ให้ 9/10 หนังดราม่าตลกร้าย ผลงานกับและเขียนบทของ Sean Baker จาก Tangerine (2015) ที่ถ่ายทำด้วย iPhone 5s ทั้งเรื่อง คว้าราววัลมากมาย และมีเนื้อเรื่องที่แสบใช่ย่อย โดย The Florida Project นี้เองก็คว้ารางวัลมาแล้วมากมายเช่นกัน และ Willem Dafoe ก็คว้ารางวัลสาขา Best Supporting Actor มาแล้วจากหลายเทศกาล แถมล่าสุดยังเข้าชิงสาขานี้ในงาน Oscar 2018 ด้วย
ในบทบาทของผู้จัดการโรงแรมบริเวณดิสนีย์แลนด์ในฟลอริด้า ที่หนูน้อย มูนี่ วัย 6 ขวบอาศัยอยู่กับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัยใส และวิ่งเที่ยวเล่นกับเพื่อนช่วงวันหยุดฤดูร้อน ที่เมื่อส่วนตัวได้ไปชมแล้ว ก็ว่าเขาแสดงได้ดีสมรางวัลจริงๆ และที่โดดเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือ Brooklynn Prince หรือหนูน้อยมูนี่ ที่บอกเลยว่าอนาคตไกลแน่ๆ แสดงได้เป็นธรรมชาติ แสบ มีพรสวรรค์ มีเสน่ห์ และน่ารักอย่างเหลือล้นจริงๆ
The Florida Project มีชื่อไทยว่า “แดน (ไม่) เนรมิต” ส่วนตัวขอชมเชยเลยว่าตั้งชื่อไทยได้ดีมาก เพราะมันจำกัดความของหนังเรื่องนี้ทั้งหมดเอาไว้ในคำเดียว แถมมันยังเป็นชื่อที่พ้องกับดีสนีย์แลนด์ ซึ่งถ้าใครโตทันก็คงจะรู้จักสวนสนุกไทยที่โด่งดังชื่อ “แดนเนรมิต” ดี แน่นอนว่าที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่เด็กๆ ทุกคนใฝ่ฝันจะไปไม่แพ้ดิสนีย์แลนด์
และดิสนีย์แลนด์ที่ฟลอริด้า ที่หนังเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำนั้น ก็เปรียบเสมือนเป็นแดนเนรมิตจริงๆ (ไม่ใช่สวนสนุกแดนเนรมิตนะ) สำหรับเด็กและคนมีฝันว่า ณ ที่แห่งนี้นั้นจะเป็นสถานที่แห่งการเริ่มต้นใหม่ ความหวัง ความสุข และรอยยิ้ม... แต่นั่นคือโลกแห่งความฝัน... โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย อย่างที่หนูน้อยมูนี่เล่าให้เพื่อนของเธอฟังเรื่องทองคำ ณ ปลายสายรุ้ง
ดังการที่หนังถ่ายทอดออกมาด้วยความสนุก เสน่ห์น่ารักของเด็กๆ ที่ยากที่จะเลิกติดตามชม ภาพและโทนสีที่สดใสดังลูกกวาด พร้อมไปกับการใช้เด็กๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความ บริสุทธิ์ ไร้เดียงดา มาเป็นนักแสดงนำหรือตัวดำเนินเรื่อง ในเนื้อเรื่องที่บ่งบอกว่าแท้จริงแล้ว ชีวิตไม่ใช่เทพนิยาย แต่สำหรับเด็กๆ ที่อ่อนไร้ประสบการณ์นั้น ก็ยังคงมองว่ามันสวยงาม และสนุกกับมันได้ ตราบใดที่ยังมีเพื่อนเล่นและพ่อแม่ที่รัก แต่กระนั้นเอง ด้วยความที่เด็กๆ ยังไม่รู้ซึ้งถึงโลกแห่งความจริง แต่โลกแห่งความจริงก็ได้กล้ำกรายเข้ามาถึงตัวเด็กแล้ว โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ส่งผลกระทบและสะท้อนออกมาเป็นวาจาและพฤติกรรม
ซึ่งในที่นี้ ตัวแม่ของมูนี่เอง ก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เช่นกัน เธอกำลังเผชิญกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ตัวเองได้ก่อขึ้นวัยเยาว์ ไปพร้อมๆ กับโชคชะตาที่เล่นตลก และการพยายามดิ้นรนที่จะต้องอยู่ให้รอดในดินแดนที่ไม่เคยเนรมิต นอกเสียจากจะลงมือทำด้วยตัวเองหรือโชคเข้าข้าง เหมือนดังคำที่หนูน้อยพูดถึงต้นไม้ใหญ่ที่ล้มต้นหนึ่งว่า ต้นไม้ต้นนี้คือต้นที่เธอชอบมากที่สุด เพราะแม้ว่ามันล้มเอียงลงกับพื้นแล้ว มันก็ยังคงเจริญเติบโตแตกกิ่งใบได้อยู่ นั่นเอง
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ
https://www.facebook.com/MoviesStalker
[CR] รีวิวหนังเรื่อง The Florida Project แดน (ไม่) เนรมิต
ในบทบาทของผู้จัดการโรงแรมบริเวณดิสนีย์แลนด์ในฟลอริด้า ที่หนูน้อย มูนี่ วัย 6 ขวบอาศัยอยู่กับคุณแม่เลี้ยงเดี่ยววัยใส และวิ่งเที่ยวเล่นกับเพื่อนช่วงวันหยุดฤดูร้อน ที่เมื่อส่วนตัวได้ไปชมแล้ว ก็ว่าเขาแสดงได้ดีสมรางวัลจริงๆ และที่โดดเด่นไม่แพ้กันเลยก็คือ Brooklynn Prince หรือหนูน้อยมูนี่ ที่บอกเลยว่าอนาคตไกลแน่ๆ แสดงได้เป็นธรรมชาติ แสบ มีพรสวรรค์ มีเสน่ห์ และน่ารักอย่างเหลือล้นจริงๆ
The Florida Project มีชื่อไทยว่า “แดน (ไม่) เนรมิต” ส่วนตัวขอชมเชยเลยว่าตั้งชื่อไทยได้ดีมาก เพราะมันจำกัดความของหนังเรื่องนี้ทั้งหมดเอาไว้ในคำเดียว แถมมันยังเป็นชื่อที่พ้องกับดีสนีย์แลนด์ ซึ่งถ้าใครโตทันก็คงจะรู้จักสวนสนุกไทยที่โด่งดังชื่อ “แดนเนรมิต” ดี แน่นอนว่าที่แห่งนี้ก็เป็นสถานที่ที่เด็กๆ ทุกคนใฝ่ฝันจะไปไม่แพ้ดิสนีย์แลนด์
และดิสนีย์แลนด์ที่ฟลอริด้า ที่หนังเลือกใช้เป็นสถานที่ถ่ายทำนั้น ก็เปรียบเสมือนเป็นแดนเนรมิตจริงๆ (ไม่ใช่สวนสนุกแดนเนรมิตนะ) สำหรับเด็กและคนมีฝันว่า ณ ที่แห่งนี้นั้นจะเป็นสถานที่แห่งการเริ่มต้นใหม่ ความหวัง ความสุข และรอยยิ้ม... แต่นั่นคือโลกแห่งความฝัน... โลกแห่งความเป็นจริงมันไม่ใช่อย่างนั้นเลย อย่างที่หนูน้อยมูนี่เล่าให้เพื่อนของเธอฟังเรื่องทองคำ ณ ปลายสายรุ้ง
ดังการที่หนังถ่ายทอดออกมาด้วยความสนุก เสน่ห์น่ารักของเด็กๆ ที่ยากที่จะเลิกติดตามชม ภาพและโทนสีที่สดใสดังลูกกวาด พร้อมไปกับการใช้เด็กๆ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์แห่งความ บริสุทธิ์ ไร้เดียงดา มาเป็นนักแสดงนำหรือตัวดำเนินเรื่อง ในเนื้อเรื่องที่บ่งบอกว่าแท้จริงแล้ว ชีวิตไม่ใช่เทพนิยาย แต่สำหรับเด็กๆ ที่อ่อนไร้ประสบการณ์นั้น ก็ยังคงมองว่ามันสวยงาม และสนุกกับมันได้ ตราบใดที่ยังมีเพื่อนเล่นและพ่อแม่ที่รัก แต่กระนั้นเอง ด้วยความที่เด็กๆ ยังไม่รู้ซึ้งถึงโลกแห่งความจริง แต่โลกแห่งความจริงก็ได้กล้ำกรายเข้ามาถึงตัวเด็กแล้ว โดยที่พวกเขาไม่รู้ตัว ส่งผลกระทบและสะท้อนออกมาเป็นวาจาและพฤติกรรม
ซึ่งในที่นี้ ตัวแม่ของมูนี่เอง ก็ยังคงเป็นเด็กอยู่เช่นกัน เธอกำลังเผชิญกับความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ที่ตัวเองได้ก่อขึ้นวัยเยาว์ ไปพร้อมๆ กับโชคชะตาที่เล่นตลก และการพยายามดิ้นรนที่จะต้องอยู่ให้รอดในดินแดนที่ไม่เคยเนรมิต นอกเสียจากจะลงมือทำด้วยตัวเองหรือโชคเข้าข้าง เหมือนดังคำที่หนูน้อยพูดถึงต้นไม้ใหญ่ที่ล้มต้นหนึ่งว่า ต้นไม้ต้นนี้คือต้นที่เธอชอบมากที่สุด เพราะแม้ว่ามันล้มเอียงลงกับพื้นแล้ว มันก็ยังคงเจริญเติบโตแตกกิ่งใบได้อยู่ นั่นเอง
ป.ล. นี่เป็นการให้คะแนนจากความคิดเห็นส่วนตัวเท่านั้น ซึ่งแต่ละคนมีมุมมอง ความชอบ ความคิด ประสบการณ์ สิ่งที่เจอหรือรู้สึกในช่วงที่ดูหนังเรื่องนั้นๆต่างกัน คะแนนของแต่ละเรื่องมาจากการเปรียบเทียบหนังใน Genre เดียวกัน จึงไม่สามารถไปเปรียบกับคะแนนเรื่องอื่นที่เป็นหนังคนละ Genre ได้ เมื่อคุณไปดูแล้วคุณอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ ไม่มีอะไรถูกหรือผิด ทุกคนไม่จำเป็นต้องมีความคิดเห็นเหมือนกันค่ะ
สามารถอ่าน Review หนังเรื่องอื่นๆได้ที่เพจ Movies Stalker ค่ะ https://www.facebook.com/MoviesStalker