หลังจากที่ออกลุยฉายเดี่ยวมาหลายทริป แม่ผมก็เริ่มบ่นอยากไปเที่ยวด้วย แม่ผมอยากไปเกาะสีชังมานานแล้วและมันก็เป็นเกาะที่ผมยังไม่เคยไป งั้นก็คงได้เวลาแล้วแหละครับที่ผมจะต้องมีทริปลุยสีชังสักครั้ง ซึ่งมันจะเป็นยังไง เดี๋ยวผมโม้ให้ฟังเหมือนเดิมครับ
14 กุมภาฯ วันปล่อยบิสมาร์คลงน้ำ... เอ้ย วันวาเลนไทน์ตังหากล่ะ ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 ขับรถ ใช่ครับ ทริปนี้เอาแม่มาด้วยต้องขับรถแหละ จะให้แม่ซ้อนเจ้า R15 MUSTAG ก็กะไรอยู่นะ 555 ขับรถไปเรื่อย ๆ ตามทางด่วนหมายเลข 7 จนมาถึงจุดพักรถแถว ๆ บางประกง หามื้อเช้าก่อนเลย
มาถึงตอนร้านเขากำลังเปิดพอดี อร่อยใช้ได้ไม่ต้องปรุงเลย
จัดกาแฟด้วยเดี๋ยวจะง่วงซะก่อน
ขับไปขับมา ปรากฎว่าหลงครับ กูเกิลแม็พมันพาเลยมาเกือบ ๆ ถึงพัทยา ไม่เป็นไร ถือซะว่าแวะมาถ่ายรูปเล่น
ทริปนี้เราจะไปพักที่โนโวเทล สีชัง พวกเราก็เลยมาฝากรถที่โนโวเทล ศรีราชา และให้พนักงานช่วยเรียกตุ๊ก ๆ ให้ไปส่งที่ท่าเรือเกาะลอย ทางโรงแรมมีเรือสปีดโบ็ทก็จริง แต่เรือมี 2 เวลาคือ 11 โมงกับบ่าย 2 ซึ่งตอนนี้แค่ 9 โมงเอง ข้ามไปด้วยเรือข้ามฟากเกาะลอยดีกว่า เรือออกทุก ๆ 1 ชั่วโมง และระหว่างรอตุ๊ก ๆ ผมก็ออกมากดรูปซะหน่อย
มาดูรูปฟิลมกันหน่อย เห็นสะพานปลาศรีราชากับเกาะลอยอยู่ข้าง ๆ ทริปนี้ผมเอากล้องมา 2 ตัว 1300D เป็นกล้องหลักและ 650 Film กับฟิล์ม Lomography 100 เป็นกล้องอาร์ท
และแล้วตุ๊ก ๆ ก็มา วิ่งจากโรงแรมมาถึงเกาะลอย ยังเหลืออีก 40 นาทีก่อนเรือออก ผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อย
มองเห็นแหลมฉบังอยู่ไกล ๆ เห็นรถบรรทุกโหลดตู้คอนเทนเนอร์ออกจากเรือเรื่อย ๆ
หันมาทางฝั่งศรีราชา วันนี้ฝุ่น PM2.5 หนามาก ลมก็ค่อนข้างนิ่ง มองไปทางไหนก็มัว
เรือออกแล้ว เย่~ ระหว่างรอเรือออกก็มีรถขนของมาโหลดใส่เรือเรื่อย ๆ เพราะเรือข้ามฟากเป็นเส้นทางลำเลียงเส้นทางเดียวที่จะขนสิ่งของจากฝั่งข้ามไปเกาะได้ มี FLASH มาส่งพัสดุลงเรือด้วย
ระหว่างทางเราก็ต้องผ่านแนวเรือบรรทุกสินค้ากับเรือน้ำมันที่จอดทอดสมออยู่
ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ใกล้เข้ามาแล้ว ลำบักเอ้กเลย
ฝั่งแหลมฉบัง ขาวโพลนเลย ฝุ่นเยอะจัด ลมก็นิ่ง
แล้วเราก็ผ่านเรือขากลับจากเกาะ
HELLOOOOOOOO เดี๋ยวขากลับก็คงได้นั่งลำนี้แหละ
เห็นเกาะแล้ว เย่~ เมื่อกี้เจอปลาบินด้วยครับ เขาตัวประมาณนิ้วก้อยผม ว่ายพุ่งขึ้นจากน้ำร่อนระยะสั้น ๆ หนีคลื่นเรือ ครั้งแรกเลยนะที่ผมได้เห็นปลาพันธุ์นี้
เรือตกปลาแน่นอนลำนี้ ที่มั่นใจเพราะผมก็ตกปลาเหมือนกันครับ อยากลงเรือแบบนี้มานานแล้ว ยังไม่มีโอกาสสักที สมัยก่อนลงเรือตกปลาทีก็มีแต่ต้องไปไกล ๆ ใช้เวลา 1 คืนเป็นอย่างต่ำ แล้วก็ต้องช่วยกันเฉหมึกเพื่อทำเหยื่อด้วย (เฉหมึก ก็คล้าย ๆ กับการยกยอในคลองนั่นแหละครับ แค่เปลี่ยนจากปลาเป็นหมึกจากแสงไฟสีเขียวบนเรือที่ใช้ล่อ) แต่สมัยนี้ไปครึ่งวันก็ได้ แล้วแต่ว่าจะตกลงกับไต๋เรือยังไง เรือแนว ๆ นี้จะเน้นตกแบบไลทจิ๊กหรือไมโครจิ๊ก พอได้ตัวก็ให้ไต๋ทำให้กินบนเรือได้เลย ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นซาชิมิปลาไทย แต่ผมคงขอเป็นเมนูสุกดีกว่านะทะเลไทยไม่ได้สะอาดเท่าทะเลญี่ปุ่น หางเหลืองย่างเกลือสด ๆ บวกน้ำจิ้มซีฟู๊ดน่าจะแซ่บบบบ อีกอย่างที่ใช้สังเกตุเรือแนว ๆ นี้ก็คือเขามีห้องน้ำเป็นกิจลักษณะอยู่หลังเรือเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
ใกล้แล้ว ๆ
ถึงท่าแล้ว เย่~
พอมาถึงก็จัดการเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ท่าเรือทันที ค่าเช่า 300 บาทต่อ 24 ชม. ถ้าจะเช่าต่อก็จ่ายเพิ่ม 200 ทางบนเกาะไม่ใหญ่มากแต่ก็มีไฟส่องสว่างตลอดทาง บิดมาแป้บ ๆ ก็มาถึงที่พัก โนโวเทล สีชัง
เช็กอินบ่าย ก็เลยจะมาฝากกระเป๋าเสื้อผ้าก่อน แล้วก็บิดมอไซค์ออกเที่ยวต่อ ทริปนี้มีเวลา 2 วัน 1 คืน
ที่แรกที่แวะมาก็คือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ มองลงไปเห็นวิวเกาะสีชังฝั่งท่าเรือหลักทั้ง 3 ท่า
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย
เห็นแนวเรือบรรทุกแม่น้ำจอดยาวตลอดแนว เรือพวกนี้จะขนพวกของที่ไม่ต้องรีบเท่ากับที่ต้องขนทางรถ ล่องขึ้นทวนแม่น้ำไปถึงปทุมฯ หรือไม่ก็ปากน้ำโพ อาจจะเป็นเหล็กเส้น หรือไม่ก็ทราย
ที่ ๆ สองงของวันนี้ ช่องเขาขาด หรือช่องอิศริยาภรณ์
น้ำใสกิ๊กเลย
เท่าที่สังเกตดู ที่เที่ยวบนเกาะสีงชังส่วนใหญ่จะเป็นพวก Cliff หรือช่องเขาริมทะเล ผมก็เลยเลือกมามุมนี้ก่อน แล้วค่อยเลี้ยววนทั่วเกาะ
วิวสวยก็จริง แต่ผมค่อนข้างเฉย ๆ นะ ก็เลยไม่ได้กดรูปอะไรมาก พอออกมาก็จะเจอกับแจ็ก สแปโร่ยืนอยู่ ส่องหาเรือแบล็กเพิร์ลอยู่หรอกัปตัน
กองทัพต้องเดินด้วย... เท้า แต่เท้าก็ต้องรับพลังงานจากท้อง ฉนั้นเมื่อพวกเราบิดมอไซค์ผ่านร้านป้าหน่อย ก็ต้องแวะทันที ร้านนี้เป็นร้านที่ทางโรงแรมแนะนำมาด้วย
ระหว่างรออาหาร ผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อย นี่คือหอยกระโจงโดง ลวกจิ้มหรือย่างก็ได้ หรือจะแล่กินสดแบบซาชิมิก็ได้ ซึ่ง ผมขอสองอย่างแรกดีกว่านะ


อาหารมาแล้ว กินนนนน อาหย่อย~ ร้านนี้แนะนำเลยครับ เป็นร้านอาหารทะเลแบบบ้าน ๆ ง่าย ๆ แต่อร่อยจริงเพราะของสดมาก ที่น่าสนใจก็คือ ผมเคยไปเสม็ดกับเกาะล้านมาแล้ว อาหารทะเลไม่สดเท่านี้ น่าจะเป็นเพราะทั้งสองเกาะนั้นไม่มีสะพานปลาของตัวเอง เวลาเรือประมงต้องไปเทียบท่าที่สะพานปลาบนฝั่งแผ่นดินก่อนแล้วค่อยขนลงเรือข้ามมาเกาะอีกที ผิดกับเกาะสีชังที่เรือประมงเข้าเทียบท่าโดยตรง อาหารทะเลก็เลยสดมาก
จุดหมายต่อไปคือแหลมงู ที่สุดปลายทางทิศใต้ของเกาะสีชัง ทีแรกผมเลี้ยวผิดมาท่าเรือแหลมงู ไม่เป็นไร แวะถ่ายรูปเล่นแล้วเดี๋ยวไปต่อ
ก้มลงไปดูในน้ำ เม่นทะเลเต็มเลยครับ บ่งบอกว่าน้ำสะอาดดี เอาล่ะ ไปกันต่อดีกว่านะ
ถึงแล้วววว เย่~
ณ. เวลานี้ แดดร้อนตัวไหม้ได้เลยนะ แต่ผมยังคงใจเย็น บรรจงเล็งและกดชัตเตอร์ เทียบกับช่องเขาขาดแล้ว ผมชอบจุดนี้มากกว่า มันมีอะไรให้ถ่ายเยอะกว่า ตรงนั้นมันเป็นผืนน้ำโล่ง ๆ เหมาะกับดูพระอทิตย์ตกมากกว่า
มาดูรูปฟิล์มกันบ้าง
ข้อด้อยของเกาะสีชังคือหาดน้อย ลงเล่นน้ำลำบาก ส่วนมากจะเป็นผา หรือไม่ก็หาดกรวด แต่ที่มุมนี้ยังพอมีหาดทรายอยู่
ก็นะ วันนั้นวันวาเลนไทน์ 5555
หันมาดูม้าศึกของทริปนี้กันบ้าง นาน ๆ ครั้งได้ขับออโต้ก็เป็นรสชาติใหม่นะ ไม่ต้องกำคลัท ไม่ต้องกด 1 งัด 2-3-4-5-6 ติดอย่างเดียวคือ ลงเขาทีต้องขยำเบรกอย่างเดียวเลย ไปกันต่อดีกว่า ที่หมายต่อไป สะพานอัษฎางค์
ระหว่างทาง บรรยากาศข้างทางนี่นึกว่าอยู่แอริโซน่า
มันแห้ง มันแล้งก็จริง แต่มันก็ดูคลีน ๆ ไม่มีขยะ สวยดี
ถึงแล้ว~
เสียดายครับ ความจริงผมควรพุ่งมาที่นี่ก่อน เพราะที่พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุราชฐาน-สะพานอัษฎางค์มีครบเลยครับ ทั้งวิวทะเล ทั้งจุดชมวิวด้านบน มาตอนนี้บ่ายแก่ ๆ แล้ว ก็คงได้แค่สะพานอัษฎางค์นี่แหละ
เดินถ่ายรูปกันหน่อย
มุมเงียบ ๆ เหมาะกับผมดี
ลีลาวดี น่าจะตั้งแต่ที่นี่ถูกสร้างเพราะต้นใหญ่ม้ากมาก
เดี๋ยวเราไปหากาแฟกระแทกตายามบ่ายแล้วเข้าไปเช็กอินโรงแรมดีกว่านะ
บ่าย ๆ ร้อนตับแลบ ก็ต้องกาแฟส้ม สดชื่นนนนนนน
ไอติมก็อร่อย ร้านชื่อ 'ใบไม้บ้านกาแฟ@สีชัง' คาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีทั้งกาแฟ ขนม และอาหารเบา ๆ ท่านใดได้มา อย่าลืมแวะกันนะครับ
รับคีย์การ์ดแล้ว และนี่คือห้องของเรา ไหน ๆ ทริปก็นี้ไม่ใช่ทริปลุยขับมอไซค์ งั้นขอสบาย ๆ หน่อยละกัน
[CR] พาแม่ลุยสีชังวันวาเลนไทน
14 กุมภาฯ วันปล่อยบิสมาร์คลงน้ำ... เอ้ย วันวาเลนไทน์ตังหากล่ะ ออกจากบ้านตั้งแต่ตี 5 ขับรถ ใช่ครับ ทริปนี้เอาแม่มาด้วยต้องขับรถแหละ จะให้แม่ซ้อนเจ้า R15 MUSTAG ก็กะไรอยู่นะ 555 ขับรถไปเรื่อย ๆ ตามทางด่วนหมายเลข 7 จนมาถึงจุดพักรถแถว ๆ บางประกง หามื้อเช้าก่อนเลย
มาถึงตอนร้านเขากำลังเปิดพอดี อร่อยใช้ได้ไม่ต้องปรุงเลย
จัดกาแฟด้วยเดี๋ยวจะง่วงซะก่อน
ขับไปขับมา ปรากฎว่าหลงครับ กูเกิลแม็พมันพาเลยมาเกือบ ๆ ถึงพัทยา ไม่เป็นไร ถือซะว่าแวะมาถ่ายรูปเล่น
ทริปนี้เราจะไปพักที่โนโวเทล สีชัง พวกเราก็เลยมาฝากรถที่โนโวเทล ศรีราชา และให้พนักงานช่วยเรียกตุ๊ก ๆ ให้ไปส่งที่ท่าเรือเกาะลอย ทางโรงแรมมีเรือสปีดโบ็ทก็จริง แต่เรือมี 2 เวลาคือ 11 โมงกับบ่าย 2 ซึ่งตอนนี้แค่ 9 โมงเอง ข้ามไปด้วยเรือข้ามฟากเกาะลอยดีกว่า เรือออกทุก ๆ 1 ชั่วโมง และระหว่างรอตุ๊ก ๆ ผมก็ออกมากดรูปซะหน่อย
มาดูรูปฟิลมกันหน่อย เห็นสะพานปลาศรีราชากับเกาะลอยอยู่ข้าง ๆ ทริปนี้ผมเอากล้องมา 2 ตัว 1300D เป็นกล้องหลักและ 650 Film กับฟิล์ม Lomography 100 เป็นกล้องอาร์ท
และแล้วตุ๊ก ๆ ก็มา วิ่งจากโรงแรมมาถึงเกาะลอย ยังเหลืออีก 40 นาทีก่อนเรือออก ผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อย
มองเห็นแหลมฉบังอยู่ไกล ๆ เห็นรถบรรทุกโหลดตู้คอนเทนเนอร์ออกจากเรือเรื่อย ๆ
หันมาทางฝั่งศรีราชา วันนี้ฝุ่น PM2.5 หนามาก ลมก็ค่อนข้างนิ่ง มองไปทางไหนก็มัว
เรือออกแล้ว เย่~ ระหว่างรอเรือออกก็มีรถขนของมาโหลดใส่เรือเรื่อย ๆ เพราะเรือข้ามฟากเป็นเส้นทางลำเลียงเส้นทางเดียวที่จะขนสิ่งของจากฝั่งข้ามไปเกาะได้ มี FLASH มาส่งพัสดุลงเรือด้วย
ระหว่างทางเราก็ต้องผ่านแนวเรือบรรทุกสินค้ากับเรือน้ำมันที่จอดทอดสมออยู่
ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ใกล้เข้ามาแล้ว ลำบักเอ้กเลย
ฝั่งแหลมฉบัง ขาวโพลนเลย ฝุ่นเยอะจัด ลมก็นิ่ง
แล้วเราก็ผ่านเรือขากลับจากเกาะ
HELLOOOOOOOO เดี๋ยวขากลับก็คงได้นั่งลำนี้แหละ
เห็นเกาะแล้ว เย่~ เมื่อกี้เจอปลาบินด้วยครับ เขาตัวประมาณนิ้วก้อยผม ว่ายพุ่งขึ้นจากน้ำร่อนระยะสั้น ๆ หนีคลื่นเรือ ครั้งแรกเลยนะที่ผมได้เห็นปลาพันธุ์นี้
เรือตกปลาแน่นอนลำนี้ ที่มั่นใจเพราะผมก็ตกปลาเหมือนกันครับ อยากลงเรือแบบนี้มานานแล้ว ยังไม่มีโอกาสสักที สมัยก่อนลงเรือตกปลาทีก็มีแต่ต้องไปไกล ๆ ใช้เวลา 1 คืนเป็นอย่างต่ำ แล้วก็ต้องช่วยกันเฉหมึกเพื่อทำเหยื่อด้วย (เฉหมึก ก็คล้าย ๆ กับการยกยอในคลองนั่นแหละครับ แค่เปลี่ยนจากปลาเป็นหมึกจากแสงไฟสีเขียวบนเรือที่ใช้ล่อ) แต่สมัยนี้ไปครึ่งวันก็ได้ แล้วแต่ว่าจะตกลงกับไต๋เรือยังไง เรือแนว ๆ นี้จะเน้นตกแบบไลทจิ๊กหรือไมโครจิ๊ก พอได้ตัวก็ให้ไต๋ทำให้กินบนเรือได้เลย ส่วนใหญ่ก็หนีไม่พ้นซาชิมิปลาไทย แต่ผมคงขอเป็นเมนูสุกดีกว่านะทะเลไทยไม่ได้สะอาดเท่าทะเลญี่ปุ่น หางเหลืองย่างเกลือสด ๆ บวกน้ำจิ้มซีฟู๊ดน่าจะแซ่บบบบ อีกอย่างที่ใช้สังเกตุเรือแนว ๆ นี้ก็คือเขามีห้องน้ำเป็นกิจลักษณะอยู่หลังเรือเพื่ออำนวยความสะดวกให้ลูกค้า
ใกล้แล้ว ๆ
ถึงท่าแล้ว เย่~
พอมาถึงก็จัดการเช่ามอเตอร์ไซค์ที่ท่าเรือทันที ค่าเช่า 300 บาทต่อ 24 ชม. ถ้าจะเช่าต่อก็จ่ายเพิ่ม 200 ทางบนเกาะไม่ใหญ่มากแต่ก็มีไฟส่องสว่างตลอดทาง บิดมาแป้บ ๆ ก็มาถึงที่พัก โนโวเทล สีชัง
เช็กอินบ่าย ก็เลยจะมาฝากกระเป๋าเสื้อผ้าก่อน แล้วก็บิดมอไซค์ออกเที่ยวต่อ ทริปนี้มีเวลา 2 วัน 1 คืน
ที่แรกที่แวะมาก็คือศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ มองลงไปเห็นวิวเกาะสีชังฝั่งท่าเรือหลักทั้ง 3 ท่า
มาดูรูปฟิล์มกันหน่อย
เห็นแนวเรือบรรทุกแม่น้ำจอดยาวตลอดแนว เรือพวกนี้จะขนพวกของที่ไม่ต้องรีบเท่ากับที่ต้องขนทางรถ ล่องขึ้นทวนแม่น้ำไปถึงปทุมฯ หรือไม่ก็ปากน้ำโพ อาจจะเป็นเหล็กเส้น หรือไม่ก็ทราย
ที่ ๆ สองงของวันนี้ ช่องเขาขาด หรือช่องอิศริยาภรณ์
น้ำใสกิ๊กเลย
เท่าที่สังเกตดู ที่เที่ยวบนเกาะสีงชังส่วนใหญ่จะเป็นพวก Cliff หรือช่องเขาริมทะเล ผมก็เลยเลือกมามุมนี้ก่อน แล้วค่อยเลี้ยววนทั่วเกาะ
วิวสวยก็จริง แต่ผมค่อนข้างเฉย ๆ นะ ก็เลยไม่ได้กดรูปอะไรมาก พอออกมาก็จะเจอกับแจ็ก สแปโร่ยืนอยู่ ส่องหาเรือแบล็กเพิร์ลอยู่หรอกัปตัน
กองทัพต้องเดินด้วย... เท้า แต่เท้าก็ต้องรับพลังงานจากท้อง ฉนั้นเมื่อพวกเราบิดมอไซค์ผ่านร้านป้าหน่อย ก็ต้องแวะทันที ร้านนี้เป็นร้านที่ทางโรงแรมแนะนำมาด้วย
ระหว่างรออาหาร ผมก็ถ่ายรูปไปเรื่อย นี่คือหอยกระโจงโดง ลวกจิ้มหรือย่างก็ได้ หรือจะแล่กินสดแบบซาชิมิก็ได้ ซึ่ง ผมขอสองอย่างแรกดีกว่านะ
อาหารมาแล้ว กินนนนน อาหย่อย~ ร้านนี้แนะนำเลยครับ เป็นร้านอาหารทะเลแบบบ้าน ๆ ง่าย ๆ แต่อร่อยจริงเพราะของสดมาก ที่น่าสนใจก็คือ ผมเคยไปเสม็ดกับเกาะล้านมาแล้ว อาหารทะเลไม่สดเท่านี้ น่าจะเป็นเพราะทั้งสองเกาะนั้นไม่มีสะพานปลาของตัวเอง เวลาเรือประมงต้องไปเทียบท่าที่สะพานปลาบนฝั่งแผ่นดินก่อนแล้วค่อยขนลงเรือข้ามมาเกาะอีกที ผิดกับเกาะสีชังที่เรือประมงเข้าเทียบท่าโดยตรง อาหารทะเลก็เลยสดมาก
จุดหมายต่อไปคือแหลมงู ที่สุดปลายทางทิศใต้ของเกาะสีชัง ทีแรกผมเลี้ยวผิดมาท่าเรือแหลมงู ไม่เป็นไร แวะถ่ายรูปเล่นแล้วเดี๋ยวไปต่อ
ก้มลงไปดูในน้ำ เม่นทะเลเต็มเลยครับ บ่งบอกว่าน้ำสะอาดดี เอาล่ะ ไปกันต่อดีกว่านะ
ถึงแล้วววว เย่~
ณ. เวลานี้ แดดร้อนตัวไหม้ได้เลยนะ แต่ผมยังคงใจเย็น บรรจงเล็งและกดชัตเตอร์ เทียบกับช่องเขาขาดแล้ว ผมชอบจุดนี้มากกว่า มันมีอะไรให้ถ่ายเยอะกว่า ตรงนั้นมันเป็นผืนน้ำโล่ง ๆ เหมาะกับดูพระอทิตย์ตกมากกว่า
มาดูรูปฟิล์มกันบ้าง
ข้อด้อยของเกาะสีชังคือหาดน้อย ลงเล่นน้ำลำบาก ส่วนมากจะเป็นผา หรือไม่ก็หาดกรวด แต่ที่มุมนี้ยังพอมีหาดทรายอยู่
ก็นะ วันนั้นวันวาเลนไทน์ 5555
หันมาดูม้าศึกของทริปนี้กันบ้าง นาน ๆ ครั้งได้ขับออโต้ก็เป็นรสชาติใหม่นะ ไม่ต้องกำคลัท ไม่ต้องกด 1 งัด 2-3-4-5-6 ติดอย่างเดียวคือ ลงเขาทีต้องขยำเบรกอย่างเดียวเลย ไปกันต่อดีกว่า ที่หมายต่อไป สะพานอัษฎางค์
ระหว่างทาง บรรยากาศข้างทางนี่นึกว่าอยู่แอริโซน่า
มันแห้ง มันแล้งก็จริง แต่มันก็ดูคลีน ๆ ไม่มีขยะ สวยดี
ถึงแล้ว~
เสียดายครับ ความจริงผมควรพุ่งมาที่นี่ก่อน เพราะที่พิพิธภัณฑ์พระจุฑาธุราชฐาน-สะพานอัษฎางค์มีครบเลยครับ ทั้งวิวทะเล ทั้งจุดชมวิวด้านบน มาตอนนี้บ่ายแก่ ๆ แล้ว ก็คงได้แค่สะพานอัษฎางค์นี่แหละ
เดินถ่ายรูปกันหน่อย
มุมเงียบ ๆ เหมาะกับผมดี
ลีลาวดี น่าจะตั้งแต่ที่นี่ถูกสร้างเพราะต้นใหญ่ม้ากมาก
เดี๋ยวเราไปหากาแฟกระแทกตายามบ่ายแล้วเข้าไปเช็กอินโรงแรมดีกว่านะ
บ่าย ๆ ร้อนตับแลบ ก็ต้องกาแฟส้ม สดชื่นนนนนนน
ไอติมก็อร่อย ร้านชื่อ 'ใบไม้บ้านกาแฟ@สีชัง' คาเฟ่เล็ก ๆ ที่มีทั้งกาแฟ ขนม และอาหารเบา ๆ ท่านใดได้มา อย่าลืมแวะกันนะครับ
รับคีย์การ์ดแล้ว และนี่คือห้องของเรา ไหน ๆ ทริปก็นี้ไม่ใช่ทริปลุยขับมอไซค์ งั้นขอสบาย ๆ หน่อยละกัน
CR - Consumer Review : กระทู้รีวิวนี้เป็นกระทู้ CR โดยที่เจ้าของกระทู้
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น