เชิ้ตแดงนั้นแรงฤทธิ์

แน่นอนครับว่าหลายๆท่านอาจจะคุ้นเคยกับเหล่า ทหารอังกฤษในช่วงราวๆศตวรรษที่ 18 – 19 นั้นล้วนสวมชุดสีแดงแปร๊ด ตั้งแถวเดินเรียงรายกันมาอย่างพร้อมเพรียง และมีระเบียบวินัยสูง พวกเหล่าเชิ้ตแดงนั้นต่างได้รับการยอมรับว่าเป็น 1 ในกองทหารที่แข็งแกร่งที่สุดในโลกก็ว่าได้ แต่ไฉนอนิจจาพวกเขาถึงกับมาสวมเสื้อสีแดงกันล่ะ ถ้าอยากรู้ก็ติดตามต่อเลยครับ

สำหรับเสื้อสีแดงนั้น สันนิษฐานว่าเริ่มในอังกฤษในช่วงสมัยราชวงศ์ Tudor ( ค.ศ. 1485 – 1603) โดยเหล่า Guards Yeoman ของ ควีนอลิธซาเบธที่ 1 นั้น มี Uniform เป็นชุดสีแดงสดครับ แต่ Uniform ในช่วงนั้นก็ยังคงไม่ใช้แบบที่เราคุ้นเคยกัน เพราะพวกเขานั้นยังคงแต่งตัวตามแบบ แฟชั่นยุคเรเนซองส์อยู่ ซึ่งจะยังไม่ต่างไปจากยุคกลางเท่าไหร่นัก นอกจากนี้เสื้อสีแดงนั้นยังได้รับความนิยมในหมู่ของเหล่าชนชั้นสูงอีกด้วย




The New Model Army จุดเริ่มต้นของเหล่า Red Coats

แต่ในช่วงปี ค.ศใ 1645 ซึ่งเป็นช่วงสงครามกลางเมืองอังกฤษ ซึ่งมีประเด็นขัดแย้งทั้ง ศาสนา การเมือง เยอะแยะมากมายจนหน้าปวดหัว แต่แล้วทางฝั่งก๊กรัฐสภานั้นก็ได้ออกบัญญัติ ทั้งได้ได้กำหนดว่า ทหารนั้นต้องเป็นทหารอาชีพ และ ผู้นำกองทัพก็ไม่ควรจะเข้าไปยุ่ง ประเด็นการเมืองและศาสนามากนัก ซึ่งจะทำให้พวกทหารนั้นรบได้อย่างจริงจังๆ ระบุทั้งสวัสดิการและกำลังพลอย่างชัดเจน และนอกจากนี้ยังระบุไว้ด้วยว่า “ทหารในกองทัพใหม่เหล่านี้ต้องสวมใส่เครื่องแบบสีแดง!!” โดยประกอบไปด้วยกองกำลังหลัก 22000 นาย ทหารราบ 12 กรม ทหารม้า 1 กรม และปืนใหญ่ 100 กระบอก… และเจ้ากองทัพยุคใหม่ที่ว่านี่แหละครับ ก็คือขุมกำลังหลักที่ทำให้ฝ่ายรัฐสภานั้นเอาชนะฝ่ายนิยมเจ้าได้ในที่สุด




กองกำลังยุคใหม่ สังเกตได้ว่าทุกคนสวมชุดสีแดง




ทำไมต้องสีแดง..

ในเรื่องนี้เอาจริงๆก็หาข้อสรุปแบบเด่นชัดไม่ได้ครับ แต่มันก็มีค่อนข้างหลายกรณี 1 ในนั้นคือในยุคนั้นปืนคาบศิลา หรือ ปืนนกสับ เมื่อเปิดฉากยิงใส่กันแล้วควันจะโขมงโฉงเฉงมากซึ่งจะทำให้สายตาคนนั้นเกิดพร่ามัวได้ และยิ่งทำให้เครื่องแบบเรานั้นเด่นชัดเหนือควันเหล่านี้เท่าไหร่ เราก็จะปลอดภัยจากการโจมตีโดยพวกเดียวกันเองที่สับสนได้มากขึ้น นอกจากนี้ สีแดงนั้นเป็นเสมือนสีเลือด ซึ่งเมื่อเหล่าทหารหาญนั้นเลือดออกแล้วก็จะไม่รู้สึกตกใจ หรือ เสียกำลังใจ เพราะเลือดนั้นกลมกลืนไปกับเครื่องแบบของพวกเขา นอกจากนี้มันยังราคาถูกอีกด้วย!!


Red Coats ผยองเดช

หลังจากนั้นกองทัพอังกฤษก็ใช้ Uniform สีแดงสดเรื่อยมา ถึงแม้ไอ้สีแดงเนี้ยอังกฤษจะไม่ได้จดลิขสิทธิ์เอาไว้ว่าห้ามให้ผู้อื่นใช้ ซึ่งแน่นอนว่าทหารหลายประเทศนั้นก็ใช้สีแดง ทั้ง ฝรั่งเศส สเปน และ อื่นๆ แต่ก็แค่บางหน่วยเท่านั้น ในขณะที่ของอังกฤษนั้นต้องเรียกได้ว่า แดง ทั้งกองทัพจริงๆ จนกลายเป็น Symbol ไปโดยปริยาย ถึงอาวุธและแฟชั่นต่างๆในยุโรปจะเปลี่ยนแปลงไปแต่สื่งที่ยังเด่นชัด นั้นคือ สีแดง นั้นเองครับ….โดยในสงครามปฎิวัติอเมริกา ก็ได้เกิดศัพท์ Redcoats ขึ้นมา คำว่า Redcoats หรือ เชิ้ตแดง นั้นก็ถูกใช้เป็นศัพท์แสลงหรือถ้อยคำสั้นๆ ที่เหล่า ทหารอเมริกัน ใช้เรียกทหารอังกฤษ แม้แต่จอร์จ วอชิงตัน ผู้บัญชาการกองทัพภาคพื้นทวีปและประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาคนแรกในเวลาต่อมา ก็เขียนในจดหมายขอเขา โดยใช้คำเรียกทหารอังกฤษว่าเชิ้ตแดง…. ถึงแม้ เหล่าทหารอังกฤษนั้นจะพยายามจะเรียกตัวเองให้ดูเท่ว่า ทหารขององกษัตริย์ ก็ตาม แต่ก็ไม่มีคำไหนเทียบคำว่า เชิ้ตแดง ได้หรอก และเจ้าศัพท์นี้แหละก็ทำให้เราทั้งหลายนั้นทั้งติดตาและติดปาก เมมมอรี่เข้าไปในสมองทันทีว่า ทหารอังกฤษมันต้องใส่เสื้อแดง!! …  ซึ่งเหล่า กองทัพแดงทั้งแผ่นดินและผืนน้ำของอังกฤษนั้นก็เป็นขุมกำลังหลักให้กับ จักรวรรดิอังกฤษ ไปทั่วทุกมุมโลก ไม่ว่าทหารเชิ้ตแดงจะเหยียบย่างไปที่ใด แผ่นดินจะสะเทือนลั่นไปด้วยเสียงฝีเท้านับหมื่น และเพลงมาร์ช British Grenadier อันฮึกเหิม ข้าศึกของพวกเขาก็จะตระหนักได้เลยว่า พวกเขาคิดผิดแล้ว…เพราะสิ่งที่อยู่ตรงหน้าพวกเขานั้นคือกองทัพที่มีประสิทธิภาพที่สุดในโลก…. โดยเจ้ากองทัพเสื้อแดงนี่ก็ได้ไปสยบกองทัพอันเกรียงไกรของ จักรพรรดินโปเลียน ซึ่งขึ้นชื่อว่าเป็นเทพเจ้าสงครามแห่งยุค ได้อย่างอยู่หมัดใน Waterloo และยังไปตบเกรียน จักรวรรดิคองบอง (พม่า) ซึ่งปราบมาได้ทั้ง สยาม , จีน , ยะไข่ ก็ต้องมาตกม้าตายแพ้ราบคาบจนแทบสิ้นชาติเมื่อเจอเหล่าเชิ้ตแดง (ปฎิเสธไม่ได้ว่า ทหารที่รบในทั้ง 2 สงครามนั้นไม่ใช่ ทหารอังกฤษ ทั้งหมด แต่ก็ถือเป็นกำลังส่วนใหญ่)




กองทหารอังกฤษในสมรภูมิ Waterloo



จนในช่วง ศตวรรษที่ 19 เป็นต้นมา อังกฤษกลายเป็น Number 1 ของโลก จนกล่าวได้ว่าเป็น  จักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน ซึ่งความดีความชอบส่วนหนึ่งนั้นก็ต้องยกให้กับ เหล่ากองทัพเชิ้ตแดงอันเกรียงไกรนั้นเองครับ


อวสานเชิ้ตแดง

คำว่า อวสาน เชิ้ตแดงในที่นี่มันไม่ได้หมายถึงว่า เหล่ากองทัพอังกฤษนั้นถูกทำลายละลายทั้งกองทัพแต่เป็นอย่างใด แต่พวกเขานั้นหันมาสวมเครื่องแบบสีอื่นแทนสีแดงตะหาก!! เนื่องด้วยอาวุธที่ทันสมัยขึ้นการถือกำเนิดปืนระบบลูกเลื่อนและปืนกลในช่วงกลางคริสตวรรษที่ 19 และ ดินปืนไร้ควันซึ่งทำให้ควันจากการยิงนั้นไม่โขมงโฉงเฉงแบบแต่ก่อน ทำให้การใส่ชุดสีแดงสดในสมรภูมินั้นดูเหมือนจะเป็นการฆ่าตัวตายซะมากกว่า โดยการรบครั้งสุดท้ายที่เหล่าทหารอังกฤษนั้นได้สวมชุดสีแดงสดนั้นคือการรบเมื่อ ค.ศ . 1885 ใน สมรภูมิ Gennis ที่ ซูดาน ระหว่างเผ่าซูดานและกองทัพอังกฤษ ซึ่งผลคือกองทัพอังกฤษนั้นได้รับชัยชนะไปตามฟอร์ม แต่หลังจากศึกนั้นกองทัพอังกฤษก็หันมาใส่ชุด สีกากี แทน เสื้อสีแดง และเสื้อสีกากีนี้ก็ได้เป็นเครื่องแบบอย่างทางการในปี ค.ศ. 1902


เสื้อเชิ้ตสีแดงกับกองทัพในปัจจุบัน

แม้จะไม่ได้สวมใส่มันในขณะรับเช่นอดีต แต่เครื่องแบบอย่างเป็นทางการของเหล่ากองทัพอังกฤษนั้นยังคงเป็นสีแดงอยู่ดี และ พวกเขามักจะใส่มันในการเดินพาเหรด นอกจากนี้มันยังเป็นเครื่องแบบของเหล่าองค์รักษ์ Coldstream Guards ที่ยืนนิ่งเป็นหินเฝ้ายามตามพระราชวังอย่างที่พวกเราทราบกันในทุกวันนี้ รวมถึงในหลายๆประเทศต่างก็ยังคงใช้เครื่องแบบสีแดงเป็น เครื่องแบบพิธีการอันทรงเกียรติเช่น วงดุริยางศ์นาวิกโยธิน ของ สหรัฐอเมริกา หน่วยนาวิกโยธินบราซิล รวมถึงเครื่องแบบทหารหมาดเล็กองครักษ์ราชวัลลภ เหล่าทหารบกของกองทัพไทย อีกด้วย



ทหารหมาดเล็กองครักษ์ราชวัลลภ



จะเห็นได้ว่าแม้จะไม่มีเหล่าทหารเชิ้ตแดงที่เป็นกำลังรบจริงๆเช่นในอดีต แต่มรดกและตำนานของพวกเขานั้นก็ยังได้รับการเล่าขานและถ่ายทอดสืบต่อกันมาจนถึงปัจจุบัน จนสีแดงของพวกเขานั้นกลายเป็นเอกลักษณ์ที่ขาดไม่ได้เสียแล้ว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่