เขียนครั้งแรกนะคะ ผิดอะไรก็ขออภัย อยากให้ลองไปดู

วันเดียวเที่ยวใกล้กรุง เกาะสีชัง 07-01-2018

จริงๆเป็นทริปที่ปุบปับมาก ไลน์ชวนเพื่อนตอนมึดพรุ่งนี้ไปไหนดี เพื่อนตอบมาว่าสีชังไหม
ไป...

เราขับรถไปเองออกจากกทม.ก็ 9.00 (พอดีตื่นสาย) ขับไปขับไป ฝนตกอีก ใช้ถนนกรุงเทพมอเตอร์เวย์สายใหม่ (หมายเลข 7)
แวะจุดพักรถ เติมน้ำมันรถ น้ำมันคน เต็มถังก็ไปต่อ

ไปถึงศรีราชา 11.00 โดยประมาน ไปจอดรถแถวบ้านญาติ
จอดที่วัดราษฎร์นิยมธรรม(จอดรถได้ถึง20.30น.) ค่าจอดรถ 20 บาท แวะคุยกับป้านิดหน่อย

11.30 โบกตุ๊กๆ ไปท่าเรือจริทร์ ซิ่งมากมาย ค่าตุ๊กๆ 60 บาท นั่งรถแค่ประมาน 5 นาที ส่งถึงที่ค่ะ ลงรถซื้อตั๋ว


12.00 เรือออกจากท่า ค่าเรือโดยสารคนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินเรือประมาน 40-50 นาที เรือออกจากท่าทุกชม.ค่ะ ถ้าเต็มเร็วจะออกก่อนเวลา

12.40 ถึงจุดหมายปลายทาง



เช่ามอเตอร์ไซค์ ขับเล่น 250 ต่อวัน มีแผนที่เกาะให้ มีรถสามล้อบริการด้วยนะคะ สำหรับคนที่มาเป็นครอบครัว แต่ราคาจำไม่ได้ น่าจะเท่าๆกัน
ได้เวลาแว๊น คนเช่ารถแนะนำให้วนขวาก่อน วนไปค่ะ ยังไม่ได้กินข้าวเช้า หิวก็หิวแต่ กะว่าเจออะไรข้างทางค่อยแวะกิน
เราไม่ได้แวะทุกที่นะคะ พอดีเวลาน้อยไปหน่อย


ท่าเทียบเรือสินค้าเรือหาปลา

1.ที่แรกศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่
ต้องเดินขึ้นบันได ตรงนี้ใช้เวลาค่อนข้างนาน เหนื่อยมาก บันไดมังกรทองเค้าว่าประมาณ 200 เมตร ไกลมากเหมือน 1 กิโลเมตร วันนั้นแดดร้อนแรงมากด้วย เช้าฝนตกบ่ายแดดออก ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ เจ้าพ่อเห้งเจีย จะอยู่ภายในถ้ำบนเขา



ภาพมุมสูงจากด้านบนศาล


คราวนี้เดินลงค่ะ T_T รูปขั้นบันไดหายขออภัยค่ะ

เรียบร้อยหิวมากว่าจะไปหาอะไรกินกัน
ขับวนขวาไปเรื่อยๆ ก็มีร้านอาหารตามสั่งทั่วไป
มีตลอดทางนะคะ แต่ไม่อยากกิน
ขับไปเรื่อย จนถึงที่ที่ 2

2.ช่องเขาขาด


ช่องเขาขาด เป็นจุดชมวิวทะเลที่สวยมากเลยที่เดียว


ท่าไม่ติดว่ามีขยะลอยอยู่บนผิวน้ำจะดีมาก




ออกจากช่องเขาขาด ขับวนขวาไปต่อจนถึง

3.หาดถ้ำพัง น้ำใสดีค่ะ มีนักท่องเที่ยวเล่นน้ำไม่มาก
คือเราไม่ได้ถ่ายรูปที่หาดเลยอ่ะ เพราะเราหิวมากบวกกับเพลียจากแดดที่ร้อนมากไปถึงปุ๊บนั่งเตียงผ้าใบปั๊บ ที่นี่จะมีเตียงผ้าใบบริการ จากที่สอบถามคนขายบอกว่าถ้านั่งเฉยๆคิดตัวละ 20 บาท ถ้าสั่งอาหารทานไม่คิด ร้านที่เรานั่งจะเป็นเก้าอี้โซนที่ 2 มาแล้วก็ต้องลองรสชาติกันหน่อย สั่งไปเบาๆ 4 รายการ


ข้าวผัดจานนี้ทานได้ 2 คน




อาหารรสชาติใช้ได้นะคะ ราคาก็ไม่แพง
ต้มยำทะเล
ข้าวผัดทะเล
ส้มตำ
ปลาหมึกทอดกะเทียม
ข้าวเปล่า 1
เบียร 2 ขวด
น้ำแข็ง1กระติก
รวมแล้ว 575 บาท

กินอื่มนั่งพักหายเหนื่อย ไปต่อค่ะ ออกจากทางเข้าหาด
เลี้ยวขวาไปนิดเดียวถึง

4.สะพานอัษฎางค์
เรามาถึงที่นี่ตอนประมาน 16.00น. อากาศกำลังดี ไม่ร้อนแล้ว น้ำใสดี ติดตรงมีขยะอีกแล้ว เฮ้อ




บริเวณรอบๆ มีต้นไม้ สนามหญ้าร่มรื่นดีค่ะ




มีผู้คนมานั่งเล่น ดูแล้วจะเป็นคนในพื้นที่เยอะกว่านักท่องเที่ยวอีกค่ะ

16.45น. กลับค่ะ รีบแว๊นมอเอตร์ไซด์ ไปท่าเรือ
....แล้วก็ตกเรือเรียบร้อย
เรือรอบ 17.00น. ออกก่อนเวลาเพราะว่าเรือเต็ม เลยไปก่อน เรากับเพื่อนจึงตัดสินใจ ขับรถกลับไปที่ช่องเขาขาดอีกครั้ง
ไหนๆก็ไม่ทัน มีเวลาดีกว่านั่งรอเฉยๆ
คราวนี้เดินไกลเลยค่ะ เลยได้รูปพระอาทิตย์ตกดินมาจากการตกเรือ ถ้าเรือไม่ออกก่อนเวลา คงไม่ได้รูปแบบนี้





17.30 น.รีบเดินกลับ ไปที่รถ เพื่อจะแว๊นกลับไปท่าเรือ เดี๋ยวตกเรืออีก


ตอนเดินมาไม่เท่าไหร่ ตอนกลับนี่สิ เดินขึ้นมันจะเหนื่อยๆหน่อย
บอกตรงๆนะคะเหนื่อยมาก คงเป็นเพราะเราอ้วน
ไม่ใช่ค่ะ เพราะเราไม่ค่อยได้ออกกำลังกาย
และถ้าใครจะมาเที่ยวแบบนี้แนะนำใส่รองเท้าหุ้มส้นด้วยค่ะ
จะสะดวกกว่า

17.40น. ถึงท่าเรือ เรือเต็ม ออกไปก่อนอีกแล้ว
แต่โล่งใจเขาบอกว่ารอ 18.00 น.
มีเรือเสริมวันนี้คนเยอะ จริงๆเรือออกทุกชม.นะคะ ถึง20.00น.
แต่ว่าเราไม่อยากกลับมึด
เรือมาแล้ว


18.00 เรือออกจากท่า กลับสู่ท่าเรือจริทร์ ใช้เวลาประมาณ 40 นาทีเท่าเดิมค่ะ


รูประหว่างนั่งเรือกลับ
มีแค่นี้แหละค่ะ เพลียหมดแรงถ่ายรูปแล้ว
ถึงท่าเรือ นั่งตุ๊กๆต่อเหมือนเดิม ค่ะ 60 บาท
ไปวัดราษฎร์นิยมธรรมที่เราจอดรถไว้
มีคนบอกว่าถ้านั่งวินมอเตอร์ไซด์ แค่คนละ 20 บาทค่ะ
แต่เราไม่อยากนั่งแยกจากเพื่อนไปด้วนกันดีกว่าอุ่นใจ

แวะลาป้า แป๊บนึง 18.30 น. ขับรถออกจากศรีราชา ไปส่งเพื่อนที่รังสิต ถึงเวลา 21.00 ใช้เวลาเดินทางนานกว่าปกติ เพราะวันอาทิตย์ รถค่อนข้างเยอะ

ค่าใช้จ่าย 2 คน ไม่รวมค่าอาหาร
ค่าน้ำมันรถ ไป-กลับ ไม่ถึง500 ตีว่า 500-
ค่าตุ๊กๆไป-กลับ (ท่าเรือ-ที่จอดรถ) 120-
ค่าเรือไป-กลับ(เที่ยวละ 50/คน) 200-
ค่าที่จอดรถที่วัด 20-
รวม 840 บาท