จบไปแล้วละครเรื่อง ชายไม่จริงหญิงแท้ ที่ทำให้ผมกลับมาดูละครอีกครั้งในรอบหลายปี เพราะพื้นฐานที่ชอบนักแสดงและ ผกก. ที่มาจากสายหนังเป็นหลักอย่าง เต๋อ ใหม่ และก้องเกียรติ์ น่าจะทำให้ละครมีอะไรมากกว่าละครที่เราเคยดู และก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ
สำหรับเวอร์ชั่นเดิมผมก็ชอบนะ มีความสดใหม่ในยุคนั้นกับพล็อตแบบนี้ แต่กับเวอร์ชั่นนี้ ที่มีการใส่ความสมจริงด้านเหตุผลเข้าไป ยิ่งทำให้ผมอินมากขึ้น ผมชอบละครที่ชัดเจนในการสื่อสาร และการสื่อสารของเรื่องนี้มันได้ผลครับ
1. การเล่นกับอารมณ์คนดู ใส่ความฮาสุดๆ ยิ่งกว่าเวอร์เก่า ไปจนถึงน้ำตาร่วงสุดๆ มีอยู่ในหนังเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อจริงๆ ฉากที่ฮาก็ลดระดับความสมจริงลงจนเวอร์ไปเลย แต่ฉากที่จะดราม่าก็บิ้วกันสุดๆไปเลยเช่นกัน ซึ่งเป็นความเก่งอย่างน่ายกย่องมากครับ สำหรับคนเขียนบท
2. การแสดงผมขอยกให้สามคนเลยครับ หนึ่งคือใหม่ ดาวิกา เธอฮา เธอเสียสติ เธอเรียกน้ำตา นั่นสั่งได้จริงๆ แต่ผมอยากให้เครดิตกับอีกสองคนคือ ยิปซี และเบน ยิปซีเล่นได้จนคนต้องเรียก E ทั่วโซเชียล การแสดงที่นิ่ง แต่มันล้นออกมาจากข้างใน มันสุดยอดจริงๆ ส่วนเบนแสดงได้ดีจนผมคิดว่า เค้าชื่อเจ๊เคน ไม่ใช่เบน สามบทนี้ผมยกให้เป็นตัวชูโรงเลยครับ
3. ตัวประกอบของเรื่องทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่มีมากมาย แต่กลับเกลี่ยบทได้ดีมาก แถมทำให้ทุกคนได้แสดงบทบาทเต็มที่ ช่วยสร้างสีสันให้กับละครได้อย่างมาก
4. ข้อคิดที่ดีในหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดครับ นี่ถือเป็นละครไทยเรื่องแรกเลยมั๊งครับ ที่ผมว่า นำเรื่อง Social Cyberbullying มาขยี้ได้อย่างตรงจุด ตรงใจคนยุคนี้จริงๆ ยุคที่เราตัดสินใครสักคนเพียงแค่ภาพนิ่งที่เราเห็น คำนินทาที่เราได้ยิน ความคิดเห็นจากคนใจร้ายบางคน ประเด็นของการให้โอกาสก็น่าสนใจมากครับ ไม่รู้จะอธิบายประเด็นนี้ยังไง แต่ผมว่ามันเรียลมากๆ น่าแปลกนะครับที่ความเรียลนี้ มาอยู่บนหนังโทนตลกเช่นนี้
5. คำสารภาพของนางเอก เป็นตัวอย่างที่ดีในการอยู่ในสังคมนะครับ แม้เราจะมีเหตุผลมากมายร้อยแปดที่อยากจะอธิบาย แต่ถ้าคนนับล้านนั้นเค้าไม่อยากฟัง ก็ไม่ต้องพยายามพูดเลยจะดีกว่า ปล่อยให้เวลา โชคชะตา ความสำนึก ความดีที่ยังเหลืออยู่ ช่วยเยียวยา เพราะยังไงโลกก็ยังหมุนอยู่ดีไม่ว่ามันจะยังไง เราก็ต้องยอมรับมันและใช้ชีวิตมันต่อไป
ของดี ที่ซ่อนอยู่ใน "ชายไม่จริงหญิงแท้"
สำหรับเวอร์ชั่นเดิมผมก็ชอบนะ มีความสดใหม่ในยุคนั้นกับพล็อตแบบนี้ แต่กับเวอร์ชั่นนี้ ที่มีการใส่ความสมจริงด้านเหตุผลเข้าไป ยิ่งทำให้ผมอินมากขึ้น ผมชอบละครที่ชัดเจนในการสื่อสาร และการสื่อสารของเรื่องนี้มันได้ผลครับ
1. การเล่นกับอารมณ์คนดู ใส่ความฮาสุดๆ ยิ่งกว่าเวอร์เก่า ไปจนถึงน้ำตาร่วงสุดๆ มีอยู่ในหนังเรื่องนี้ไม่น่าเชื่อจริงๆ ฉากที่ฮาก็ลดระดับความสมจริงลงจนเวอร์ไปเลย แต่ฉากที่จะดราม่าก็บิ้วกันสุดๆไปเลยเช่นกัน ซึ่งเป็นความเก่งอย่างน่ายกย่องมากครับ สำหรับคนเขียนบท
2. การแสดงผมขอยกให้สามคนเลยครับ หนึ่งคือใหม่ ดาวิกา เธอฮา เธอเสียสติ เธอเรียกน้ำตา นั่นสั่งได้จริงๆ แต่ผมอยากให้เครดิตกับอีกสองคนคือ ยิปซี และเบน ยิปซีเล่นได้จนคนต้องเรียก E ทั่วโซเชียล การแสดงที่นิ่ง แต่มันล้นออกมาจากข้างใน มันสุดยอดจริงๆ ส่วนเบนแสดงได้ดีจนผมคิดว่า เค้าชื่อเจ๊เคน ไม่ใช่เบน สามบทนี้ผมยกให้เป็นตัวชูโรงเลยครับ
3. ตัวประกอบของเรื่องทั้งหมด ทั้งสิ้น ที่มีมากมาย แต่กลับเกลี่ยบทได้ดีมาก แถมทำให้ทุกคนได้แสดงบทบาทเต็มที่ ช่วยสร้างสีสันให้กับละครได้อย่างมาก
4. ข้อคิดที่ดีในหนังเรื่องนี้ ผมคิดว่าเป็นสิ่งที่น่าสนใจที่สุดครับ นี่ถือเป็นละครไทยเรื่องแรกเลยมั๊งครับ ที่ผมว่า นำเรื่อง Social Cyberbullying มาขยี้ได้อย่างตรงจุด ตรงใจคนยุคนี้จริงๆ ยุคที่เราตัดสินใครสักคนเพียงแค่ภาพนิ่งที่เราเห็น คำนินทาที่เราได้ยิน ความคิดเห็นจากคนใจร้ายบางคน ประเด็นของการให้โอกาสก็น่าสนใจมากครับ ไม่รู้จะอธิบายประเด็นนี้ยังไง แต่ผมว่ามันเรียลมากๆ น่าแปลกนะครับที่ความเรียลนี้ มาอยู่บนหนังโทนตลกเช่นนี้
5. คำสารภาพของนางเอก เป็นตัวอย่างที่ดีในการอยู่ในสังคมนะครับ แม้เราจะมีเหตุผลมากมายร้อยแปดที่อยากจะอธิบาย แต่ถ้าคนนับล้านนั้นเค้าไม่อยากฟัง ก็ไม่ต้องพยายามพูดเลยจะดีกว่า ปล่อยให้เวลา โชคชะตา ความสำนึก ความดีที่ยังเหลืออยู่ ช่วยเยียวยา เพราะยังไงโลกก็ยังหมุนอยู่ดีไม่ว่ามันจะยังไง เราก็ต้องยอมรับมันและใช้ชีวิตมันต่อไป