เรื่องมีอยู่ว่า เราได้ทำประกันสุขภาพแบบเหมาจ่ายกับ บริษัท กรุงไทยแอกซ่า ตอนที่เราทำได้แจ้งกับประกันแล้วว่าเราตั้งครรภ์ และ ทางประกันก็อนุมัติกรรมธรรม์มาได้ประมาณ 3 เดือนที่แล้ว . และ เมื่อวันที่ 8 มกราคมที่ผ่านมา เราได้เกิดหกลิมก้นกระแทกพื้น รู้สึกเจ็บเอว สะโพก ก้นกบ และขาหนีบ ตอนแรกก็ยังลุกขึ้นได้ค่ะ ตอนนั้นเราอยู่บ้านคนเดียว ก็ได้แต่ทานยาพารา แล้วประคบร้อน นอนพักค่ะ แต่ 2 ชมผ่านไป ถึงเวลาที่ต้องไปรับลูกคนโตที่โรงเรียน เรารู้วึกว่าเราขยับตัวไม่ได้ มันเจ็บสะโพก กับขาหนีบดานในมาก ร้าวมายังหัวเหน่า เราเลยโทรบอกสามี ว่าเราล้ม แล้วลุกไม่ได้ เลิกงานแล้วให้รีบกลับบ้าน (ที่ทำงานสามีกับที่บ้านอยู่ใกล้กันค่ะ 10 นาทีถึง )
พอสามีมาก็พยุงเราลุกขึ้น เราเจ็บมากถึงขึ้นร้องไห้โหออกมาเลย ขานี่สั่นไปหมด สามีเลยพาเราไปโรงพยาบาลที่เราฝากครรภ์อยู่ เมื่อคุณหมอกระดูกมาดูอาการ เห็นว่าเราขยับตัวไม่ได้แล้ว เจ็บสะโพกกับขาหนีบมาก คุณหมอก็อยากทำ X ray แต่ก็ได้อธิบายว่ามันมีความเสี่ยงนะ จะมากจะน้อย เด็กก็ได้รับรังษีไปด้วย เราจึงไม่ทำ X ray และคุณหมอก็รับเราเข้า Admit ในโรงพยาบาล คืนนั้นเราทรมานมาก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พลิกตัวก็ไม่ได้ มันเจ็บไปหมด ต้องใส่แพมเพิทฉี่บนเตียง หมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาพารา เนื่องจากเราตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ จึงมีข้อจำกัดต่อการให้ยาค่ะ
วันรุ่งขึ้นหมอกระดูกมาดูอาการของเราก่อน ยังไม่ดีขึ้น หมอคิดว่ากล้ามเนื้อมัดใหญ่ขาหนีบอักเสบ จากการที่ก้นกระแทก อยากให้ยาฉีด เพื่อให้มันดีขึ้น แต่เราก็ขอให้คุณหมอปรึกษากับหมอสูติก่อน และคุณหมอก็ส่งเราไปทำกายภาพบำบัด ประคบเย็น ร้อน นอกนั้นทำอะไรไม่ได้ ก่อนที่หมอสูติจะเข้ามาตรวจฝ่ายประสานประกันของโรงพยาบาลได้โทรมาแจ้งว่า ค่าใช้จ่ายของหมอสูติ อาจจะเบิกไม่ได้นะคะ ซึ่งเราก็พอรู้ว่าอะไรที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ค่อนข้างจะเบิกยากอยู่แล้ว (ทั้งที่สาเหตุมาจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ การทำแท้ง หรือจากการตั้งครรภ์เป็นเหตุ) คุณหมอสูติเป็นเหมือน consult เราบอกไม่เป็นไรเราจ่ายเอง
เมื่อหมอสูติมาตรวจทำอัลตร้าซาวด์ เด็กดิ้นและปลอดภัยดี ไม่มีเลือดออก เราก็วบายใจ ที่นี้คุณหมอแจ้งว่าหมอกระดูกได้แจ้งเรื่องจะให้ยาฉีดแล้ว หมอสูติแนะนำว่าไม่ควรเพราะยาฉีดอนุโลมให้ได้ อายุครรภ์ 1-6 เดือน แต่นี่เกินมาแล้วอาจมีผลต่อเส้นเลือดของเด็กได้ เราก็ไม่ฉีด ทนเจ็บต่อไป
วันที่ 3 อาการเราก็ยังไม่ค่อยกีขึ้นเท่าไหร่ยังลุกจากเตียงเองไม่ได้ หมอก็อยาก Xray ดูว่ามีอะไรร้าวหรือเปล่า แต่เราก็ถามว่าถ้าทำแล้วเจอว่าร้าวหมอจะรักษายังไง หมอบอกว่าให้ยาอะไรไม่ได้ ก็ต้องนอนพักให้มันติดเอง เราก็เลือกไม่ทำเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรแถมมีความเลี่ยงกับลูกเราอีก เราว่ามันไม่คุ้มกันเลย เราก็เลยตกลงว่าวันนี้เราจะออกจากโรงพยาบาล แล้วค่อยมาทำกายภาพเอา สรุปวันที่ 3 ได้ออกจากโรงพยาบาล
เรื่องดราม่ามาอยู่ที่ตอนเครมประกันค่ะ ทำเรื่องกับบ้านตั้งแต 10 โมง พอช่วงบ่ายๆ ค่ารักษาทั้งสามหมื่นกว่าบาท ประกันอนุมัติมา พันกว่าบาท หักจาก OPD ด้วย (ประกันเรามี OPD ด้วย สามหมื่นกว่าบาท) ตัวแทนประกันเราก็ดีมากค่ะพี่เข้าพอรู้เรื่องก็รีบมาที่โรงพยาบาล ประสานกับทางฝ่ายประกันให้ ส่งเครมรอบ 2 ได้มาอีกหมื่นกว่าเป็นค่าทำกายภาพ ส่วนต่างที่เป็นค่าห้องและรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในไม่จ่ายให้ค่ะ เป็นเงินประมาณ หมื่นกว่าบาท ประกันให้เหตุผลว่า คุณหมอรับเราเป้นผู้ป่วยในเนื่องจากสาเหตุของการตั้งครรภ์ ซึ่งเราไม่รู้ว่าเค้าพิจารณาจากตรงในเมื่อเอกสารสรุปผลการรักษา คือ หกล้มก้นกระแทกพื้น ขยับตัวลำบาก มันไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์นะ แค่คนท้องล้ม ไม่ได้ไปทำแท้งมา แล้วการรักษาก็ไม่ได้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์เลย ตลอด 3 วันที่หมอสูติมาดูเรา ค่าหมอเราก็จ่ายเอง ซึ่งให้ทางโรงพยาบาลแยกค่าใช้จ่ายออกมาแล้ว หมอก็เขียนในใบเครมนะว่า Xray ไม่ได้ เพราะท้อง ยาก็จำกัด มันเลยดูว่าเหตุผลมันอ่อนที่เราต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล แบบนี้คือถ้าจะเบิกประกันให้ง่ายๆ ต้องให้หมออัดยาเยอะๆ xray ทำทุกอย่างเพื่อให้ดูว่าเป็นเยอะเหรอ นี่เราก็เป็นเยอะนะ เดินไม่ได้ เจ็บมาก แต่ต้องอดทนไง เพื่อลูก และมันมีข้อจำกัดด้านการรักษา แบบนี้เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าหากเราเจ็บป่วยขณะตั้งครรภ์เราจะได้รับการคุ้มครองจากประกันที่เรามีอยู่ สู้เก็บเก็บเงินที่จ่ายค่าเบี้ยประกันเอาไว้สำรองจ่ายเองเมื่อเจ้บป่วยดีกว่ามั้ยค่ะ
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเป้นธรรมจากบริษัท กรุงไทยแอกซ่า เราหมดความเชื่อใจ มั่นใจ เราทำประกันก็เพื่อความอุ่นใจเมื่อเจ็บป่วย แล้วนี่เราก็เกิดอุบัติเหตุจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราอยากไปนอนโรงพยาบาลเล่นๆ เพื่อเอาเงินค่าทดแทนรายได้นะคะ ได้แค่วันละพัน มันไม่คุ้มกันค่ะ เราอยู่ที่ภูเก็ตอยู่กัน 3 คน พ่อแม่ลูก ไม่มีญาติจะทำอะไรก็ลำบาก สามีต้องไปทำงาน ลูกคนโตต้องรออยู่ที่โรงเรียนจนถึง 6 โมงเย็น กว่าพ่อจะไปรับได้ แล้วมาเจอประกันทำแบบนี้อีก
เราอยากให้เพื่อนช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ ว่าเหตุการแบบนี้บริษัทประกันทำถูกต้องแล้วหรือยัง แล้วเราจะสามารถเรียกร้องความเป็นธรรม หรือร้องเรียน ไปยังหน่วยงานใหนที่เค้าสามารถช่วยเหลือเราได้บ้างคะ (จริงๆเราอยากแบบเอกสารสรุปผลการรักษาห้ดูด้วยนะคะ แต่แบบไม่ได้ค่ะ)
ขอความช่วยเหลือ เรื่องคนท้องกับการใช้ประกันสุขภาพค่ะ
พอสามีมาก็พยุงเราลุกขึ้น เราเจ็บมากถึงขึ้นร้องไห้โหออกมาเลย ขานี่สั่นไปหมด สามีเลยพาเราไปโรงพยาบาลที่เราฝากครรภ์อยู่ เมื่อคุณหมอกระดูกมาดูอาการ เห็นว่าเราขยับตัวไม่ได้แล้ว เจ็บสะโพกกับขาหนีบมาก คุณหมอก็อยากทำ X ray แต่ก็ได้อธิบายว่ามันมีความเสี่ยงนะ จะมากจะน้อย เด็กก็ได้รับรังษีไปด้วย เราจึงไม่ทำ X ray และคุณหมอก็รับเราเข้า Admit ในโรงพยาบาล คืนนั้นเราทรมานมาก ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ พลิกตัวก็ไม่ได้ มันเจ็บไปหมด ต้องใส่แพมเพิทฉี่บนเตียง หมอให้ยาคลายกล้ามเนื้อ และยาพารา เนื่องจากเราตั้งครรภ์ได้ 28 สัปดาห์ จึงมีข้อจำกัดต่อการให้ยาค่ะ
วันรุ่งขึ้นหมอกระดูกมาดูอาการของเราก่อน ยังไม่ดีขึ้น หมอคิดว่ากล้ามเนื้อมัดใหญ่ขาหนีบอักเสบ จากการที่ก้นกระแทก อยากให้ยาฉีด เพื่อให้มันดีขึ้น แต่เราก็ขอให้คุณหมอปรึกษากับหมอสูติก่อน และคุณหมอก็ส่งเราไปทำกายภาพบำบัด ประคบเย็น ร้อน นอกนั้นทำอะไรไม่ได้ ก่อนที่หมอสูติจะเข้ามาตรวจฝ่ายประสานประกันของโรงพยาบาลได้โทรมาแจ้งว่า ค่าใช้จ่ายของหมอสูติ อาจจะเบิกไม่ได้นะคะ ซึ่งเราก็พอรู้ว่าอะไรที่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์ค่อนข้างจะเบิกยากอยู่แล้ว (ทั้งที่สาเหตุมาจากอุบัติเหตุ ไม่ใช่ การทำแท้ง หรือจากการตั้งครรภ์เป็นเหตุ) คุณหมอสูติเป็นเหมือน consult เราบอกไม่เป็นไรเราจ่ายเอง
เมื่อหมอสูติมาตรวจทำอัลตร้าซาวด์ เด็กดิ้นและปลอดภัยดี ไม่มีเลือดออก เราก็วบายใจ ที่นี้คุณหมอแจ้งว่าหมอกระดูกได้แจ้งเรื่องจะให้ยาฉีดแล้ว หมอสูติแนะนำว่าไม่ควรเพราะยาฉีดอนุโลมให้ได้ อายุครรภ์ 1-6 เดือน แต่นี่เกินมาแล้วอาจมีผลต่อเส้นเลือดของเด็กได้ เราก็ไม่ฉีด ทนเจ็บต่อไป
วันที่ 3 อาการเราก็ยังไม่ค่อยกีขึ้นเท่าไหร่ยังลุกจากเตียงเองไม่ได้ หมอก็อยาก Xray ดูว่ามีอะไรร้าวหรือเปล่า แต่เราก็ถามว่าถ้าทำแล้วเจอว่าร้าวหมอจะรักษายังไง หมอบอกว่าให้ยาอะไรไม่ได้ ก็ต้องนอนพักให้มันติดเอง เราก็เลือกไม่ทำเพราะมันไม่ได้ช่วยอะไรแถมมีความเลี่ยงกับลูกเราอีก เราว่ามันไม่คุ้มกันเลย เราก็เลยตกลงว่าวันนี้เราจะออกจากโรงพยาบาล แล้วค่อยมาทำกายภาพเอา สรุปวันที่ 3 ได้ออกจากโรงพยาบาล
เรื่องดราม่ามาอยู่ที่ตอนเครมประกันค่ะ ทำเรื่องกับบ้านตั้งแต 10 โมง พอช่วงบ่ายๆ ค่ารักษาทั้งสามหมื่นกว่าบาท ประกันอนุมัติมา พันกว่าบาท หักจาก OPD ด้วย (ประกันเรามี OPD ด้วย สามหมื่นกว่าบาท) ตัวแทนประกันเราก็ดีมากค่ะพี่เข้าพอรู้เรื่องก็รีบมาที่โรงพยาบาล ประสานกับทางฝ่ายประกันให้ ส่งเครมรอบ 2 ได้มาอีกหมื่นกว่าเป็นค่าทำกายภาพ ส่วนต่างที่เป็นค่าห้องและรักษาตัวเป็นผู้ป่วยในไม่จ่ายให้ค่ะ เป็นเงินประมาณ หมื่นกว่าบาท ประกันให้เหตุผลว่า คุณหมอรับเราเป้นผู้ป่วยในเนื่องจากสาเหตุของการตั้งครรภ์ ซึ่งเราไม่รู้ว่าเค้าพิจารณาจากตรงในเมื่อเอกสารสรุปผลการรักษา คือ หกล้มก้นกระแทกพื้น ขยับตัวลำบาก มันไม่เกี่ยวกับการตั้งครรภ์นะ แค่คนท้องล้ม ไม่ได้ไปทำแท้งมา แล้วการรักษาก็ไม่ได้เกี่ยวกับการตั้งครรภ์เลย ตลอด 3 วันที่หมอสูติมาดูเรา ค่าหมอเราก็จ่ายเอง ซึ่งให้ทางโรงพยาบาลแยกค่าใช้จ่ายออกมาแล้ว หมอก็เขียนในใบเครมนะว่า Xray ไม่ได้ เพราะท้อง ยาก็จำกัด มันเลยดูว่าเหตุผลมันอ่อนที่เราต้องรักษาตัวในโรงพยาบาล แบบนี้คือถ้าจะเบิกประกันให้ง่ายๆ ต้องให้หมออัดยาเยอะๆ xray ทำทุกอย่างเพื่อให้ดูว่าเป็นเยอะเหรอ นี่เราก็เป็นเยอะนะ เดินไม่ได้ เจ็บมาก แต่ต้องอดทนไง เพื่อลูก และมันมีข้อจำกัดด้านการรักษา แบบนี้เราจะมั่นใจได้ยังไงว่าถ้าหากเราเจ็บป่วยขณะตั้งครรภ์เราจะได้รับการคุ้มครองจากประกันที่เรามีอยู่ สู้เก็บเก็บเงินที่จ่ายค่าเบี้ยประกันเอาไว้สำรองจ่ายเองเมื่อเจ้บป่วยดีกว่ามั้ยค่ะ
ทั้งหมดที่เกิดขึ้นเรารู้สึกว่าเราไม่ได้รับความเป้นธรรมจากบริษัท กรุงไทยแอกซ่า เราหมดความเชื่อใจ มั่นใจ เราทำประกันก็เพื่อความอุ่นใจเมื่อเจ็บป่วย แล้วนี่เราก็เกิดอุบัติเหตุจริงๆ ไม่ใช่ว่าเราอยากไปนอนโรงพยาบาลเล่นๆ เพื่อเอาเงินค่าทดแทนรายได้นะคะ ได้แค่วันละพัน มันไม่คุ้มกันค่ะ เราอยู่ที่ภูเก็ตอยู่กัน 3 คน พ่อแม่ลูก ไม่มีญาติจะทำอะไรก็ลำบาก สามีต้องไปทำงาน ลูกคนโตต้องรออยู่ที่โรงเรียนจนถึง 6 โมงเย็น กว่าพ่อจะไปรับได้ แล้วมาเจอประกันทำแบบนี้อีก
เราอยากให้เพื่อนช่วยวิเคราะห์หน่อยค่ะ ว่าเหตุการแบบนี้บริษัทประกันทำถูกต้องแล้วหรือยัง แล้วเราจะสามารถเรียกร้องความเป็นธรรม หรือร้องเรียน ไปยังหน่วยงานใหนที่เค้าสามารถช่วยเหลือเราได้บ้างคะ (จริงๆเราอยากแบบเอกสารสรุปผลการรักษาห้ดูด้วยนะคะ แต่แบบไม่ได้ค่ะ)