กลุ่มนักบิดมอเตอร์ไซค์ไม่ว่าจะขนาดเล็กหรือขนาดใหญ่ อาจเคยได้ยินคำว่า วงแหวนแม่ฮ่องสอน หรือ แม่ฮ่องสอนลูป (Mae Hong Son Loop) เส้นทางนี้เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของไบเกอร์หรือแม้กระทั่งนักขี่จักรยาน เพราะตลอดเส้นทางการขับขี่ มีแต่ทางโค้งไปตามแนวเขากว่า 1,800 โค้งที่เต็มไปด้วยวิวธรรมชาติอันสวยงามเป็นระยะทางรวมกันกว่า 600 กิโลเมตร
ในปีค.ศ.1991 นักบิดรุ่นเก๋าชาวออสเตรเลีย นายเดวิด อังเคอวิช (David Unkovich) ได้เขียนหนังสือเส้นทางท่องเที่ยวด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ ชื่อว่า "The Mae Hong Son Loop, A Touring Guide" และอีกเกือบสิบปีต่อมาได้พัฒนาทำแผนที่เส้นทางนี้อย่างสมบูรณ์ในชื่อว่า "The Mae Hong Son Loop guide map" ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ตีพิมพ์และวางขายโด่งดังไปทั่วโลก
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอนประกอบไปด้วยจุดใดบ้าง คำตอบ คือ เส้นทางนี้เริ่มที่เชียงใหม่ จากนั้นนักเดินทางจะเลือกวนซ้ายหรือวนขวาเพื่อให้จบลูป แล้วกลับไปที่เชียงใหม่อีกครั้ง ใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 4 วัน ดังนี้
1) เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน-แม่สะเรียง-แม่แจ่ม-ดอยอินทนนท์-เชียงใหม่
2) เชียงใหม่-ดอยอินทนนท์-แม่แจ่ม-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน-ปาย-เชียงใหม่
วิธีเดินทางไม่ยาก คือ นักเดินทางต้องนั่งเครื่องบินไปลงเชียงใหม่ จากนั้นให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่วนไปตามลูปนี้ แน่นอนค่ะ หากใครไม่ถนัดใช้ยานพาหนะสองล้อ คุณก็สามารถเลือกขับรถไปตามเส้นทางที่ว่านี้ก็ได้
จริงๆ แล้ว ในสมัยก่อน คนไทยมักไม่นิยมมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนเพราะกลัวทางพันโค้ง บางคนเมารถ บางคนกลัวรถบรรทุกที่จะสวนมาตามถนน หรือบางคนบอกว่านั่งรถนานเกินไป ฉันไม่มาหรอก เสียเวลา ไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า คนที่แม่ฮ่องสอนเองบางคนก็อาจจะเพลียใจจนหลายคนอยากให้รัฐบาลมีโครงการตัดถนนผ่ากลางเขาเพื่อร่นระยะเวลาการเดินทางแบบในต่างประเทศ
ก็ในเมื่อความฝันตัดถนนผ่าภูเขามันยังไม่เกิดขึ้น เราก็คงต้องหันมามองสิ่งที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์และให้มันสวยงามไปตามท้องเรื่องจะดีกว่า เส้นทางโค้งทางเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ใครเมารถก็ทานยาแก้เมาแล้วหลับตาไป ส่วนใครไม่เมา ขอให้มองธรรมชาติรอบตัวระหว่างทางสักนิด แล้วคุณจะพบว่าวิวของแม่ฮ่องสอนนั้นงดงามมากตลอดทั้งปี สวยงามบริสุทธิ์ แบบที่เขาว่า เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้
ส่วนทางโค้งที่หลายคนว่าแสนจะหฤโหดนั้น ขอให้รู้ไว้ว่าสำหรับชาวต่างชาติหรือแม้กระทั่งไบเกอร์ชาวไทยเองก็ตาม เส้นทางพันโค้งเหล่านี้เป็นหนึ่งในเส้นทางในฝันที่หลายคนบอกว่าสักวันหนึ่งจะต้องมาสัมผัสให้ได้ เพราะว่าเส้นทางนี้มีดีไม่แพ้เส้นทางขี่มอเตอร์ไซค์ในต่างแดนที่ดังๆ อย่าง พิเรเนลูป (Pyrenees Loop) ในยุโรป ที่มีความยาวกว่า 2,400 กิโลเมตรคาบเกี่ยวระหว่างฝรั่งเศสและสเปน หรือเส้นทาง เดอะ เกรท โอเชียน โรด (The Great Ocean Road) ที่ออสเตรเลีย ความยาว 290 กิโลเมตร ที่สำคัญ เหล่าไบเกอร์บอกว่าไปมาแล้วทั่วโลก ก็ยังไม่เจอโค้งเยอะยาวติดกันเป็นหลายร้อยกิโลเมตรแบบเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอนของเรานี้ นี่มันสวรรค์นักบิดชัดๆ
ทิ้งท้ายสำหรับบรรดาคุณผู้หญิงที่ไม่ได้รักการขับขี่ แต่มีสามีหรือแฟนที่ชื่นชอบกิจกรรมนี้มาก ให้ลองทำแบบนี้ คือ เช่ารถตาม ไปด้วยแบบจ้างคนขับหรือจะขับเองก็ได้ แล้วเวลาคุณผู้ชายหยุดแวะพักที่ไหนเมื่อไร คุณเกิดอยากจะซ้อนขึ้นมา คุณก็ขึ้นไปซ้อนได้ทันทีตามอารมณ์อยาก เซลฟี่สักนิดเบาๆ เท่ระเบิดไปเลยค่ะ
ป.ล. ริเวอร์เฮ้าส์โฮเท็ล (บ้านไม้) ของเราได้ต้อนรับกลุ่มนักขับขี่มานานกว่าสิบปี และเดวิด อังเคอวิช ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าคนแรกๆ ที่มาใช้บริการ ทุกวันนี้บ้านไม้ของเรายังมีแผนที่ของเขาแปะอยู่ที่ข้างฝาอยู่เลย
(ขอบคุณภาพจาก
www.gt-rider.com / ทวิตเตอร์ @The_GT_Rider / กูเกิ้ล / และคุณ Tennessee)
"วงแหวนแม่ฮ่องสอน" (The Mae Hong Soon Loop) สวรรค์นักบิด
ในปีค.ศ.1991 นักบิดรุ่นเก๋าชาวออสเตรเลีย นายเดวิด อังเคอวิช (David Unkovich) ได้เขียนหนังสือเส้นทางท่องเที่ยวด้วยการขี่มอเตอร์ไซค์ ชื่อว่า "The Mae Hong Son Loop, A Touring Guide" และอีกเกือบสิบปีต่อมาได้พัฒนาทำแผนที่เส้นทางนี้อย่างสมบูรณ์ในชื่อว่า "The Mae Hong Son Loop guide map" ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ตีพิมพ์และวางขายโด่งดังไปทั่วโลก
หลายคนอาจสงสัยว่าแล้วเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอนประกอบไปด้วยจุดใดบ้าง คำตอบ คือ เส้นทางนี้เริ่มที่เชียงใหม่ จากนั้นนักเดินทางจะเลือกวนซ้ายหรือวนขวาเพื่อให้จบลูป แล้วกลับไปที่เชียงใหม่อีกครั้ง ใช้เวลาอย่างต่ำประมาณ 4 วัน ดังนี้
1) เชียงใหม่-ปาย-แม่ฮ่องสอน-แม่สะเรียง-แม่แจ่ม-ดอยอินทนนท์-เชียงใหม่
2) เชียงใหม่-ดอยอินทนนท์-แม่แจ่ม-แม่สะเรียง-แม่ฮ่องสอน-ปาย-เชียงใหม่
วิธีเดินทางไม่ยาก คือ นักเดินทางต้องนั่งเครื่องบินไปลงเชียงใหม่ จากนั้นให้เช่ารถมอเตอร์ไซค์ขี่วนไปตามลูปนี้ แน่นอนค่ะ หากใครไม่ถนัดใช้ยานพาหนะสองล้อ คุณก็สามารถเลือกขับรถไปตามเส้นทางที่ว่านี้ก็ได้
จริงๆ แล้ว ในสมัยก่อน คนไทยมักไม่นิยมมาเที่ยวแม่ฮ่องสอนเพราะกลัวทางพันโค้ง บางคนเมารถ บางคนกลัวรถบรรทุกที่จะสวนมาตามถนน หรือบางคนบอกว่านั่งรถนานเกินไป ฉันไม่มาหรอก เสียเวลา ไปเที่ยวที่อื่นดีกว่า คนที่แม่ฮ่องสอนเองบางคนก็อาจจะเพลียใจจนหลายคนอยากให้รัฐบาลมีโครงการตัดถนนผ่ากลางเขาเพื่อร่นระยะเวลาการเดินทางแบบในต่างประเทศ
ก็ในเมื่อความฝันตัดถนนผ่าภูเขามันยังไม่เกิดขึ้น เราก็คงต้องหันมามองสิ่งที่มีอยู่แล้วให้เป็นประโยชน์และให้มันสวยงามไปตามท้องเรื่องจะดีกว่า เส้นทางโค้งทางเขาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ใครเมารถก็ทานยาแก้เมาแล้วหลับตาไป ส่วนใครไม่เมา ขอให้มองธรรมชาติรอบตัวระหว่างทางสักนิด แล้วคุณจะพบว่าวิวของแม่ฮ่องสอนนั้นงดงามมากตลอดทั้งปี สวยงามบริสุทธิ์ แบบที่เขาว่า เที่ยวเมืองไทย ไม่ไปไม่รู้
ส่วนทางโค้งที่หลายคนว่าแสนจะหฤโหดนั้น ขอให้รู้ไว้ว่าสำหรับชาวต่างชาติหรือแม้กระทั่งไบเกอร์ชาวไทยเองก็ตาม เส้นทางพันโค้งเหล่านี้เป็นหนึ่งในเส้นทางในฝันที่หลายคนบอกว่าสักวันหนึ่งจะต้องมาสัมผัสให้ได้ เพราะว่าเส้นทางนี้มีดีไม่แพ้เส้นทางขี่มอเตอร์ไซค์ในต่างแดนที่ดังๆ อย่าง พิเรเนลูป (Pyrenees Loop) ในยุโรป ที่มีความยาวกว่า 2,400 กิโลเมตรคาบเกี่ยวระหว่างฝรั่งเศสและสเปน หรือเส้นทาง เดอะ เกรท โอเชียน โรด (The Great Ocean Road) ที่ออสเตรเลีย ความยาว 290 กิโลเมตร ที่สำคัญ เหล่าไบเกอร์บอกว่าไปมาแล้วทั่วโลก ก็ยังไม่เจอโค้งเยอะยาวติดกันเป็นหลายร้อยกิโลเมตรแบบเส้นทางวงแหวนแม่ฮ่องสอนของเรานี้ นี่มันสวรรค์นักบิดชัดๆ
ทิ้งท้ายสำหรับบรรดาคุณผู้หญิงที่ไม่ได้รักการขับขี่ แต่มีสามีหรือแฟนที่ชื่นชอบกิจกรรมนี้มาก ให้ลองทำแบบนี้ คือ เช่ารถตาม ไปด้วยแบบจ้างคนขับหรือจะขับเองก็ได้ แล้วเวลาคุณผู้ชายหยุดแวะพักที่ไหนเมื่อไร คุณเกิดอยากจะซ้อนขึ้นมา คุณก็ขึ้นไปซ้อนได้ทันทีตามอารมณ์อยาก เซลฟี่สักนิดเบาๆ เท่ระเบิดไปเลยค่ะ
ป.ล. ริเวอร์เฮ้าส์โฮเท็ล (บ้านไม้) ของเราได้ต้อนรับกลุ่มนักขับขี่มานานกว่าสิบปี และเดวิด อังเคอวิช ก็เป็นหนึ่งในลูกค้าคนแรกๆ ที่มาใช้บริการ ทุกวันนี้บ้านไม้ของเรายังมีแผนที่ของเขาแปะอยู่ที่ข้างฝาอยู่เลย
(ขอบคุณภาพจาก www.gt-rider.com / ทวิตเตอร์ @The_GT_Rider / กูเกิ้ล / และคุณ Tennessee)