เป็นแฟน Thai PBS มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้ง ติดตามหลายต่อหลายรายการมาตลอด มองเห็นการเปลี่ยนแปลงของผังรายการ บางรายการก็อยู่นานหากหลายรายการก็ออกไป
ส่วนตัวเข้าใจว่าเหมือนเป็นองค์กรมหาชน ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐเพื่อเป็นช่องทางเลือก ให้ความรู้ เพิ่มพูนปัญญา ท่ามกลางกระแสความนิยมบริโภครายการเน้นบันเทิง และกระแสเงินทุนที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการโปรโมทสินค้าและบริการ ได้รับผลประโยชน์กันถ้วนทั่ว
หากแต่ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว หรืออาจนานมาก่อนนั้น ส่วนตัวเริ่มมองเห็นถึงการนำเสนอข้อมูล content เรื่องราวของรายการในช่องนี้ ที่อดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่า เป้นการนำเสนอเพื่อนำไปสู่การช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า บริการ ตัวบุคคล บางกลุ่มเป็นพิเศษ........มากเกินไปหรือเปล่า
ไม่ใช่แค่เพียงที่ทางช่องควรยังคงยึดถืออุดมการณ์ หากต้องคำนึงถึงจุดมุ่งหมายในการก่อตั้งสถานี.... ถ้าไม่มีตรงนั้น ก็ไม่มีช่องตรงนี้.....ไม่มีตึกอาคารใหญ่โต ไม่มีงาน ไม่มีพนักงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น.....
การเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็น การพยายาม tie-in งาน event งานเปิดตัวสินค้าและบริการบางอย่าง นำเสนอข่าว ข้อมูลเรื่องตัวบุคคล กลุ่มคน ในวงการบันเทิง วงการกีฬา ศิลปะวัฒนธรรม อย่างต่อเนื่อง ทุกวัน หลายวัน ทั้งการนำข่าวเก่ามายำ หรือบิดประเด็นนำเสนอข่าวเก่าแต่ประเด็นใหม่ๆ เปิดมาทีไร เจอแต่ข่าวคนนี้ วงนี้ ศิลปินกลุ่มนี้ นักศิลปะคนนี้ คนนั้น นักกีฬาคนนี้ รายการกีฬานี้ วนไปวนมา
ทุกข่าว ทุกเนื้อหา แน่นอน คงไม่ได้นำเสนอการ tie-in แบบตั้งใจอย่างเช่นช่องเคเบิลหรือ commercial อื่นๆ หากยังคงนำเสนอผ่านภาพของความตั้งใจที่จะช่วยส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม วงการกีฬา หรือแม้แต่ความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรมและอื่นๆ แต่ถ้าลองมองดูให้ดี เนื้อหาข่าวและรายการ ล้วนมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ งาน event คนและกลุ่มคน สินค้าบริการ และอื่นๆ ที่มุ่งแสวงหาผลกำไรในรูปรายได้ทั้งสิ้น ก็ไม่ต่างจากช่อง commercial ทั่วไป หากเพียงไม่ถี่เท่า ไม่ตั้งใจเท่า แค่นั้น......
ส่วนตัวแล้วเข้าใจ ในฐานะของนักวิชาชีพสื่อสารมวลชนเช่นกัน ว่าอะไรคือ attribution of news ดังนั้น การนำเสนอข่าว ประเด็น เรื่องราวเนื้อหาที่กำลังเป็นที่สนใจ จึงไม่ผิด หากแต่ ทุกอย่างมีผลกระทบ มี side effects ทั้งสิ้น ซึ่งช่องและผู้บริหารควรต้องคำนึงถึง balance ตรงนี้ให้ดี
ยังไม่ได้ตั้งใจสรุปว่า มีอะไรเป็นผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง อาจเป็นสไตล์ของการนำเสนอ อาจเป็นความมักง่ายของผู้ทำงานและความหละหลวมของผู้บริหาร ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไป หากผลประโยชน์อาจไม่ได้มาในรูปของเงินและรายได้ แต่มาในรูปแบบของ connection, relation หรือแม้แต่ action จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผน และการผลิตรายการ หรือไม่.......ก็ได้
เมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว ได้เข้าไปอ่าน web ที่เต็มไปด้วยกระทู้ไร้สาระมากมาย ......จนได้เจอกระทู้ที่ไร้สาระกระทู้หนึ่งเกี่ยวกับสื่อโทรทัศน์วิทยุบ้านเรา มีคนเข้ามาเขียนตอบกระทู้ว่า "คนฉลาดเค้าไม่ดูช่องอื่น เค้าดู Thai PBS กัน"
ส่วนตัวไม่ได้ฉลาดและไม่ได้ต้องการเป็นคนฉลาดหรือแสดงออกว่าฉลาดกว่าคนอื่น หากแต่ที่ติดตามชมรายการมาตลาดเพราะคิดว่านำเสนอเนื้อหาสาระที่ตรงกับความต้องการส่วนตัว
คงรู้สึกเสียดายที่นโยบายของช่องจะเปลี่ยนไป อาจไม่ได้เปลี่ยนไปในรูปของการบริหารโดยภาพรวมแต่เปลี่ยนไปในเนื้อหารายการที่มาถึงผู้รับสาร จนเรารู้สึกได้
ที่แย่มากที่สุด คือ เราไม่อยากให้ใครมาหลอกเราแบบเนียนๆ ส่วนตัว....ถ้าโดนหลอกแบบเนียนๆ ปลอมตัวเป็นคนดี เพื่อมาหวังผลประโยชน์จากเรา มันยิ่งเจ็บใจ
ทั้งหมด หากแม้เป็นความเข้าใจผิดคนเดียว ก็ต้องขออภัย แต่หากไม่ใช่....เพียงแค่อยากบอกว่า อย่างน้อยมีคนตัวเล็กๆคนนึงที่เป็นแฟนของช่องมาตลอด มองเห็นและอยากฝากให้ทางช่องกลับไปทบทวนก็เพียงเท่านั้น.......พูดจบแล้วขอไปติดตามข่าววงไอดอลญี่ปุ่นฝีมือคนไทยทาง Thai PBS ต่อก่อน ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ให้ทุกท่านโชคดี
ตอนนี้ Thai PBS ยังเป็นองค์กรที่ไม่หารายได้หรือไม่ได้สนับสนุนการตลาดสินค้าและบริการจริงหรือเปล่า
ส่วนตัวเข้าใจว่าเหมือนเป็นองค์กรมหาชน ได้รับเงินสนับสนุนจากรัฐเพื่อเป็นช่องทางเลือก ให้ความรู้ เพิ่มพูนปัญญา ท่ามกลางกระแสความนิยมบริโภครายการเน้นบันเทิง และกระแสเงินทุนที่ใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการโปรโมทสินค้าและบริการ ได้รับผลประโยชน์กันถ้วนทั่ว
หากแต่ตั้งแต่เมื่อปีที่แล้ว หรืออาจนานมาก่อนนั้น ส่วนตัวเริ่มมองเห็นถึงการนำเสนอข้อมูล content เรื่องราวของรายการในช่องนี้ ที่อดทำให้รู้สึกไม่ได้ว่า เป้นการนำเสนอเพื่อนำไปสู่การช่วยประชาสัมพันธ์สินค้า บริการ ตัวบุคคล บางกลุ่มเป็นพิเศษ........มากเกินไปหรือเปล่า
ไม่ใช่แค่เพียงที่ทางช่องควรยังคงยึดถืออุดมการณ์ หากต้องคำนึงถึงจุดมุ่งหมายในการก่อตั้งสถานี.... ถ้าไม่มีตรงนั้น ก็ไม่มีช่องตรงนี้.....ไม่มีตึกอาคารใหญ่โต ไม่มีงาน ไม่มีพนักงาน ไม่มีเงิน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น.....
การเปลี่ยนแปลงที่สัมผัสได้ ไม่ว่าจะเป็น การพยายาม tie-in งาน event งานเปิดตัวสินค้าและบริการบางอย่าง นำเสนอข่าว ข้อมูลเรื่องตัวบุคคล กลุ่มคน ในวงการบันเทิง วงการกีฬา ศิลปะวัฒนธรรม อย่างต่อเนื่อง ทุกวัน หลายวัน ทั้งการนำข่าวเก่ามายำ หรือบิดประเด็นนำเสนอข่าวเก่าแต่ประเด็นใหม่ๆ เปิดมาทีไร เจอแต่ข่าวคนนี้ วงนี้ ศิลปินกลุ่มนี้ นักศิลปะคนนี้ คนนั้น นักกีฬาคนนี้ รายการกีฬานี้ วนไปวนมา
ทุกข่าว ทุกเนื้อหา แน่นอน คงไม่ได้นำเสนอการ tie-in แบบตั้งใจอย่างเช่นช่องเคเบิลหรือ commercial อื่นๆ หากยังคงนำเสนอผ่านภาพของความตั้งใจที่จะช่วยส่งเสริมศิลปะวัฒนธรรม วงการกีฬา หรือแม้แต่ความแตกต่างทางภาษาและวัฒนธรรมและอื่นๆ แต่ถ้าลองมองดูให้ดี เนื้อหาข่าวและรายการ ล้วนมีส่วนช่วยประชาสัมพันธ์ งาน event คนและกลุ่มคน สินค้าบริการ และอื่นๆ ที่มุ่งแสวงหาผลกำไรในรูปรายได้ทั้งสิ้น ก็ไม่ต่างจากช่อง commercial ทั่วไป หากเพียงไม่ถี่เท่า ไม่ตั้งใจเท่า แค่นั้น......
ส่วนตัวแล้วเข้าใจ ในฐานะของนักวิชาชีพสื่อสารมวลชนเช่นกัน ว่าอะไรคือ attribution of news ดังนั้น การนำเสนอข่าว ประเด็น เรื่องราวเนื้อหาที่กำลังเป็นที่สนใจ จึงไม่ผิด หากแต่ ทุกอย่างมีผลกระทบ มี side effects ทั้งสิ้น ซึ่งช่องและผู้บริหารควรต้องคำนึงถึง balance ตรงนี้ให้ดี
ยังไม่ได้ตั้งใจสรุปว่า มีอะไรเป็นผลประโยชน์อยู่เบื้องหลัง อาจเป็นสไตล์ของการนำเสนอ อาจเป็นความมักง่ายของผู้ทำงานและความหละหลวมของผู้บริหาร ก็ต้องพิสูจน์กันต่อไป หากผลประโยชน์อาจไม่ได้มาในรูปของเงินและรายได้ แต่มาในรูปแบบของ connection, relation หรือแม้แต่ action จากผู้มีส่วนเกี่ยวข้องกับการวางแผน และการผลิตรายการ หรือไม่.......ก็ได้
เมื่อหลายสัปดาห์ที่แล้ว ได้เข้าไปอ่าน web ที่เต็มไปด้วยกระทู้ไร้สาระมากมาย ......จนได้เจอกระทู้ที่ไร้สาระกระทู้หนึ่งเกี่ยวกับสื่อโทรทัศน์วิทยุบ้านเรา มีคนเข้ามาเขียนตอบกระทู้ว่า "คนฉลาดเค้าไม่ดูช่องอื่น เค้าดู Thai PBS กัน"
ส่วนตัวไม่ได้ฉลาดและไม่ได้ต้องการเป็นคนฉลาดหรือแสดงออกว่าฉลาดกว่าคนอื่น หากแต่ที่ติดตามชมรายการมาตลาดเพราะคิดว่านำเสนอเนื้อหาสาระที่ตรงกับความต้องการส่วนตัว
คงรู้สึกเสียดายที่นโยบายของช่องจะเปลี่ยนไป อาจไม่ได้เปลี่ยนไปในรูปของการบริหารโดยภาพรวมแต่เปลี่ยนไปในเนื้อหารายการที่มาถึงผู้รับสาร จนเรารู้สึกได้
ที่แย่มากที่สุด คือ เราไม่อยากให้ใครมาหลอกเราแบบเนียนๆ ส่วนตัว....ถ้าโดนหลอกแบบเนียนๆ ปลอมตัวเป็นคนดี เพื่อมาหวังผลประโยชน์จากเรา มันยิ่งเจ็บใจ
ทั้งหมด หากแม้เป็นความเข้าใจผิดคนเดียว ก็ต้องขออภัย แต่หากไม่ใช่....เพียงแค่อยากบอกว่า อย่างน้อยมีคนตัวเล็กๆคนนึงที่เป็นแฟนของช่องมาตลอด มองเห็นและอยากฝากให้ทางช่องกลับไปทบทวนก็เพียงเท่านั้น.......พูดจบแล้วขอไปติดตามข่าววงไอดอลญี่ปุ่นฝีมือคนไทยทาง Thai PBS ต่อก่อน ขอบคุณที่ติดตามอ่าน ให้ทุกท่านโชคดี