สวัสดีครับสมาชิกชาว Pantip`
IG : SAMERPARK
ย่างเข้าสู่เดือน มิ.ย. อากาศบ้านเราก็เริ่มครึ้มแดดครึ้มฝนกันตามฤดูกาล ประกอบกับปลายเดือนมีการสอบประมวลด้วย !! (อุต๊ะ) แต่ยังไม่วายที่จะริเริ่มอ่านหนังสือ อีกทั้งยังเห็นว่าต้นเดือนอยู่ เลยขอแอบไปเที่ยวสักหน่อยละกัน ก่อนจะกลับมาเริ่มต้นเป็นหนอนหนังสือ อีกทั้งไม่มีการวางแผนล่วงหน้ามาก่อนด้วย(ปกติก็ไม่ค่อยจะวางแผนอยู่แล้วปะ) จึงไม่อยากไปส่ายไหนไกลนัก ขออยู่ใกล้ๆกรุงเทพล่ะกัน เดินทางง่ายๆ สบายๆ เลยเริ่มหาข้อมูลไปเรื่อย จากหัวหินจนถึงพัทยา จนมาเอะใจที่แห่งนี้ " สีชัง ไอซ์แลนด์ " นั้นเอง ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางไม่นาน ไปมาสะดวก และไม่ได้ไปมานานแล้ว จึงตัดสินใจปักมุด เอาที่นี้แหละ ไปนอนเล่นสักคืน สบายใจ ระหว่างนั้นก็เริ่มอ่านข้อมูลท่องเที่ยวในเกาะตามกระทู้ต่างๆ เก็บข้อมูลไปเรื่อย ข่มตาหลับ หลับตานอน รอวันไปเที่ยว ^^
และแล้วก็ถึงวันเดินทางในที่สุด .. เป็นเช้า(10.00 น.)วันเสาร์ที่ 6 มิถุนายน ที่มีเมฆครึ้มมาแต่ไกล แต่ก็ไม่มีอะไรมาหยุดยั้งการเดินทางครั้งนี้ได้ ใส่รองเท้าคว้ากระเป๋าแบกกล้องเก่าๆ(Canon 550D)ขึ้นรถ มุ่งสู่ศรีราชา โดยใช้เส้นทางหลวงพิเศษหมายเลข 7 กรุงเทพ-พัทยา แวะจุดพักรถ ซื้อเบอร์เกอร์คิง กับกาแฟสตาร์บัคเป็นมื้อแรกของวัน แก้หิว ขับเรื่อยๆเปื่อยๆ จนมาถึงศรีราชาในที่สุด จากนั้นก็วนหาที่จอดรถค้างคืน(ไม่อยากไปจอดรถทิ้งไว้ที่เกาะลอย) ตามลายแทงที่หาไว้
http://www.pattayaconcierge.com/th/koh-sichang-information/ko-sichang-transportation.php ค่าบริการก็ไม่ได้แพงมากนัก ชั่วคราว 70.- ค้างคืน 150.- แลกกับความสบายใจ หลังจากหาที่จอดรถเป็นหลักเป็นแหล่งได้แล้ว ก็นั่งรถตุ๊กตุ๊กไปท่าเรือบนเกาะลอย ค่าบริการ 50.- (ที่จอดรถ-ท่าเรือเกาะลอย) เมื่อมาถึงท่าเรือ เรือโดยสารไปเกาะสีชังรอบนั้น(13.00 น.)กำลังจะออก อีกทั้งเห็นว่าเรือเต็มแล้ว จึงไม่อยากไปนั่งเบียด รอรอบต่อไปดีกว่า (ตารางรอบเรือ ศรีราชา-เกาะสีชัง 6.00 - 20.00 น. และ เกาะสีชัง-ศรีราชา 6.00 - 19.00 น. เรือโดยสารจะออกทุกๆ 1 ชั่วโมง ค่าโดยสารก็คนล่ะ 50.- ) จึงไปนั่งเล่น นอนเล่น รอเรือที่จุดพักผู้โดยสาร และก็ไม่ลืมที่จะถ่ายจุด Landmark ของท่าเรือ ก่อนขึ้นเรือ
จากนั้นไม่นานเรือรอบต่อไป(14.00 น.)ก็มาถึงและออกเดินทางกันในที่สุด โดยใช้เวลาเดินทางประมาณไม่เกิน 45 นาที ระหว่างนั้นก็หลับๆตื่นๆไปเรื่อย แต่ก็ไม่ลืมที่จะถ่ายรูประหว่างทางมาฝาก
ซึมซับไอทะเลและเพลิดเพลินกับเรือบรรทุกสินค้ามากมายมาสักพักเราก็เริ่มเห็นเกาะสีชังแล้ววว ^^
ไม่นานประมาณเกือบๆบ่ายสามโมง เราก็มาถึงท่าเรือบนเกาะสีชังที่คับคั่งไปด้วยผู้คนและเหล่าผู้ที่จะมาให้บริการนำเที่ยวของเรา การเดินทางภายในเกาะหลักๆมีตั้งแต่เช่ามอเตอร์ไซต์ , สกายแลป, และรถสองแถว อยู่ที่เราจะเลือกใช้บริการแบบไหน โดยส่วนตัวผมนั้นจองโรงแรมไว้ก่อนล่วงหน้าแล้ว จึงมีรถสองแถวจากโรงแรมมารับที่ท่าเรือไปยังตัวโรงแรม สักพักไม่ถึง 5 นาทีเราก็มาถึงตัวโรงแรม โรงแรมที่ไปพักนั้นชื่อว่า " สีชัง รีสอร์ท "
http://www.kohsichangresort.com/ เป็นโรงแรมเล็กๆตึก 2 ชั้นไม่ใหญ่มากอยู่ทางตอนเหนือของเกาะ ตรงข้ามกับจุดชมวิว สะพานวชิราวุธ ความคิดเห็นส่วนตัวผมถือว่าเป็นโรงแรมที่น่าสนใจเลยที่เดียว ทั้งราคาที่ไม่แพงมาก(ห้องที่ผมพักอยู่ชั้น 2 ราคา 1200.- /คืน ถ้าเลือกพักชั้น 1 ราคา 1000.- /คืน) ใกล้กับแหล่งท่องเที่ยวและชุมชน บรรยากาศในห้องพักเหมาะสมกับราคา จึงอยากแนะนำให้ผู้ที่จะเดินทางไปเที่ยวเกาะสีชังไปลองพักกัน อีกทั้งยังมีกาแฟฟรีบริการตลอด และมีข้าวต้มปลาให้ทานตอนเช้าด้วย(ตอนที่ผมไปมีบริษัทมาจัดอบรม สันทนาการที่ตัวโรงแรมด้วย) เมื่อมาถึงโรงแรมก็เอาสัมภาระกระเป๋าเสื้อผ้าเก็บเข้าห้อง ล้างหน้าล้างตา เตรียมออกไปแว๊นสำรวจเกาะกัน โดยได้เช่ามอเตอร์ไซต์กับทางโรงแรมไว้ ค่าบริการ 300.- (ผมได้ สกูปปี้ไอ สีชมพูเป็นพาหนะในการเที่ยวชมเกาะในครั้งนี้ ขัดกับหน้าตาสุดๆ โดยคืนกุญแจตอนเช็คเอาท์) อีกทั้งเป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้วผมจึงเลือกที่จะไปแค่ที่เดียวพอสำหรับวันนี้ และจัดว่าเป็นสถานที่หนึ่งใน Landmark สำคัญของผู้คนที่แวะเวียนมาเที่ยวเกาะสีชังแห่งนี้ นั้นก็คือ " พระจุฑาธุชราชฐาน " ที่อยู่ทางตอนใต้ของเกาะ แว๊นมาสักพักก็ถึงที่หมาย มีจุดจอดรถเตรียมให้พร้อม (ขับมอเตอร์ไซต์บนเกาะได้ชื่นชมบ้านเมืองบนเกาะเขาจริงๆบอกเลย) จอดรถเสร็จก็ไปเดินเล่นพระราชฐานกัน แผนที่
http://phrachudadhuj.com/map.htm และเนื่องจากเป็นวันเสาร์ผู้คนจึงดูพลุกพล่านพอตัว ^^
" พระจุฑาธุชราชฐาน "
ทางเดินริมทะเลระหว่างทางไปสะพานอัษฎางค์
" สะพานอัษฎางค์ "ที่พลุกพล่านไปด้วยผู้คน
พักกินกาแฟสู้แดด ที่ " เรือนไม้ริมทะเล "
พักหลบแดด " เรือนวัฒนา "
เดินลัดเลาะไปยัง " เรือนผ่องศรี "
" เรือนอภิรมณ์ " ห่างออกไปอีกนิดหน่อยจากเรือนผ่องศรี
เดินขึ้นไปไหว้พระที่ " วัดอัษฎางคนิมิตร
" ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว "
หลังจากเพลิดเพลินเดินชื่นชมพื้นที่โดยรอบของพระราชฐานอย่างเปรมปรีแล้ว ประกอบกับเริ่มเข้าสู้ช่วงเย็นและทั้งวันที่กินไปแค่แฮมเบอร์เกอร์อันเดียว ท้องไส้เจ้ากรรมเริ่มงอแงหิวขึ้นมาทันที จึงรีบเดินลงมาแวะสักการะบูชาพลับเพลา ร.5 และเดินตรงไปยังจักรยานยนต์คู่ใจเพื่อมุ่งไปหาของกินอย่างรวดเร็ว(กะรีบกินรีบกลับไปที่พักดูบอลซีแกมส์ ไทย-บรูไน อิอิ ^^) แว๊นรถออกมาหน่อยก็เจอร้านอาหารข้างทางแลดูคนคึกคักดี เลยแวะลิ้มลองรสชาติอาหารสักหน่อย ร้านมีชื่อว่า ป้าหน่อย ซีฟู๊ด โดยส่วนตัวถือว่าวัตถุดิบมีความสดใหม่ ราคาย่อมเยาว์ โดยรวมถือว่าโอเครเลย หลังจากกินอิ่มฟ้าก็เริ่มมืดแล้ว จึงคว้าจักรยานยนต์คู่ใจแว๊นไปแถวถนนเส้นท่าเรือไปซื้อขนม น้ำสี กักตุนไว้กินตอนดูบอลในโรงแรม (บนเกาะมีเซเว่นเดียวนะ อยู่บนเส้นถนนแถวๆท่าเรือนั้นแระ เกาะนี้ไม่น่าหลงนะ 555+) เมื่อจัดหาสเบียงเรียบร้อยก็แว๊นกลับที่พักทันที อาบน้ำอาบท่า ดูบอลซีเกมส์ปรากฏว่า ไทยชนะบรูไน เบาๆ 5-0 หลังจากนั้นออกมานั่งจิบเบียร์ ดูแก๊งที่มาสันทนาการกันร้องเพลงตรงที่นั่งหน้าห้องสักพัก แล้วจึงเข้าห้องนอน zzZZ
นาฬิกาปลุกดังพร้อมแดดยามเช้าวันอาทิตย์ที่สดใส .... จึงลุกมาอาบน้ำ แต่งตัว ลงไปทานอาหารมื้อเช้าที่ทางโรงแรมจัดไว้ให้ นั้นก็คือ ข้าวต้มปลากระพง อร่อยใช้ได้เลยแหละ กินอิ่มก็ถึงเวลาไปตระเวนเที่ยวต่อ โดยเริ่มจากเขาช่องขาดที่อยู่แค่ตรงข้ามของโรงแรม เป็นสถานที่ที่นิยมมาดูพระอาทิตย์ตกดินยามเย็นของที่นี้(เมื่อวานก็ไม่แวะมาดูนะเรา อยากดูบอลมากกว่า อิอิ ^^) และมีสะพานวชิราวุธเป็นทางเดินไปสู่แหลมมหาวชิราวุธ
" สะพานวชิราวุธ "
มุมมหาชน กับ " จุดชมวิวช่องเขาขาด "
หลังจากเดินเปื่อย ย่อยอาหารที่ช่องเขาขาดอยู่สักพักนึงก็ถึงเวลาคว้าจักรยานยนต์คู้ใจแว๊นสำรวจเกาะกันต่อไป โดยมีเป้าหมายลงไปทางใต้สุดของเกาะ หรือที่เรียกกันว่า " ท้ายเกาะ " ซึ่งเป็นสถานที่ที่นิยมไปตกปลาของผู้คน ระหว่างทางที่กำลังแว๊นลงใต้ก็ได้แวะขึ้นไปไหว้พระเหลืองและเดินดูถ้ำจักรพงษ์ ซึ่งเป็นทางผ่านพอดี
" พระเหลือง " และ " ถ้ำจักรพงษ์ "
แวะไหว้พระเสร็จก็แว๊นลงใต้ต่อทันที่ บรื้นๆ จนถึงชายหาดถ้ำเขาพัง ซึ่งเป็นชายหาดเดียวบนเกาะสีชังแห่งนี้ที่สามารถเล่นน้ำได้ และเป็นสถานที่พักผ่อนย่อนใจของผู้คนที่แวะเวียนมา^^
" หาดถ้ำเขาพัง "
เตร็ดเตร่แวะทานน้ำ ไอติม อยู่สักพักก็ถึงเวลาแว๊นไปท้ายเกาะกันต่อ ซึ่งใช้เวลาไม่นานจากหาดถ้ำเขาพัง ลัดเลาะลงใต้ ผ่าน โรงแรม ปารีฮัท (ไม่ได้แวะเข้าไป เพราะเคยมาถ่ายงานแล้ว) แว๊นผ่านทุ่งที่มีแต่หินและเป็นสถานที่สุดฮิตบนเกาะที่หนุ่มสาวชอบมาถ่ายพรีเวดดิ้งกัน จนถึงแหลมงู ซึ่งเป็นอีกสถานที่นึงทางตอนใต้ของเกาะที่เป็นที่ชื่นชอบของนักตกปลา ซึ่งเป็นที่โล่งๆไม่มีอารายน่าสนใจจนกระทั่งเห็นเรือเก่าจอดพุพังอยู่ ^^
" แหลมงู "
[CR] >> เที่ยวสบายๆไปกับโปโป้ไกด์ << l ตอน l >> " 2 วัน 1 คืน กับมุมมหาชนบน เกาะสีชัง " <<
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น