ในทางพุทธ สมเด็จพระบรมศาสดา ทรงชี้ให้เห็นถึงความไม่มีอัตตาในขันธ์ห้าและสรรพสิ่งทั้งปวง
แต่ทรงชี้ถึงความเห็นผิดว่ามี ว่าเป็นอัตตาในขันธ์ห้าก้อเพราะอวิชชา ตัณหาเป็นเหตุ และทรงบัญญัติสภาวะธรรมนั้นว่า อุปาทาน
และอุปาทานนั่นเอง ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง
พระองค์ทรงจำแนกอุปาทานออกเป็นสี่ ได้แก่
ยึดมั่นในกามทางตาหูจมูกลิ้นกายว่าเป็นตนของตน , ยึดมั่นในทิฎฐิความเชื่อความเห็นว่าเป็นตนของตน
ยึดมั่นในวัตรปฎิบัติอันผิดๆของตน , ยึดมั่นในความมี ความเป็นตนในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
และทรงสรุปว่า อุปาทานขันธ์ห้านั่นเองที่เป็นทุกข์
และทรงชี้ถึงทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับแห่งทุกข์ และทางปฎิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์
นั่นคือ อริยะสัจจสี่
อะไรคือทุกข์ แล้วใครคือผู้รับทุกข์ และทุกข์นั้นส่งผลกระทบต่อผู้รับทุกข์และสังคมส่วนรวมอย่างไร
เช่นเคยครับ จขกท จะค่อยๆนำภาพจากจิตสัญญานั้นถ่ายถอดเป็นตัวอักษรเท่าที่ภาพนั้นจะปรากฎ
และท่านใด ต้องการเพิ่มเติม แย้งเพื่อความกระจ่างในข้อธรรม ก้อนับว่าเป็นประโยชน์ในที่นี้
ปล ในกระทู้นี้ จขกท อาจเน้นไปทางความเห็นผิดว่ามีอัตตาในตน จะส่งผลถึงตน และสังคมอย่างไร ( และตนในที่นี้คือสมมุติบัญญัติ เพื่อสะดวก
ในการสื่อสาร และคงไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานทางพุทธมาพอสมควรอยู่แล้ว )
และเนื่องจากห่างหายไปจากการ พิมพ์เรียบเรียงอักษรไปนานพอควร อาจต้องใช้ความพยายามเรียบเรียง เพื่อความเข้าใจให้ชัดเจนเท่าที่จะเป็นไปได้
อัตตาในขันธ์ห้ากับความเป็นปัจเจกบุคคล และสังคม
แต่ทรงชี้ถึงความเห็นผิดว่ามี ว่าเป็นอัตตาในขันธ์ห้าก้อเพราะอวิชชา ตัณหาเป็นเหตุ และทรงบัญญัติสภาวะธรรมนั้นว่า อุปาทาน
และอุปาทานนั่นเอง ที่เป็นเหตุแห่งทุกข์ทั้งปวง
พระองค์ทรงจำแนกอุปาทานออกเป็นสี่ ได้แก่
ยึดมั่นในกามทางตาหูจมูกลิ้นกายว่าเป็นตนของตน , ยึดมั่นในทิฎฐิความเชื่อความเห็นว่าเป็นตนของตน
ยึดมั่นในวัตรปฎิบัติอันผิดๆของตน , ยึดมั่นในความมี ความเป็นตนในรูป เวทนา สัญญา สังขาร วิญญาณ
และทรงสรุปว่า อุปาทานขันธ์ห้านั่นเองที่เป็นทุกข์
และทรงชี้ถึงทุกข์ เหตุแห่งทุกข์ ความดับแห่งทุกข์ และทางปฎิบัติให้ถึงความดับแห่งทุกข์
นั่นคือ อริยะสัจจสี่
อะไรคือทุกข์ แล้วใครคือผู้รับทุกข์ และทุกข์นั้นส่งผลกระทบต่อผู้รับทุกข์และสังคมส่วนรวมอย่างไร
เช่นเคยครับ จขกท จะค่อยๆนำภาพจากจิตสัญญานั้นถ่ายถอดเป็นตัวอักษรเท่าที่ภาพนั้นจะปรากฎ
และท่านใด ต้องการเพิ่มเติม แย้งเพื่อความกระจ่างในข้อธรรม ก้อนับว่าเป็นประโยชน์ในที่นี้
ปล ในกระทู้นี้ จขกท อาจเน้นไปทางความเห็นผิดว่ามีอัตตาในตน จะส่งผลถึงตน และสังคมอย่างไร ( และตนในที่นี้คือสมมุติบัญญัติ เพื่อสะดวก
ในการสื่อสาร และคงไม่เป็นปัญหาสำหรับผู้ที่มีพื้นฐานทางพุทธมาพอสมควรอยู่แล้ว )
และเนื่องจากห่างหายไปจากการ พิมพ์เรียบเรียงอักษรไปนานพอควร อาจต้องใช้ความพยายามเรียบเรียง เพื่อความเข้าใจให้ชัดเจนเท่าที่จะเป็นไปได้