.
หวาดระแวง : หินเหล็กไฟ
ยามมันคืบ คลานเข้า......................ในทรวง
เกิดวิตก เป็นห่วง..........................รุ่มร้อน
กริ่งเกรงกลัว ติดบ่วง......................ที่ก่อ เองนา
หวาดระแวง ถูกย้อน......................สะท้อนผลกรรม
หากไม่มาด มุ่งร้าย.........................ใครหนอ
เพียรกระทำ ดีต่อ............................กันบ้าง
จริงใจไม่ คดงอ..............................กับผู้ อื่นนา
หวาดระแวง ยากสร้าง......................คลั่งคลุ้มใจตน
ตามคำสอนของบางศาสนา ซึ่งถือเป็นปรัชญาชนิดหนึ่งบอกว่า
ชีวิตคนเรานั้น ขึ้นอยู่กับกรรม (การกระทำ) และผลของกรรมนั้น ย่อมไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่ได้กระทำลงไป
ทุกการกระทำของเรา มักตั้งอยู่บนการเคลื่อนไปเช่นที่ว่า แรงที่เราผลักออกไป จะสร้างแรงต้านกลับมาในอัตราที่เท่าๆกันเสมอ
ดังนั้น หากเรากระทำดีต่อกันไว้ ใยเลยจะต้องเกรงกลัว หรือระแวงภัยอันตรายใดๆที่คนอื่นจักทำกับเรา
แต่น่าเสียดาย ที่ทั้งคนในสังคมทั่วไป และคนในสังคมการเมือง ต่างก็ไม่ได้ตระหนักคิดในแง่นี้
จึงพยายามทำทุกวิธีที่จะสร้างเงื่อนไข และผลักไสให้คนอื่นที่คิดไม่เหมือนตนเองกลายเป็น "ศัตรู"
และสุดท้ายก็รู้อยู่ว่าตนเองนั้นแหละ ที่ต้องนอนหลับได้ไม่เต็มตา เพราะต้องคอยระแวง ระแวดระวังภัยว่า
ใครจะมาคิดร้ายทำลายตัวเองอย่างที่ทำกับเขาบ้าง
ก็ได้แต่วิตกกังวลคอย "หวาดระแวง" กันต่อไป และผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือใจที่ต้องไม่เป็นสุขอันเป็นผลมาจากการกระทำของตัวเอง
ด้วยความเคารพครับ
นายพระรอง
..."หวาดระแวง"... ดนตรี กวี ปรัชญา (ประสาชาวบ้าน By นายพระรอง)
ยามมันคืบ คลานเข้า......................ในทรวง
เกิดวิตก เป็นห่วง..........................รุ่มร้อน
กริ่งเกรงกลัว ติดบ่วง......................ที่ก่อ เองนา
หวาดระแวง ถูกย้อน......................สะท้อนผลกรรม
หากไม่มาด มุ่งร้าย.........................ใครหนอ
เพียรกระทำ ดีต่อ............................กันบ้าง
จริงใจไม่ คดงอ..............................กับผู้ อื่นนา
หวาดระแวง ยากสร้าง......................คลั่งคลุ้มใจตน
ตามคำสอนของบางศาสนา ซึ่งถือเป็นปรัชญาชนิดหนึ่งบอกว่า
ชีวิตคนเรานั้น ขึ้นอยู่กับกรรม (การกระทำ) และผลของกรรมนั้น ย่อมไม่มากไม่น้อยไปกว่าที่ได้กระทำลงไป
ทุกการกระทำของเรา มักตั้งอยู่บนการเคลื่อนไปเช่นที่ว่า แรงที่เราผลักออกไป จะสร้างแรงต้านกลับมาในอัตราที่เท่าๆกันเสมอ
ดังนั้น หากเรากระทำดีต่อกันไว้ ใยเลยจะต้องเกรงกลัว หรือระแวงภัยอันตรายใดๆที่คนอื่นจักทำกับเรา
แต่น่าเสียดาย ที่ทั้งคนในสังคมทั่วไป และคนในสังคมการเมือง ต่างก็ไม่ได้ตระหนักคิดในแง่นี้
จึงพยายามทำทุกวิธีที่จะสร้างเงื่อนไข และผลักไสให้คนอื่นที่คิดไม่เหมือนตนเองกลายเป็น "ศัตรู"
และสุดท้ายก็รู้อยู่ว่าตนเองนั้นแหละ ที่ต้องนอนหลับได้ไม่เต็มตา เพราะต้องคอยระแวง ระแวดระวังภัยว่า
ใครจะมาคิดร้ายทำลายตัวเองอย่างที่ทำกับเขาบ้าง
ก็ได้แต่วิตกกังวลคอย "หวาดระแวง" กันต่อไป และผลลัพธ์ที่ได้ ก็คือใจที่ต้องไม่เป็นสุขอันเป็นผลมาจากการกระทำของตัวเอง
ด้วยความเคารพครับ
นายพระรอง