปรับขึ้นตอนนั้นคงไม่มีใครคัดค้าน
ส่วนมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่จำกัดการรับพนักงานเพิ่มได้ 5% ของพนักงานเกษียณอายุนั้นเพื่อต้องการลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน แต่หลังจากนี้เมื่อรถไฟมีเส้นทางใหม่ จึงต้องการกำลังคนเพิ่ม ดังนั้นมติ ครม.ไม่มีปัญหา ให้ไปทำแผนรายละเอียดและนำเสนอต่อไป
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ปัจจุบันมีพนักงาน 14,175 คน วางแผนเพิ่มเป็นระยะ โดยเฟสแรก รองรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟสแรกแล้วเสร็จประมาณปี 2564 เพิ่มเป็น 16,000 คน และจะเพิ่มเป็น 19,000 คนเมื่อรถไฟทางคู่เฟส 2 แล้วเสร็จ
***ดันรถไฟทางคู่ 9 สายเข้า ครม.-ไม่ลดความเร็ว คงไฮสปีดสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในแผนฟื้นฟูรถไฟนั้นจะมีการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟครั้งใหญ่ในรอบ 120 ปี ซึ่งจะทยอยนำเสนอ ครม.ขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะ 2 และรถไฟทางคู่สายใหม่รวม 9 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,174 กม. มูลค่ารวม 427,012.03 ล้านบาท ได้ตั้งแต่เดือน มี.ค.-เม.ย.นอกจากนี้ยังมีรถไฟเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด และเชื่อมเมืองหลักไปยังเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โครงการใน EEC, รถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งนโยบายกำหนดเป็นความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 300 กม./ชม. อยู่ระหว่างวิเคราะห์ความเหมาะสมในเรื่องวงเงินลงทุน จะสรุปปลายเดือน มี.ค.เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป
ส่วนการปฏิรูปองค์กร จะมีการตั้งบริษัทลูกด้านบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะต้องทำการตลาดและธุรกิจต่อเนื่องจากกิจการเดินรถเชื่อมการท่องเที่ยวด้วย และบริษัทเดินรถจะแยกการบริหารรถไฟสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง ออกจากกันเพื่อวัดประสิทธิภาพในการบริหาร
https://news1live.com/detail.aspx?NewsID=9610000011018
เวลาไม่รอคอยใคร..ลุงตู่มุ่งทำงานดีกว่าค่ะ
นี่ไงคะ มีข่าวลือว่าจะลดความเร็วรถไฟไทย-ญี่ปุ่น กทม.-เชียงใหม่
ก็ลือกันไป..ใส่ความรัฐบาลกันไป
ตามประสาพวกชังชาติแหละค่ะ
อะไรที่รัฐบาลทำดีทำดีไม่ได้ต้องปั่นกระแสให้แย่เข้าไว้ก่อน
ขอบคุณรัฐบาลลุงตู่นะคะ..ที่จัดสิ่งดีๆให้ประชาชน
🚉🚄~มาลาริน~ลุงตู่มุ่งลุยงานดีกว่าค่ะ...ติดเครื่องฟื้นฟูรถไฟ จ่อถก คนร.นัดพิเศษ-ยัน “กทม.-เชียงใหม่” ไม่ลดความเร็ว
สมคิด” ติดเครื่องแผนฟื้นฟูรถไฟ เตรียมประชุม คนร.นัดพิเศษ ถกรายละเอียดยกเครื่ององค์กร ลุยทางคู่เฟส 2 พร้อมปลดล็อกมติ ครม.เพิ่มคนอีกไม่น้อยกว่า 5 พันคนรองรับแผนงานอนาคต ยืนยันไม่ลดความเร็ว “กรุงเทพฯ-เชียงใหม่” ด้าน “อาคม” เตรียมถกญี่ปุ่นสรุปวงเงินลงทุน มี.ค.นี้ชง ครม.ได้ พร้อมดันรถไฟทางคู่ 9 สายกว่า 4.27 แสนล้านบาทเดินตามแผน
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังมอบนโยบายการดำเนินงานต่อการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ว่า ร.ฟ.ท.ได้นำเสนอภาพรวมของแผนฟื้นฟู ซึ่งตัวเลขรายได้ที่เพิ่มขึ้นมาจากการบริหารทรัพย์สินที่มีประสิทธิภาพ การสร้างรายได้การเดินรถจากเส้นทางรถไฟทางคู่และโครงการใหม่ ซึ่งเห็นว่า ร.ฟ.ท.มีโอกาสฟื้นตัว แต่ทั้งนี้จะต้องเร่งปรับโครงสร้างองค์กร เตรียมพร้อมด้านบุคลากร อัตรากำลังให้สอดคล้องกับแผนงานและโครงการที่จะเกิดขึ้นใหม่ในอนาคต
ในส่วนของรถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ระยะทาง 670 กม.นั้น จะไม่มีการปรับลดความเร็วลงแต่อย่างใด ซึ่งได้หารือกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา แล้ว สำหรับการพัฒนาเส้นทางรถไฟนั้นต้องพิจารณาการเชื่อมโครงข่ายภายในประเทศ และประเทศเพื่อนบ้าน จะมีทั้งรถไฟทางคู่ระยะ 2, รถไฟทางคู่สายใหม่, รถไฟความเร็วสูง กรุงเทพฯ-ระยอง และรถไฟเชื่อมโยง 3 สนามบิน ซึ่งได้ให้เพิ่มเติมรถไฟเชื่อมเมืองหลักกับเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวของประเทศ เน้นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจ และเชื่อมความเจริญสู่ชนบทและท้องถิ่น
เช่น ภาคเหนือ จะดึงนักท่องเที่ยวจากเมืองหลักอย่างเชียงใหม่ เชียงราย ไปเมืองรองไหนบ้าง หรือภาคอีสาน จะเชื่อมจากเมืองหลักไหนไปเมืองรองใดบ้าง เป็นต้น ซึ่งการวางเส้นทางเดิมจะเป็นการใช้สินค้ากับโดยสารท่องเที่ยวปนกัน ดังนั้น หากจะผลักดันในเรื่องเส้นทางท่องเที่ยวต้องออกแบบและจัดวางให้เหมาะสม
นายสมคิดกล่าวว่า แผนฟื้นฟูเบื้องต้นน่าพอใจ โดยให้ปรับปรุงอีกเล็กน้อยเน้นสิ่งที่สำคัญก่อน และให้นายไพรินทร์ ชูโชติถาวร รัฐมนตรีช่วยว่ากากระทรวงคมนาคม ช่วยดู ก่อนที่จะนำเข้าที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายรัฐวิสาหกิจ (คนร.) ซึ่งจะเป็นนัดพิเศษ เพื่อให้เวลาในการนำเสนอและหารือในรายละเอียดมากขึ้น โดยรัฐบาลต้องการสร้างรถไฟให้มีความแข็งแกร่งและพัฒนาโครงการต่างๆ ที่หยุดชะงักมาหลายปี ขณะที่การปรับค่าโดยสารเพื่อให้สอดคล้องกับต้นทุนที่แท้จริงนั้น จะดำเนินการหลังจากที่มีการปรับปรุงพัฒนาบริการก่อน ซึ่งเมื่อปรับขึ้นตอนนั้นคงไม่มีใครคัดค้าน
ส่วนมติ ครม.เมื่อวันที่ 28 ก.ค. 2541 ที่จำกัดการรับพนักงานเพิ่มได้ 5% ของพนักงานเกษียณอายุนั้นเพื่อต้องการลดค่าใช้จ่าย ลดต้นทุน แต่หลังจากนี้เมื่อรถไฟมีเส้นทางใหม่ จึงต้องการกำลังคนเพิ่ม ดังนั้นมติ ครม.ไม่มีปัญหา ให้ไปทำแผนรายละเอียดและนำเสนอต่อไป
นายอานนท์ เหลืองบริบูรณ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงคมนาคม รักษาการในตำแหน่งผู้ว่าการ ร.ฟ.ท.กล่าวว่า ปัจจุบันมีพนักงาน 14,175 คน วางแผนเพิ่มเป็นระยะ โดยเฟสแรก รองรับการก่อสร้างรถไฟทางคู่เฟสแรกแล้วเสร็จประมาณปี 2564 เพิ่มเป็น 16,000 คน และจะเพิ่มเป็น 19,000 คนเมื่อรถไฟทางคู่เฟส 2 แล้วเสร็จ
***ดันรถไฟทางคู่ 9 สายเข้า ครม.-ไม่ลดความเร็ว คงไฮสปีดสายกรุงเทพฯ-เชียงใหม่
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม กล่าวว่า ในแผนฟื้นฟูรถไฟนั้นจะมีการปฏิรูปโครงสร้างพื้นฐานทางรถไฟครั้งใหญ่ในรอบ 120 ปี ซึ่งจะทยอยนำเสนอ ครม.ขออนุมัติโครงการก่อสร้างรถไฟทางคู่ระยะ 2 และรถไฟทางคู่สายใหม่รวม 9 เส้นทาง ระยะทางรวม 2,174 กม. มูลค่ารวม 427,012.03 ล้านบาท ได้ตั้งแต่เดือน มี.ค.-เม.ย.นอกจากนี้ยังมีรถไฟเชื่อมต่อระหว่างจังหวัด และเชื่อมเมืองหลักไปยังเมืองรองเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โครงการใน EEC, รถไฟไทย-จีน เส้นทางกรุงเทพฯ-นครราชสีมา-หนองคาย และรถไฟไทย-ญี่ปุ่น เส้นทางกรุงเทพฯ-เชียงใหม่ ซึ่งนโยบายกำหนดเป็นความเร็วสูงไม่ต่ำกว่า 300 กม./ชม. อยู่ระหว่างวิเคราะห์ความเหมาะสมในเรื่องวงเงินลงทุน จะสรุปปลายเดือน มี.ค.เพื่อนำเสนอ ครม.ต่อไป
ส่วนการปฏิรูปองค์กร จะมีการตั้งบริษัทลูกด้านบริหารสินทรัพย์ ซึ่งจะต้องทำการตลาดและธุรกิจต่อเนื่องจากกิจการเดินรถเชื่อมการท่องเที่ยวด้วย และบริษัทเดินรถจะแยกการบริหารรถไฟสายสีแดง รถไฟความเร็วสูง ออกจากกันเพื่อวัดประสิทธิภาพในการบริหาร
https://news1live.com/detail.aspx?NewsID=9610000011018
เวลาไม่รอคอยใคร..ลุงตู่มุ่งทำงานดีกว่าค่ะ
นี่ไงคะ มีข่าวลือว่าจะลดความเร็วรถไฟไทย-ญี่ปุ่น กทม.-เชียงใหม่
ก็ลือกันไป..ใส่ความรัฐบาลกันไป
ตามประสาพวกชังชาติแหละค่ะ
อะไรที่รัฐบาลทำดีทำดีไม่ได้ต้องปั่นกระแสให้แย่เข้าไว้ก่อน
ขอบคุณรัฐบาลลุงตู่นะคะ..ที่จัดสิ่งดีๆให้ประชาชน