คิดดีไม่มีวันสาย 1

ยิ้มสวัสดีค่ะ ทุกๆ ท่าน ครั้งนี้คือครั้งแรกที่เขียนหลังจากติดตามพันทิป มานาน
การเขียนในครั้งนี้หวังเพื่อให้กำลังใจกับคนที่ท้อแท้ ผิดหวัง มีปัญหาในความรัก หรือคนที่มีความรักอยู่ก็ขอให้รักของคุณๆ ยืนยงยาวนานนะคะ
ดิฉันไม่ได้เป็นคนดีเพียบพร้อมแต่อดีตที่ยุ่งเหยิงและผิดพลั้งในหลายสิ่งทำให้ดิฉันเป็นดิฉัน แข็งเรง และ พร้อมฝ่าฟัน แบบทุกวันนี้ได้ ขอบคุณทุกเรื่องราวดีร้ายนั้นคือประสบการณ์ชีวิต


กาลครั้งหนึ่งนานมาแล้ว แต่ไม่นานมากคงประมาณเดือน กรกฏา 19 ปีที่พ้นผ่าน

ตอนนั้นคงเป็นหนู หนูได้รู้จักผู้ชายวัยรุ่นฝรั่งใน ซู่ซี่ผับ ถนนข้าวสาร วันนั้นหนูมั่นใจว่าสวยเว่อส์วังอลังการ เจิดจรัสเพชรเจ็ดสีมณีเด้ง  โดดเด่นในผับ ฝรั่งคนนั้นยืนถือไม้สนุ๊ก เต้นยึกยักและมองมาที่หนู แต่โอ้ว ในมือของเขาอีกมือหนึ่งถือเครื่องดืมที่รสชาด จืดสนิท หรือที่ใครๆ เรียกว่า น้ำเปล่า
หล่อดีนะ แต่เหมือนจะไม่ค่อยมีตังค์ หนูคิดดัง ๆในใจ  ตามองตาค่ะแต่ก็ได้แค่มองแล้วผ่านไป

ขากลับจากผับหนูหิวเลยไปหาอาหารกินแถวนั้นแต่เลยซู่ซี่ผับไปเยอะมาก ขณะที่นั่งรออาหาร ผู้ชายฝรั่งคนนี้เดินมา หนูมองว่าในมือเค้าถืออะไร ในถุงพลาสติกบางๆ มีขนมปัง และ ปลากระป๋อง ฮืมมมมดูมีตังค์น้อยเข้าไปอีก .... ฮีมองเข้ามาในร้านเจอหนูและเพื่อน เพื่อนก็เลยยิ้มให้เค้าเพราะเราบอกว่านี่คนนี้เจอในผับตะกี้นี่นา เพื่อนก็ทำคอประหนึ่งว่ามาซิ เข้ามาทักพวกเราได้ เพื่อนรุ่นพี่ของหนูภาษาอังกฤษดีมากค่ะ สนทนาคล่องปรืด ส่วนหนูตอนนั้น อะ ๆ อือ ๆ เข้าใจที่บ้างไม่เข้าใจบ้าง

หนูลองทดสอบภาษาด้วยความมั่นใจแล้วถามเค้าไปว่า ยูเอเวอโกทูอาซีเอ (คุณเคยไปอาร์ซีเอมั้ย) เค้าตอบว่าไม่เคยไปหนูเลยบอกว่าพรุ่งนี้จะไปสนใจมั้ยถ้าสนใจไอจะมารับ เค้าตอบตกลง (ตอนนั้นแอบยิ้มเล็กๆ ดีจังได้มีเพื่อนฝรั่งแล้ว หล่อด้วย อิอิ)

...................................................................ไปเที่ยวเสร็จสรรพ หนูเลยแอบชอบฮี คราวนี้หน้ามืดลืมเพื่อนไปเลย ย่องไปหาเค้าที่ถนนข้าวสารเอง

ถ้ามองจากตอนนี้ ไปตอน 19 ปีที่แล้ว ก็คงบอกได้ว่าเหตุการณ์ในวันนั้นเป็นความหลงหรือแค่อยากได้ หรือแค่ชอบ ถูกชะตา

หนูยอมทิ้งเพื่อนตัดขาดเพื่อจะอยู่สองต่อสองกับเค้า ชีวิตตอนนั้นก็ปลื้มดีค่ะมีแฟนฝรั่ง หนูคิดกับเค้าว่าแฟน แต่ก็ไม่เคยถามเค้านะคะว่า เค้าคิดยังไงกับหนู
เราไปเที่ยวด้วยกันที่ ภูเก็ต ชะอำ มีความสุขที่สุด (อ่านมาถึงตอนนี้หลายท่านที่อ่านคงแวบไปคิดว่า เอ๊ะ โรงเรียนไม่ไปหรอ หรือทำอะไร บอกไว้ตอนต้นแล้วค่ะชีวิตยุ่งเหยิง เป็นเด็กเกเรที่สุด โรงเรียนหรอคะคำนี้ถ้าเป็นเมื่อก่อนพูดถึงคำนี้คงสุดเซ็ง เดือนนึงไปแค่ 7 วัน  อาจารย์ตามแล้วตามอีก เรียกพบผู้ปกครองแล้วแต่ดิฉันก็ยังคงดื้อด้านเป็นหนอนหนังเหนียว ไม่ไปคือไม่ไป คบเพื่อนไฮโซที่มีเงินเลี้ยงเหล้าและเที่ยวเล่นไปวันๆ )

พอเราได้รู้จักกันมากขึ้น ก็รู้ว่า ฝรั่งคนนี้เค้ามาเรียนมวยไทย กระบี่กระบอง เค้าชอบศิลปะการต่อสู้ของไทยมาก ๆๆๆๆๆๆๆๆ เรียนเป็นจริงเป็นจัง หนู
ไปสมัครเรียนกระบี่กระบองกับเค้า ไปเยี่ยมค่ายมวยหลายที่ เค้าตั้งใจมากแม้การเดินทางจะแสนลำบากนั่งรถเมล์หลายต่อ เงินเค้าก็น้อย เพราะเค้าต้องใช้เงินในการเรียนการอยู่เมืองไทยและซื้ออุปกรณ์ เค้าประหยัดมาก กลางวันกินข้าวหลามที่ห่อพลาสติกหาบ 10 บาท ตกเย็นก็กินส้มตำไทย สมัยนั้นถุงนึงก็ 20 บาท

จากเกสเฮ้าส์ ถนนข้าวสาร หนูชวนเค้ามาเช่าอพาร์ทเมนต์อยู่ด้วยกัน เค้าตอบตกลง แต่เดี๋ยวก่อน แต่หารค่าห้องนะ หนูก็โอเคหารก็หาร

หลังจากย้ายมาอยู่ด้วยกันหนูเป็นตัวของตัวเองมาก สกปรกรกรุงรัง ฉบับเต็ม เสื้อผ้าถอดกอง ไม่มีการซัก หรือถ้าเค้าบ่นเราก็เอาไปประหนึ่งว่าจะซักแช่ไว้จนเหม็นจนเค้าทนไม่ได้ต้องซักเอง  หนูก็ว่ายูจะมาซักทำไม เดี๋ยวเอาไปให้แม่ซัก (ฮืมมมมมมมม) เค้าทนกับความสกปรกของหนูหลายอย่าง ไหนจะน้ำไม่อาบ ผมไม่สระ ฟันไม่แปรง เสื้อผ้าชุดไหนใส่เที่ยวสวยๆ ก็เก็บไว้ในตู้ก่อนแล้วค่อยเอาออกมาสะบัดๆ ใส่ได้ มีอีกหลายสิ่ง ฯลฯ และที่บอกได้ก็คือ ถ้าเป็นตอนนี้บอกเลยว่า ถ้าหนูเป็นผู้ชายหนูก็ต้องขอลาผู้หญิงแบบนี้แน่ๆ ค่ะ

หลังจากคบกันไม่กี่เดือน แม่หนูก็ฝันว่า หนูอุ้มจระเข้หรือเสือนี่หละคะเข้าบ้าน แม่บอกว่าฝันแบบนี้ไม่ค่อยดีนะ ท้องใช่มั้ย ดิฉันงงคะ ท้องหรอ 555 ไม่มั้งเที่ยวเล่นมาตั้งนานไม่เห็นเป็นไรเลย ค่ะจริง ท้อง ตอนนั้นได้แต่คิดแบบงงๆ ว่า อ้าว ไหนจะเที่ยว ไหนจะโรงเรียน ท้องคืออะไร มีเด็กหรอท้องยื่นๆ หรอ
อืมแต่เป็นลูกครึ่ง คงน่ารักดี คนเป็นแม่พอไปบอก สตั้นท์ไปสามวิ

ตอนหนูตั้งครรภ์เค้าก็ดูแลเป็นอย่างดีพาไปฝากครรภ์ที่ศิริราช ซึ่งไกลจากบ้านมาก ไปเยี่ยมบ้านแม่ที่ต่างจังหวัด ญาติทุกคนก็รู้จักเค้า เค้ากินอยู่สบายๆ นอนไหนก็ได้ ไม่เรื่องมาก ก็ดูเหมือนว่าเราจะมีอนาคตไปด้วยกัน

แต่ทุกอย่างไม่เป็นดั่งใจคิด เค้าต้องกลับตอนนั้นหนูตั้งครรภ์ได้ประมาณสี่เดือน -------------------------------------------------------- เวลาผ่านไป หนูส่งจดหมายหาเค้าบ้าง ถ้ามีโอกาสไปถนนหาหมอก็จะแวะถนนข้าวสารหาร้านเน็ตส่งเมล์ สมัยนั้นร้านเน็ตก็จะอยู่ในย่านที่มีต่างชาติ ราคาก็สุดแสนแพง -------------------------------------------------------------- หลัง ๆ เค้าไม่ค่อยตอบโต้

และแล้ววันนึงก็เหมือนฟ้าผ่า

เค้าส่งจดหมายมาประมาณสามหน้ากระดาษ ใจความสำคัญที่ยังติดใจอยู่ทุกวันนี้ เค้าบอกว่าจะรับผิดชอบในเรื่องลูกตอนคลอด แต่ไม่ขอรับผิดชอบในตัวหนู เค้าต้องการคนที่เป็นแม่บ้านแม่เรือนไม่ใช่แบบหนู ที่เป็นหนูจริง ๆ ฮืมมมมม อ่านแล้วแปลแล้วก็แทบทรุด ร้องไห้ฟ้องแม่ แม่ก็ได้แต่อือ ๆ โทษโชคชะตา ทำไมนะเป็นแบบนี้ เราก็ดีนิ ไม่ได้มีอะไรไม่ดีเลย

ลาออกจากโรงเรียน ช่วยแม่รีดผ้าสูทมือสองตัวละ 5 บาท นั่งรีดจนคลอด ถามว่าลำบากมั้ย ลำบากมากค่ะ สูทหนัก ๆ เวลารีดเสร็จอย่างเช่น 50 ตัวก็ต้องเข็นรถไปส่งที่โรงผ้า หากินกับแม่ไปวัน ๆ

ทุกวันมันผ่านไปด้วยความเหนื่อยยาก แต่หนูก็ต้องทนเพราะไม่มีทางเลือกอื่น แต่มันก็ผ่านไปถึงจะทุลักทุเล พอตอนนี้หันมองไป เราตอนนี้ขอชมหนูคนนั้นถึงเธอจะสกปรกแต่เธอก็เก่งและแกร่งมากที่ผ่านช่วงเวลาเสียใจและเหน็ดเหนื่อย ท้อแท้ มาได้  แล้ววันนี้ถ้าเรามีความทุกข์เราจะพ้นไม่ได้เชียวหรอ ขนาดตอนนั้นวุฒิภาวะน้อยกว่านี้ประสบการณ์ชีวิตน้อยกว่านี้ยังผ่านมาได้


เดี๋ยวมาต่อเรื่องใหม่ เป็นกำลังใจให้หน่อยนะคะ มือใหม่หัดเขียนค่ะ หัวใจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่