ป.ป.ช.แจ้งข้อกล่าวหา ‘วิรัช’ อดีตส.ส.เพื่อไทย ‘ชินภัทร’อดีตเลขาฯสพฐ. ทุจริตสร้างสนามฟุตซอลโคราช
วันที่ 17 ม.ค. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งความคืบหน้าการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา จ.นครราชสีมา จำนวน 56 แห่งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหานายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับพวก ประกอบด้วย ข้าราชการ เอกชน และนักการเมือง รวมเกือบ 30 คน กรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมกันทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา เขต 2 นครราชสีมา
โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีการร่วมกันทุจริตกันระหว่างข้าราชการ เอกชน และนักการเมือง กระทำกันอย่างเป็นระบบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ของสพฐ.ที่ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทนั้น งบดังกล่าวได้มาจากการแปรญัตติของ ส.ส. ที่ระบุเป็นค่าก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ และสิ่งก่อสร้างที่ชำรุดทรุดโทรมที่ประสบอุบัติภัย แต่การนำไปก่อสร้างสนามฟุตซอล โดยเจาะจงส่งงบประมาณไปในจังหวัดข้างต้นตามที่กลุ่มการเมืองต้องการ
รายงานข่าวแจ้งว่า พฤติกรรมของขบวนการดังกล่าว จะมีกลุ่มการเมืองไปติดต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หรือมัธยมศึกษา ให้นำงบไปก่อสร้างตามโรงเรียนที่กำหนด โดยให้ดำเนินการตามแนวทางการจัดซื้อจัดจ้าง การประกวดราคา การกำหนดราคากลาง รวมทั้งร่างบันทึกการกำหนดขอบเขตงาน (TOR) เพื่อให้บริษัทห้างร้านของกลุ่มการเมืองดังกล่าวเป็นผู้ได้รับงาน
โดยการจัดซื้อจัดจ้างมีข้อพิรุธ โดยมีผู้ยื่นเสนอราคาเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงส่อแสดงว่ามีการสมยอมราคา รวมทั้งการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน พื้นคอนกรีตไม่ถูกต้องตามคุณลักษณะเฉพาะ และนำวัสดุแผ่นยางสังเคราะห์สำหรับสนามในร่มมาใช้ในสนามกลางแจ้ง จึงไม่สามารถใช้งานได้ และไม่มีความทนทาน เป็นการใช้วัสดุผิดประเภท เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง
“ขณะนี้ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว เพื่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามายังป.ป.ช.แล้ว แต่อดีตส.ส.ยังไม่ได้เดินทางมาตามนัด ซึ่งจะทำหนังสือแจ้งซ้ำไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม กรณีที่เขต 2 นี้จะนำมาเป็นโมเดลไต่สวนการทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอลในพื้นที่ของจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานต่อไป เพราะพฤติกรรมของการทุจริตเป็นลักษณะเดียวกัน คาดว่าภายในเดือน มี.ค.-เม.ย. ทางอนุกรรมการไต่สวนจะสรุปเพื่อเสนอให้คณะกรรมการป.ป.ช. ชี้มูลความผิดถูกผู้ถูกกล่าวหาได้” รายงานข่าวระบุ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_711005
'ณัฐวุฒิ'ยกนาฬิกาป้อมสอนคนไทยหัดเรียนรู้เผด็จการแก้คอร์รัปชันไม่ได้
17 ม.ค. 61 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า ประเด็นเรื่องนาฬิกาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ไปไกลกว่าแค่มีกี่เรือนหรือเป็นของใครไปมากแล้ว เพราะเรื่องนี้กำลังอธิบายภาพใหญ่ให้สังคมไทยเห็นว่า อำนาจรัฐที่ไม่ได้มาจากประชาชนนั้น ทุกอย่างเบ็ดเสร็จทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และกลไกตรวจสอบ ไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ทั้งนี้ รูปธรรมคือ เกิดคำถามในใจประชาชนว่า ด้วยมูลค่าและจำนวนนาฬิกามากมายขนาดนี้ เป็นผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้ครอบครองหรือไม่ ฝ่ายบริหารที่มาจากการยึดอำนาจโดยอ้างเหตุสำคัญเรื่องการคอร์รัปชัน กำลังทำในสิ่งเดียวกันกับที่กล่าวหารัฐบาลจากประชาชนหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เมื่อเรื่องเข้าสู่องค์กรตรวจสอบคือป.ป.ช. ปรากฏว่าประธานซึ่งอยู่ในตำแหน่งโดยมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติกลับเป็นคนใกล้ชิดของผู้ถูกยื่นเรื่องร้องเรียน ท่าทีจึงหันรีหันขวางอ้างเรื่องเวลา ทั้งที่คนส่วนใหญ่ใช้สติปัญญาหาข้อสรุปเรื่องนี้ได้นานแล้ว พอหันไปมองบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ สนช.ชุดนี้ก็ไม่ได้ทำหน้าที่รับใช้ประชาชน เรื่องดังขนาดนี้สักครึ่งกระทู้ก็ไม่มีใครตั้ง ถามสักคำก็ยังไม่มีใครกล้า แต่กลับกล้าถึงขนาดยกมือผ่านกฎหมายให้ป.ป.ช.อยู่ต่อถึง 9 ปี ทั้งที่มีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญ นี่เป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องเรียนรู้ว่า อำนาจเผด็จการไม่ใช่คำตอบในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน แต่กลับทำให้กลไกต่างๆเป็นแค่ตัวประกอบที่ต้องแสดงตามบทของผู้มีอำนาจเท่านั้น
"ป.ป.ช.จะชี้มูลพล.อ.ประวิตรหรือไม่ต้องรอดู แต่ผมเห็นว่ากรณีนี้พล.อ.ประวิตรได้ชี้มูลป.ป.ช.ไปแล้วว่า ทำหน้าที่ให้ประชาชนไว้วางใจได้หรือไม่ เชื่อว่าในที่สุดประธานและกรรมการที่มีปัญหาคุณสมบัติต้องพ้นจากหน้าที่ ไหนๆ ก็จะเป็นอย่างนี้แล้วจึงอยากร้องขอให้ประธานป.ป.ช.ทำงานรับใช้ประชาชนสักครั้ง ด้วยการส่งมอบสำนวนยกคำร้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มนปช.เมื่อปี 2553 ต่อญาติผู้เสียชีวิต และขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไปให้ถึงศาล อย่างน้อยก็อาจทำให้ท่านเป็นที่จดจำว่า ได้เคยทำหน้าที่เพื่อประชาชนด้วย ไม่ใช่เพียงแค่รับใช้ผู้มีอำนาจเท่านั้น"แกนนำนปช.กล่าว
http://www.thaipost.net/main/detail/1232
ถามอำมาตย์เต้น >>ไหนว่าเผด็จการแก้คอร์รัปชั่นไม่ได้..มาอ่านข่าวปปช.กำลังเอาผิดคนทุจริตพรรคพท.นี่ไง รัฐบาลประชาธิปไตย แก้คอรับชั่นได้หรือไม่ จากข่าวนี้
และยังมีทุจริตในจังหวัดอื่นๆรอจัดการอีกหลายจังหวัด อำมาตย์เต้นมัวตีกินรัฐบาลทหาร ไม่ลองตรวจสอบเรื่องคอรับชั่นในพรรคตัวเองบ้าง แก้ได้แค่ไหนหรือจึงยังมีคอรับชั่น
เลือกตั้งครั้งหน้า...คัดเลือกนักการเมืองน้ำดีหน่อยนะคะ พรรคการเมืองทุกพรรค
⚽️🥅~มาลาริน~ถามอำมาตย์เต้น >>ไหนว่าเผด็จการแก้คอร์รัปชั่นไม่ได้..มาอ่านข่าวปปช.กำลังเอาผิดคนทุจริตพรรคพท.นี่ไง
วันที่ 17 ม.ค. รายงานข่าวจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) แจ้งความคืบหน้าการไต่สวนข้อเท็จจริงคดีทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอล ของโรงเรียนในสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา มัธยมศึกษา จ.นครราชสีมา จำนวน 56 แห่งว่า เมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการป.ป.ช.มีมติแจ้งข้อกล่าวหานายวิรัช รัตนเศรษฐ อดีตส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย นายชินภัทร ภูมิรัตน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กับพวก ประกอบด้วย ข้าราชการ เอกชน และนักการเมือง รวมเกือบ 30 คน กรณีถูกกล่าวหาว่าร่วมกันทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอลของโรงเรียนสังกัดสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ประถมศึกษา เขต 2 นครราชสีมา
โดยตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่ามีการร่วมกันทุจริตกันระหว่างข้าราชการ เอกชน และนักการเมือง กระทำกันอย่างเป็นระบบ
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการจัดสรรงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2555 ของสพฐ.ที่ให้กับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา และสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา ในเขตภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทนั้น งบดังกล่าวได้มาจากการแปรญัตติของ ส.ส. ที่ระบุเป็นค่าก่อสร้าง ปรับปรุง ซ่อมแซมอาคารเรียน อาคารประกอบ และสิ่งก่อสร้างที่ชำรุดทรุดโทรมที่ประสบอุบัติภัย แต่การนำไปก่อสร้างสนามฟุตซอล โดยเจาะจงส่งงบประมาณไปในจังหวัดข้างต้นตามที่กลุ่มการเมืองต้องการ
รายงานข่าวแจ้งว่า พฤติกรรมของขบวนการดังกล่าว จะมีกลุ่มการเมืองไปติดต่อสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา หรือมัธยมศึกษา ให้นำงบไปก่อสร้างตามโรงเรียนที่กำหนด โดยให้ดำเนินการตามแนวทางการจัดซื้อจัดจ้าง การประกวดราคา การกำหนดราคากลาง รวมทั้งร่างบันทึกการกำหนดขอบเขตงาน (TOR) เพื่อให้บริษัทห้างร้านของกลุ่มการเมืองดังกล่าวเป็นผู้ได้รับงาน
โดยการจัดซื้อจัดจ้างมีข้อพิรุธ โดยมีผู้ยื่นเสนอราคาเป็นกลุ่มเดียวกัน จึงส่อแสดงว่ามีการสมยอมราคา รวมทั้งการก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน พื้นคอนกรีตไม่ถูกต้องตามคุณลักษณะเฉพาะ และนำวัสดุแผ่นยางสังเคราะห์สำหรับสนามในร่มมาใช้ในสนามกลางแจ้ง จึงไม่สามารถใช้งานได้ และไม่มีความทนทาน เป็นการใช้วัสดุผิดประเภท เพื่อลดต้นทุนการก่อสร้าง
“ขณะนี้ได้ส่งหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาไปยังผู้ถูกกล่าวหาดังกล่าว เพื่อให้เข้ามารับทราบข้อกล่าวหา และชี้แจงแก้ข้อกล่าวหามายังป.ป.ช.แล้ว แต่อดีตส.ส.ยังไม่ได้เดินทางมาตามนัด ซึ่งจะทำหนังสือแจ้งซ้ำไปอีกครั้ง อย่างไรก็ตาม กรณีที่เขต 2 นี้จะนำมาเป็นโมเดลไต่สวนการทุจริตการก่อสร้างสนามฟุตซอลในพื้นที่ของจังหวัดอื่นๆ ในภาคอีสานต่อไป เพราะพฤติกรรมของการทุจริตเป็นลักษณะเดียวกัน คาดว่าภายในเดือน มี.ค.-เม.ย. ทางอนุกรรมการไต่สวนจะสรุปเพื่อเสนอให้คณะกรรมการป.ป.ช. ชี้มูลความผิดถูกผู้ถูกกล่าวหาได้” รายงานข่าวระบุ
https://www.khaosod.co.th/politics/news_711005
'ณัฐวุฒิ'ยกนาฬิกาป้อมสอนคนไทยหัดเรียนรู้เผด็จการแก้คอร์รัปชันไม่ได้
17 ม.ค. 61 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) กล่าวว่า ประเด็นเรื่องนาฬิกาพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรมว.กลาโหม ไปไกลกว่าแค่มีกี่เรือนหรือเป็นของใครไปมากแล้ว เพราะเรื่องนี้กำลังอธิบายภาพใหญ่ให้สังคมไทยเห็นว่า อำนาจรัฐที่ไม่ได้มาจากประชาชนนั้น ทุกอย่างเบ็ดเสร็จทั้งฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และกลไกตรวจสอบ ไม่มีใครต้องรับผิดชอบต่อประชาชน ทั้งนี้ รูปธรรมคือ เกิดคำถามในใจประชาชนว่า ด้วยมูลค่าและจำนวนนาฬิกามากมายขนาดนี้ เป็นผลประโยชน์ที่เกิดจากการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้ครอบครองหรือไม่ ฝ่ายบริหารที่มาจากการยึดอำนาจโดยอ้างเหตุสำคัญเรื่องการคอร์รัปชัน กำลังทำในสิ่งเดียวกันกับที่กล่าวหารัฐบาลจากประชาชนหรือไม่
นายณัฐวุฒิ กล่าวอีกว่า เมื่อเรื่องเข้าสู่องค์กรตรวจสอบคือป.ป.ช. ปรากฏว่าประธานซึ่งอยู่ในตำแหน่งโดยมีปัญหาเรื่องคุณสมบัติกลับเป็นคนใกล้ชิดของผู้ถูกยื่นเรื่องร้องเรียน ท่าทีจึงหันรีหันขวางอ้างเรื่องเวลา ทั้งที่คนส่วนใหญ่ใช้สติปัญญาหาข้อสรุปเรื่องนี้ได้นานแล้ว พอหันไปมองบทบาทของฝ่ายนิติบัญญัติ สนช.ชุดนี้ก็ไม่ได้ทำหน้าที่รับใช้ประชาชน เรื่องดังขนาดนี้สักครึ่งกระทู้ก็ไม่มีใครตั้ง ถามสักคำก็ยังไม่มีใครกล้า แต่กลับกล้าถึงขนาดยกมือผ่านกฎหมายให้ป.ป.ช.อยู่ต่อถึง 9 ปี ทั้งที่มีปัญหาขัดรัฐธรรมนูญ นี่เป็นสิ่งที่สังคมไทยต้องเรียนรู้ว่า อำนาจเผด็จการไม่ใช่คำตอบในการแก้ไขปัญหาคอร์รัปชัน แต่กลับทำให้กลไกต่างๆเป็นแค่ตัวประกอบที่ต้องแสดงตามบทของผู้มีอำนาจเท่านั้น
"ป.ป.ช.จะชี้มูลพล.อ.ประวิตรหรือไม่ต้องรอดู แต่ผมเห็นว่ากรณีนี้พล.อ.ประวิตรได้ชี้มูลป.ป.ช.ไปแล้วว่า ทำหน้าที่ให้ประชาชนไว้วางใจได้หรือไม่ เชื่อว่าในที่สุดประธานและกรรมการที่มีปัญหาคุณสมบัติต้องพ้นจากหน้าที่ ไหนๆ ก็จะเป็นอย่างนี้แล้วจึงอยากร้องขอให้ประธานป.ป.ช.ทำงานรับใช้ประชาชนสักครั้ง ด้วยการส่งมอบสำนวนยกคำร้องคดีสลายการชุมนุมกลุ่มนปช.เมื่อปี 2553 ต่อญาติผู้เสียชีวิต และขับเคลื่อนเรื่องนี้ต่อไปให้ถึงศาล อย่างน้อยก็อาจทำให้ท่านเป็นที่จดจำว่า ได้เคยทำหน้าที่เพื่อประชาชนด้วย ไม่ใช่เพียงแค่รับใช้ผู้มีอำนาจเท่านั้น"แกนนำนปช.กล่าว
http://www.thaipost.net/main/detail/1232
ถามอำมาตย์เต้น >>ไหนว่าเผด็จการแก้คอร์รัปชั่นไม่ได้..มาอ่านข่าวปปช.กำลังเอาผิดคนทุจริตพรรคพท.นี่ไง รัฐบาลประชาธิปไตย แก้คอรับชั่นได้หรือไม่ จากข่าวนี้
และยังมีทุจริตในจังหวัดอื่นๆรอจัดการอีกหลายจังหวัด อำมาตย์เต้นมัวตีกินรัฐบาลทหาร ไม่ลองตรวจสอบเรื่องคอรับชั่นในพรรคตัวเองบ้าง แก้ได้แค่ไหนหรือจึงยังมีคอรับชั่น
เลือกตั้งครั้งหน้า...คัดเลือกนักการเมืองน้ำดีหน่อยนะคะ พรรคการเมืองทุกพรรค