ตอนนี้กระแสลาออกจากงานเพื่อมาเป็นนายตัวเองหายไปจากสังคมเราแล้วป่ะครับ ???

วันก่อนเดินผ่านร้านหนังสือแล้วเห็นหนังสือปลุกใจเรื่องการเป็นลูกจ้างเล่มนึงขึ้นอันดับ1เลย
เลยนึกเล่นๆขึ้นมาในใจว่าคุ้นๆว่า3-4ปีที่แล้วหนังสือขายดีที่ขึ้นTop10ตามร้านหนังสือต่างๆนี่จะประมาณพวกหนังสือปลุกใจลาออกมาทำงานของตัวเอง เป็นนายตัวเองอะไรพวกนี้นี่นา ตอนนี้หนังสือแนวๆลาออกมาเป็นนายตัวเองก็แทบจะไม่เห็นแล้วด้วยนะครับ 555

เพื่อนๆหลายคนก็มีออกจากงานประจำมาทำธุรกิจตัวเอง บางคนก็ไปรอด บางคนก็เลิกกลับไปทำงานประจำเหมือนเดิมแล้ว
เหมือนกระแสตอนนี้จะหายไปเลยมั้ยอ่ะครับ แทบจะไม่เห็นคนพูดถึงละ

สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 3
เท่าที่ผมเจอ คือถ้าเบื่องานประจำแล้วลาออกไปลองทำอะไรเอง ส่วนใหญ่ไม่รอดครับ  แต่ถ้าทำงานประจำแล้วในช่วงที่ทำงานเค้าได้เอาความรู้ในที่ทำงานไปต่อยอดรับงานอื่นในช่วงวันหยุดหรือตอนเย็น  พอชำนาญแล้วค่อยลาออก พวกนี้มักจะไปรอดครับ
ความคิดเห็นที่ 13
สมัยเมื่อ30ปีก่อนกระแสการทำธุรกิจส่วนตัวแรงมากเพราะตอนนั้นเศรษฐกิจดีมาก(พศ.2530-2540) ตอนนั้นผมยังเรียนปริญญาตรีอยู่เลยประมาณว่าใครที่บ้านมีกิจการส่วนตัวจะได้รับความสนใจจากสาวๆแม้ว่าหน้ตาจะเห่ยๆยังไงก็ตามแค่พูดคำว่า"ผมช่วยงานที่บ้านครับ"และมีรถส่วนตัวขับเท่านี้ผู้หญิงก็ใจให้ไปครึ่งหนึงแล้ว หนังสือเกี่ยวกับพวกการบริหารธุรกิจต่างๆขายดีมากหลายเล่มเป็นหนังสือแนะนำ นักธุรกิจร้อยล้านพันล้านสมัยนั้นเป็นเหมือนเทวดาในวงสังคมไทยพวกนางงามเวลาถูกสำภาษณ์ถึงชายในสเปกก็จะตอบเหมือนๆกันว่า"ชอบนักธุรกิจค่ะ" คนที่รับราชการหรือทำงานเป็นลูกจ้างจะถูกมองแบบโดนดูถูกนิดๆ
                             หลังจากเศรษฐกิจล้มละลายปีพศ.2540กระแสการทำธุรกิจส่วนตัวลดลงเพราะธุรกิจล้มละลายมากมาย คนเริ่มกลับมาคิดถึงงานที่มีความมั่นคง การรับราชการเริ่มกลับมาให้ความสนใจอีกครั้ง การทำธุรกิจสมัยนี้ไม่ง่ายเพราะเศรษฐกิจถดถอยและการเข้ามากินรวบของกลุ่มทุนใหญ่ สมันก่อนเพื่อนผมบอกว่าทำรายได้เดือนละแสนเป็นเรื่ิองง่ายแต่ตอนนี้จะได้ซัก2-3หมื่นยังยากเลย
                             สมัยหนุ่มๆผมก็ทำงานประจำแค่1-2ปีเองก็มาเป็นพนักงานขายเพราะหวังว่าจะมีรายได้มาทำธุรกิจส่วนตัวเหมือนกัน แต่พอปี2540ผมเริ่มเปลี่ยนความคิดและกลายมาเป็นนักลงทุนในตลาดอนุพันธ์ จริงอยู่มันมีความเสี่ยงสูง แต่ผมคิดว่ามันก็ยังดีกว่าการทำธุรกิจส่วนตัวเพราะเวลาเราไม่มั่นใจเราหยุดลงทุนได้แต่ถ้าเราเป็นเจ้าของกิจการเราหยุดแต่ค่าใช้จ่ายไม่หยุดตามและการหยุดทำธุรกิจของเรามันมีผลกระทบกับปากท้องของลูกจ้างของเรา เราไม่สามารถปฏิเสธความรับผิดชอบของเราในฐานะนายจ้างได้ แต่การเป็นนักลงทุนมีแค่คอมตัวเดียวก็ลงทุนได้ทั่วโลกและพร้อมจะเปลี่ยนรูปแบบการลงทุนเป็นรูปแบบอื่นได้ในทันทีไม่ว่าจะหุ้น ตลาดอนุพันธ์ ทองคำ สินค้าโภคภัทณ์ ตราสารหนี้ฯลฯซึ่งต่างจากการทำธุรกิจที่การจะเปลี่ยนจากธุรกิจหนึงเป็นแบบอื่นต้องถือว่าเป็นเรื่องใหญ่
                             สรุปว่าสมัยนี้ใครจะทำธุรกิจก็คงต้องคิดมากๆหน่อยครับเพราะมันไม่ใช่ยุคทองของการทำธุรกิจส่วนตัวเหมือนเมื่อ20-30ปีก่อนแล้วครับ
ความคิดเห็นที่ 78
นักลงทุนที่แท้จริงจะชอบที่มีงานประจำมาก เพราะได้เงินแน่นอนตายตัว เอาการลงทุนแยกเป็นอีกส่วน

คิดง่ายๆ เงินเดือน กับ เงินลงทุน คำก็คนละคำ คนละความหมาย จะรวมกันได้ต้องใช้ความสามารถสูงมาก

ดังนั้นจะกำไรคริปโต หุ้น ขายของ ก็ให้เป็นรายได้เสริม เอาเงินเดือนเป็นรายได้หลักดีกว่า
ความคิดเห็นที่ 1
โลกมันไม่สวยไงครับ
คนหนุ่มสาว ฮึกเหิม จะรวย
ออกไปทำเอง ส่วนใหญ่ไม่รอด
เพราะธุรกิจที่ตัวเองคิด มันยืนยาวไม่ได้
ผมยังเชื่อว่า ไม่ใช่ทุกคนที่จะเหมาะกับการทำธุรกิจ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่