ดิฉันมีลูก 2คน เรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกัน แห่งหนึ่งในต่างจังหวัดทางภาคอีสาน โดยลูกได้ทำสัญญาเช่ากลับทางหอพักในวันที่1กค2560 เป็นเวลา12เดือน เป็นห้องใหญ่ ราคาเดือนละ 8500บาท โดยมีเงินมัดจำ12000บาท และจ่ายค่าเช่าล่วงหน้า ค่าน้ำ7หน่วย 150บาท ค่าไฟฟ้า หน่วยละ 8บาท หากต้องการย้ายออกให้แจ้งล่วงหน้า1เดือน โดยอยู่มาประมาณแล้วห้าเดือน แต่เนื่องจาก พี่คนโตต้องไปฝึกงานต่างจังหวัด ลูกจึงได้แจ้งทางหอพักในเดือนพฤศจิกายน ว่าจะขอเปลี่ยนห้อง เป็นห้องเล็กซึ่งมีราคาถูกกว่าโดยจะเริ่มในเดือน ม.ค.จะได้หรือไม่ หากไม่ได้จะแจ้งย้ายออก ทางหอรับปากว่าจะเปลี่ยนห้องให้ พอในเดือน ธ. ค. ลูกได้มีการทวงถาม เจ้าของก็เพียงแต่ว่าจะเปลี่ยนให้ แต่ตอนนี้อยู่ห้องเดิมไปก่อน ดิฉันจึงได้โทรถามในวันที่19 ธ.ค. ว่าตกลงจะเปลี่ยนห้องเล็กให้หรือไม่เนื่องจากลูกอยู่คนเดียวห้องใหญ่ค่าเช่าแพงเกินไป หากไม่เปลี่ยนจะแจ้งย้ายออก ทางเจ้าของหอพักแจ้งว่าไม่มีห้องว่างให้อยู่ห้องเดิมไปก่อน แต่จะลดค่าเช่าให้ เนื่องจากอยู่คนเดียวเป็นเดือนละ5000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าต้องอยู่คนเดียวเท่านั้น ซึ่งดิฉันก็ตกลงตามนั้น หลังจากนั้นนช่วงปีใหม่ลูกกลับบ้านเอาบิลค่าห้องที่ต้องจ่าย ในเดือน ม.ค. 61 มาให้ ซึ่งเป็นราคาเต็ม ไม่ได้ลดเป็น5000บาทตามที่ตกลง ดิฉันโทรถามในวันที่ 4 ม.ค.61 ว่าที่ตกลงว่าจะลดค่าห้องให้โดยเริ่มในเดือน ม.ค. ทำไมในใบแจ้งจึงเป็นราคาเดิม กลายเป็นว่าเจ้าของหอไม่ยอมลด และบอกว่าต้องจ่ายตามเดิมเพราะในสัญญา ทำไว้12เดือนหากผิดสัญญา จะยึดเงินมัดจำและต้องจ่ายค่าค่าเสียหายรวมถึงค่าเช่าห้องของเดือน ม.ค.61 โดยในการติดต่อกลับทางเจ้าของหอพักเป็นการโทรติดต่อทางโทรศัพท์ อยากขอคำแนะนำ เนื่องจากลูกได้ย้ายออกในวันที่10 ม.ค.61 และแจ้งทางหอพักว่าย้ายออกโดยทางหอพักไม่ยอมให้นำทรัพย์สินที่อยู่ในห้องออก และแจ้งความว่าทางลูกผิดสัญญา ไม่แจ้งย้ายออกล่วงหน้า1เดือน บังคับให้จ่ายค่าเช่าของเดือน ม.ค. จึงจะยินยอมให้นำทรัพย์สินภายในห้องออกได้ รวมถึงยึดเงินประกันด้วย
ยกเลิกสัญญาหอพัก