บิเอะ ฮอกไกโด (Biei, Hokkaido) ในวันฟ้าใสกับปุยหิมะขาวสุดลูกหูลูกตา สวยจับใจ
ถ้าอยากสัมผัสอากาศหนาวแบบที่ขาวสดชื่น กับวิวที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ งดงามไม่เหมือนใคร ต้องมาที่นี่เลย ที่บิเอะ หนึ่งในดินแดนแสนงดงาม ตอนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น
บิเอะ อยู่ที่เมืองอาซาฮิกาว่า ทางตอนกลางของฮอกไกโด นั่งรถไฟจากสถานีซับโปโร ประมาณ1ชม45นาที ไปลงสถานีอาซาฮิกาว่า จะได้ชมวิวข้างทางให้เต็มอิ่ม ในช่วงเดือนมกราคม หิมะตกปกคลุมแทบจะทั่วไป
ในฮอกไกโด ที่ซับโปโรจะเป็นบรรยากาศแบบสังคมเมือง เป็นย่านธุรกิจ พื้นหิมะถูกขูดทุกเช้าด้วยรถขูดหิมะบนถนน และกองไว้ตามริมทาง พื้นที่ถูกหิมะจับตัวจนกลายเป็นน้ำแข็งลื่นๆที่อาจทำให้ลื่นหัวทิ่มหัวตำได้ง่ายๆจึงต้องระวังเป็นพิเศษและพื้นหิมะสีหมองๆเพราะขี้ฝุ่นที่ถูกขูดมากองไว้ก็ดูไม่สวยงามแบบภาพในฝันของเรานัก
แต่แค่นั่งรถไฟขึ้นเหนือไปประมาณเกือบชั่วโมงเราก็ได้พบกับทุ่งที่กว้างใหญ่สีขาวบริสุทธิ์จากหิมะที่ตกปกคลุมจนพื้นเป็นสีขาวสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับสวยมากจริงๆยิ่งในวันฟ้าเปิด มีเมฆสีขาวปุยนุ่นตัดกับสีฟ้าใสของท้องฟ้าที่ไร้มลภาวะมันช่าวสดชื่นจริงๆ
เมื่อไปถึงเมืองอาซาฮิกาว่า สัมผัสแรกที่ได้รับคือไอเย็นแบบติดลบที่มากกว่าลบสิบ เป็นความเย็นฉ่ำแบบสุดๆ ดีที่เตรียมชุดกันหนาวมาพร้อม ใส่ชุดฮีทเทคแบบเอ็กซ์ตร้าวอร์มคอเต่า และใส่เสื้อใหมพรม กับโอเวอร์โคทขนเป็ดที่เก็บความร้อนก็ช่วยได้ดีพอควร แต่ถ้าจะให้อุ่นจริงๆก็วิ่งเข้าร้านสะดวกซื้อไปหาถุงร้อนแบบมีกาวมาติดที่เสื้อฮีทเทคก็จะอุ่นสบาย แนะนำว่าควรใส่หมวกกันหนาวและถุงมือเพราะเราจะรู้สึกหนาวจริงๆถ้ามือหรือเท้าไม่อุ่นพอ รองเท้าก็ใส่แบบที่กันหิมะจะดีมากให้หุ้มกันกางเกงเลยก็ยิ่งดีเพราะถ้ากางเกงเปียก ถุงเท้าเปียกชื้นรับรองว่าได้เดินลุยหิมะกันแบบหนาวจับใจแน่ๆ
อุปกรณ์พร้อมก็ออกเดินทางสบาย ที่อาซาฮิกาว่า เป็นจุดหลักเราหาที่พักไกล้ๆสถานีรถไฟ แถวนั้นมีห้างอิอ้อน และร้านสตาร์บั๊คไปพักดื่มกาแฟอุ่นๆหลบหนาวได้ เราเช่ารถตู้พร้อมคนขับที่ชำนาญทางให้พาเราไปที่บิเอะแล้วการผจญภัยที่สวยงามก็เริ่มขึ้น
8 จุดห้ามพลาดในบิเอะ
1. Patchwork road
2. Seven stars tree
3. Ken & Mary tree
4. Mild seven hill
5. Family tree
6. Christmas tree
7. Blue Pond
8. Shirahige Waterfall
ประมาณ7โมงเช้าหลังทานอาหารเช้าที่โรงแรม เราก็มาที่จุดนัดพบคนขับรถตู้อัลพาร์ทที่จะพาเราไปชมทิวทัศน์ในจุดต่างๆของบิเอะ ตลอด10ชั่วโมงของวันนี้ เรามีแพลนไปดูวิวและถ่ายภาพ ซึ่งที่บิเอะ มีอยู่หลายจุดที่งดงามมากกก
ใช้เวลานั่งรถประมาณชั่วโมงกว่าๆคุณหยางคนขับรถของเราก็พาเรามาถึงจุดชมวิวแรก Patchwork Road เป็นไร่บนเนินเขาที่เล่นระดับเป็นชั้นๆสุดตาและมีทิวสนทิ้งใบตามขอบของไร่เป็นช่วงๆทิ้งระยะปกคลุมด้วยหิมาสีขาวที่ขาวสะอาดตาจริงๆไร้รอยเท้าที่ย่ำเหยียบ ยกเว้นแต่รอยเท้าหมาป่าที่เดินตัดไร่ต่างไปเป็นแนว บนต้นสนก็ถูกหิมะคลุมขาวและแต่ละไร่ก็จะมีกระท่อมหรือบ้านน่ารักๆอยู่ห่างๆกันสุดเขตของไร่ เป็นวิวที่สวยงามเกินคำบรรยาย
ถัดจากนั้นเราขึ้นรถไปยังจุดชมวิวถัดไปเป็นถนนทางตัดกันในหุบเขาตรงทางแยกเราพบกับต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ไกล้ๆมุมถนน มีรูปทรงที่งดงาม ไม่ใช่ต้นสนที่เรียวแหลมแต่เป็นต้นไม้ที่เป็ทรงพุ่มกลมๆขนาดใหญ่มากเมื่อมองลึกลงไปตามถนน จะนำสายตาเราไปพบกับเทือกเขาขนาดใหญ่มีหิมะปกคลุมที่สุดขอบฟ้า ตัดด้วยสีของท้องฟ้าที่ฟ้าสดใส จุดนี้เรียกว่า Seven Stars Tree ต้องบอกว่าเป็นวิวที่อลังกาลมาก คนที่ชอบถ่ายรูปต้องชอบจุดนี้แน่นอน อย่าพลาดเด็ดขาด
แล้วเราก็นั่งรถต่อไปยังจุดชมวิวที่เรียกว่า Mild Seven Hill เบื้องหน้าเป็นลานหิมะปุกปุยสีขาวมองจากริมถนนจะไปสะดุดตากับแผงต้นสนสองระยะระยะหน้าจะมีต้นสนเป็นต้นๆเว้นช่วงแต่ที่ระยะหลังจะเป็นทิวสนเรียงหน้ากระดานเป็นฉากหลังเป็นแผงยาว เมื่อมองตรงๆเข้าไปจะพบกับจังหวะของการจัดวางองค์ประกอบที่งดงามของต้นสนตัดกับท้องฟ้าและพื้นหิมะขาว แทรกด้วยรอยเท้าหมาป่าและอากาศในวันนั้นติดลบ14องศา มันสดชื่นจนหน้าเด้งจริงๆ
จุดถัดไปเราไปพบกับFamily treeจุดนี้เป็นต้นไม้ครอบครัวพ่อแม่ลูก ซึ่งแต่ละต้นอยู่ในจังหวะไกล้ไกลต่างกันบนเนินเขาโค้งๆเตี้ยๆ ลานหิมะขาวเรียบสะท้อนกับแดดระยิบระยับเหมือนอัญมณีที่มีค่า
ขับไปอีกสักพักเราก็มาถึง Christmas Tree ต้นสนใหญ่สูงเด่นต้นเดียวกลางเนินหิมะ เด่นเพราะมีรูปทรงที่สมมาตร สมส่วน ตั้งเด่นตระหง่านต้นเดียวกลางลานหิมะสีขาวระยิบระยับ
จากนั้นคนขับรถของเราก็พาเราไปยังต้นสนคู่รัก Ken & Mary Tree ต้นนี้ติดกันไกล้ชิดจนแทบจะเป็นต้นเดียวกันตรงข้ามกับต้นไม้มีบ้านหลังใหญ่ทาสีเหลืองสด ติดป้าย Ken&Mery ในจุดนี้ตรงหัวมุมถนนมีร้านกาแฟให้ไปนั่งทานชิวๆคลายหนาวด้วย เจ้าของร้านต้อนรับดีมาก ข้างในร้านมีของที่ระลึกขาย และมีโปสการ์ด บิเอะในฤดูอื่นๆให้ชมจนเราอยากมาในฤดูร้อนด้วยเลย เพราะที่นี่เป็นทุ่งดอกไม้ หลากหลายชนิดสีสวยกลิ่นหอมทั่วทุ่งเลย
หลังจากจิบกาแฟร้อนๆและแวะเข้าห้องน้ำ ที่หมายต่อไปคือ Blue Pond บ่อน้ำสีฟ้า บ่อน้ำชื่อดังของบิเอะที่ใครมาที่นี่คงไม่พลาดที่จะมาดูความงดงามของมัน เดินจากลานจอดรถไปแค่แปปเดียวก็จะเจอกับบ่อน้ำที่มีต้นไม้ขึ้นในน้ำกระจายตัวกันเป็นจังหวะ ในเดือนนี้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว และปกคลุมด้วยปุยหิมะ เราจึงเห็นบ่อน้ำสีฟ้านี้เป็นเหมือนลานหิมะสีขาวแต่วิวด้านหลังก็ไม่ธรรมดาเพราะว่าเป็นเทือกเขาหิมะซ้อนเป็นฉากหลังยิ่งใหญ่ตระการตาน่ามองมากจริงๆ เดินต่อไปตามทางด้านในเราจะพบกับลำธารน้ำสีฟ้าไหลเอื่อยๆ และวิวที่สวยมากเช่นกันอย่าพลาดเชียวถ้าไปถึงที่นี่
จากนั้นเราก็ไปที่น้ำตกในขุนเขา Shirahige waterfall น้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งย้อยสีฟ้า มันช่างงดงามแปลกตาจริงๆ น้ำสีฟ้ากลายเป็นน้ำแข็งย้อยเป็นชั้นๆ ไปสู่ลำธารเบื้องล่าง เราต้องเดินเข้าไปยังสะพานเหล็กที่สร้างข้ามระหว่างหุบเขาเพื่อจะได้ชมน้ำตกที่งดงามนี้
การได้ชมวิวสวยงามทำให้เราลืมเวลาอาหารกลางวันไปเลย ตอนนี้ก็ปาไปบ่าย2โมงกว่าแล้ว ชักหิวรีบกลับไปที่รถตู้ของเราแล้วให้คุณหยางพาไปร้านอาหารท้องถิ่นที่มีอาหารทะเลสดแสนอร่อยดีกว่า
ใช้เวลาสักเกือบชั่วโมงรถของเราก็มาถึงร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ร้านที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อย มองจากด้านนอกเราดูไม่ออกเลยว่านี่เป็นร้านอาหาร แต่มีป้ายหน้าร้านที่เขียนว่าkumagera
ร้านนี้มีของเด่นคือหมอดินร้อนคล้ายชาบู แต่เป็นอาหารทะเลสดๆเอาลงต้มในหม้อนี้ร้อนๆ เหมาะกับจังหวะนี้จริงๆที่เจอความหนาวเย็นมาตลอดวัน ไม่ใช่แค่นั้น ที่ร้านนี้มีเนื้อวากิวกระทะร้อนที่นุ่มละลายในปาก และปลาทะเลย่างเป็นตัวๆแสนอร่อยให้เลือกทาน เติมพลังมื้อนี้สุดๆจริงๆ พอออกมาบ่ายสี่โมงกว่า มืดแล้ว เราจึงเดินทางกลับช่างเป็นการจบวันที่งดงามจริงๆ
ติดตามvdo Hokkaido Asahikawa Biei ที่ไปถ่ายมาตามลิ้งYoutube ด้านล่างได้เลย
https://youtu.be/im35oMvycmc
[CR] ขาวสุดขีด หนาวสุดขั้ว แบกกระเป๋าลากกล้อง ไปท่อง บิเอะ ฮอกไกโด
ถ้าอยากสัมผัสอากาศหนาวแบบที่ขาวสดชื่น กับวิวที่เวิ้งว้างกว้างใหญ่ งดงามไม่เหมือนใคร ต้องมาที่นี่เลย ที่บิเอะ หนึ่งในดินแดนแสนงดงาม ตอนเหนือสุดของประเทศญี่ปุ่น
บิเอะ อยู่ที่เมืองอาซาฮิกาว่า ทางตอนกลางของฮอกไกโด นั่งรถไฟจากสถานีซับโปโร ประมาณ1ชม45นาที ไปลงสถานีอาซาฮิกาว่า จะได้ชมวิวข้างทางให้เต็มอิ่ม ในช่วงเดือนมกราคม หิมะตกปกคลุมแทบจะทั่วไป
ในฮอกไกโด ที่ซับโปโรจะเป็นบรรยากาศแบบสังคมเมือง เป็นย่านธุรกิจ พื้นหิมะถูกขูดทุกเช้าด้วยรถขูดหิมะบนถนน และกองไว้ตามริมทาง พื้นที่ถูกหิมะจับตัวจนกลายเป็นน้ำแข็งลื่นๆที่อาจทำให้ลื่นหัวทิ่มหัวตำได้ง่ายๆจึงต้องระวังเป็นพิเศษและพื้นหิมะสีหมองๆเพราะขี้ฝุ่นที่ถูกขูดมากองไว้ก็ดูไม่สวยงามแบบภาพในฝันของเรานัก
แต่แค่นั่งรถไฟขึ้นเหนือไปประมาณเกือบชั่วโมงเราก็ได้พบกับทุ่งที่กว้างใหญ่สีขาวบริสุทธิ์จากหิมะที่ตกปกคลุมจนพื้นเป็นสีขาวสะท้อนแสงอาทิตย์ระยิบระยับสวยมากจริงๆยิ่งในวันฟ้าเปิด มีเมฆสีขาวปุยนุ่นตัดกับสีฟ้าใสของท้องฟ้าที่ไร้มลภาวะมันช่าวสดชื่นจริงๆ
เมื่อไปถึงเมืองอาซาฮิกาว่า สัมผัสแรกที่ได้รับคือไอเย็นแบบติดลบที่มากกว่าลบสิบ เป็นความเย็นฉ่ำแบบสุดๆ ดีที่เตรียมชุดกันหนาวมาพร้อม ใส่ชุดฮีทเทคแบบเอ็กซ์ตร้าวอร์มคอเต่า และใส่เสื้อใหมพรม กับโอเวอร์โคทขนเป็ดที่เก็บความร้อนก็ช่วยได้ดีพอควร แต่ถ้าจะให้อุ่นจริงๆก็วิ่งเข้าร้านสะดวกซื้อไปหาถุงร้อนแบบมีกาวมาติดที่เสื้อฮีทเทคก็จะอุ่นสบาย แนะนำว่าควรใส่หมวกกันหนาวและถุงมือเพราะเราจะรู้สึกหนาวจริงๆถ้ามือหรือเท้าไม่อุ่นพอ รองเท้าก็ใส่แบบที่กันหิมะจะดีมากให้หุ้มกันกางเกงเลยก็ยิ่งดีเพราะถ้ากางเกงเปียก ถุงเท้าเปียกชื้นรับรองว่าได้เดินลุยหิมะกันแบบหนาวจับใจแน่ๆ
อุปกรณ์พร้อมก็ออกเดินทางสบาย ที่อาซาฮิกาว่า เป็นจุดหลักเราหาที่พักไกล้ๆสถานีรถไฟ แถวนั้นมีห้างอิอ้อน และร้านสตาร์บั๊คไปพักดื่มกาแฟอุ่นๆหลบหนาวได้ เราเช่ารถตู้พร้อมคนขับที่ชำนาญทางให้พาเราไปที่บิเอะแล้วการผจญภัยที่สวยงามก็เริ่มขึ้น
8 จุดห้ามพลาดในบิเอะ
1. Patchwork road
2. Seven stars tree
3. Ken & Mary tree
4. Mild seven hill
5. Family tree
6. Christmas tree
7. Blue Pond
8. Shirahige Waterfall
ประมาณ7โมงเช้าหลังทานอาหารเช้าที่โรงแรม เราก็มาที่จุดนัดพบคนขับรถตู้อัลพาร์ทที่จะพาเราไปชมทิวทัศน์ในจุดต่างๆของบิเอะ ตลอด10ชั่วโมงของวันนี้ เรามีแพลนไปดูวิวและถ่ายภาพ ซึ่งที่บิเอะ มีอยู่หลายจุดที่งดงามมากกก
ใช้เวลานั่งรถประมาณชั่วโมงกว่าๆคุณหยางคนขับรถของเราก็พาเรามาถึงจุดชมวิวแรก Patchwork Road เป็นไร่บนเนินเขาที่เล่นระดับเป็นชั้นๆสุดตาและมีทิวสนทิ้งใบตามขอบของไร่เป็นช่วงๆทิ้งระยะปกคลุมด้วยหิมาสีขาวที่ขาวสะอาดตาจริงๆไร้รอยเท้าที่ย่ำเหยียบ ยกเว้นแต่รอยเท้าหมาป่าที่เดินตัดไร่ต่างไปเป็นแนว บนต้นสนก็ถูกหิมะคลุมขาวและแต่ละไร่ก็จะมีกระท่อมหรือบ้านน่ารักๆอยู่ห่างๆกันสุดเขตของไร่ เป็นวิวที่สวยงามเกินคำบรรยาย
ถัดจากนั้นเราขึ้นรถไปยังจุดชมวิวถัดไปเป็นถนนทางตัดกันในหุบเขาตรงทางแยกเราพบกับต้นไม้ใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ไกล้ๆมุมถนน มีรูปทรงที่งดงาม ไม่ใช่ต้นสนที่เรียวแหลมแต่เป็นต้นไม้ที่เป็ทรงพุ่มกลมๆขนาดใหญ่มากเมื่อมองลึกลงไปตามถนน จะนำสายตาเราไปพบกับเทือกเขาขนาดใหญ่มีหิมะปกคลุมที่สุดขอบฟ้า ตัดด้วยสีของท้องฟ้าที่ฟ้าสดใส จุดนี้เรียกว่า Seven Stars Tree ต้องบอกว่าเป็นวิวที่อลังกาลมาก คนที่ชอบถ่ายรูปต้องชอบจุดนี้แน่นอน อย่าพลาดเด็ดขาด
แล้วเราก็นั่งรถต่อไปยังจุดชมวิวที่เรียกว่า Mild Seven Hill เบื้องหน้าเป็นลานหิมะปุกปุยสีขาวมองจากริมถนนจะไปสะดุดตากับแผงต้นสนสองระยะระยะหน้าจะมีต้นสนเป็นต้นๆเว้นช่วงแต่ที่ระยะหลังจะเป็นทิวสนเรียงหน้ากระดานเป็นฉากหลังเป็นแผงยาว เมื่อมองตรงๆเข้าไปจะพบกับจังหวะของการจัดวางองค์ประกอบที่งดงามของต้นสนตัดกับท้องฟ้าและพื้นหิมะขาว แทรกด้วยรอยเท้าหมาป่าและอากาศในวันนั้นติดลบ14องศา มันสดชื่นจนหน้าเด้งจริงๆ
จุดถัดไปเราไปพบกับFamily treeจุดนี้เป็นต้นไม้ครอบครัวพ่อแม่ลูก ซึ่งแต่ละต้นอยู่ในจังหวะไกล้ไกลต่างกันบนเนินเขาโค้งๆเตี้ยๆ ลานหิมะขาวเรียบสะท้อนกับแดดระยิบระยับเหมือนอัญมณีที่มีค่า
ขับไปอีกสักพักเราก็มาถึง Christmas Tree ต้นสนใหญ่สูงเด่นต้นเดียวกลางเนินหิมะ เด่นเพราะมีรูปทรงที่สมมาตร สมส่วน ตั้งเด่นตระหง่านต้นเดียวกลางลานหิมะสีขาวระยิบระยับ
จากนั้นคนขับรถของเราก็พาเราไปยังต้นสนคู่รัก Ken & Mary Tree ต้นนี้ติดกันไกล้ชิดจนแทบจะเป็นต้นเดียวกันตรงข้ามกับต้นไม้มีบ้านหลังใหญ่ทาสีเหลืองสด ติดป้าย Ken&Mery ในจุดนี้ตรงหัวมุมถนนมีร้านกาแฟให้ไปนั่งทานชิวๆคลายหนาวด้วย เจ้าของร้านต้อนรับดีมาก ข้างในร้านมีของที่ระลึกขาย และมีโปสการ์ด บิเอะในฤดูอื่นๆให้ชมจนเราอยากมาในฤดูร้อนด้วยเลย เพราะที่นี่เป็นทุ่งดอกไม้ หลากหลายชนิดสีสวยกลิ่นหอมทั่วทุ่งเลย
หลังจากจิบกาแฟร้อนๆและแวะเข้าห้องน้ำ ที่หมายต่อไปคือ Blue Pond บ่อน้ำสีฟ้า บ่อน้ำชื่อดังของบิเอะที่ใครมาที่นี่คงไม่พลาดที่จะมาดูความงดงามของมัน เดินจากลานจอดรถไปแค่แปปเดียวก็จะเจอกับบ่อน้ำที่มีต้นไม้ขึ้นในน้ำกระจายตัวกันเป็นจังหวะ ในเดือนนี้น้ำกลายเป็นน้ำแข็งหมดแล้ว และปกคลุมด้วยปุยหิมะ เราจึงเห็นบ่อน้ำสีฟ้านี้เป็นเหมือนลานหิมะสีขาวแต่วิวด้านหลังก็ไม่ธรรมดาเพราะว่าเป็นเทือกเขาหิมะซ้อนเป็นฉากหลังยิ่งใหญ่ตระการตาน่ามองมากจริงๆ เดินต่อไปตามทางด้านในเราจะพบกับลำธารน้ำสีฟ้าไหลเอื่อยๆ และวิวที่สวยมากเช่นกันอย่าพลาดเชียวถ้าไปถึงที่นี่
จากนั้นเราก็ไปที่น้ำตกในขุนเขา Shirahige waterfall น้ำตกที่กลายเป็นน้ำแข็งย้อยสีฟ้า มันช่างงดงามแปลกตาจริงๆ น้ำสีฟ้ากลายเป็นน้ำแข็งย้อยเป็นชั้นๆ ไปสู่ลำธารเบื้องล่าง เราต้องเดินเข้าไปยังสะพานเหล็กที่สร้างข้ามระหว่างหุบเขาเพื่อจะได้ชมน้ำตกที่งดงามนี้
การได้ชมวิวสวยงามทำให้เราลืมเวลาอาหารกลางวันไปเลย ตอนนี้ก็ปาไปบ่าย2โมงกว่าแล้ว ชักหิวรีบกลับไปที่รถตู้ของเราแล้วให้คุณหยางพาไปร้านอาหารท้องถิ่นที่มีอาหารทะเลสดแสนอร่อยดีกว่า
ใช้เวลาสักเกือบชั่วโมงรถของเราก็มาถึงร้านอาหารสไตล์ญี่ปุ่น ร้านที่ปกคลุมด้วยไม้เลื้อย มองจากด้านนอกเราดูไม่ออกเลยว่านี่เป็นร้านอาหาร แต่มีป้ายหน้าร้านที่เขียนว่าkumagera
ร้านนี้มีของเด่นคือหมอดินร้อนคล้ายชาบู แต่เป็นอาหารทะเลสดๆเอาลงต้มในหม้อนี้ร้อนๆ เหมาะกับจังหวะนี้จริงๆที่เจอความหนาวเย็นมาตลอดวัน ไม่ใช่แค่นั้น ที่ร้านนี้มีเนื้อวากิวกระทะร้อนที่นุ่มละลายในปาก และปลาทะเลย่างเป็นตัวๆแสนอร่อยให้เลือกทาน เติมพลังมื้อนี้สุดๆจริงๆ พอออกมาบ่ายสี่โมงกว่า มืดแล้ว เราจึงเดินทางกลับช่างเป็นการจบวันที่งดงามจริงๆ
ติดตามvdo Hokkaido Asahikawa Biei ที่ไปถ่ายมาตามลิ้งYoutube ด้านล่างได้เลย
https://youtu.be/im35oMvycmc