เรื่องนี้เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ที่ 26 มกราคมที่ผ่านมา เรื่องเกิดจากโทรศัพท์ของเราชาร์จไม่เข้ามาประมาณวันสองวัน เสียบแล้วเข้าๆหลุดๆตลอด แต่อาการแบบนี้เริ่มมีมาเป็นอาทิตย์แล้ว แรกๆเราก็ไม่ได้เอะใจอะไร เพราะคิดว่าสายUSBหรือAdapterอาจจะมีปัญหาหรือปลั๊กไฟของเราอาจจะไม่ดี เพราะเสียบสายชาร์จไปแล้วติดๆหลุดสักพักก็ชาร์จได้ปกติ เป็นแบบนี้มาเกือบอาทิตย์ จนทนไม่ไหว เราได้ทำการ Live Chat กับศูนย์บริการตลอดว่าควรทำอย่างไรดี แล้วเค้าก็ได้แนะนำให้เราไปให้ทางศูนย์ซ่อมเช็ครายละเอียดเพราะตัวเครื่องของเรายังอยู่ในประกันทั้งตัวเครื่องและอุปกรณ์เสริม
จากตอนแรกเราคิดว่าเป็นที่สายusbหรือadapterแน่ๆ ไปเปลี่ยนน่าจะหาย แต่แล้วเมื่อวันสองวันก่อนที่จะไปที่ศูนย์เครื่องเริ่มมีอาการหนักมากขึ้น เพราะเปลี่ยนทั้งUSBทั้งAdapterก็ไม่ดีขึ้น ชาร์จแล้วเข้าๆหลุดตลอดจนเราคิดว่าเป็นที่ช่องเสียบที่ชาร์จแน่ๆ แบตในโทรศัพท์ก็เหลือน้อย ไม่รู้จะทำอย่างไร เริ่มร้อนรนไปหมด ประกอบกับเราติดเรียนทั้งอาทิตย์ว่างแค่วันศุกร์ตอนบ่าย จึงตัดสินใจที่จะไปศูนย์ที่ใกล้ที่สุดแถวบ้าน
ตอนเราเอาเครื่องให้พนักงานที่ศูนย์เช็ค เราบอกอาการว่าเครื่องมีลักษณะตามข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ พร้อมทั้งนำสายชาร์จที่ใช้ปัจจุบันแล้วเกิดปัญหาให้กับพี่พนักงาน พี่พนักงานก็เลยลองเปลี่ยนสายUSBกับAdapterของเขามาใส่กับเครื่องของเรา ปรากฏว่าเครื่องชาร์จได้ปกติจนเราแปลกใจว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ ไม่ได้พังที่ช่องชาร์จตามที่เราเข้าใจหรอ กรนด่าตัวเองในใจว่าคิดไปเองล้วนๆเลย ไม่ต้องเปลี่ยนช่องชาร์จ ไม่ต้องแกะออกมาให้วุ่นวายเพราะไม่อยากให้โทรศัพท์อยู่ที่ศูนย์ซ่อมหลายวัน เห็นเปอร์เซ็นต์แบตขึ้นเราก็สบายใจ หลังจากนั้นพี่พนักงานก็ทำเรื่องเปลี่ยนสายUSBกับAdapterอันใหม่ให้เราทันที
พอทดสอบสายชาร์จตัวใหม่ปรากฏว่าก็กลับมาเป็นแบบเดิม เข้าๆหลุดๆเหมือนเดิม จากตอนแรกที่ยิ้มได้ ก็หุบยิ้มทันที ข้อสันนิษฐานไม่ผิดสินะที่ว่าช่องชาร์จมันพัง พี่พนักงานก็แปลกใจ งงไปด้วยกัน เมื่อกี้มันก็เข้าอยู่นี่ ก็เลยให้นำไปให้ช่างเช็คอาการอีกที พี่เค้าเดินกลับมาบอกว่าต้องถอดฟิล์มหน้าจอออกเพราะต้องแกะจอดูข้างในอาจจะต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง รอไหวไหม ไอเราก็โอเคเช็คไปเลย ถ้าพังก็น่าจะได้เปลี่ยน พี่เค้าก็บอกเงื่อนไขบริการว่าถ้าตรวจเจอความชื้น ถ้าจะซ่อมต้องเสียเงินเพราะมันอยู่นอกเงื่อนไขบริการประกัน เราก็พยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้เอะใจไรทั้งนั้นว่ามันเจอ เพราะเครื่องเราก็เพิ่งซื้อไม่กี่เดือน ไม่เคยตกพื้น ตกน้ำ หรือเปียกน้ำอะไรเลย เราก็ไปเดินเล่นรอเวลาพี่เค้านัดอีกที
จนถึงเวลานัดตอนเย็นๆ เรากลับมาดูอาการเครื่อง พี่พนักงานนำรูปถ่ายให้เราดูว่าตรวจเจอความชื้นบนเมนบอร์ด ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด ใจตอนนั้นตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว ความชื้นอะไร มีได้ยังไง เข้าไปได้ยังไง แต่ก็ไม่กล้าถามเป็นเจ้าหนูจำไม เลยถามแค่ว่าต้องเปลี่ยนกี่บาทคะ พี่เค้าก็ไปถามช่างให้ประเมินราคามา
ผลปรากฏว่า
ราคาเปลี่ยนเมนบอร์ดประมาณ4500 วินาทีนั้นทั้งใจทั้งสติสตังกระเจิงไปหมด ซ่อม 4500 คุณพระ!!! ลมแทบจับ น้ำตาจะร่วง จุกอกไปหมด จะเอาเงินที่ไหนมาซ่อม เป็นแค่นักศึกษาพ่อแม่ให้เงินรายวัน แล้วจะเอาโทรศัพท์ไหนใช้ จะเอาอะไรติดต่อ จะเอาอะไรหางาน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสุด พี่พนักงานถามไรก็ก็ไม่ค่อยได้ยิน ปฏิเสธอย่างเดียวว่าขอคิดดูก่อนค่ะแค่นั้น เดินออกมาจากศูนย์แบบงงๆ เดินทบทวนตัวเองในห้างว่าไปทำตกน้ำตอนไหนไม่รู้ตัวหรือเปล่า ไปทำยังไงให้โดนน้ำหรือเปล่า เหงื่อตอนคุยโทรศัพท์หรอ ไม่น่าจะใช่เพราะก็เสียบหูฟังแทบทุกครั้ง หรือตอนจับโทรศัพท์เพราะเราเป็นคนมือเปียกง่าย หรือตอนเอาเข้าห้องน้ำ หรือตอนไหน พยายามหาสาเหตุสุดๆจะได้โทษตัวเองถูกเรื่อง ในหัวตีกันไปหมดว่าจะทำยังไงดีกับราคาซ่อมที่สูงขนาดนั้น ก็เข้าใจว่าอะไหล่อาจจะแพง คิดจนไม่ไหวต้องโทรปรึกษาเพื่อนว่าทำไงดี น้ำตาก็จะไหล ทั้งโทรคุยทั้งแชท แพงขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ไม่กล้าบอกที่บ้านเพราะกลัวท่านจะดุ เลยตัดสินใจลองถามร้านซ่อมโทรศัพท์ในละแวกใกล้ๆเผื่อว่าราคาซ่อมจะถูกลงพอที่จะสู้ไหวให้ได้ใช้งาน บอกที่ร้านว่ามีอาการแบบนี้ๆ ราคาซ่อมประมาณไหน ที่ร้านก็บอกว่าหลักพันต้นๆ แต่มันก็เสี่ยงหน้าจอพังเพราะว่าต้องแงะหน้าจอออก เอาล่ะงานงอกเพิ่มแน่ๆ ถูกลงแต่ความเสี่ยงก็เพิ่มอีก ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยนั่งรถกลับบ้าน ทบทวนตัวเองบนรถว่าทำไงให้กลายเป็นแบบนี้ เราถามศูนย์บริการอีกรอบดีไหมว่ามีทางแก้อื่นอีกไหมเพราะเราก็มั่นใจว่าไม่เคยทำตกน้ำ ถ้ามันจะเกิดปัญหาเพราะมือเปียก เพราะเหงื่อ มันก็เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ จนมาถึงบ้าน รีบแชทหาศูนย์บริการอีกรอบเผื่อจะช่วยได้ พนักงานที่ตอบก็ตอบว่าจะพยายามเสนอเรื่องให้ รอทางศูนย์ติดต่อกลับ เราก็รอ เผื่อทางศูนย์ติดต่อกลับมาเสนอวิธีแก้ปัญหาทางอื่นนอกจากส่งซ่อมเพราะเราไม่ไหวจริงๆ
เราค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งว่าไม่เคยทำให้ช่องเสียบสายชาร์จเปียกน้ำ เคยเอาเข้าห้องน้ำจริง แต่เราก็ไปเช็คดูแล้วว่าจุดที่เราวางโทรศัพท์นั้นอยู่ในจุดที่เป็นพื้นแห้งสนิทไม่มีน้ำขังหรือแม้กระทั่งเราไม่เคยหยิบจับตอนมือเปียกในห้องน้ำ สงสัยไปหมด จึงทักไปหาศูนย์บริการอีกครั้ง สิ่งที่ได้กลับมาคือพนักงานบอกว่า ถ้าทางช่างเช็คว่ามีความชื้นก็ต้องเป็นตามนั้น เค้าไม่สามารถแนะนำอะไรได้ ยอมรับเลยว่าวินาทีนั้นหัวร้อนมากๆ ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจว่ามันอยู่นอกเงื่อนไขการให้บริการประกันที่มี แต่เราอยากได้แนวทางแก้ไขอื่นที่น่าจะมีให้เพราะยังไงตัวเครื่องก็ยังอยู่ในประกัน น่าจะทำอะไรได้บ้าง เครื่องมีปัญหาแค่เรื่องชาร์จไม่เข้าอย่างเดียว ต้องเปลี่ยนทั้งหมดในราคาที่สูงขนาดนี้มันจะคุ้มไหม มันเหมือนกับเราซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ เพราะรุ่นนี้ในปัจจุบันราคาก็ตกมาอยู่หลักพันแล้วจากที่เราซื้อมาหลักหมื่น ซ่อมมาแล้วจะใช้ได้นานแค่ไหน ช่วงแรกๆก็คงไม่เกิดปัญหา หลังจากนั้นถ้ามีปัญหาตอนหมดประกันเราก็ต้องเสียเงินซ่อมอีก
เครื่องก็ยังมีประกันอยู่อีกนาน เป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าประกันไม่มีความหมายอะไรเลย ก็คงเฟลแปลกๆ ที่สุดท้ายโทรศัพท์ก็กลายเป็นที่ทับกระดาษวางไว้เฉยๆ (ซื้อมายังไม่ถึง6เดือนเลยโว๊ยยยยยยยย)
ความชื้นที่ตรวจพบเราก็ไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุไหนกันแน่ อาจจะเหงื่อหรือมือที่เปียก (มันซึมเข้าง่ายขนาดนั้นเลยหรือ) ถ้าสาเหตุมาจากสองสิ่งนี้ คงแก้ปัญหาทางอื่นไม่ได้แล้วสินะคะนอกจากเปลี่ยนเมนบอร์ด แล้วก็คงต้องยอมรับไปว่าแพงขนาดนี้ก็ไม่สู้เด้อค่า สู้ไม่ไหว ค่าซ่อมแพงว่าเงินทั้งเดือนที่ได้รับอีก555555555
***เราได้อ่านปัญหาที่เกิดคล้ายๆกันในกระทู้พันทิปมาบ้าง ก็เกิดความสงสัยว่าแท้จริงแล้วมันพังที่เราหรือเพราะผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ความทนทานต่ำกันแน่ทำไมปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นกับหลายคน เราใช้โทรศัพท์ยี่ห้อนี้มาก็หลายเครื่อง ไม่เคยเกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้มาก่อนทั้งๆที่ตัวเราก็เหมือนเดิม ทั้งเหงื่อทั้งมือเปียกทั้งเอาเข้าห้องน้ำ แต่เครื่องก่อนหน้าก็ไม่เกิดปัญหาทำนองนี้เลย เป็นครั้งแรกที่เอาเข้าศูนย์แล้วกลับออกมาด้วยสติล่องลอยขนาดนี้
สงสัยจะถึงคราวซวยจริงๆ เห้อ
[SAMSUMG GALAXY J7 PRO] ชาร์จแบตไม่เข้า เคลมเข้าศูนย์ ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด4500
จากตอนแรกเราคิดว่าเป็นที่สายusbหรือadapterแน่ๆ ไปเปลี่ยนน่าจะหาย แต่แล้วเมื่อวันสองวันก่อนที่จะไปที่ศูนย์เครื่องเริ่มมีอาการหนักมากขึ้น เพราะเปลี่ยนทั้งUSBทั้งAdapterก็ไม่ดีขึ้น ชาร์จแล้วเข้าๆหลุดตลอดจนเราคิดว่าเป็นที่ช่องเสียบที่ชาร์จแน่ๆ แบตในโทรศัพท์ก็เหลือน้อย ไม่รู้จะทำอย่างไร เริ่มร้อนรนไปหมด ประกอบกับเราติดเรียนทั้งอาทิตย์ว่างแค่วันศุกร์ตอนบ่าย จึงตัดสินใจที่จะไปศูนย์ที่ใกล้ที่สุดแถวบ้าน
ตอนเราเอาเครื่องให้พนักงานที่ศูนย์เช็ค เราบอกอาการว่าเครื่องมีลักษณะตามข้างต้นที่ได้กล่าวไว้ พร้อมทั้งนำสายชาร์จที่ใช้ปัจจุบันแล้วเกิดปัญหาให้กับพี่พนักงาน พี่พนักงานก็เลยลองเปลี่ยนสายUSBกับAdapterของเขามาใส่กับเครื่องของเรา ปรากฏว่าเครื่องชาร์จได้ปกติจนเราแปลกใจว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่ ไม่ได้พังที่ช่องชาร์จตามที่เราเข้าใจหรอ กรนด่าตัวเองในใจว่าคิดไปเองล้วนๆเลย ไม่ต้องเปลี่ยนช่องชาร์จ ไม่ต้องแกะออกมาให้วุ่นวายเพราะไม่อยากให้โทรศัพท์อยู่ที่ศูนย์ซ่อมหลายวัน เห็นเปอร์เซ็นต์แบตขึ้นเราก็สบายใจ หลังจากนั้นพี่พนักงานก็ทำเรื่องเปลี่ยนสายUSBกับAdapterอันใหม่ให้เราทันที
พอทดสอบสายชาร์จตัวใหม่ปรากฏว่าก็กลับมาเป็นแบบเดิม เข้าๆหลุดๆเหมือนเดิม จากตอนแรกที่ยิ้มได้ ก็หุบยิ้มทันที ข้อสันนิษฐานไม่ผิดสินะที่ว่าช่องชาร์จมันพัง พี่พนักงานก็แปลกใจ งงไปด้วยกัน เมื่อกี้มันก็เข้าอยู่นี่ ก็เลยให้นำไปให้ช่างเช็คอาการอีกที พี่เค้าเดินกลับมาบอกว่าต้องถอดฟิล์มหน้าจอออกเพราะต้องแกะจอดูข้างในอาจจะต้องใช้เวลาประมาณชั่วโมงนึง รอไหวไหม ไอเราก็โอเคเช็คไปเลย ถ้าพังก็น่าจะได้เปลี่ยน พี่เค้าก็บอกเงื่อนไขบริการว่าถ้าตรวจเจอความชื้น ถ้าจะซ่อมต้องเสียเงินเพราะมันอยู่นอกเงื่อนไขบริการประกัน เราก็พยักหน้าเข้าใจ ไม่ได้เอะใจไรทั้งนั้นว่ามันเจอ เพราะเครื่องเราก็เพิ่งซื้อไม่กี่เดือน ไม่เคยตกพื้น ตกน้ำ หรือเปียกน้ำอะไรเลย เราก็ไปเดินเล่นรอเวลาพี่เค้านัดอีกที
จนถึงเวลานัดตอนเย็นๆ เรากลับมาดูอาการเครื่อง พี่พนักงานนำรูปถ่ายให้เราดูว่าตรวจเจอความชื้นบนเมนบอร์ด ต้องเปลี่ยนเมนบอร์ด ใจตอนนั้นตกไปอยู่ตาตุ่มแล้ว ความชื้นอะไร มีได้ยังไง เข้าไปได้ยังไง แต่ก็ไม่กล้าถามเป็นเจ้าหนูจำไม เลยถามแค่ว่าต้องเปลี่ยนกี่บาทคะ พี่เค้าก็ไปถามช่างให้ประเมินราคามา
ผลปรากฏว่า
ราคาเปลี่ยนเมนบอร์ดประมาณ4500 วินาทีนั้นทั้งใจทั้งสติสตังกระเจิงไปหมด ซ่อม 4500 คุณพระ!!! ลมแทบจับ น้ำตาจะร่วง จุกอกไปหมด จะเอาเงินที่ไหนมาซ่อม เป็นแค่นักศึกษาพ่อแม่ให้เงินรายวัน แล้วจะเอาโทรศัพท์ไหนใช้ จะเอาอะไรติดต่อ จะเอาอะไรหางาน ใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวสุด พี่พนักงานถามไรก็ก็ไม่ค่อยได้ยิน ปฏิเสธอย่างเดียวว่าขอคิดดูก่อนค่ะแค่นั้น เดินออกมาจากศูนย์แบบงงๆ เดินทบทวนตัวเองในห้างว่าไปทำตกน้ำตอนไหนไม่รู้ตัวหรือเปล่า ไปทำยังไงให้โดนน้ำหรือเปล่า เหงื่อตอนคุยโทรศัพท์หรอ ไม่น่าจะใช่เพราะก็เสียบหูฟังแทบทุกครั้ง หรือตอนจับโทรศัพท์เพราะเราเป็นคนมือเปียกง่าย หรือตอนเอาเข้าห้องน้ำ หรือตอนไหน พยายามหาสาเหตุสุดๆจะได้โทษตัวเองถูกเรื่อง ในหัวตีกันไปหมดว่าจะทำยังไงดีกับราคาซ่อมที่สูงขนาดนั้น ก็เข้าใจว่าอะไหล่อาจจะแพง คิดจนไม่ไหวต้องโทรปรึกษาเพื่อนว่าทำไงดี น้ำตาก็จะไหล ทั้งโทรคุยทั้งแชท แพงขนาดนั้นไม่ไหวหรอก ไม่กล้าบอกที่บ้านเพราะกลัวท่านจะดุ เลยตัดสินใจลองถามร้านซ่อมโทรศัพท์ในละแวกใกล้ๆเผื่อว่าราคาซ่อมจะถูกลงพอที่จะสู้ไหวให้ได้ใช้งาน บอกที่ร้านว่ามีอาการแบบนี้ๆ ราคาซ่อมประมาณไหน ที่ร้านก็บอกว่าหลักพันต้นๆ แต่มันก็เสี่ยงหน้าจอพังเพราะว่าต้องแงะหน้าจอออก เอาล่ะงานงอกเพิ่มแน่ๆ ถูกลงแต่ความเสี่ยงก็เพิ่มอีก ไม่รู้จะทำยังไงก็เลยนั่งรถกลับบ้าน ทบทวนตัวเองบนรถว่าทำไงให้กลายเป็นแบบนี้ เราถามศูนย์บริการอีกรอบดีไหมว่ามีทางแก้อื่นอีกไหมเพราะเราก็มั่นใจว่าไม่เคยทำตกน้ำ ถ้ามันจะเกิดปัญหาเพราะมือเปียก เพราะเหงื่อ มันก็เป็นสิ่งที่เราควบคุมไม่ได้ จนมาถึงบ้าน รีบแชทหาศูนย์บริการอีกรอบเผื่อจะช่วยได้ พนักงานที่ตอบก็ตอบว่าจะพยายามเสนอเรื่องให้ รอทางศูนย์ติดต่อกลับ เราก็รอ เผื่อทางศูนย์ติดต่อกลับมาเสนอวิธีแก้ปัญหาทางอื่นนอกจากส่งซ่อมเพราะเราไม่ไหวจริงๆ
เราค่อนข้างมั่นใจในระดับหนึ่งว่าไม่เคยทำให้ช่องเสียบสายชาร์จเปียกน้ำ เคยเอาเข้าห้องน้ำจริง แต่เราก็ไปเช็คดูแล้วว่าจุดที่เราวางโทรศัพท์นั้นอยู่ในจุดที่เป็นพื้นแห้งสนิทไม่มีน้ำขังหรือแม้กระทั่งเราไม่เคยหยิบจับตอนมือเปียกในห้องน้ำ สงสัยไปหมด จึงทักไปหาศูนย์บริการอีกครั้ง สิ่งที่ได้กลับมาคือพนักงานบอกว่า ถ้าทางช่างเช็คว่ามีความชื้นก็ต้องเป็นตามนั้น เค้าไม่สามารถแนะนำอะไรได้ ยอมรับเลยว่าวินาทีนั้นหัวร้อนมากๆ ไม่ใช่ว่าเราไม่เข้าใจว่ามันอยู่นอกเงื่อนไขการให้บริการประกันที่มี แต่เราอยากได้แนวทางแก้ไขอื่นที่น่าจะมีให้เพราะยังไงตัวเครื่องก็ยังอยู่ในประกัน น่าจะทำอะไรได้บ้าง เครื่องมีปัญหาแค่เรื่องชาร์จไม่เข้าอย่างเดียว ต้องเปลี่ยนทั้งหมดในราคาที่สูงขนาดนี้มันจะคุ้มไหม มันเหมือนกับเราซื้อโทรศัพท์เครื่องใหม่ เพราะรุ่นนี้ในปัจจุบันราคาก็ตกมาอยู่หลักพันแล้วจากที่เราซื้อมาหลักหมื่น ซ่อมมาแล้วจะใช้ได้นานแค่ไหน ช่วงแรกๆก็คงไม่เกิดปัญหา หลังจากนั้นถ้ามีปัญหาตอนหมดประกันเราก็ต้องเสียเงินซ่อมอีก
เครื่องก็ยังมีประกันอยู่อีกนาน เป็นแบบนี้ก็เท่ากับว่าประกันไม่มีความหมายอะไรเลย ก็คงเฟลแปลกๆ ที่สุดท้ายโทรศัพท์ก็กลายเป็นที่ทับกระดาษวางไว้เฉยๆ (ซื้อมายังไม่ถึง6เดือนเลยโว๊ยยยยยยยย)
ความชื้นที่ตรวจพบเราก็ไม่รู้ว่ามาจากสาเหตุไหนกันแน่ อาจจะเหงื่อหรือมือที่เปียก (มันซึมเข้าง่ายขนาดนั้นเลยหรือ) ถ้าสาเหตุมาจากสองสิ่งนี้ คงแก้ปัญหาทางอื่นไม่ได้แล้วสินะคะนอกจากเปลี่ยนเมนบอร์ด แล้วก็คงต้องยอมรับไปว่าแพงขนาดนี้ก็ไม่สู้เด้อค่า สู้ไม่ไหว ค่าซ่อมแพงว่าเงินทั้งเดือนที่ได้รับอีก555555555
***เราได้อ่านปัญหาที่เกิดคล้ายๆกันในกระทู้พันทิปมาบ้าง ก็เกิดความสงสัยว่าแท้จริงแล้วมันพังที่เราหรือเพราะผลิตภัณฑ์รุ่นใหม่ความทนทานต่ำกันแน่ทำไมปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นกับหลายคน เราใช้โทรศัพท์ยี่ห้อนี้มาก็หลายเครื่อง ไม่เคยเกิดปัญหาใหญ่ขนาดนี้มาก่อนทั้งๆที่ตัวเราก็เหมือนเดิม ทั้งเหงื่อทั้งมือเปียกทั้งเอาเข้าห้องน้ำ แต่เครื่องก่อนหน้าก็ไม่เกิดปัญหาทำนองนี้เลย เป็นครั้งแรกที่เอาเข้าศูนย์แล้วกลับออกมาด้วยสติล่องลอยขนาดนี้
สงสัยจะถึงคราวซวยจริงๆ เห้อ